Luxury Trip ซาอุดิอาระเบีย 7 วัน 6 คืน

โดยสายการบินไทย

หลังจากท่านทำการจองทัวร์แล้ว ทางบริษัทฯจะถือว่าท่านเข้าใจ และพร้อมปฏิบัติตามเงื่อนไขดังกล่าวเพื่อประโยชน์ของผู้เดินทาง โปรดศึกษาเงื่อนไขการจองทัวร์ และการยกเลิกทัวร์ ที่ระบุในรายการทั้งหมด

วันที่ 1 Bangkok - Jeddah

16.00 น. พร้อมคณะที่สนามบินสุวรรณภูมิ เคาน์เตอร์การบินไทย H/J เจ้าหน้าที่อำนวยความสะดวกในการเช็คอิน

18.45 น. ออกเดินทางโดยสายการบินไทย เที่ยวบินที่ TG 503 (ใช้เวลาทำการบินประมาณ 8 ชั่วโมง)

22.40 น. ถึงสนามบินกรุงเจดเดาห์ ผ่านการตรวจลงตราวีซ่า แล้วนำท่านเดินทางสู่โรงแรมที่พัก

พักโรงแรม Radisson Blu Hotel Jeddah Corniche ***** หรือเทียบเท่าในระดับราคาเดียวกัน

วันที่ 2 City Tour Jeddah

08.00 น. รับประทานอาหารเช้าที่ห้องอาหารของโรงแรม

พร้อมคณะนำท่านชมเมืองเก่าที่ถือเป็นต้นกำเนิดคือ เมือง Al Balad ตามชื่อเรียกในท้องถิ่น ซึ่งแปลว่า “เมือง” โดยอ้างอิงถึงฐานของเจดดาห์ Al-Balad ก่อตั้งขึ้นในศตวรรษที่ 7 และในอดีตเคยเป็นศูนย์กลางของเจดดาห์ กำแพงป้องกันของ Al-Balad ถูกทลายลงในปี 1940 ในทศวรรษที่ 1970 และ 1980 เมื่อเจดดาห์เริ่มมั่งคั่งขึ้นเนื่องจากน้ำมันเฟื่องฟูชาวเจดดาวีจำนวนมากย้ายไปทางเหนือ ห่างจากอัลบาลัด ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกขององค์การยูเนสโก้ และตั้งแต่นั้นมา อาคารเก่าแก่ที่มีการออกแบบหน้าต่างที่เป็นเอกลักษณ์ และประตูได้รับการเก็บรักษาไว้พร้อมกับอาคารที่เป็นเอกลักษณ์ ซึ่งบางแห่งสร้างโดยใช้เปลือกหอยและหิน อาคารเก่าแก่เหล่านี้เคยเป็นที่อยู่อาศัยของตระกูลเจดดาห์ ที่มีชื่อเสียงและเป็นที่ต้อนรับผู้ก่อตั้งกษัตริย์อับดุลลาซิซผู้ล่วงลับ ในเมืองเก่านำเสนอของว่างในท้องถิ่น คือ ขนมปัง “Sobia” เบเกอรี่เก่าแก่ที่มีชื่อเสียงในด้านความสดใหม่ ของว่างท้องถิ่นอีกอย่างที่ประกอบด้วยถั่วและผักดอง “บาลิลาห์” ร้านกาแฟกลางแจ้ง และลองชิมชาท้องถิ่นที่มีชื่อเสียงผสมกับนมและสมุนไพร

