เปิดทำการ จ - ศ : 08.30 - 22.00 น. ส - อา : 09.00 - 22.00 น.
eTravelWay.com logo
Add Friend Add Friend
ติดตามข่าวสารโปรโมชั่นดีดี

เพิ่มเพื่อน LINE รับข่าวสาร โปรโมชั่น
@etravelway

รับโปรโมชั่นดีดี
Add Friend
เฉพาะคอทัวร์โปรไฟไหม้
ทัวร์ถูกคุณภาพคุ้มค่า
ทัวร์หลุดจอง
เพิ่มเพื่อน LINE ทัวร์ไฟไหม้
@etravelway.fire

เฉพาะคอทัวร์โปรไฟไหม้
แชทผ่าน Facebook ติดต่อผ่าน Facebook
fb.me/etravelway

สอบถามทาง Facebook
เดินทางโดย : QR-กาตาร์แอร์เวย์
โรงแรม : 4 ดาว |  จำนวนวัน : 10 วัน 7 คืน
ตุรกี : พิพิธภัณฑ์กลางแจ้ง เมืองเกอเรเม่ - ชมโชว์ระบำหน้าท้อง - นครใต้ดิน - พิพิธภํณฑ์ เมฟลานา - ปราสาทปุยฝ้าย - ม้าไม้เมืองทรอย - ล่องเรือชมช่องแคบบอสฟอรัส - พระราชวังโดลมาบาห์เช - มหาวิหาร เซนต์โซเฟีย - พระราชวังทอปกาปิ
ไม่รวม ค่าทิปมัคคุเทศก์ไทย ค่าทิปมัคคุเทศก์ท้องถิ่น และพนักงานขับรถ ตามธรรมเนียมคือ 75 USD /ท่าน ตลอดทริปการเดินทาง - ค่าทิปพนักงานยกกระเป๋าโรงแรม - ค่าอาหารบางมื้อ - ค่าใช้จ่ายส่วนตัว - ทำวัคซีนพาสปอร์ต - ทำ Thailand Pass

กรุงเทพฯ(สนามบินสุวรรณภูมิ)
แวะเปลี่ยนเครื่องสนามบินโดฮา, การ์ต้า - สนามบินอตาเติร์ก กรุงอิสตันบูล - เมืองอังการ่า - สุสานอตาเติร์ก
อังคาร่า - ทะเลสาบเกลือ - คัปปาโดเกีย - พิพิธภัณฑ์กลางแจ้ง เมืองเกอเรเม่ - โรงงานทอพรม - เมืองคัปปาโดเกีย - ชมโชว์ระบำหน้าท้อง
ทัวร์เสริม ชมบอลลูน (ไม่รวมค่าบริการ ประมาณ 250-300 USD) - หุบเขานกพิราบ - โรงงานเซรามิค - นครใต้ดิน - คัปปาโดเกีย
คัปปาโดเกีย - คอนญ่า - คาราวานสไรน์ - พิพิธภํณฑ์ เมฟลานา - ปามุคคาเล่
ปามุคคาเล่ - ปราสาทปุยฝ้าย - เซลจุก - บ้านพระแม่มาเรีย - คุซาดาซี - ร้านเตอร์กิช ดีไลท์
คุซาดาซี - โรงงานเครื่องหนัง - เพอร์กามอน - คานัคคาเล่ - ม้าไม้เมืองทรอย
คานัคคาเล่ - อิสตันบูล - ล่องเรือชมช่องแคบบอสฟอรัส - พระราชวังโดลมาบาห์เช - แกรนด์บาร์ซา
อิสตันบูล - มหาวิหาร เซนต์โซเฟีย - ฮิปโปโดม - พระราชวังทอปกาปิ - สนามบินอตาเติร์ก กรุงอิสตันบูล - แวะเปลี่ยนเครื่องสนามบินโดฮา, การ์ต้า
กรุงเทพฯ(สนามบินสุวรรณภูมิ)
บริษัทฯของสงวนสิทธิ์ให้บริการแก่ผู้ที่ฉีดวัคซีนครบ 2 เข็ม และมีวัคซีนพาสปอร์ตแล้วเท่านั้น - ประเทศตุรกี รองรับวัคซีนทุกยี่ห้อ - ไม่ต้องแสดงผลตรวจ RT-PCR ทั้งขาไป และกลับ
เดินทาง :
รายการนี้ยังไม่มีพีเรียดเดินทาง
Download PDF

ตุรกี 10 วัน 7 คืน

โดยสายการบิน Qatar Airlines

  • ชม เมืองอิสตันบูล สุเหร่าสีน้ำเงิน สุเหร่าเซนต์โซเฟีย ล่องเรือช่องแคบบอสฟอรัส
  • ชมความยิ่งใหญ่ของ พระราชวังโดลมาบาห์เช , พระราชวังทอปกาปิ
  • ชมดินแดนแห่งเทพนิยาย คัปปาโดเกีย
  • ชมดินแดนอันน่าอัศจรรย์ ปามุคคาเล่ (ปราสาทปุยฝ้าย)
  • ชมนครใต้ดิน เมืองไคมักลี , หุบเขานกพิราบ
  • ชมสัญลักษณ์อันชาญฉลาดด้านกลศึกของนักรบโบราณ ม้าไม้จำลองแห่งเมืองทรอย
  • ชมเมืองอันรุ่งเรืองในอดีตกาล ที่ปัจจุบันคงไว้เพียงซากปรักหักพัง เมืองเอฟฟิซุส
  • ชม บ้านของพระแม่มารี ซึ่งเชื่อกันว่าเป็นที่สุดท้ายที่พระแม่มารีอาศัยอยู่
  • ช้อปปิ้งสินค้าพื้นเมืองคุณภาพที่ ตลาดแกรนด์ บาซ่า

ไม่รวม ค่าทิปมัคคุเทศก์ไทย ค่าทิปมัคคุเทศก์ท้องถิ่น และพนักงานขับรถ

ตามธรรมเนียมคือ 75 USD /ท่าน ตลอดทริปการเดินทาง

ค่าทิปพนักงานยกกระเป๋าโรงแรม - ค่าอาหารบางมื้อ - ค่าใช้จ่ายส่วนตัว - ทำวัคซีนพาสปอร์ต - ทำ Thailand Pass

หลังจากท่านทำการจองทัวร์แล้ว ทางบริษัทฯจะถือว่าท่านเข้าใจ และพร้อมปฏิบัติตามเงื่อนไขดังกล่าวเพื่อประโยชน์ของผู้เดินทาง โปรดศึกษาเงื่อนไขการจองทัวร์ และการยกเลิกทัวร์ ที่ระบุในรายการทั้งหมด

