ดูทัวร์โมรอคโคทั้งหมด

ทัวร์โมรอคโค

 รหัส : Z9074
เดินทางโดย : EY-เอทิฮัด แอร์เวย์
โรงแรม : &  |  จำนวนวัน : 11 วัน 8 คืน
New Year Celebration 2023 โมรอคโค : คาซาบลังกา - ราบัต - เชฟชาอุน - เฟส - อิเฟรน - มิเดลท์ - แอร์ฟูด์ - เมอร์ชูถ้า - ทินเฮียร์ - ทอดร้ากอร์จ - วอซาเซท - มาราเกซ - เอซาเวร่า - คาซาบลังกา / มื้อพิเศษ อาหารไทย 1 มื้อ - อาหารจีน 2 มื้อ - อาหารซีฟู้ด 1 มื้อ / โปรโมชั่น! จอง และจ่ายมัดจำ ภายในวันที่ 1 ต.ค. ลดท่านละ 2,000 บาท
ไม่รวม ค่าทิปไกด์ท้องถิ่น, คนขับรถฯ ท่านละ 90 ดอลลาร์ ตลอดการเดินทาง - ค่าทิปหัวหน้าทัวร์ไทย ท่านละ 45 ดอลลาร์ ตลอดการเดินทางหรือขึ้นอยู่กับความพึงพอใจของท่าน - ค่าใช้จ่ายส่วนตัว - ค่าธรรมเนียมน้ำมันของสายการบิน (หากมีการปรับขึ้น) - ค่าตรวจ RT-PCR (ถ้ามี ตามที่รัฐกำหนด) - ไม่มีเจ้าหน้าที่รับ-ส่งเอกสารวีซ่า โปรดส่งเอกสารทางระบบขนส่ง ตรงถึง Center แผนกวีซ่า

กรุงเทพฯ(สนามบินสุวรรณภูมิ) - แวะเปลี่ยนเครื่องสนามบินอาบูดาบี
สนามบินนานาชาติเมืองคาซาบลังก้า - เมืองราบัต - สุสานของกษัตริย์โมฮัมเหม็ดที่ 5 - ป้อมอูดายา - นครสีฟ้า เชฟชาอูน
เมืองเชฟชาอูน - เมืองเมคเนส - เมืองโบราณโรมันโวลูบิลิส - เมคเนส - ประตูบับมันซู - เมืองเฟส
ประตูพระราชวังหลวงแห่งเฟส - ชมสุสานของกษัตริย์ มูเล ไอดริสที่ 2 - ผ่านชมเมืองมูเล่ ไอดริส - ชมสุเหร่าใหญ่ไคเราวีน - เมืองเฟส - เมเดอร์ซา บูอิมาเนีย
ผ่านเมืองอิเฟรน - เมืองมิเดลท์ - เมืองเมอร์ซูก้า - เมืองเอร์ฟูด์ - เมืองเมอร์ซูก้าร์ (พักเต็นท์ ในทะเลทราย)
ชมพระอาทิตย์ขึ้นที่เนินทรายในทะเลทรายซาฮาร่า (ขี่อูฐ ท่านละ 1 ตัว) - นั่งรถ 4x4 สู่เมืองเอร์ฟูด์ - เมืองทินเฮียร์ - แวะชมโอเอซิส - ทอดร้ากอร์จ - เมืองวอซาเซท - ชมผลิตภัณฑ์ที่ทำจากกุหลาบที่เมือง มากูน่า
เมืองมาราเกซ - เมืองไอท์ เบนฮาดดู - เมืองมาราเกช - เข้าชมวิทยาลัยอิสลาม - ช้อปปิ้งที่ตลาด The Souks
สุเหร่า คูโตเบีย - สวนจาร์ดีน มาจอแรล - พระราชวังบาเฮีย - ป้อมปราการเมือง - เมืองเอซาเวร่า
เมืองมรดกโลก เอซาเวร่า - คาซาบลังก้า - ช้อปปิ้งที่ห้าง Morocco Mall - สุเหร่าแห่งกษัตริย์ฮัสซันที่ 2
สนามบิน Mohammed V International Airport - แวะเปลี่ยนเครื่องสนามบินอาบูดาบี
กรุงเทพฯ(สนามบินสุวรรณภูมิ)
เดินทาง :
รายการนี้ยังไม่มีพีเรียดเดินทาง
Download PDF

