|
|
|
|
|
ทัวร์ฝรั่งเศสรหัส : A03405
เดินทางโดย : EY-เอทิฮัด แอร์เวย์
โรงแรม :
|
จำนวนวัน :
8 วัน 5 คืน
CLASSIC EUROPE VI FRANCE SWITZERLAND ITALY 8วัน5คืน JAN-APR 23
เยือนเมืองอันทรงเสน่ห์ไปกับ 3 ประเทศในยุโรป ฝรั่งเศส เช็คอินแลนด์มาร์คกับ หอไอเฟล และ พิพิธภัณฑ์ลูฟร์ ล่องเรือแม่น้ำแซนสุดแสนโรแมนติก ช้อปปิ้งห้างชั้นนำของปารีส สวิส นั่งกระเช้าโรแตร์ พิชิตยอดเขาทิตลิส ช้อปปิ้งเมืองซุก เที่ยวเมืองลูเซิร์น เช็คอิน สิงโตหินแกะสลัก และ สะพานไม้ชาเปล อิตาลี เมืองมิลาน และ ทะเลสาบโคโม่ ทะเลสาบที่สวยที่สุดในโลก
เดินทาง :
รายการนี้ยังไม่มีพีเรียดเดินทาง Download PDF
วันที่หนึ่ง กรุงเทพฯ - ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ 18.00 น. พร้อมกัน ณ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ อาคารผู้โดยสารระหว่างประเทศขาออกชั้น 4 ประตู 4 เคาน์เตอร์ J สายการบิน สายการบินเอทิฮัด แอร์เวย์ โดยมีเจ้าหน้าที่บริษัทฯคอยต้อนรับและอำนวยความสะดวกด้านเอกสาร ออกบัตรที่นั่ง โหลดสัมภาระ วันที่สอง ท่าอากาศยานนานาชาติอาบูดาบี แวะเปลี่ยนเครื่อง - ท่าอากาศยานนานาชาติปารีส ชาร์ล เดอ โกล - เมืองปารีส - นั่งรถกระเช้าไฟฟ้ามงต์มาตร์ - ซาเคร-เกอร์ บาซิลิก้า – หอไอเฟล - ล่องเรือชมแม่น้ำแซน โดย บาโต มูช - พิพิธภัณฑ์ลูฟร์ -ห้างปลอดภาษี Benlux Louvre duty free- ห้าง La Samaritaine - ห้างแกลเลอรี่ ลาฟาแยตต์ 00.30 น. เดินทางถึง ท่าอากาศยานนานาชาติอาบูดาบี แวะพักเปลี่ยนเครื่อง จากนั้นทุกท่านไปเปิดประสบการณ์ นั่งรถกระเช้าไฟฟ้า Funicular Montmartre เปิดให้บริการเมื่อช่วงฤดูร้อนปี 1990 ได้มีการสร้างและปรับปรุงใหม่อย่างสม่ำเสมอจนถึงปัจจุบัน ปัจจุบันกระเช้าไฟฟ้าเป็นรถไฟฟ้าและขนส่งผู้โดยสารได้กว่า 2 ล้านคนต่อปี การเดินทางใช้เวลา 90 วินาทีและเป็นไปโดยอัตโนมัติ จากนั้นพาทุกท่านไปที่ มหาวิหารซาเคร-เกอร์ บาซิลิก้า (The Basilica of the Sacred Heart of Paris) สถานที่ที่ถูกขนานนามว่าเป็น “หัวใจอันศักดิ์สิทธิ์ของปารีส” จุดท่องเที่ยวยอดฮิต ตั้งอยู่บนยอดเนินเขามงต์มาตร์ (La butte Montmartre) สูงจากระดับน้ำทะเล 129 เมตร เขาแห่งเดียวในกรุงปารีส จุดชมวิวแสนสวย ท่านจะได้เห็นวิวมุมสูงที่สุดอันดับสองรองจากหอไอเฟล แต่มีความโดดเด่นสำคัญคือคุณจะได้เห็นหอไอเฟลตั้งอยู่กลางเมืองถ้ามองจากจุดนี้ เป็นวิวแสนโรแมนติกจับใจทั้งกลางวันและกลางคืน มหาวิหาร Sacré-Coeur เป็นวิหารในคริสตจักรโรมันคาทอลิก ถูกออกแบบโดย โปล อาบาดี (Paul Abadie) สถาปนิกที่ถูกคัดเลือกจากสถาปนิกทั้งหมด 77 รายเริ่มก่อสร้างปี ค.