นำท่านไปชม พิพิธภัณฑ์ Tayebat เพื่อชมอดีตอันยาวนานและเป็น สากลของเจดดาห์อันน่าทึ่ง ทัวร์ชมพิพิธภัณฑ์ Tayebat เพื่อนำเสนอประวัติศาสตร์ 2,500 ปีของเมืองที่ได้รับการดูแลอย่างดี เยี่ยม พิพิธภัณฑ์ตั้งอยู่ในเขต Al Faisaliyah ภายในอาคารหลายห้องที่สร้างสถาปัตยกรรมแบบ Hijazi แบบดั้งเดิมของเมือง เก่าขึ้นใหม่ โดยมีหน้าต่างที่ยื่นจากผนังกรุทับด้วยงานไม้ระแนงไม้อันประณีตและหินปะการังที่วิจิตรงดงาม ด้วยการจัดแสดงเชิงลึกหลายชั้น พิพิธภัณฑ์นำเสนอบทเรียนประวัติศาสตร์ที่มีชีวิตเกี่ยวกับรากฐานของเจดดาห์ ซาอุดีอาระเบียและคาบสมุทรอาหรับที่กว้างขึ้น นอกจากนี้ยังมีทั้งชั้นที่อุทิศให้กับมรดกทางศาสนาอิสลามอันรุ่มรวยของเมือง

12.00 น. รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร

บ่าย นำท่านเลาะเลียบย่านชายฝั่งทะเล Jeddah Corniche และ Waterfront อยู่เคียงคู่กับ Red Sea เป็นระยะทางยาว 30 กม.และเป็นจุดนัดพบยอดนิยมสำหรับคนท้องถิ่น เพื่อความประทับใจแรกที่ดีที่สุด Island Mosque แห่งเล็กแต่สวยงาม แวะลิ้มรสไอศกรีมจากแผงขายอาหารน่ารักๆ ที่มีอยู่มากมาย จากนั้นมุ่งหน้าไปยังมัสยิด Al Rahma ซึ่งสวยงามที่สุดยามพระอาทิตย์ตกดิน พิพิธภัณฑ์ประติมากรรมเจดดาห์ ได้รับการบูรณะเป็นแบบเปิดกลางแจ้งนี้เป็นที่ตั้งของผลงานภาพแอบสแตรคต์รังสรรค์ โดยศิลปินที่มีชื่อเสียงระดับนานาชาติ เช่น Jean Miro, Henry Moore และ ชาวฝรั่งเศส – ฮังการีผู้บุกเบิก Op Art Victor Vasarely ผลงานของพวกเขาได้เปิดเผยองค์ประกอบต่างๆ และจัดแสดงตลอดแนว Corniche ที่ยาว 7 กม. โดยมี ฉากหลังเป็นทะเลที่สวยงาม

ชมน้ำพุของกษัตริย์ฟาฮัด น้ำพุ King Fahd หรือที่เรียกกันว่าน้ำพุเจดดาห์ เป็นแลนด์มาร์คที่มีชื่อ เสียงที่สุดของเจดดาห์ และเป็นน้ำพุที่ใหญ่ที่สุดในโลก น้ำที่พวยพุ่งออกมาจากกระถางธูปขนาดใหญ่ที่เรียกว่ามาบคารา สูงถึง 312 เมตร สว่างไสวด้วยไฟ LED 500 ดวง ช่างดูสวยงามตระการตาในยามค่ำคืน

18.00 น. รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร

พักโรงแรม Radisson Blu Hotel Jeddah Corniche ***** หรือเทียบเท่าในระดับราคาเดียวกัน

วันที่ 3 Medina

08.00 น. รับประทานอาหารเช้าที่ห้องอาหารของโรงแรม

09.00 น. นำท่านเดินทางสู่ นครเมดินา เป็นเมืองศักดิ์สิทธิ์อันดับสองของอิสลาม ก่อนที่ชัยชนะของเขาจะกลับไปยังเมกกะ ท่านศาสดามูฮัมหมัดได้เดินทางไปยังเมดินาและสอนที่นั่นเป็นเวลาหลายปี เมืองนี้เป็นจุดแวะยอดนิยมในการเดินทางฮัจญ์ Al Madinah Al Munawwarah เป็นโอเอซิสทะเลทรายที่ล้อมรอบด้วยภูเขาและภูมิประเทศที่แห้งแล้งทุกด้าน