วันที่ 1 สมุทรปราการ (ท่าอากาศยาน สุวรรณภูมิ) - การ์ต้า แอร์เวย - อิสตันบูล

23:30 น. คณะพร้อมกัน ณ ท่าอากาศยาน สุวรรณภูมิ อาคารผู้โดยสารขาออก ชั้น 4 ประตูทางเข้า 8 เคาน์เตอร์ Q สายการบิน Qatar Airlines โดยมีเจ้าหน้าที่ของบริษัทฯ คอยให้การต้อนรับ

วันที่ 2 อิสตันบูล - อังการ่า เมืองหลวงประเทศตุรกี

02:30 น. ออกเดินทางสู่ ท่าอากาศยาน โดฮา โดยเที่ยวบินที่ QR 837

05:45 น. เดินทางถึง ท่าอากาศยาน โดฮา ประเทศ การ์ต้า (เพื่อแวะเปลี่ยนเครื่อง)

07:30 น. ออกเดินทางต่อสู่ ท่าอากาศยาน อตาเติร์ก เมืองอิสตันบูล ประเทศตุรกี โดยสายการบิน Qatar Airways เที่ยวบินที่ QR 239

11.45 น. เดินทางถึง ท่าอากาศยาน อตาเติร์ก เมืองอิสตันบูล ประเทศตุรกี หลังผ่านพิธีการตรวจคนเข้าเมือง นำท่านแวะทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร

บ่าย นำท่านเดินทางสู่ เมืองอังการ่า Ankara เป็นเมืองหลวงของประเทศตุรกีและเป็นเมืองหลวงของจังหวัดอังการา อังการาเป็นเมืองที่ใหญ่เป็นอันดับสองรองจากอิสตันบูล ตั้งอยู่ในจังหวัดอังการาอยู่ที่ระดับความสูงเฉลี่ย 938 เมตร มีประชากรประมาณ 3.9 ล้านคน อังการาตั้งอยู่บริเวณกลางคาบสมุทรอานาโตเลีย จึงเป็นเมืองที่มีความสำคัญทั้งทางธุรกิจและอุตสาหกรรม เป็นศูนย์กลางของรัฐบาลตุรกี และเป็นที่ตั้งของสถานทูตประเทศต่างๆ อังการายังเป็นศูนย์กลางของทางหลวงและเส้นทางรถไฟทำให้เป็นศูนย์กลางของการค้าขาย

เย็น คณะเดินทางถึง นำท่าน เยี่ยมชมสุสานอตาเติร์ก (Atatürk) หนึ่งในตัวอย่างสถาปัตยกรรมสมัยใหม่ที่โดดเด่นที่สุดของตุรกี สุสาน Atatürk ตั้งอยู่บนยอดเขาสูงในอังการา เมืองหลวงของประเทศ ออกแบบโดยสถาปนิกชาวตุรกี Emil Onat อาคารหลังนี้สร้างขึ้นระหว่างปี 1944 และ 1953 เพื่อเป็นสถานที่พำนักแห่งสุดท้ายของมุสตาฟา เคมาล อตาเติร์ก ผู้ก่อตั้งและประธานาธิบดีคนแรกของสาธารณรัฐตุรกี ก่อนที่อาคารจะเสร็จ ซากของอตาเติร์กถูกเก็บไว้ในพิพิธภัณฑ์ชาติพันธุ์วิทยาของอังการา พวกเขาถูกนำตัวมาที่นี่เพื่อนอนในสภาพในวันที่ 10 พฤศจิกายน 2496 เพื่อเป็นการครบรอบ 15 ปีการสิ้นพระชนม์ของเขา สุสานแห่งนี้มีขนาดมหึมา โดยมีบันไดขนาดใหญ่ที่รู้จักกันในชื่อเส้นทางแห่งเกียรติยศ ขนาบข้างด้วยสิงโตฮิตไทต์ที่เอนกายลง ซึ่งนำไปสู่ศาลเกียรติยศที่ซึ่งทั้งสุสานและพิพิธภัณฑ์อุทิศให้กับชีวิตของอตาเติร์ก อาคารนี้เป็นหนึ่งในตัวอย่างสถาปัตยกรรมช่วงกลางศตวรรษที่ 20 ที่โดดเด่นที่สุดของตุรกี และเป็นสัญลักษณ์สำคัญเพื่อเป็นเกียรติแก่อตาเติร์กและการกำเนิดของสาธารณรัฐ

ค่ำ บริการอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร

ที่พัก The Ankara Hotel 4* หรือเทียบเท่า

วันที่ 3 อังคาร่า - ทะเลสาบเกลือ - คัปปาโดเกีย - เกอเรเม่

เช้า บริการอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม

นำท่านเดินทางสู่ ทะเลสาบเกลือ (TuzSalt Lake) เป็นทะเลสาบน้ำเค็มที่ใหญ่เป็นอันดับ 2 ของตุรกี ซึ่งเป็นทะเลสาบน้ำเค็มที่มีเปอร์เซ็นต์ของเกลือสูง หากเดินทางไปเที่ยวทะเลสาบเกลือในหน้าร้อน น้ำทะเลสาบจะเหือดแห้งเหลือเพียงแต่กองเกลือที่ตกผลึกเป็นแผ่นหนาหลายสิบเซ็นติเมตร มองเห็นเป็นพื้นสีขาวสุดสายตา และที่ทะเลสาบเกลือแห่งนี้ยังเคยเป็นสถานที่ถ่ายทำหนัง Star War อีกด้วย

ได้เวลาอันสมควรนำท่านเดินทางสู่ เมืองเกอเรเม่ Goreme นำท่านชม พิพิธภัณฑ์กลางแจ้งเมืองเกอเรเม่ Goreme Open Air Museum ที่เป็นศูนย์กลางของศาสนาคริสต์ในช่วง ค.ศ. ที่ 9 เกิดจากความคิดของชาวคริสต์ที่ต้องการเผยแพร่ศาสนา โดยการขุดถ้ำเป็นจำนวนมากเพื่อสร้างโบสถ์ และยังเป็นการป้องกันการรุกรานจากชนเผ่าลัทธิอื่นที่ไม่เห็นด้วยกับศาสนาคริสต์อีกด้วย อิสระเที่ยวชม และถ่ายรูปตามเหล่าอาคาร

บ้านเรือนของชาวเมืองคัปปาโดเกีย ที่เกิดจากการขุดเข้าไปในหินภูเขาไฟ และใช้เป็นที่อยู่อาศัย รวมถึงใช้เป็นศาสนสถานต่างๆ

เที่ยง บริการอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร

นำท่านเดินทางสู่ โรงงานทอพรม Carpet Factory สินค้าคุณภาพดี และขึ้นชื่อของประเทศตุรกี ให้เวลาท่านเลือกซื้อตามอัธยาศัย