New Year Celebration 2023 โมรอคโค 11 วัน 8 คืน

โดยสายการบิน เอทิฮัท แอร์เวย์ส

คาซาบลังการาบัตเชฟชาอุนเฟสอิเฟรน

มิเดลท์แอร์ฟูด์เมอร์ชูถ้าทินเฮียร์ทอดร้ากอร์จ

วอซาเซทมาราเกซเอซาเวร่าคาซาบลังกา

*** จองและจ่ายมัดจำ ภายในวันที่ 1 ต.ค. 65 ลดท่านละ 2,000 บาท ***

พักโรงแรมระดับ 4-5 ดาว*

***พิเศษ...อาหารไทย 1 มื้อ และ อาหารจีน 2 มื้อ และ อาหารซีฟู้ด 1 มื้อ***

*** บริษัททัวร์ ขอสงวนสิทธิ์ รับจองทัวร์ สำหรับผู้ที่จะเดินทางได้รับวัคซีน ครบ 2 เข็มแล้วเท่านั้น ***

ไม่รวม ค่าทิปไกด์ท้องถิ่น, คนขับรถฯ ท่านละ 90 ดอลลาร์ ตลอดการเดินทาง

ค่าทิปหัวหน้าทัวร์ไทย ท่านละ 45 ดอลลาร์ ตลอดการเดินทางหรือขึ้นอยู่กับความพึงพอใจของท่าน

ค่าใช้จ่ายส่วนตัว - ค่าธรรมเนียมน้ำมันของสายการบิน (หากมีการปรับขึ้น)

ค่าตรวจ RT-PCR (ถ้ามี ตามที่รัฐกำหนด)

ไม่มีเจ้าหน้าที่รับ-ส่งเอกสารวีซ่า โปรดส่งเอกสารทางระบบขนส่ง ตรงถึง Center แผนกวีซ่า

หลังจากท่านทำการจองทัวร์แล้ว ทางบริษัทฯจะถือว่าท่านเข้าใจ และพร้อมปฏิบัติตามเงื่อนไขดังกล่าวเพื่อประโยชน์ของผู้เดินทาง โปรดศึกษาเงื่อนไขการจองทัวร์ และการยกเลิกทัวร์ ที่ระบุในรายการทั้งหมด

26 ธ.ค.65(1) กรุงเทพฯ (Bangkok) - อาบู ดาบี (Abu Dhabi)

16.00 น. สมาชิกพร้อมกันที่ สนามบินสุวรรณภูมิ เคาน์เตอร์สายการบินเอทิฮัท แอร์เวย์ส เคาน์เตอร์ Q ประตูทางเข้าที่ 8 เจ้าหน้าที่ คอยอำนวยความสะดวก และทาการเช็คอิน

19.10 น. บินสู่อาบูดาบี (Abu Dhabi) โดยสายการบินอิทิฮัด แอร์เวย์ส เที่ยวบินที่ EY 407

เชิญเพลิดเพลินกับจอทีวีส่วนตัวทุกที่นั่ง พร้อมบริการอาหารและเครื่องดื่มบนเครื่องบิน

23.15 น. ถึง สนามบินอาบู ดาบี ประเทศสหรัฐอาหรับ เอมิเรตส์ พักเปลี่ยนอิริยาบถและเปลี่ยนเครื่อง

27 ธ.ค.65(2) อาบู ดาบี (Abu Dhabi) - คาซาบลังกา (Casablanca) - ราบัต (Rabat) -เชฟชาอูน (Chefchaouen)

02.20 น. บินต่อ สู่เมืองคาซาบลังกา สายการบินเอทิฮัด แอร์เวย์ส เที่ยวบิน EY 613

08.05 น. เครื่องลงจอดที่ สนามบินนานาชาติเมืองคาซาบลังก้า (Casablanca) ประเทศโมรอคโค (เวลาท้องถิ่นในประเทศโมรอคโค ช้ากว่าประเทศไทย 6 - 7 ช.ม.) หลังผ่านตรวจคนเข้าเมืองและศุลกากร พบมัคคุเทศก์ท้องถิ่นแล้วเดินทางสู่ เมืองราบัต (Rabat) เมืองหลวงแห่งราชอาณาจักรโมรอคโค (ระยะทาง 115 กม.เวลาเดินทางประมาณ 1.30 ชม.)