12.00 น. รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร

บ่าย นำท่านเที่ยวชมเมือง เมดินา หรือที่รู้จักในชื่อมะดีนะฮ์ เป็นเมืองในภูมิภาคฮิญาซของซาอุดีอาระเบียและเป็นที่ตั้งของเขตอัลมะดีนะฮ์ เมืองนี้มี al-Masjid an-Nabawi (\"มัสยิดของศาสดา\") ซึ่งเป็นสถานที่ฝังศพของศาสดามูฮัมหมัดอิสลามและถือเป็นเมืองที่ศักดิ์สิทธิ์เป็นอันดับสองในศาสนาอิสลามรองจากเมกกะ เมดินากลายเป็นศูนย์กลางของจักรวรรดิมุสลิมที่กำลังขยายตัวอย่างรวดเร็ว ภายใต้การแนะนำของมูฮัมหมัด เป็นรากฐานอำนาจของศาสนาอิสลามในศตวรรษแรกที่ประชากรมุสลิมตอนต้นเติบโตขึ้น มัสยิด Quba, al-Masjid an-Nabawi และ Masjid al-Qiblatayn เป็นมัสยิดที่เก่าแก่ที่สุดสามแห่งในเมดินา ชาวมุสลิมเชื่อว่า Surahs สุดท้ายของคัมภีร์กุรอานตามลำดับเวลาถูกเปิดเผยต่อมูฮัมหมัดที่เมดินาและเรียกว่า Medinan surahs ซึ่งต่างจาก Meccan surahs ก่อนหน้านี้

นำท่านเที่ยวชม พิพิธภัณฑ์ Madinah จัดเก็บสิ่งประดิษฐ์ทางประวัติศาสตร์ นิทรรศการส่วนใหญ่เป็นแบบจำลองสมัย ใหม่หรือรูปภาพจากช่วงเวลาต่างๆ ในประวัติศาสตร์ของเมดินา มุ่งเน้นไปที่ประวัติศาสตร์ของเมดินาในช่วงหลังฮิจเราะห์มุสลิม จัดแสดงนิทรรศการประมาณ 2,000 รายการที่รวบรวมมรดกและวัฒนธรรมของอัล-มะดีนะฮ์ และบันทึกภูมิทัศน์ ผู้คน และรูปร่างของมันในช่วงหลายปีที่ผ่านมา นำท่านเยี่ยมชมตลาดเปิดที่เรียกว่า \"ตลาดของเชฟ\" ซึ่งมีร้านอาหารหลายแห่งที่ให้บริการอาหารทะเล โคมไฟ และอาหารท้องถิ่นประเภทเนื้อสัตว์ (รัฐบาลแห่งชาติห้ามมิให้ผู้ที่ไม่ใช่มุสลิมเข้าถึงแก่นแท้ของเมดินา (แต่ไม่ใช่ทั้งเมือง) หรือใจกลางเมือง)

วันที่ 4 อัล อูลา – Habitas AlUla พักรีสอร์ตหรูระดับ 5 ดาวที่โด่งดังไปทั่วโลก

08.00 น. รับประทานอาหารเช้าที่ห้องอาหารของโรงแรม

เดินทางสู่ Al Ula อัลอูลา (AlUla) เป็นแหล่งมรดกทางวัฒนธรรมและโบราณคดีระดับโลกที่เต็มไปด้วยเรื่องราวทางประวัติศาสตร์ และความมหัศจรรย์ของธรรมชาติอีกทั้งมรดกโลก (UNESCO World Heritage Site) แห่งแรกในซาอุดีอาระเบียก็ตั้งอยู่ที่นี่ด้วยเช่นกัน เหล่านี้คือเหตุผลที่ทำให้เมืองกลางหุบเขาที่ล้อมรอบด้วยทะเลทรายอย่าง อัลอูลา กลายเป็นจุดหมายใหม่ที่อยู่ในเช็กลิสต์ของนักเดินทางทั่วโลก