เดินทางสู่ เมืองคัปปาโดเกีย Cappadocia ชมดินแดนที่มีภูมิประเทศอันน่าอัศจรรย์ ซึ่งในอดีตกาลมีกระแสลาวาภูเขาไฟที่ไหลออกมาปกคลุมพื้นที่เป็นบริเวณกว้าง แล้วทับถมเป็นเวลาหลายล้านปี และด้วยการกระทำของธรรมชาติ โดยการกัดเซาะของพายุลม ฝน หิมะ และกาลเวลา ได้ปรุงแต่งดินแดนคัปปาโดเกียออกมาได้อย่างงดงาม แปลกตา และน่าอัศจรรย์ด้วยภูมิลักษณ์ต่างๆ เปรียบดังสวรรค์บนดินจนได้ชื่อว่า ดินแดนแห่งเทพนิยาย หรือดินแดนแห่งปล่องนางฟ้า Fairy Chimney คัปปาโดเกียยังได้รับการแต่งตั้งจากองค์การยูเนสโกให้เป็นเมืองมรดกโลกทางธรรมชาติและวัฒนธรรมแห่งแรกของตุรกีอีกด้วย

ค่ำ บริการอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร

**พิเศษ** ชมโชว์ระบำหน้าท้อง Belly Dance Show สไตล์พื้นเมือง ประเทศตุรกี

ที่พัก Mustafa Hotel 4* หรือเทียบเท่า

วันที่ 4 ชมบอลลูน - หุบเขา นกพิราบ - โรงงานเซรามิค - นครใต้ดิน - คัปปาโดเกีย

นำท่านเดินทางชม บอลลูนหลากสี (ไม่รวมค่าขึ้นบอลลูน) ไฮไลท์ของเมืองคัปปาโดเกียและจุดหมายของนักท่องเที่ยวทั่วทุกมุมโลก ให้ท่านได้อิสระถ่ายภาพ และหากท่านใดสนใจขึ้นบอลลูน และกิจกรรมอื่นๆ รายละเอียดดังนี้ กิจกรรมเสริมพิเศษนี้ ไม่รวมอยู่ในราคาทัวร์ (Optional Tour)

  1. บอลลูนทัวร์ (Balloon Tour) สำหรับท่านที่สนใจขึ้นบอลลูนชมความสวยงามของเมืองคัปปาโดเกีย โปรแกรมเสริมพิเศษ จำเป็นต้องออกจากโรงแรม ประมาณ 04.30 –05.00 น. โดยมีรถท้องถิ่นมารับไปขึ้นบอลลูน เพื่อชมความสวยงามของเมืองคัปปาโดเกียในอีกมุมหนึ่งที่หาชมได้ยาก ใช้เวลาเดินทางจาก โรงแรมไปขึ้นบอลลูน ประมาณ 30 – 45 นาที อยู่บนบอลลูนประมาณ 1 ชั่วโมง ค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมในการขึ้นบอลลูน ท่านละ ประมาณ 250 – 300 เหรียญ ดอลลาร์สหรัฐ (USD) ขึ้นอยู่กับฤดูกาล โปรดทราบ ประกันอุบัติเหตุที่รวมอยู่ในโปรแกรมทัวร์ไม่ครอบคลุมกิจกรรมพิเศษ ไม่ครอบคลุมการขึ้นบอลลูน และ เครื่องร่อนทุกประเภท ดังนั้นขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของท่าน
  2.   รถจี๊ปทัวร์ (Jeep Tour) สำหรับท่านใดที่สนใจชมความสวยงามของเมืองคัปปาโดเกียบริเวณภาคพื้นดิน โปรแกรมจำเป็นต้องออกจากโรงแรม ประมาณ 05.00 – 06.00 น. โดยมีรถท้องถิ่นมารับ เพื่อชมความสวยงามโดยรอบของเมืองคัปปาโดเกียบริเวณภาคพื้นดินในบริเวณที่รถเล็กสามารถตะลุยไปได้ ใช้ เวลาอยู่บนรถจี๊ป ประมาณ 1 ชั่วโมง ค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมในการนั่งรถจี๊ปอยู่ที่ ท่านละ 100 – 150 เหรียญดอลลาร์สหรัฐ (USD) ขึ้นอยู่กับฤดูกาล โปรดทราบ ประกันอุบัติเหตุที่รวมอยู่ในโปรแกรมทัวร์ไม่ครอบคลุมกิจกรรมพิเศษ ไม่ครอบคลุมการขึ้นบอลลูน และเครื่องร่อนทุกประเภท ดังนั้นขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของ ท่าน คำแนะนำ - เนื่องด้วยข้อกำหนดของเวลา ท่านจำเป็นต้องเลือกซื้อแพ็กเกจทัวร์เสริมอย่างใด อย่างหนึ่ง - ท่านที่เมารถ กรุณาทานยาแก้เมารถล่วงหน้าอย่างน้อยครึ่งก่อนออกเดินทาง และควรแจ้งให้หัวหน้าทัวร์ทราบตั้งแต่ก่อนวันเดินทาง (ตั้งแต่อยู่ประเทศไทยเพื่อ เตรียมยาแก้เมารถจากประเทศไป) - กิจกรรมนี้ ไม่อนุญาตให้ผู้ที่เป็นโรคหัวใจขั้นรุนแรง, ตั้งครรภ์ หรือ เด็กอายุต่ำกว่า 7 ปี เข้าร่วมโดยเด็ดขาด กรณีเกิดความเสียหายไม่ว่ากรณีใดๆ ทางบริษัท ขอสงวนสิทธิ์ในการรับผิดชอบทุกกรณี - สำหรับท่านที่ไม่ร่วมในโปรแกรมเสริมพิเศษ ท่านจำเป็นต้องพักผ่อนรอคณะอยู่ที่โรงแรมที่พัก