ศ. 1875 และเสร็จสิ้นลงในปี ค.ศ.1914 ใช้ระยะเวลาก่อสร้างเกือบ 40 ปี เที่ยง รับประทานอาหารเที่ยง (มื้อที่1) ล่องเรือชมแม่น้ำแซน โดย บาโต มูช (Bateaux-Mouches) รอบละประมาณ 1 ชม. มีการบรรยายเกี่ยวกับประวัติเมืองปารีสตลอดทั้งการเดินทางระหว่างสองข้างทางที่เต็มไปด้วยสถาปัตยกรรมต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น มหาวิหารน็อทร์-ดาม, หอไอเฟล พิพิธภัณฑ์ลูฟร์ จากนั้นเยี่ยมชมด้านนอกและเก็บภาพความประทับใจกับ พิพิธภัณฑ์ลูฟร์ (Louvre Museum) เป็นพิพิธภัณฑ์ที่มีชื่อเสียงโด่งดังที่สุดของเมืองปารีส จากผลงานที่จัดแสดงไปจนถึงความเก่าแก่และยิ่งใหญ่ของสถานที่ทำให้เป็นพิพิธภัณฑ์ที่มีความสำคัญระดับโลก ก่อตั้งขึ้นโดยพระเจ้าฟิลิปที่ 2 ก่อนที่จะถูกขยายให้เป็นพระราชวังหลวง ในปัจจุบันพิพิธภัณฑ์ลูฟร์ (Louvre Museum) เป็นสถานที่เก็บรักษาผลงานศิลปะที่ทรงคุณค่าไว้มากกว่า 400,000 ชิ้น แต่นำมาจัดแสดงให้ชมเพียง 40,000 ชิ้นเท่านั้น ซึ้งแน่นอนว่าผลงานศิลปะเหล่านี้ถูกเล่าต่อกันมาว่าเป็นสมบัติจากการที่ฝรั่งเศสนำมาจากประเทศที่ตนชนะสงคราม จากนั้นพาทุกท่านไปอิสระช้อปปิ้งที่ ห้างปลอดภาษี Benlux Louvre duty free เป็นห้างชื่อดังใจกลางกรุงปารีส ซึ่งคุณจะได้พบกับสินค้าแบรนด์ชั้นนำต่างๆจากทั่วโลก ในราคาที่ไม่แพงและบรรยากาศที่หรูหราตระการตา ที่ดีเด่นต่อนักท่องเที่ยวไทย เพราะมีพนักงานและข้อความภาษาไทยในห้างนี้ด้วย ห้าง La Samaritaine เป็นห้างสรรพสินค้า ขนาดใหญ่ ในกรุงปารีส เริ่มต้นจากร้านเสื้อผ้าเล็กๆ และขยายไปสู่สิ่งที่กลายเป็นชุดของอาคารห้างสรรพสินค้าที่มีแผนกต่างๆ ทั้งหมด 90 แผนก เป็นสมาชิกสมาคมห้างสรรพสินค้านานาชาติตั้งแต่ปี 2528 ถึง 2535 ห้างแกลเลอรี่ ลาฟาแยตต์ (Galleries Lafayette) เป็นห้างหรูที่มีชื่อเสียงมากที่สุดแห่งหนึ่งของปารีส ภายในอาคารที่มีสถาปัตยกรรมที่สวยงาม เปิดให้บริการครั้งแรกในปี ค.