นำท่านชมสุสานของกษัตริย์โมฮัมเหม็ดที่ 5 พระอัยกา(ปู่) ของกษัตริย์องค์ปัจจุบัน ซึ่งมีทหารยามยืนเฝ้าสง่าทุกประตูและเปิดให้คนทุกชาติทุกศาสนาเข้าไปเคารพพระศพที่ฝังอยู่เบื้องล่าง ด้านหน้าของสุสาน คือสุเหร่าฮัสซันที่เริ่มสร้างมาตั้งแต่ศตวรรษที่ 12 แต่ไม่สำเร็จและพังลงจนเหลือแต่เพียงเสาไว้ 365 ต้น ในบริเวณกว้าง 183x139 เมตร 

นำท่านชม ป้อมอูดายา (Oudayas Fortress) ป้อมขนาดใหญ่ 2 ชั้น ที่ตั้งอยู่ริมมหาสมุทรแอตแลนติก ล้อมรอบด้วยกำแพงสูงใหญ่ เป็นป้อมที่สเปนสร้างขึ้นเมื่อสมัยที่สเปนยึดครองโมรอคโค ด้านในมีสวนดอกไม้แบบสเปน และเป็น เมดิน่า หรือชุมชนชาวเมืองซึ่งเต็มไปด้วยบ้านเรือนทาทาบด้วยสีฟ้า-ขาว บรรยากาศริมทะเลคล้ายเมืองซานโตรินี นับเป็นหนึ่งในป้อมปราการที่สำคัญของโมรอคโคในอดีตใช้ป้องกันข้าศึกจากการรุกรานทั้งจากประเทศที่ล่าอาณานิคมและในยุคที่โจรสลัดชุกชุม 

กลางวัน รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารท้องถิ่น

บ่าย นำท่านเดินทางสู่เมืองนำท่านเดินทางต่อ สู่ นครสีฟ้า เชฟชาอูน (Chefchaouen) เมืองที่ได้ชื่อว่า “ มนต์เสน่ห์แห่งโมร็อกโค “ แม้ว่าโมรอคโคจะเป็นประเทศที่ตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือของทวีปแอฟริกา แต่เพราะการที่มีอาณาเขตติดต่อกับทะเลเมดิเตอร์เรเนียนและมหาสมุทรแอตแลนติก จึงทำให้ภูมิอากาศของประเทศเป็นแบบเมดิเตอร์เรเนียนคล้ายตอนใต้ของอิตาลีและ สเปน เมืองเชฟชาอูน (Chefchaouen) เป็นเมืองเล็กๆตั้งอยู่ในหุบเขาริฟ (Rif Mountain หรือ Er-Rif) ประวัติความเป็นมาของเมืองนั้นยาวนานกว่า 540 ปี ในอดีตก่อนที่โมรอคโคจะได้รับเสรีภาพในการปกครองประเทศทั้งหมดในปี 1956 เมืองเชฟชาอูนเคยอยู่ใต้การปกครองของสเปนมาก่อน และจนบัดนี้ประชากรที่มีประมาณ 40,000 คน ก็ยังคงใช้ภาษาสเปนกันอย่างแพร่หลาย อากาศบริสุทธิ์และความสะอาดของเมืองเชฟชาอูนได้สร้างบรรยากาศผ่อนคลายสบายๆที่ทำให้นักท่องเที่ยวที่เหนื่อยล้ามาจากการตระเวนเที่ยวที่เมืองอื่นหายเหนื่อยได้ สำหรับท่านที้ชื่นชอบในสถาปัตยกรรมแบบโมรอคโค ไม่ควรพลาดเมืองเล็ก ๆ แห่งนี้ ที่บ้านเรือนทาทาบด้วยสีฟ้าและสีขาว ซึ่งจะสร้างความประทับใจให้แก่ผู้มาเยือนมิรู้ลืม

ค่ำ รับประทานอาหารค่ำ ณ โรงแรม

พักที่ PARADOR HOTEL ระดับ 4 * หรือเทียบเท่า

28 ธ.ค.65(3) เชฟชาอูน (Chefchaouen) - โวลูบิลิส (Volubilis) - เฟส (Fes)

เช้า รับประทานอาหารเช้าในโรงแรม-เช็คเอ้าท์

นำท่านเดินชม เมืองเชฟชาอูน เมืองที่ถือว่าเป็นสวรรค์ของคนรักสีฟ้าและสีขาว โดยเฉพาะสีฟ้า นั่นก็เพราะว่าเชฟชาอูนเป็นเมืองที่บ้านเรือนเกือบทุกหลังเป็นสีขาว และมีครึ่งล่างไปจนถึงบริเวณถนน บันได และทางเดิน เป็นสีฟ้าสดใสเหมือนวันที่ท้องฟ้าไร้เมฆ ประกอบกับอากาศบริสุทธิ์และความสะอาดของเมืองได้สร้างบรรยากาศผ่อนคลายสบายๆที่ทำให้นักท่องเที่ยวที่เหนื่อยล้ามาจากการตระเวนเที่ยวที่เมืองอื่นหายเหนื่อยได้ สำหรับท่านที่ชื่นชอบในสถาปัตยกรรมแบบโมรอคโค ไม่ควรพลาดเมืองเล็ก ๆ ที่บ้านเรือนทาทาบด้วยสีฟ้าและสีขาว แห่งนี้ทีเดียว