เช้า บริการอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม

นำท่าน เดินทาง สู่ หุบเขานกพิราบ หรือ Pigeon Valley มีที่มาจากบ้านของนกพิราบที่สลักเข้าไปในหินในอดีตนกชนิดนี้ทำหน้าที่เป็นผู้ส่งสารที่สำคัญสำหรับผู้คนที่อาศัยอยู่ในแถบนี้ ทั้งยังเป็นสัตว์เลี้ยงอีกด้วย หุบเขานกพิราบเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญอีกแห่งใน Cappadocia ภูมิประเทศเป็นพื้นที่วกวนดังเขาวงกตทว่ามีความงดงามและน่าอัศจรรย์ เป็นระยะทางยาวหลายกิโลเมตรระหว่าง เกอเรเม่ (Goreme) และยูชิซาร์ (Uchisar) ภูมิประเทศของที่นี่มีความประหลาด หลากหลาย ราวกับเป็นภูมิประเทศบนดาวดวงอื่น ไกลออกไปมีภูเขาไฟ ส่วนรอบๆ บริเวณนี้ประกอบด้วยหินก่อตัวรูปทรงประหลาด โดยในอดีตนั้นเคยเป็นถ้ำซึ่งเป็นที่อยู่อาศัยของผู้คน จุดชมวิว หุบเขานกพิราบ อยู่ตรงบริเวณหน้าผาที่ชาวเมืองโบราณได้ขุดเจาะเป็นรู เพื่อให้นกพิราบเข้าไปทำรังอาศัยอยู่อย่างมากมาย จากจุดนี้ นักท่องเที่ยวจะสามารถมองเห็นปราสาทอุชิซาร์ (Uchisar Castle) ได้จากระยะไกล ที่นี่เต็มไปด้วยนกพิราบมากมายที่ชาวบ้านเลี้ยงไว้เพื่อนำมูลมาทำเป็นปุ๋ยบำรุงต้นไม้

ได้เวลาอันสมควร นำท่านเดินทาง สู่ หุบเขาพาซาแบค (Pasabag Fairy Chimneys) หรือที่นิยมเรียกกันว่าหุบเขาพระ (Monks Valley) ที่เป็นภูเขาหินในรูปทรงแปลกตา เหมือนกรวยที่มีหมวกวางอยู่ด้านบน แต่ก่อนเคยเป็นสำนักสงฆ์มาก่อน จึงทำให้หลายครั้งที่บริเวณนี้ มีคนเรียกว่าเป็น The Valley of Monks

ได้เวลาอันสมควร นำท่าน สู่ นครใต้ดิน Underground City อยู่หลายแห่ง เกิดจากการขุดเจาะพื้นดินลงไป เพื่อใช้เป็นที่หลบซ่อนของชาวเมืองจากการรุกรานของข้าศึกในสมัยทำสงคราม ซึ่งนครใต้ดินที่ขึ้นชื่อและมีนักท่องเที่ยวไปเยี่ยมเยียนเยอะที่สุด คงหนีไม่พ้น นครใต้ดิน เมืองไคมักลี Underground City Derinkuyu or Kaymakli ที่มีความลึกถึง 11 ชั้น (ลึกที่สุดที่ 85 เมตร) พร้อมทั้งยังมีระบบระบายอากาศ และมีสภาพวิถีชีวิตความเป็นอยู่ใต้ดินพร้อมสรรพ ซึ่งนครใต้ดินนับเป็นสิ่งมหัศจรรย์ที่สร้างจากฝีมือมนุษย์อย่างหนึ่งก็ว่าได้

เที่ยง บริการอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร

บ่าย นำท่านเยี่ยมชมหมู่บ้าน โรงงานเซรามิค Pottery at Avanos Village เป็นศูนย์กลางการทำเครื่องปั้นดินเผาเพียงแห่งเดียวในคัปปาโดเกีย แต่จากแหล่งข้อมูลบางแห่งพบว่าการทำเครื่องปั้นดินเผาโบราณที่นี่ได้ทำสืบทอดกันมา นานกว่า 2,000 ปีแล้ว โดยการทำเครื่องปั้นดินเผาในอนาโตเลียนั้นเริ่มต้นในยุคหินหรือในสหัสวรรษที่ 8 ก่อนคริสต์ศักราช โดยชาวอัสซีเรีย (Assyrians) ที่มาจากเมโสโปเตเมีย (Mesopotamia) ในช่วงสหัสวรรษที่ 3 ก่อนคริสต์ศักราชได้สอน ศิลปะให้กับชาวฮิตไทต์ (Hittites)ในสมัยโบราณซึ่งก็คือชาวเอวานอสในปัจจุบัน อิสระให้ท่านได้ชมการสาธิตในการทำเครื่องปั้นดินเผา

เย็น รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร

ที่พัก Mustafa Hotel 4* หรือเทียบเท่า

วันที่ 5 คัปปาโดเกีย - คอนญ่า – คาราวานสไรน์ - พิพิธภํณฑ์ เมฟลานา - ปามุคคาเล่

เช้า บริการอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม

นําท่านเดินทางสู่ เมืองคอนย่า Konya อดีตเมืองหลวงของอาณาจักร เซลจูค ในช่วงปี ค.ศ. 1071 – 1308 รวมทั้งยังเป็นศูนย์กลางที่สําคัญของภูมิภาคแถบนี้ ท่านจะได้เพลิดเพลินกับ ทัศนียภาพที่งดงามตามธรรมชาติตลอดสองฝั่งทาง ของภูมิภาคตอนกลางของตุรกี ท่านจะได้ชมวิถีชีวิตตามชนบทและทัศนียภาพที่สวยงามของทุ่งหญ้าสลับกับภูเขา

ระหว่างทางนําท่านแวะชม คาราวานสไรน์ Caravanserai ที่พักแรมและที่แลกเปลี่ยนสินค้าระหว่างทางของ ชาวเติร์กในสมัยออตโตมัน

นำท่านชม พิพิธภัณฑ์เมฟลานา (Mevlana Museum) เป็นที่ตั้งของสำนักแห่งนี้ก่อตั้งในปี 1774 โดยเมฟลานา เจลาเลดดิน รูมี (Mevlana Celaleddin Rumi) ผู้วิเศษในศาสนาอิสลาม เดินทางมายังเมืองคอนยาตามคำเชิญของสุลต่านเซลจุก เพื่อเขียนบทกวีอันลี้ลับเป็นภาษาเปอร์เซีย รับตำแหน่งอาจารย์ทางปรัชญาประจำราชสำนักแห่ง กษัตริย์อาเลดดิน เดย์คูบาท (Alaaddin Keykubat) พบกับนักบวชอิสลาม ชื่อ เชมซี เทบริซลิ (Schemsi Tebrizli) ร่วมกันคิดวิธีทำสมาธิโดยการเดินเป็นวงกลมขณะฟังเสียงขลุ่ยต้นอ้อทำนองนุ่มนวลจนถึงรุนแรง