ศ.1912 เดิมทีก่อนที่จะมาเป็นห้างสรรพสินค้าแฟชั่นชั้นนำของโลกอย่างทุกวันนี้แต่ก่อนเป็นแค่ร้านขายเสื้อผ้าเล็กๆ ที่หัวมุมถนน Lafayette แต่ภายหลังไม่นานได้มีการขยับขยายพื้นที่เพื่อให้เพียงพอต่อจำนวนพนักงานและลูกค้าที่มาจับจ่ายใช้สอย มีบันทึกว่าเป็นปีที่มียอดขายสูงสุด ซึ่งในปัจจุบันมีสาขาแบ่งอยู่ตามเมืองใหญ่ๆทั้งในประเทศและนอกประเทศ รวมแล้วทั้งหมด 61 แห่ง เย็น รับประทานอาหารเย็น (มื้อที่2) วันที่สาม เมืองปารีส - เอาท์เล็ท ลาวัลเล่ – เมืองดีจอง –โบสถ์เซนต์มิเชล - โบสถ์แซ็ง-เบนีญ - วังดยุกแห่งเบอร์กันดี – พิพิธภัณฑ์ศิลปะประจำเมือง เช้า รับประทานอาหารเช้า ณ โรงแรม (มื้อที่3) จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ เมืองดีจอง (Dijon) (ระยะทาง 332 ก.ม./ 4 ชม. 30 นาที) เป็นเมืองที่มีชื่อเสียงในเรื่องของไวน์ชั้นเลิศ และยังเป็นเมืองหลวงของแคว้นเบอร์กันดี (Burgundy region เป็นเมืองหลวงที่มีความสำคัญด้านประวัติศาสตร์ของแคว้นเบอร์กันดีและฝรั่งเศสเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะประวัติศาสตร์อันเก่าแก่ในเรื่องของการผลิตไวน์ นอกจากวัฒนธรรมเกี่ยวกับไวน์และการปลูกองุ่นแล้ว เมืองดีจองยังเป็นอีกเมืองที่มีความเกี่ยวพันกับคริสต์ศาสนาเป็นอย่างมาก พาทุกท่านแวะไปถ่ายภาพกับ โบสถ์เซนต์มิเชล (St. Michel church) ตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกของวังดยุคแห่งเบอร์กันดี เป็นโบสถ์ทคริสต์ที่มีความงดงามมากแห่งหนึ่ง โดยตัวโบสถ์ถูกสร้างขึ้นในช่วงศตวรรษที่ 15 ถึงศตวรรษ 17 และไปชมโบสถ์ที่มีความสวยงามอีกแห่ง นำท่านไปชมโบสถ์ที่มีความสวยงามอีกแห่ง คือ โบสถ์แซ็ง-เบนีญ (Cathédrale St. Bénigne) โบสถ์ตริสต์นิกายโรมันคาทอลิกที่สร้างขึ้นในแบบโกธิค โดยที่ใต้ถุนโบสถ์ถูกใช้เป็นที่ฝังศพ จากนั้นพาท่านชมด้านนอก พาท่านเดินชมสถาปัตยกรรมอันสวยงามของเมือง วังดยุกแห่งเบอร์กันดี (The Ducal Palace) วังของขุนนางชั้นสูงที่มีรูปแบบอาคารที่สวยงาม และถือว่าเป็นจุดหมายปลายทางที่สำคัญของนักท่องเที่ยวที่เดินทางมาเยือนเมืองดีจอง โดยวังแห่งนี้ได้สร้างขึ้นในแบบสไตล์คลาสสิก ถูกสร้างขึ้นในช่วงศตวรรษ 17 ถึง ศตวรรษ18 ถือว่าเป็นพิพิธภัณฑ์ที่มีศิลปะในการก่อสร้างที่ยอดเยี่ยม และถือว่าเป็นสมบัติล้ำค่าที่มีความสำคัญของประเทศอีกแห่งก็ว่าได้ นำท่านชม พิพิธภัณฑ์ศิลปะประจำเมือง (The Musée des Beaux-Arts ) บริเวณด้านนอก ซึ่งอยู่ในบริเวณเดียวกันกับวังดยุคแห่งเบอร์กันดี ภายในจะมีการจัดแสดงนิทรรศการของศิลปะยุคกลาง และชั้นบนจะมีภาพวาดจัดแสดงจำนวนมาก ซึ่งผลงานส่วนใหญ่จะเป็นผลงานภาพวาดของจิตรกรเฟลมิช และศิลปินที่มีเสียงในท้องถิ่น วันที่สี่ เมืองกอลมาร์ - Little Venice - Krutenau - เมืองซุก สวิตเซอร์แลนด์ - Lohri AG Store – เมืองลูเซิร์น - สิงโตหินแกะสลัก - สะพานไม้ชาเปล - Schwanenplatz เช้า รับประทานอาหารเช้า ณ โรงแรม (มื้อที่5) เที่ยง รับประทานอาหารเที่ยง (มื้อที่6) อิสระช้อปปิ้งที่ Lohri AG Store ทีมีนาฬิกาชั้นนำระดับโลกให้ท่านเลือกซื้อเลือกชมอาทิ เช่น Patek Philippe, Franck Muller Cartier , Piaget, Parmigiani Fleurier, Panerai, IWC , Omega, Jaeger-LeCoultre, Blancpain, Tag Heuer ฯลฯ Interlaken และเดินทางสู่ เมืองลูเซิร์น (Lucerne) (ระยะทาง 31 ก.ม./30 นาที) เมืองท่องเที่ยวยอดนิยมอันดับหนึ่งของสวิตเซอร์แลนด์ ที่ถูกห้อมล้อมไปด้วยทะเลสาบ และจากนั้นนำท่านชม สิงโตหินแกะสลัก (Dying Lion of Lucerne) ที่แกะสลักบนผาหินธรรมชาติ เพื่อเป็นอนุสรณ์รำลึกถึงการสละชีพอย่างกล้าหาญของทหารสวิสฯที่เกิดจากการปฏิวัติในฝรั่งเศสเมื่อปี ค.ศ.1792 ชม สะพานไม้ชาเปล (Chapel Bridge) ซึ่งมีความยาวถึง 204 เมตร ทอดข้ามผ่าน แม่น้ำรอยส์ (Reuss River) อันงดงามซึ่งเป็นเหมือนสัญลักษณ์ของเมืองลูเซิร์นเป็นสะพานไม้ที่มีหลังคาที่เก่าแก่ที่สุดในยุโรป สร้างขึ้นเมื่อปี ค.ศ.1333 โดยใต้หลังคาคลุมสะพานมีภาพวาดประวัติศาสตร์ของชาวสวิสตลอดทาง อิสระเดินเล่นที่ Schwanenplatz ที่นี่เป็นแหล่งช้อปปิ้งหลักสำหรับนักท่องเที่ยวที่มาเยือนลูเซิร์น ตั้งอยู่ริมฝั่งขวาของทะเลสาบลูเซิร์น มีร้านค้ามากมายที่นี่ ร้านกาแฟ ร้านอาหาร มีโรงงานนาฬิกาโรเล็กซ์ในบริเวณนี้ด้วย ร้านค้ารอบๆขายงานฝีมือสวิสท้องถิ่น ร้านค้าบางร้านขายของที่ระลึก ช็อคโกแลต เครื่องประดับ ฯลฯ วันที่ห้า เมืองลูเซิร์น – เมืองแองเกิลเบิร์ก - สถานี Engelberg Talstation Titlis – ยอดเขาทิตลิส - Glacier Cave ถ้ำน้ำแข็งที่สวยงาม - สะพานแขวน TITLIS CLIFF WALK – เมืองโคโม่ - ทะเลสาบโคโม่ - เมือง Lamazzo เช้า รับประทานอาหารเช้า ณ โรงแรม (มื้อที่8) กลาง จากนั้นไปที่ สถานี Engelberg Talstation Titlis เป็นที่ตั้งของสถานีกระเช้าโรแตร์เพื่อเดินทางขึ้นสู่ ยอดเขาทิตลิส (Titlis) ท่านจะได้สัมผัสกับกระเช้าทรงกลมที่เรียกว่า โรแตร์ เคเบิ้ลคาร์ ที่จะหมุนรอบๆ ที่ท่านสามารถดูวิวได้ 360องศาในขณะที่เคลื่อนที่ขึ้นไปเรื่อยๆ ท่านจะได้ขึ้นชมทัศนียภาพที่งดงามของเทือกเขาแอลป์ ชม Glacier Cave ถ้ำน้ำแข็งที่สวยงาม และเดินเล่นถ่ายรูปหรือเล่นหิมะบนยอดเขา และชม