12.00 น. รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร

บ่าย เขตเมืองเก่าอัลอูลา (AlUla Old Town) อัลอูลา เป็นศูนย์กลางอาณาจักรเก่าแก่ และยังเป็นเมืองโบราณที่มีคนอาศัยอยู่ตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบัน ประติมากรรมแท่งหินทราย (Rock Formations) งานประติมากรรมขนาดใหญ่เป็นแท่งหินทรายขนาดใหญ่ที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติ ไฮไลต์คือ หินรูปช้าง (Elephant Rock) หรือในภาษาอาหรับเรียกว่า Jabal AlFil ที่รูปร่างเหมือนช้างขนาดใหญ่สูง 52 เมตร เป็นจุดถ่ายรูปพระอาทิตย์ตกที่อลังการมาก

ชมตึกกระจกที่ใหญ่ที่สุดในโลก (MARAYA) ณ กลางทะเลทรายหุบเขาอัชชาร์ (Ashar Valley) สิ่งก่อสร้างใหม่ที่เกิดขึ้นไม่ได้มีแค่การต่อยอดแรงบันดาลใจจากหินทรายหรืออิงสถาปัตยกรรมตามอารยธรรโบราณประจำถิ่นเท่านั้นแต่ที่อัลอูลายังมีอาคารยุคมิลเลนเนียมสุดโมเดิร์น

นำท่านเข้าสู่ที่พักโรงแรม Habitas Alula เป็นโรงแรมหรูหราระดับ 5 ดาว ที่ตั้งอยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติของเมืองนี้ กฎการตั้งที่พักในที่ดินแห่งนี้คือ ทุกอย่างต้องรื้อได้ โดยที่ไม่สร้างเป็นตึก

18.00 น. รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร

วันที่ 5 ALUla - JEDDAH

08.00 น. รับประทานอาหารเช้าที่ห้องอาหารของโรงแรม

อิสระตามอัธยาศัย ให้ท่านได้ถ่ายภาพกับรีสอร์ตสวยระดับต้นๆของโลก

12.00 น. รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร

บ่าย นำท่านชม Madain Saleh เป็นสถานที่ทางประวัติศาสตร์ที่โดดเด่นที่สุดของราชอาณาจักรซาอุดิอาระเบีย เป็นที่แรกที่ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็น UNESCO มรดกของคำ Madain Saleh หมายถึง \"เมืองของ Saleh\" ตามชื่อของท่านศาสดา Saleh ผู้พยายามเปลี่ยนคนโบราณของ Thamud ให้นับถือศาสนาอิสลาม แต่ชื่อนี้เริ่มใช้เฉพาะในช่วงที่ออตโตมันยึดครองเฮจาซ ในขณะที่ชาวนาบาเทียนผู้สร้างเมืองนี้เรียกเมืองนี้ว่า เฮกรา เป็นสถานที่ที่โด่งดังและเป็นที่รู้จักมากที่สุดในอัลอูลา ตัวเมืองโบราณเฮกรามีพื้นที่ 52 เฮกตาร์ มีหลักฐานว่ามีคนอาศัยอยู่ตั้งแต่เมื่อกว่า 2,200 ปีก่อน และเจริญรุ่งเรืองสุด ๆ ในช่วง 200 ปีก่อนคริสตกาลจนถึง 200 ปีหลังคริสตกาล ส่วนปัจจุบันสิ่งที่หลงเหลือเป็นมรดกที่ชวนตื่นตา ได้แก่ สถาปัตยกรรมสลักหินหรือภูเขาหินซึ่งกระจัดกระจายอยู่กลางทะเลทราย สันนิษฐานว่าสถาปัตยกรรมสลักจากหินเป็น “สุสานของชนชั้นปกครอง” สมัยอาณาจักรแนบาเทียและที่น่าทึ่งก็ทีสุสานเหล่านี้มีมากกว่า 111 แห่ง แต่ที่ยังคงสภาพสมบูรณ์มีราว 94 แห่ง โดดเด่นด้วยการตกแต่งสลักเสลาลวดลายหน้าประตูบนภูเขาหินทรายขนาดใหญ่อย่างวิจิตร ปราสาทแห่งความเดียวดาย (Tomb of Lihyan Son of Kuza)