เที่ยง บริการอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร

หลังอาหาร นำท่านเดินทางสู่ เมือง ปามุคคาเล่ ตั้งอยู่ในจังหวัดเดนิซลี ซึ่งได้ชื่อว่าเป็น “เมืองแห่งสปา” เนื่องจากเป็นพื้นที่ที่มีบ่อน้ำพุร้อนธรรมชาติที่มีชื่อเสียงจำนวนมาก เนินเขาหินปูนสีขาวที่ลดหลั่นกันเป็นชั้นๆ จนถูกเรียกว่าเป็นปราสาทปุยฝ้ายเหล่านี้เกิดจากน้ำพุร้อนที่นำแคลเซียมคาร์บอเนตมาตกตะกอน ด้วยลักษณะทางธรรมชาติที่โดดเด่นไม่เหมือนที่ใดในโลก ปามุคคาเล่จึงได้รับการขึ้นทะเบียนจากองค์การยูเนสโก (UNESCO) ให้เป็นมรดกโลกร่วมกับเมืองโบราณเฮียราโพลิส (Hierapolis) ซึ่งตั้งอยู่บนปามุคคาเล่ ในปี ค.ศ. 1988 ว่ากันว่าน้ำพุร้อนที่นี่มีอายุมากว่า 14,000 ปี โดยตะกอนที่ไหลมาได้ฝังตัวทับถมกันจนเป็นตะไคร่น้ำสีขาวและกลายเป็นปราสาทปุยฝ้ายเช่นที่ปรากฏ ส่วนน้ำสีฟ้าใสราวกับแสงตกกระทบกับกระเบื้องหินอ่อนนั้น เกิดจากน้ำร้อนที่ทำปฏิกิริยากับกับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์และสูญเสียความร้อน เมื่อก๊าซสัมผัสกับอากาศจึงทำให้แคลเซียมคาร์บอเนตตกตะกอน พื้นน้ำในบ่อน้ำพุร้อนเหล่านี้จึงมีสีฟ้าสดใส สวยงาม และเป็นที่น่าตื่นตาตื่นใจ ซึ่งนักท่องเที่ยวสามารถแช่น้ำแร่ธรรมชาติที่นี่ได้ด้วย

เย็น รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร

ที่พัก Tripolis Hotel 4* หรือเทียบเท่า

วันที่ 6 ปามุคคาเล่ - ปราสาทปุยฝ้าย - เซลจุก – บ้านพระแม่มาเรีย - คุซาดาซี

เช้า บริการอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม

นําท่านเดินทางสู่ เมืองปามุคคาเล่ Pamukkale เมืองที่มีน้ำพุเกลือแร่ร้อนไหลทะลุขึ้นมาจากใต้ดินผ่านซากปรักหักพังของเมืองเก่าแก่สมัยกรีกก่อนที่ไหลลงสู่หน้าผาผลจากการไหลของน้ำพุเกลือแร่ร้อนนี้ได้ก่อให้เกิดทัศนียภาพของน้ำตกสีขาวเป็นชั้นๆ หลายชั้น และผลจากการแข็งตัวของแคลเซียมทำให้เกิดเป็นแก่งหินสีขาวราวหิมะขวางทางน้ำเป็นทางยาว ซึ่งมีความงดงามมาก เรียกปรากฎการณ์นี้ว่า ปราสาทปุยฝ้าย (ใช้เวลาเดินทางประมาณ 3 ชั่วโมง / 203 กม.)

นำท่านชม ปราสาทปุยฝ้าย Cotton Castle เมืองแห่ง น้ำพุเกลือแร่ร้อนที่ซึ่งในอดีตกาลชาวโรมันเชื่อว่า น้ำพุร้อนดังกล่าวรักษาโรคได้ จึงได้สร้าง เมืองฮียราโพลิส Hierapolis ล้อมรอบ ท่านจะได้สัมผัสเมืองโบราณอีกแห่งหนึ่งซึ่งสร้างขึ้นในสมัยโรมัน

เที่ยง บริการอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร

นำท่านเดินทางสู่ เมืองเซลจุค (Selçuk) ในจังหวัดอิชเมียร์ ประเทศตุรกี ในอดีตเอฟิซัสเคยเป็นหนึ่งในเมืองที่สำคัญที่สุดของยุคโบราณ สถานที่ที่หลงเหลือเพียงซากปรักหักพังแห่งนี้เคยเป็นทั้งเมืองท่าที่สำคัญ เป็นประตูสำหรับการติดต่อค้าขายกับพ่อค้าทั้งจากเอเชีย โรมัน และเป็นศูนย์รวมของนักการเมืองนักปรัชญาในสมัยโบราณ เมืองนี้ยังเป็นบ้านของเฮอร์แรคลิตัส (Heraclitus) นักปรัชญาคนสำคัญยุคก่อนโสกราตีส สำนักพวกเดอร์วิช (Dervish) มีหน้าที่ในการชักชวนพลเมืองชาวคริสต์ในคาบสมุทรอนาโตเลีย ให้หันมานับถือศาสนาอิสลาม และลดช่องว่างระหว่างราษฏรกับผู้ปกครองชาวเซลจุก

นำท่านเดินทางสู่ เมืองเอฟฟิซุส (Ephesus) เป็นเมืองกรีกโบราณที่ตั้งอยู่ทางฝั่งตะวันตกของอานาโตเลียในจังหวัดอิซ เมียร์ในประเทศตุรกีปัจจุบัน จากนั้นนำท่านเข้าชม เมืองเอฟฟิซุส (Ephesus) เมืองโบราณที่มีการบำรุงรักษาไว้เป็นอย่างดี เมืองหนึ่ง เคยเป็นที่อยู่ของชาวโยนก (Lonia) จากกรีกซึ่งอพยพเข้ามาปักหลักสร้างเมืองซึ่งรุ่งเรืองขึ้นในศตวรรษที่ 6 ก่อนคริสต์กาล ต่อมาถูกรุกรานเข้ายึดครองโดยพวกเปอร์เซียและกษัตริย์อเล็กซานเดอร์มหาราช ภายหลังเมื่อโรมันเข้า ครอบครองก็ได้สถาปนาเอฟฟิซุสขึ้นเป็นเมืองหลวงต่างจังหวัดของโรมัน นำท่านเดินบนถนนหินผ่านใจกลางเมืองเก่าที่สอง ข้างทางเต็มไปด้วยซากสิ่งก่อสร้างเมื่อสมัย 2,000 ปีที่แล้ว ไม่ว่าจะเป็นโรงละครกลางแจ้งที่สามารถผู้ชมได้กว่า 30,000 คน ซึ่งยังคงใช้งานได้จนถึงปัจจุบัน

เข้าชม ห้องอาบน้ำโรมันโบราณ (Roman Bath) ที่ยังคงเหลือร่องรอยรของห้องน้ำ ห้องอบ ไอน้ำ ให้เห็นอยู่จนถึงทุกวันนี้ นำท่านถ่ายภาพเป็นที่ระลึกกับ หอสมุดเซลซุส (Library of Celsus)มีความสวยงามเป็นเลิศ สร้างโดยติเบริอุส จูลิอุส อาควิ ลา อุทิศให้กับบิดา ชื่อ ติเบริอุส จูลิอุส เซลซุส ในปี 657 – 660 และได้ฝังโลงศพของบิดาที่ทำจากหินเอาไว้ใต้หอสมุดแห่งนี้ได้รับการขึ้นทะเบียนให้เป็นมรดก โลกโดยองค์การสหประชาชาติ หรือ ยูเนสโก เมื่อปี ค.ศ. 2015

