วันที่ 1 Bangkok – Frankfurt |
21.00 น. พร้อมคณะที่สนามบินสุวรรณภูมิ เคาน์เตอร์เช็คอิน H/J ของสายการบินไทย เจ้าหน้าที่คอยอำนวยความสะดวกในการเช็คอิน |
23.50 น. ออกเดินทางโดยสายการบินไทย เที่ยวบินที่ TG 920 |
วันที่ 2 Frankfurt / Strasbourg / Orbanai |
06.00. ถึงนครแฟรงค์เฟิร์ต ผ่านการตรวจคนเข้าเมือง และศุลกากร รถโค้ชรอรับคณะแล้วเดินทางสู่เมืองสตราสบูร์ก |
12.00 น. รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร |
บ่าย ชมเมืองสตราสบูร์ก เมืองแห่งนกกระสา สตราสบูร์ก เมืองหลวง และเมืองที่ใหญ่ที่สุดของ อัลซาค (Alsace) มีแม่น้ำอีลไหลผ่านล้อมรอบ เกาะกร็องดีล และย่าน Petite France โดดเด่นด้วยสถาปัตยกรรมแบบยุค กลางด้วยสถาปัตยกรรมอาคารบ้านเรือนกึ่งไม้ซุง ที่ยังคงอนุรักษ์เอาไว้เป็นอย่างดี เขตเมืองเก่าแห่งนี้จึงได้รับ การขึ้นทะเบียนจาก UNESCO ให้เป็นมรดกโลก อีกทั้งยังเป็นเมืองท่องเที่ยวที่ขึ้นชื่อฝรั่งเศสอีกด้วย มหาวิหารสตราสบูร์ก มหาวิหารสถาปัตยกรรมโกธิคสุดวิจิตรตระการตาซึ่งเป็นศาสนสถานสำคัญของเมือง จัตุรัส Place Kléber สถานที่จัดตลาดคริสต์ขนาดใหญ่อลังการกลางลานกว้าง ที่นี่เป็นตลาดคริสต์มาสเก่าแก่ที่มี ความเป็นมาตั้งแต่ปี ค.ศ. 1517 เดินทางสู่เมืองโอแบกเน่ |
18.30 น. รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร |
พักโรงแรม Le Parc Hôtel Obernai & Spa **** หรือเทียบเท่าในระดับเดียวกัน |
วันที่ 3 Chateau Haut-Koenigsbourg / Ribeauville / Riquewihr |
09.00 น. นำคณะไปชมปราสาทเทพนิยายแสนสวยของแคว้นอัลซาค Chateau Haut-Koenigsbourg (โอต์-เกอ-นิกส์-บูร์ก) สร้างขึ้นในสมัยศตวรรษที่ 12 โดดเด่นด้วยสถาปัตยกรรมในยุคกลาง ตัวปราสาทตั้งอยู่บนความสูงกว่า 800 เมตรเหนือที่ท่านจะได้ชมทัศนียภาพของทุ่งราบอัลซาค และป่า Vosges ในยามอากาศดีท่านสามารถชมความกว้างใหญ่ของผืนป่าแบล็คฟอเรสต์ เป็นเวลากว่า 9 ศตวรรษที่ปราสาทแห่งนี้สั่งสมเรื่องราวของการขัดแย้งในยุโรป และการขึ้นสู่อำนาจของศักดินาอาทิ ลอร์ด, กษัตริย์ และจักรพรรดิ์ จนถึงวันนี้มีนักท่องเที่ยวเข้าชมมากว่า 6 แสนคนต่อปี เป็น 1 ใน 80 ปราสาทหินยุคกลางของภูมิภาคแห่งนี้ |
12.00 น. รับประทานอาหารกลางวันเมนูพื้นบ้าน “ฟัวกราส์” สูตรต้นตำรับของแคว้นอัลซาค ท่านที่ชื่นชอบสามารถซื้อเป็นของฝากทางบ้านได้ |