ถือเป็นไฮไลต์ของสุสานหินที่สลักจากภูเขาหินทรายทั้งลูก

17.00 น. รับประทานอาหารเย็น ณ ภัตตาคาร

19.40 น. ออกเดินทางกลับสู่กรุงเจดดาห์ โดยสายการบินซาอุดิอารเบีย โดยเที่ยวบินที่ SV 1631

21.10 น. ถึงสนามบินกรุงเจดดาห์ รถรอรับคณะแล้วนำท่านเข้าสู่โรงแรมที่พัก

พักโรงแรม Radisson Blu Hotel Jeddah Corniche ***** หรือเทียบเท่าในระดับราคาเดียวกัน

วันที่ 6 JEDDAH - BANGKOK

08.00 น. รับประทานอาหารเช้าที่ห้องอาหารของโรงแรม

09.00 น. เที่ยวชมเมือง เจดดาห์ (Jeddah) เมืองท่าสำคัญแห่ง Red Sea ถือเป็นการผสมผสานกันอย่างลงตัวของประวัติศาสตร์โบราณและความทันสมัยอันน่าหลงใหล แต่เจดดาห์เป็นเมืองที่มีความทันสมัยมากขึ้น เมืองนี้เต็มไปด้วยชีวิตชีวาทั้งตอนกลางวัน และแสงสี ในยามค่ำคืน มีทั้งร้านสินค้าแบรนด์เนม และร้านอาหารหลากหลาย

นำท่านเที่ยวชม ตลาดท้องถิ่นที่เรียกว่า souqs ซึ่งเต็มไปด้วยเครื่องเทศ อาหาร และงานหัตถกรรมท้องถิ่น เครื่องหอม และน้ำหอม เครื่องประดับทำจากทองคำแท่ง

ชมความงามที่มัสยิด Al Rahman จากภายนอก มัสยิดกลางน้ำแห่งนี้มีระบบแสงและ เสียงที่ทันสมัยมากสำหรับประกอบพิธีทางศาสนา Al Rahma Mosque คือหนึ่งในที่ที่ควรมาเยือนเมื่อมาถึงเจดดาห์ เสาธงเจดดาห์ ด้วยความสูงเกิน 500 ฟุต ทำให้ เสาธงเจดดาห์ ครองสถิติโลกของกิสเนสส์บุ๊กว่าเป็นเสาธงที่สูงที่สุดในโลก

12.00 น. รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร

บ่าย นำท่านชมความงามของประภาคารเจดดาห์ (Jeddah Lighthouse) เจ้าของสถิติประภาคารที่สูงที่สุดในโลก ได้รับการบันทึกในกินเนสส์บุ๊กว่าเป็นประภาคารที่มีโครงสร้างสูงที่สุดในโลกที่ยังใช้งานได้จริงอยู่ นำท่านชมห้างสรรพสินค้าอันทันสมัย เรดซีมอลล์ (Red Sea Mall) ห้างสรรพสินค้าที่ดังที่สุดของเมืองเจดดาห์ และเป็นห้างที่ล้ำสมัยที่สุดใน

19.00 น. รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร

นำท่านออกเดินทางสู่สนามบิน

วันที่ 7 Bangkok

00.40 น. ออกเดินทางกลับสู่ประเทศไทย โดยสายการบินไทย เที่ยวบินที่ TG 504

13.10 น. คณะเดินทางกลับถึงประเทศไทย โดยสวัสดิภาพ

(หมายเหตุ โปรแกรมดังกล่าวข้างต้น เป็นการนำเสนอโปรแกรมท่องเที่ยว ซึ่งอาจมีการเปลี่ยนแปลงเนื่องจากการจัดโปรแกรมของแต่ละวันเดินทางจะไม่เหมือนกัน โปรแกรมท่องเที่ยวที่สมบูรณ์ครบถ้วน จะส่งให้ท่าน 7 วันก่อนการเดินทางเท่านั้น)