นำท่านเข้าชม บ้านพระแม่มารี (House of Virgin Mary) ชื่อกันว่าเป็นที่สุดท้ายที่พระแม่มารี มาอาศัยอยู่และสิ้นพระชนม์ในบ้านหลังนี้ตั้งอยู่บนภูเขาสูงเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ที่คริสต์ศาสนิกชนจะต้องหาโอกาสขึ้นไปนมัสการให้ได้สักครั้งในชีวิต

นําท่านเดินทางสู่ เมืองคูซาดาสึ Kusadasi เป็นท่าเรือธรรมชาติที่ใช้มาตั้งแต่ก่อนคริสตกาล จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ ร้านเตอร์กิช ดีไลท์ (Turkish Delight Shop)คือขนมหวานขึ้นชื่อของประเทศตุรกี ซึ่งคนท้องถิ่นเรียกกันว่าโลคุม (Lokum) เป็น ขนมหวานทรงลูกเต๋าที่ประกอบขึ้นจากแป้งและน้ำตาล มักจะมีอัลมอนด์ วอลนัท ถั่วพิสตาชิโอ และแมคคาเด เมียผสมเข้าไปด้วย โดยส่วนมากหน้าตาจะมีสีชมพูเข้ม แต่ก็ดูจางลงไปทันทีเมื่อเสิร์ฟกับน้ำตาลไอซิ่งที่ คลุกเคล้าประหนึ่งแป้งฝุ่น มีรสหวาน สอดแทรกด้วยความกรอบและมันของถั่วคุณภาพดี ชาวตุรกีนิยมทานคู่ กับชาร้อน หรือ ชากลิ่นแอปเปิล

ค่ำ บริการอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร

ที่พัก COMFORT ADA CLASS HOTEL 4 **** หรือเทียบเท่า

วันที่ 7 คุซาดาซี - โรงงานเครื่องหนัง – เพอร์กามอน - คานัคคาเล่ - ม้าไม้เมืองทรอย

เช้า บริการอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม

นำท่านเยี่ยมชม โรงงานผลิตเครื่องหนัง (Leather Factory) ซึ่งประเทศตุรกีเป็นประเทศที่มีฐานการผลิตเครื่องหนังคุณภาพสูงที่สุดอันดับต้นๆ ของโลก ทั้งยังผลิตเสื้อหนังให้กับแบรนด์ดังในอิตาลี อาทิ Versace, Prada, Michael Kors อีกด้วย อิสระให้ท่านเลือกชมผลิตภัณฑ์จากเครื่องหนัง และ สินค้าพื้นเมืองตามอัธยาศัย ได้เวลาอันสมควร

นำท่านเดินทางสู่ เมืองเปอร์กามัม Pergamum ชมความสวยงามสิ่งก่อสร้างนี้มีขนาดใหญ่ที่มีชื่อเสียงคือ โรงละครที่ชันที่สุดในโลก ซึ่งจุผู้ชมได้ถึง 10,000 คน ของ วิหารอะโครโปลิส Acropolis ซึ่งถูกกล่าวขวัญว่าเป็นประหนึ่งดินแดนในเทพนิยาย จากนั้น นำท่านเดินทางสู่ เมืองชานัคคาเล Canakkale)ปัจจุบันเป็นเมืองที่มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์ เดิมมีชื่อว่า โบกาซี่ (Bogazi) หรือ เฮลเลสปอนด์ (Hellespont) มีความยาว 65 กิโลเมตร ส่วนที่แคบที่สุดกว้าง 1.3 กิโลเมตร เนื่องจากตั้งอยู่บนจุดแคบที่สุดของช่องแคบดาร์ดะเนลส์ ใกล้กับ แหลมเกลิโบลู ของกรีซ บนฝั่งของ 2 ทะเลคือ ทะเลมาร์มารา และ ทะเลอีเจียนซึ่งตั้งอยู่ริมทะเลมาร์มาราตัดกับทะเลอีเจียน เป็นที่ตั้งของเมืองทรอย

นำท่านเดินทางสู่ เมืองทรอย Troy เมืองที่มีชื่อเสียงมาแต่ในอดีต ถูกสร้างขึ้นมาประมาณ 4,000 ปีมาแล้ว ชม ม้าไม้จำลองแห่งเมืองทรอย Wooden Horse of Troy ซึ่งเปรียบเสมือนสัญลักษณ์อันชาญฉลาดด้านกลศึกของนักรบโบราณ โดยเป็นสาเหตุทำให้กรุงทรอยแตก และ Hollywood Troy สร้างขึ้นเพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวจากทั่วโลกที่หลงใหลใน มหากาพย์อีเลียดได้เห็นด้วยตาของตนเองอีกด้วย

ค่ำ บริการอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร

ที่พัก Iris Hotel 4* หรือเทียบเท่า

วันที่ 8 คานัคคาเล่ – อิสตันบูล – ล่องเรือชมช่องแคบบอสฟอรัส – พระราชวังโดลมาบาห์เช - แกรนด์บาร์ซา

เช้า บริการอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม

นำท่านเดินทางสู่ สู่ เมืองอิสตันบูล Istanbul เมืองที่มีความสำคัญที่สุดและเป็นเมืองที่มีประชากรหนาแน่นมากที่สุดในตุรกี เป็นเมืองที่ตั้งอยู่ริมช่องแคบบอสฟอรัส Bosphorus เดิมชื่อว่า คอนสแตนติโนเปิล ซึ่งเป็นอาณาจักรที่ยิ่งใหญ่ในประวัติศาสตร์ เป็นเมืองสำคัญของชนเผ่าจำนวนมากในบริเวณนั้น จึงส่งผลให้อิสตันบูลมีชื่อเรียกแตกต่างกันออกไป เช่น ไบแซนเทียม คอนสแตนติโนเปิ้ล เป็นต้น

นำท่าน ล่องเรือชมช่องแคบบอสฟอรัส Bosphorus Cruise ซึ่งเป็นช่องแคบที่เชื่อมทะเลดำ The Black Sea เข้ากับทะเลมาร์มาร่า Sea of Marmara โดยมีความยาวประมาณ 32 กิโลเมตร ความกว้างเริ่มตั้งแต่ 500 เมตร จนถึง 3 กิโลเมตร ถือว่าช่องแคบนี้เป็นจุดพบกันของสุดขอบทวีปยุโรปและสุดขอบทวีปเอเชีย ซึ่งนอกจากความสวยงามแล้ว ช่องแคบบอสฟอรัสยังเป็นจุดยุทธศาสตร์ที่สำคัญยิ่งในการป้องกันประเทศตุรกีอีกด้วย ขณะที่ล่องเรือท่านจะได้เพลิดเพลินกับทิวทัศน์ข้างทางไม่ว่าจะเป็นพระราชวังโดลมาบาเชหรือบ้านเรือนสไตล์ยุโรปของบรรดาเศรษฐีทั้งหลาย ซึ่งล้วนแล้วแต่สวยงามตระการตาทั้งสิ้น

จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ พระราชวังโดลมาบาห์เช Dolmabahce Palace สร้างโดยสุลต่านอับดุล เมซิด Abdul Mecit ในปี 2399 ใช้เวลาสร้างถึง 30 ปี สร้างด้วยหินอ่อน ศิลปะ แบบตะวันออกผสมผสานกับตะวันตก ตัวอาคารยาวถึง 600 เมตร ตั้งอยู่ริมชายฝั่งทะเลมาร์มาราในช่องแคบบอสฟอรัสบนฝั่งทวีปยุโรป จุดเด่นของวังแห่งนี้คือมีการประดับตกแต่งด้วยความประณีตวิจิตรตระการตามีทั้งเฟอร์นิเจอร์ พรม โคมไฟ เครื่องแก้วเจียระใน และรูปเขียน รูปถ่ายต่างๆ ที่มีชื่อเสียงมาก ได้แก่ โคมไฟแชนเดอเลียร์ ของขวัญจากอังกฤษทำจากแก้วคริสทัลขนาดใหญ่ที่สุดในโลกหนักถึง 5000 กิโลกรัม ประดับดวงไฟ 750 ดวง พรมทอมือผืนเดียวที่ใหญ่ที่สุดในโลก เสาหินอ่อนบันไดทางขึ้นห้องโถงตรงราวทำด้วยไม้วอลนัต ลูกกรงราวบันไดทำด้วยแก้วคริสทัล พรมชั้นเลิศราคาแพงที่สุดในโลก ทอโดย Cinar ในตุรกี เครื่องแก้วเจียระไนจากโบฮีเมีย ดีที่สุดในโลกของสาธารณรัฐเช็ก หินอ่อนจากอียิปต์มาทำห้องอาบน้ำ เซาน่า ในรูปแบบที่เรียกว่า เตอร์กิชบาธ ที่น่าสังเกตคือมีนาฬิกาวางประดับไว้มากมาย ทุกเรือนจะชี้บอกเวลา 09.06 น. อ้นเป็นเวลาที่ประธานาธิบดีมุสตาฟา เคมาล หรืออตาเติร์กถึงแก่อสัญกรรมในวันที่ 10 พฤศจิกายน 2484 แลมีรูปภาพเหมือนของสุลต่านหลายพระองค์ที่น่าสนใจคือ รูปสุลต่านอับดุล อาซิส ผู้มีรูปร่างใหญ่มาก สูง 195 เซนติเมตร มีน้ำหนัก 200 กิโลกรัม โปรดกีฬามวยปล้ำ ขี่ม้า ยิ่งธนู เป็นสุลต่านองค์แรกที่เสด็จเยือนต่างประเทศ เช่นอียิปต์ ฝรั่งเศส อังกฤษ เบลเยี่ยม เยอรมนี ออสเตรีย และฮังการี ที่น่าทึ่งและประหลาดใจก็คือ ทุกๆอย่างในพระราชวังเป็นของดั้งเดิม มิได้ถูกขโมยหรือทำลายเสียหาย การเข้าชมภายในพระราชวังก็ต้องเข้าชมเป็นคณะเป็นรอบๆ มีเวลา มีมัคคุเทศก์ของวังนำชมทีละห้องทีละอาคาร มีเจ้าหน้าที่คอยควบคุมอยู่ท้ายคณะ คอยดูแลไม่ให้แตกแถวไม่ให้อยู่ห้องใดห้องหนึ่งนานเกินไป ไม่ให้จับต้องสิ่งของต่างๆและต้องสวมถุงพลาสติกคลุมรองเท้าทุกคน เพื่อป้องกันไม่ให้พื้นปาร์เกต์อันสวยงามต้องสึกหรอ รวมทั้งพื้นพรมอันล้ำค่าเสียหาย พระราชวังเปิดทุกวัน 09.30-16.00 หยุดวันจันทร์และพฤหัสบดี นอกจากนี้ยังมีประตูทางเข้า หอนาฬิกา สวนริมทะเล อุทยาน นาฬิกา ดอกไม้ น้ำพุ สระน้ำ รูปปั้น รูปสลักต่างๆ วางประดับไว้อย่างลงตัว น่าชื่นชมในรสนิยมของสุลต่านแห่งออตโตมันเป็นอย่างยิ่ง

หลังจากนั้นนำท่านสู่ แกรนด์บาซาร์ (Grand Bazaar) เป็นตลาดเก่าแก่ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในเมืองอิสตันบูล สร้างขึ้นเมื่อ ค.ศ. 1456 ภายในมีร้าน จิวเวอรี่ เครื่องประดับ งานแฮนด์เมด ขนม ของฝาก ของตกแต่งต่างๆ เสื้อผ้า และอื่นๆ อีกมากมาย ให้ท่านได้อิสระเลือกซื้อของฝากตามอัธยาศัย

ค่ำ บริการอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร

ที่พัก Golden Way Hotel 4* หรือเทียบเท่า

วันที่ 9 อิสตันบูล - มหาวิหาร เซ้นต์โซเฟีย – ฮิปโปโดม – พระราชวังทอปกาปิ - กรุงเทพฯ

เช้า บริการอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม

นำท่านเข้าชมภายใน สุเหร่าเซนต์โซเฟีย St. Sophia or Mosque of Hagia Sophia หรือชื่อในปัจจุบัน คือ พิพิธภัณฑ์ฮายาโซฟีอา หรือฮาเจียโซเฟีย Hagia Sophia Museum เดิมเคยเป็นโบสถ์ของคริสต์ศาสนา นิกายออร์โธดอกส์ ต่อมาถูกเปลี่ยนเป็นสุเหร่า และในปัจจุบันได้กลายมาเป็นพิพิธภัณฑ์ สุเหร่าเซนต์โซเฟียถือเป็นสิ่งก่อสร้างที่ยิ่งใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่ง และมักถูกจัดให้อยู่ในรายการ 1 ใน 7 สิ่งมหัศจรรย์ของโลกยุคกลาง ซึ่งจุดเด่นอยู่ที่ยอดโดมขนาดมหึมากลางวิหาร และนับเป็นตัวอย่างที่ดีที่สุดของสถาปัตยกรรมแบบไบแซนไทน์