บ่าย นำท่านชมหมู่บ้านที่ได้รับการยกย่องให้เป็นหมู่บ้านที่สวยที่สุดในฝรั่งเศส Les Plus Beaux Villages de France หมู่บ้านแสนสวย Ribeauville (คริ-เบอ-วิล-เล่) และ Riquewihr (เครก-เวีย) อัญมณีเม็ดงามที่ซ่อนตัวอยู่กลางไร่องุ่น เมืองที่ก่อกำเนิดมาตั้งแต่ศตวรรษที่ 8 เป็นหมู่บ้านที่ร่ำรวย ไปด้วยมรดกทางสถาปัตยกรรมสุดขีดในยุคกลาง บ้านกึ่งไม้ซุงเรียงรายตลอดเส้นทางเดินประดับไปด้วย ดอกไม้หลากสีป้ายเหล็กดัดตกแต่งหน้าร้านค้าให้ดูมีมนต์ขลัง อาคารบ้านเรือนแต่ละหลังทาด้วยสี แบบพาสเทลแลดูกลมกลืนเป็นที่น่าประทับใจยิ่ง เหมือนเราท่านหลุดมาในโลกแห่งเทพนิยายที่งดงาม 18.00 น. รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร |
พักโรงแรม Hotel L’Europe Colmar **** หรือเทียบเท่าในระดับเดียวกัน |
วันที่ 4 Equisheim / Kayserberg / Colmar |
08.00 น. รับประทานอาหารเช้าที่โรงแรม |
09.00 น. เช้าวันนี้นำคณะไปชมหมู่บ้านที่สวยที่สุดในฝรั่งเศสอีกแห่งหนึ่ง Equisheim (เอ-กี-ไซม์) นอกจากนี้ยังได้รับการคัดเลือกให้เป็น 1 ใน 22 หมู่บ้านของรายการ Le Village Préféré des Français 2013 อีกด้วย Rue de Rampart ถนนคนเดินปูด้วยหินแบบโบราณที่จะนำท่านไปชมสถานที่สำคัญในประวัติศาสตร์ทั้ง 9 แห่ง หมู่บ้านที่โอบล้อมด้วยกำแพงเมืองโบราณอีกหนึ่งแห่งที่คุณจะหลงใหล สำหรับท่านที่ชื่นชอบไวน์ หมู่บ้านนี้มีชื่อเสียงในการผลิต Grand Crus ชั้นเลิศของอัลซาค เราจะขอนำท่านไปเยือนอีกหนึ่งหมู่บ้าน Kaysersberg (เก-เซอร์-เบิร์ก) เจ้าของรางวัลหมู่บ้านแสนสวยของ Le Village Préféré des Français 2017 ด้วยขนาดความใหญ่ของหมู่บ้าน ในสมัยยุคกลางถือได้ว่าเป็นศูนย์กลางของการปกครอง และเศรษฐกิจ ประกอบด้วยภูมิประเทศเป็นประตูสู่หุบเขา Weiss และเชื่อมต่อสู่แคว้น Loraine ที่นี่จึงร่ำรวยด้วยเป็นเมืองการค้าและการอุตสาหกรรมการแกะสลักมาแต่โบราณ ปัจจุบันหมู่บ้านแห่งนี้ยังคงไว้ด้วยเส่นห์ของบ้านแบบกึ่งไม้ซุง ร้านค้าขายของที่ระลึก ร้านขนมของอัลซาคทั้งบิสกิต เค้ก และขนม Kougelhopf (คู-กล็ฟ-เฟอร์) ที่เห็นอยู่ทั่วไป |
12.00 น. รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร |
บ่าย กลับเข้าสู่เมือง Colmar เจ้าของรางวัลอันดับที่ 3 ของสถานที่ท่องเที่ยวที่ดีที่สุดของยุโรป เมืองอันแสนโรแมนติกแห่งนี้มีความหลากหลายที่ท่านไม่ควรพลาด Little Venice สายแม่น้ำ Lauch ที่มีอาคารแบบกึ่งไม้ซุงตั้งเรียงรายสองฝั่ง สุดแสนจะโรแมนติก บ้านเรือนเดิมเคยเป็นที่อาศัยของคนทำไวน์, คนตกแต่งสวน, คนพายเรือ ได้รับการอนุรักษ์ให้ดูงดงามเสมือนหนึ่งนครเวนิสน้อยแห่งฝรั่งเศส ชมสถาปัตยกรรมที่เก่าแก่อีกแห่งของเมืองคือตลาด Covered สร้างด้วยอิฐแดงตั้งแต่ปี 1865 ปัจจุบันเป็นทั้งตลาดสด และร้านอาหารแบบ bistro สำหรับชาวเมืองและนักท่องเที่ยวที่ออกมานั่งตรงเทอเรซ ริมแม่น้ำ ประดับไปด้วยดอกไม้หลากสีสัน ปล่อยเวลาไปกับสายน้ำที่ไหลเอื่อย กลับเข้าสู่ในกลางเมืองมีโบสถ์เซนต์มาร์ติน สร้างเสร็จในศตวรรษที่ 14 ใช้เวลาในการก่อสร้างยาวนานกว่า 100 ปี ปัจจุบันเป็นศูนย์กลางของเมืองและแหล่งช้อปปิ้งของคนเมืองอีกด้วย |
18.00 น. รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร |
พักโรงแรม Hotel L’Europe Colmar **** หรือเทียบเท่าในระดับเดียวกัน |
วันที่ 5 Colmar / อังซี - เกรน็อบ |
08.00 น. รับประทานอาหารเช้าที่โรงแรม |
09.00 น. เดินทางสู่ เมืองอังซี เมืองติดทะเลสาบที่น่ารักและแสนสงบ หรือ "ไข่มุกแห่งเทือกเขาแอลป์ในฝรั่งเศส" เป็นฉายาของเมืองนี้ หรือบางคนกล่าวว่าเป็น “Venice of the Alps” ด้วยความที่เมืองติดทะเลสาบและมีคลองตัดผ่านเมืองมากมายหลายสาย และยังมีแม่น้ำ “Thiou” ที่กั้นกลางระหว่างส่วนที่อยู่อาศัยและเมืองเก่าอีกด้วย และนี่คือแลนด์มาร์คสำคัญของเมืองอันซีนี้ “Le Palais de l’Île” ที่เป็นสถานที่ที่ถูกสร้างขึ้นบนเกาะขนาดเล็กกลางทะเลสาบ สถานที่แห่งนี้ถูกใช้เป็นคุกและศาลเพื่อจำคุกและตัดสินคดีผู้กระทำความผิดจนถึงสมัยการปฏิวัติในประเทศฝรั่งเศส ปัจจุบันเป็นภาพแลนด์มาร์กที่ใช้ในการโปรโมตการท่องเที่ยวของเมือง |
12.00 น. รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร |
บ่าย เที่ยวชมเมืองกับสถานที่เก่าแก่ในประวัติศาสตร์ THE OLD TOWN HALL, โบสถ์ “Notre-Dame de Liesse” THE SAINTE-CLAIRE GATE มีนาฬิกาเรือนยักษ์ติดอยู่ที่ด้านบน PONT DES AMOURS หรือ “The Love Bridge” สะพานแห่งรัก ว่ากันว่าถ้าคู่รักคู่ไหนมาจูบกันที่สะพานแห่งนี้ จะครองคู่กันไปจนชั่วนิรันดร์ นับเป็นอีกสถานที่ที่โรแมนติคมากอีกที่หนึ่งในเมืองอันซีนี้เลยทีเดียว และสวนสาธารณะริมทะเลสาบ ที่นั่นเป็นที่อยู่อาศัยของนกนางนวลจำนวนมากที่รอให้นักท่องเที่ยวเข้ามาทักทายอย่างเป็นกันเอง เป็นอีกมุมถ่ายรูปที่น่า สนใจ วิวทะเลสาบจากธรรมชาติที่เรียบง่าย แต่งดงามเกินจะบรรยาย เดินทางสู่ เมืองเกรน็อบ เมืองท่องเที่ยวทางตะวันออกเฉียงใต้ของฝรั่งเศส ตั้งอยู่ในหุบเขาและมีพื้นที่อยู่ติดกับเทือกเขาแอลป์ ซึ่งจะเห็นเป็นฉากหลังซึ่งมีทัศนียภาพที่สวยงาม ทำให้เมืองนี้มีฉายาว่า 'Capital of the Alps' |