สะพานแขวน TITLIS CLIFF WALK สร้างขึ้นฉลองครบรอบ 100 ปีการท่องเที่ยวบนยอดเขาทิตลิส สะพานมีความยาว 100 เมตร ความสูง 3,000 เมตร ทอดข้ามหน้าผา อิสระให้ท่านถ่ายรูปตามอัธยาศัย จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ เมืองโคโม่ (Como) (ระยะทาง 202 กม./ 3 ชม.) เป็นเมืองในแคว้นลอมบาร์เดีย ประเทศอิตาลี ตั้งอยู่บริเวณพรมแดนกับประเทศสวิตเซอร์แลนด์ โคโม่เป็นเมืองที่ตั้งอยู่ในเทือกเขาแอลป์ ทิศเหนือของเมืองอยู่ติดกับทะเลสาบโคโม่ ถือเป็นเมืองท่องเที่ยวยอดนิยมแห่งหนึ่ง เป็นแหล่งรวมชิ้นงานศิลปะชื่อดัง, มีโบสถ์, พิพิธภัณฑ์, สวน, โรงละคร, วังเก่าอยู่มากมาย มากมาย พาทุกท่านไปเก็บภาพความประทับใจกับ ทะเลสาบโคโม่ (Lake Como) ขึ้นชื่อว่าเป็นทะเลสาบที่สวยที่สุดในโลก ตั้งอยู่ใน แคว้นลอมบาร์เดีย (Lombardy) ไม่ไกลจากเมืองมิลาน (Milan) เท่าไรนัก ด้วยความยาวโดยรอบถึง 160 กิโลเมตร บวกกับพื้นที่รอบๆ ทะเลสาบถึง 146 ตารางกิโลเมตร จึงทำให้ทะเลสาบแห่งนี้กลายเป็นทะเลสาบที่ใหญ่ที่สุดเป็นอันดับ 3 ของประเทศอิตาลี และยังเป็นทะเลสาบที่ลึกที่สุดเป็นอันดับ 5 ในยุโรปด้วยความลึกกว่า 400 เมตร รูปร่างลักษณะเฉพาะของทะเลสาบโคโม่ทำให้นึกถึง Y ที่กลับด้านที่โด่งดังไปทั่วโลก เป็นผลมาจากการละลายของธารน้ำแข็งรวมกับการกัดเซาะของแม่น้ำ Adda โบราณ ทำให้เกิดทางแยกเป็นตัว Y และยังเป็นทะเลสาบมีทิวทัศน์ที่งดงามที่สุดแห่งหนึ่งในโลก จากนั้นเดินทางสู่ เมือง Lomazzo (ใช้เวลาเดินทางประมาณ 30 นาที) เป็นเมืองและชุมชนในจังหวัดโคโม่ในภูมิภาคลอมบาร์เดียของตั้งอยู่กึ่งกลางระหว่าง Comoและ Milan ศูนย์กลางประวัติศาสตร์อันเก่าแก่ของเมืองก่อตั้งขึ้นบนยอดเขาที่ตั้งอยู่ในหุบเขาทางฝั่งขวาของลูรา วันที่หก เมือง Lomazzo – เมืองมิลาน – พระราชวังมิลาน-มหาวิหารแห่งมิลาน -โรงละครลาสกาล่า – ซานตามารีอาเดลเลกราซีเอ- ห้างกัลเลรีอาวิตโตรีโยเอมานูเอเลเซคอนโด เช้า รับประทานอาหารเช้า ณ โรงแรม (มื้อที่11) จากนั้น นำท่านแวะถ่ายภาพกับ พระราชวังมิลาน (Royal Palace of Milan) เป็นที่ตั้งของรัฐบาลในเมืองมิลานเป็นเวลาหลายศตวรรษ ปัจจุบันทำหน้าที่เป็นศูนย์วัฒนธรรมและเป็นที่ตั้งของนิทรรศการศิลปะระดับนานาชาติ ครอบคลุมพื้นที่กว่า 7,000 ตารางเมตร และเป็นที่จัดแสดงงานศิลปะสมัยใหม่และร่วมสมัย และคอลเล็กชันที่มีชื่อเสียงโดยร่วมมือกับพิพิธภัณฑ์และสถาบันทางวัฒนธรรมที่มีชื่อเสียงจากทั่วโลกเป็นประจำ แวะชม มหาวิหารแห่งมิลาน Duomo di Milano (ถ่ายรูปด้านนอก) มหาวิหารนี้สร้างด้วยสถาปัตยกรรมแบบโกธิคที่ถือว่ามีความใหญ่โตเป็นอันดับสามของโลก เริ่มสร้างในปี 1386 แต่กว่าจะเสร็จต้องใช้เวลากว่า 400 ปี ด้านนอกมีหลังคายอดเรียวแหลมที่ทำจากหินอ่อนจำนวน 135 ยอด และมีรูปปั้นหินอ่อนจากสมัยต่างๆ กว่า 2,245 ชิ้น ยอดที่สูงที่สุดมีรูปปั้นทองขนาด 4 เมตร ของพระแม่มาดอนน่าเป็นสง่าอยู่ ถ่ายรูปด้านนอกที่ โรงละครลาสกาล่า (La Scala Theatre) เป็นโรงละครคู่เมืองมิลานมากว่า 230 ปี เป็นสถานที่แสดงโชว์ชื่อดัง ซานตามารีอาเดลเลกราซีเอ (Santa Maria delle Grazie) เป็นโบสถ์และคอนแวนต์ของคณะดอมินิกัน ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกโดยองค์การยูเนสโกในปี ค.ศ. 1980 โบสถ์แห่งนี้มีชื่อเสียงเพราะเป็นที่ตั้งของจิตรกรรมฝาผนัง "พระกระยาหารมื้อสุดท้าย" ที่เขียนโดยเลโอนาร์โด ดาวินชีภายในหอฉันของคอนแวนต์ อิสระช้อปปิ้งที่ ห้างกัลเลรีอาวิตโตรีโยเอมานูเอเลเซคอนโด (Galleria Vittorio Emanuele II) เป็นหนึ่งในศูนย์การค้าที่เก่าแก่ที่สุดในโลก มีลักษณะเป็นทางเดินและอาคาร 4 ชั้น คลุมด้วยหลังคาทรงโค้ง ตั้งอยู่ในใจกลางเมืองมิลาน ประเทศอิตาลี ศูนย์การค้าแห่งนี้ตั้งชื่อตามพระเจ้าวิตโตรีโอ เอมานูเอเลที่ 2 แห่งอิตาลี กษัตริย์พระองค์แรกของราชอาณาจักรอิตาลี โดยได้รับการออกแบบในปี พ.ศ. 2404 และสร้างโดยจูเซปเป เมนโกนี ในช่วงปี พ.ศ. 2408 ถึงปี พ.ศ. 2420 ร้านขายเสื้อผ้าชั้นสูง (haute couture) ร้านเครื่องเพชรพลอย ร้านขายหนังสือและภาพเขียน รวมไปถึงร้านอาหาร ร้านกาแฟ และบาร์ ร้านบางร้านยังเป็นหนึ่งในบรรดาร้านค้า และร้านอาหารที่เก่าแก่ที่สุดของเมืองมิลาน วันที่เจ็ด เมืองมิลาน - ท่าอากาศยานมิลาโน่ มัลเพนซา - ท่าอากาศยานอาบูดาบี แวะเปลี่ยนเครื่อง เช้า รับประทานอาหารเช้า (BOX SET) (มื้อที่12) จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ ท่าอากาศยานมิลาโน่มัลเพนซา เมืองมิลาน เพื่อเดินทางกลับสู่กรุงเทพฯ วันที่แปด ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ - กรุงเทพฯ 07:20 น. เดินทางถึง ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ โดยสวัสดิภาพ เดินทางโดย Etihad Airways (EY) |
Copyright © 2003 eTravelWay.com All rights reserved โดย บริษัททัวร์ วีอาร์ เอนซี ทราเวล แอนด์ เทรด จำกัด |