แล้วนำท่านเข้าชมภายใน สุเหร่าสีน้ำเงิน Blue Mosque สถานที่ศักดิ์สิทธิ์ทางศาสนาที่มีความสวยงามอีกแห่งหนึ่ง ซึ่งชื่อนี้ได้มาจากสีน้ำเงินของกระเบื้องเคลือบที่ใช้ปูตลอดแนวฝาผนังด้านใน ถูกสร้างขึ้นบนพื้นที่ซึ่งเคยเป็นวังของจักรพรรดิไบเซนไทน์ โดยสุลต่านอาห์เหม็ดที่ 1 ค.ศ. 1609 ใช้เวลาสร้างโดยรวมแล้ว 7 ปี

จากนั้นนำท่านถ่ายภาพเป็นที่ระลึกกับ ฮิปโปโดรม (Hippodrome)คือสิ่งก่อสร้างจากสมัยกรีกซึ่งใช้เป็นสนามแข่งม้า และการแข่งขันขับรถศึก (Chariot Racing) โดยคำว่า ฮิปโปส และ โดรโมส ปัจจุบันถูกนำไปใช้ในภาษาฝรั่งเศสด้วย หมายถึงการแข่งขันม้าใจกลางเมืองมอสโคว์ (Central Moscow Hippodrome) น่าเสียดายที่เหลือแต่ซากปรักหักพังของฮิปโปโดรมของกรุงคอนสแตนดิโนเบิลในอดีต หรือ อิสตันบูลในปัจจุบัน แม้จะ ยิ่งใหญ่และเก่าแก่ในสมัยโบราณสร้างขึ้นระหว่างปี ค.ศ. 203 – 330 แต่ปัจจุบันเหลือเพียง เสา 3 ต้น คือ เสาคอนสแตนตินที่ 7 (Column of Constantine VII)สร้างเมื่อไหร่ไม่มีใครทราบ แต่บูรณะเมื่อศตวรรษที่ 10 เสาต้นที่ 2 คือ เสางู ที่เชื่อว่าสร้างก่อนคริสตกาลมา 479 ปี เป็นรูปสลักงู 3 ตัวพันกัน จากเมือง เดลฟิ (Delphi) แล้วถูกขนย้ายมาตั้งที่นี่เมื่อ ศตวรรษที่ 4 ปัจจุบันเหลือเพียงครึ่งต้น และเสาต้นสุดท้ายคือ เสา อียิปต์ หรือเสาโอเบลิสก์ ( Obelisk of Thutmose) สร้างในช่วงก่อนคริสตกาลประมาณ 390 ปี มีรากศัพท์มาจากภาษากรีกคือ Obeliskos หมายถึง เหล็กแหลม เข็ม หรือ เสาปลายแหลม ลักษณะของเสาโอเบลิสก์จะเป็นเสาสูง สร้างจากหินแกรนิต

ขนาดใหญ่เพียงก้อนเดียว ฐานของเสาจะกว้างและค่อยๆ เรียวแหลมขึ้นสู่ยอดด้านบนเป็นแท่ง สี่เหลี่ยมสี่ด้าน ยอดบนสุดจะเป็นลักษณะเหมือนพีรามิด และมักนิยมหุ้มหรือเคลือบด้วยโลหะ เช่น ทองคำ เหล็ก หรือ ทองแดง เป็นต้น เสาโอเบลิสก์จ

เที่ยง บริการอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร

นำท่าน ชมพระราชวังทอปกาปึ (TOPKAPI PALACE) ตั้งอยู่ในเขตเมืองเก่าซึ่งถือเป็นเขตประวัติศาสตร์ที่ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกจากยูเนสโกตั้งแต่ปี ค.ศ. 1985 พระราชวังทอปกาปึ สร้างขึ้นโดยสุลต่านเมห์เมตที่ 2 ในปี ค.ศ.1459 บนพื้นที่กว้างใหญ่ถึง 4 ลานกว้าง และมีอาคารขนาดเล็กอีกจำนวนมาก ณ จุดที่สร้างพระราชวังแห่งนี้สามารถมองเห็นช่องแคบบอสฟอรัสโกลเดนฮอร์นและทะเลมาร์มาร่าได้อย่างชัดเจน ในช่วงที่เจริญสูงสุดของอาณาจักรออตโตมัน พระราชวังแห่งนี้มีราชวงศ์

และข้าราชบริพารอาศัยอยู่รวมกันมากถึงสี่พันกว่าคนนำท่านเข้าชมส่วนของท้องพระโรงที่เป็นที่จัดแสดงทรัพย์สมบัติข้าวของเครื่องใช้ส่วนพระองค์เครื่องเงินต่างๆ มากมาย

ได้เวลาอันสมควรนำท่านเดินทางสู่สนามบิน ท่าอากาศยาน อตาเติร์ก เมืองอิสตันบูล ประเทศตุรกี

19:45 น. ออกเดินทางสู่ ท่าอากาศยาน โดฮา ประเทศการ์ต้า โดยสายการบิน Qatar Airlines เที่ยวบินที่ QR 246

23:45 น. เดินทางถึง ท่าอากาศยาน โดฮา ประเทศการ์ต้า (เพื่อแวะเปลี่ยนเครื่อง)

วันที่ 10 โดฮา - สมุทรปราการ (ท่าอากาศยาน สุวรรณภูมิ)

02:20 น. ออกเดินทางกลับสู่ ประเทศไทย โดยสายการบิน Qatar Airlines เที่ยวบินที่ QR 836

13:10 น. เดินทางถึง ท่าอากาศยาน สุวรรณภูมิ โดยสวัสดิภาพพร้อมด้วยความประทับใจ

**หมายเหตุ** โปรแกรมแต่ละสถานที่อาจมีการสลับวันเยี่ยมชมเพื่อให้เหมาะสมกับเวลา และอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ด้วย

เหตุผลของเวลาหรือสถานการณ์อื่นๆ ที่นอกเหนือการควบคุมแต่จะถือผลประโยชน์ของลูกค้าเป็นสำคัญ

หน้าแรก | จองโรงแรม | ตั๋วเครื่องบินในประเทศ | ตั๋วเครื่องบินต่างประเทศ | ทัวร์ไทย | ทัวร์ไฟไหม้ | เรือสำราญ | เกี่ยวกับเรา | ติดต่อเรา | นโยบายความเป็นส่วนตัว
Copyright © 2003 eTravelWay.com All rights reserved โดย บริษัททัวร์ วีอาร์ เอนซี ทราเวล แอนด์ เทรด จำกัด
ใบอนุญาตนำเที่ยวในและต่างประเทศเลขที่ 11/11450
facebook
tel
TOP