นำท่านออกเดินทางสู่ เมืองเมคเนส (Meknes) (ระยะทาง 195 กม. ใช้เวลาเดินทางประมาณ 3.30 ชม.) แวะชม เมืองโบราณโรมันโวลูบิลิส (Roman city of Volubilis) ที่ปัจจุบันเหลือแต่ซากปรักหักพังที่เกิดจากแผ่นดินไหวครั้งรุนแรงในปี ค.ศ. 1755 แต่ยังคงเห็นได้ถึงร่องรอยความยิ่งใหญ่ของเมืองในจักรวรรดิโรมันในอดีต อดีตเมืองโบราณแห่งจักรวรรดิโรมันแห่งนี้มีความสำคัญยิ่งในยุคศตวรรษที่ 3 และล่มสลายถูกปล่อยเป็นเมืองร้างในศตวรรษที่ 11 เมืองโรมันโบราณแห่งนี้ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกในปี ค.ศ.1997 เดินทางถึงเมือง เมคเนส (Meknes) หนึ่งในเมืองมรดกโลกรับรองโดยยูเนสโกเมื่อปี ค.ศ.1996 อดีตเมืองหลวงในสมัยสุลต่านมูเล อิสมาอิล (Mouley Ismail) แห่งราชวงศ์อะลาวิท (Alawite Dynasty) ได้ชื่อว่าเป็นกษัตริย์จอมโหดผู้ชื่นชอบการทำสงครามในช่วงศตวรรษที่ 17 ด้วยทำเลที่ตั้งที่มีแม่น้ำไหลผ่านกลางเมือง เมกเนสจึงเป็นเมืองศูนย์กลางการผลิตมะกอก ไวน์ และพืชพรรณต่างๆ มีกำแพงเมืองล้อมรอบเมืองเก่าที่ยาวประมาณ 40 กม. ซึ่งมีประตูเมืองใหญ่โตถึง 7 ประตู

กลางวัน รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารท้องถิ่น

แวะชม ประตูบับมันซู (Bab Mansour Monumental Gate) เป็นประตูที่ได้ชื่อว่าสวยที่สุด ตกแต่งด้วยโมเสคและกระเบื้องกระเบื้องสีเขียวสดบนผนังสีแสดจากนั้นเดินทางสู่ เมืองเฟส (Fes) นำท่านเดินทางสู่ (ระยะทาง 82 กม. ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1ชม.) เมืองหลวงเก่าในศ.ต. ที่ 8 ที่มีความความสำคัญทางประวัติศาสตร์และศาสนาตั้งแต่ยุค ศตวรรษ ที่ 8 เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงของโมรอคโค ซึ่งตั้งอยู่บนพื้นที่ที่อุดมสมบูรณ์ที่ต่อจากเชิงเทือกเขารีฟซึ่งเฟสเป็นเมืองแหล่งท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงและมีเสน่ห์อันน่าประทับใจ

ค่ำ รับประทานอาหารค่ำ ที่โรงแรม

พักที่ โรงแรม BARCELO FES ระดับ 4* หรือเทียบเท่า

29 ธ.ค.65(4) เฟส (Fes)