18.00 น. รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร |
พักโรงแรม Mercure Grenoble Centre Président hotel **** หรือเทียบเท่าในระดับเดียวกัน |
วันที่ 6 เกรน็อบ – LAVENDER FIELD - อาวีญง |
08.00 น. รับประทานอาหารเช้าที่โรงแรม |
09.00 น. เดินทางสู่ เมืองวาลองโซล (Valensole) ทุ่งลาเวนเดอร์ ดอกไม้สีม่วงแห่งเมืองวาลองโซล |
12.00 น. รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร เที่ยวชมทุ่งดอกลาเวนเดอร์ บานสะพรั่งสุดลูกหูลูกตา สถานที่ท่องเที่ยวในฝันของใครหลายๆคน ที่เมืองวาลองโซล เป็นทุ่งลาเวนเดอร์ที่ใหญ่และมีชื่อเสียงโด่งดังที่สุดในโลก ในแคว้นโพรวองซ์ (Provence) แห่งนี้เป็นที่รู้จักกันแพร่หลายจากความสวยงามและมีเสน่ห์ของวิวสุดลูกหูลูกตาของทุ่งดอกลาเวนเดอร์ รวมไปถึงหมู่บ้านเล็กๆที่มีเสน่ห์น่าหลงใหล (ทุ่งดอกลาเวนเดอร์จะบานสะพรั่งเต็มที่ประมาณ ปลายเดือนมิถุนายนไปจนถึงประมาณกลางเดือนสิงหาคม ช่วงที่สวยที่สุดและน่าไปที่สุดเห็นจะเป็นช่วงเดือนกรกฎาคม) |
18.00 น. รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร |
พักโรงแรม Avignon Grand Hotel **** หรือเทียบเท่าในระดับเดียวกัน |
วันที่ 7 อาวีญง - หมู่บ้านกอร์ดส์ - โบสถ์ เซนัก - รถไฟ TGV - ปารีส |
08.00 น. รับประทานอาหารเช้าที่โรงแรม |
09.00 น. เดินทางสู่หมู่บ้าน Gordes “กอร์เดส์” Gordes หมู่บ้านสวยที่มีเสน่ห์ในแคว้นโพรวองซ์ การคัดเลือกให้เป็นหมู่บ้านที่สวยที่สุดในฝรั่งเศส หมู่บ้านตั้งอยู่บนเนินเขาที่เป็นที่รู้จักมากที่สุด ด้วยอาคารบ้านเรือนที่เป็นหินสีขาวปลูกอยู่บนหน้าผาสูง ไล่เรียงกันไปบนเนิน อาคารบ้านเรือนที่สร้างขึ้นใหม่ในหมู่บ้านจะต้องสร้างด้วยหินและมุงหลังคาด้วยกระเบื้องให้เหมือนอาคารเก่า ๆ ห้ามมิให้มีการล้อมรั้วหรือกำแพง และไปเยือนโบสถ์ Notre-Dame of Sénanque Abbey โบสถ์และคอนแวนซ์ที่สร้างมาตั้งแต่คริสต์ศตวรรษที่ 12 ที่นี่ยังเป็นอารามที่พักของบาทหลวงที่มีการเลี้ยงผึ้ง, ปลูกลาเวนเดอร์ และโรงเหล้า ในบริเวณโบสถ์จะมีร้านขายสินค้าที่ผลิตได้ในโบสถ์ เป็นผลิตผลจากผึ้ง เช่นน้ำผึ้ง, แยม, ลาเวนเดอร์ และไวน์ ผลิตภัณฑ์พื้นบ้านที่ควรค่าแก่การซื้อหา |
12.00 น. รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร |
บ่าย รถโค้ชส่งคณะที่สถานีรถไฟอาวีญง นำท่านเดินทางสู่มหานครปารีส โดยรถไฟด่วน TGV (ใช้เวลาในการเดินทางประมาณ 3 ช.ม.เศษ) |
19.00 น. รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร |
ค่ำ นำคณะล่องเรือ Bateaux Mouches บริษัทเรือนำเที่ยวก่อตั้งและเปิดให้บริการมาตั้งแต่ปี 1949 เพื่อล่องเรือชมความสวยงามและอลังการของมหานครปารีสมายาวนาน สองฟากฝั่งของแม่น้ำแซนน์ได้รับการยกย่องให้เป็น “พิพิธภัณฑ์ที่มีชีวิต” |
พักโรงแรม Hotel Mercure Paris Gare Montparnasse TGV **** หรือเทียบเท่าในระดับเดียวกัน |
วันที่ 8 ปารีส - พระราชวังแวร์ซายส์ - ช้อปปิ้ง |
08.00 น. รับประทานอาหารเช้าที่โรงแรม |
09.00 น. พระราชวังแวร์ซายส์ (Palace of Versailles) พระราชวังที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในพื้นปฐพี ได้รับการยอมรับว่างดงามมากที่สุดของโลก หลังจากที่มีการบูรณะใหม่ พระราชวังแห่งนี้ได้รับความนิยมอย่างมากจากนักท่องเที่ยวที่ต้องการจะเข้าชมความสวยงามทั้งสถาปัตยกรรม การตกแต่งภายใน โดยแบ่งออกเป็น 5 ส่วนใหญ่ ๆ ด้วยกัน ได้แก่ The Palace, The Gardens, The Estate of Trianon, The Royal Stables และ The Park ตัวอาคารหลักคือ The palace ที่มีสถาปัตยกรรมแบบบาโรค-รอคโคโค แบ่งเป็นห้องมากกว่า 700 ห้อง หน้าต่างอีกกว่า 2,000 บาน และบันไดราว ๆ 60 บันได ห้องที่ถือเป็นไฮไลท์ของที่นี่คือ ห้อง The Hall of Mirrors มีหน้าต่างทั้งหมด 17 บานผนังตกแต่งด้วยภาพวาดและโคมไฟสุดอลังการ อันเลื่องชื่อทั้งความงามและทรงคุณค่าทางประวัติศาสตร์ |
12.00 น. รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร |
บ่าย นำคณะช้อปปิ้งสินค้าชั้นนำของฝรั่งเศส ในร้าน Duty Free (ปลอดภาษี) และสินค้าแบรนด์เนมนานาชนิดในห้างสรรพสินค้าแบบวันสต็อป Galleries La Fayatte ห้างสรรพสินค้าที่ใหญ่ที่สุดและมีชื่อเสียงที่สุดของปารีส |
19.00 น. รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร |
พักโรงแรม Hotel Mercure Paris Gare Montparnasse TGV **** หรือเทียบเท่าในระดับเดียวกัน |
วันที่ 9 ปารีส - เดินทางกลับ |
08.00 น. รับประทานอาหารเช้าที่โรงแรม |
09.30 น. ออกเดินทางสู่ สนามบิน ชาร์ล เดอ โกล เพื่อเตรียมเดินทางกลับสู่ประเทศไทย |
13.50 น. สายการบินไทย นำท่านออกเดินทาง โดยเที่ยวบินที่ TG 931 |
วันที่ 10 เดินทางกลับถึงประเทศไทย |
05.55 น. คณะเดินทางกลับถึงสนามบินสุวรรณภูมิ โดยสวัสดิภาพ |