เช้า รับประทานอาหารเช้าในโรงแรม-เช็คเอ้าท์

นำท่านชมประตูพระราชวังหลวงแห่งเฟส (The Royal Palace) ประตูทางเข้าพระราชวังเป็นสถาปัตยกรรมที่สวยและสง่างาม เป็นเอกลักษณ์แห่งราชวงศ์โมรอคโค บริเวณใกล้เคียงพระราชวังเคยเป็นที่อยู่ของชุมชนชาวยิวที่ทำรายได้ให้แก่ราชวงศ์ เพราะชาวยิวฉลาดทำการค้าเก่ง เป็นพ่อค้าผูกขาดการค้าเกลือ แต่ปัจจุบันชาวยิวส่วนใหญ่ได้เดินทางกลับไปอยู่ในดินแดนแห่งพันธสัญญา(ประเทศอิสราเอล) คงเหลือประชากรชาวยิวอยู่ไม่มากนัก จากนั้นนำท่านเดินทางเข้าสู่เขาวงกตอันซับซ้อนแห่งเมดินาเมืองเฟส ผ่านประตู Bab BouJeloudที่สร้างตั้งแต่ปี 1913 ที่ใช้โมเสดสีฟ้าตกแต่ง เดินผ่านเข้าไปในเขตเมดิน่าแล้วเหมือนข้ามกาลเวลาย้อนสู่อดีต นำท่านเดินผ่านตลาดสดขายข้าวปลาอาหาร และผัก ผลไม้สดต่างๆนาๆ ในเขตเมืองเก่าได้แบ่งออกเป็น 100 ส่วน มีซอยกว่า 9,400 ซอย มีซอยแคบสุดคือ 50 ซ.ม. ถึงกว้าง 3 เมตร จะแบ่งเป็นย่านต่างๆ เช่น ย่านเครื่องใช้ทองเหลือง ทองแดง จะมีร้านค้าเล็ก ๆ ที่หน้าร้านจะมีหม้อ กะทะ อุปกรณ์เครื่องครัว วางแขวนห้อยเต็มไปหมด ย่านขายพรมที่วางเรียงรายอย่างสวยงาม ย่านงานเครื่องจักสาน งานแกะสลักไม้ และย่านเครื่องเทศ (Souk El Attarine) ท่านจะได้สัมผัสทั้งรูป รสและกลิ่นในย่านเครื่องเทศที่มีการจัดเรียงสินค้าได้อย่างเป็นระเบียบเรียบร้อยสวยงามระหว่างที่เดินตามทางในเมดิน่าท่านจะได้พบกับน้ำพุธรรมชาติ(Nejjarine Fountain) เพื่อให้ชาวมุสลิมให้ล้างหน้าล้างมือก่อนเข้าในบริเวณมัสยิด นอกจากนี้ที่ตามซอกมุมอาจเห็นภาพชายสูงอายุหนวดเครารุงรังนั่งแกะสลักไม้ชิ้นเล็กๆอยู่บริเวณตามทางเดินแคบๆในเขตเมืองเก่าบางทีเราก็ยังจะเห็นผู้หญิงที่นี่สวมเสื้อผ้าที่ปิดตั้งแต่หัวจนถึงเท้าจะเห็นได้ก็เฉพาะตาดำอันคมกริบเท่านั้น แวะชมสุสานของกษัตริย์ มูเล ไอดริสที่ 2 (Moulay IdrissMausolem II) ที่ชาวโมรอคโคถือว่าเป็นแหล่งมาแสวงบุญที่ศักดิ์สิทธิ์ โดยชายชาวมุสลิมจะมาขอพรก่อนการเข้าสุหนัตและหญิงสาวชาวมุสลิมมักจะมาขอพรเพื่อให้ได้บุตร ผ่านชมเมืองมูเล่ ไอดริส (Moulay Idriss) เมืองโรมันโบราณเมืองหนึ่งที่เป็นเมืองศูนย์กลางทางศาสนาอันศักดิ์สิทธิของชาวมุสลิมในโมรอคโค ทุกๆ ปีช่วงเดือนสิงหาคมถึงกันยายน จะมีเหล่านักจาริกแสวงบุญมาเยือนเมืองแห่งนี้เพื่อประกอบพิธีทางศาสนาเปรียบได้กับเมืองเมกกะของประเทศซาอุดิอาระเบีย ชมสุเหร่าใหญ่ไคเราวีน (Kairaouine Mosque) ซึ่งเป็นทั้งมหาวิทยาลัยสอนศาสนาแห่งแรกของโมรอคโคและเก่าแก่ที่สุดแห่งหนึ่งของโลกเลยทีเดียว (เฉพาะผู้ที่นับถือศาสนาอิสลามเท่านั้น) ชมย่านเครื่องหนังและแวะชม บ่อฟอกและย้อมสีหนังแบบโบราณประจำเมืองเฟส (Chouara Tannery) ที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะของเมืองเฟส ถูกอนุรักษ์โดยองค์กรยูเนสโก้ เมืองเฟส จึงเป็นสถานที่ไม่ควรพลาดในการมาเยือนอย่างยิ่ง

กลางวัน รับประทานอาหารจีน ณ ภัตตาคารท้องถิ่น

นำท่านเข้าสู่เมืองเก่าเฟส ชม เมเดอร์ซา บูอิมาเนีย (MerdersaBouImania) ซึ่งเป็นโรงเรียนสอนพระคัมภีร์ เป็นสถาปัตยกรรมแบบมัวร์ที่สวยงามประณีต ชมร้านทองเหลือง ซึ่งช่างฝีมือที่ทำทองเหลืองเป็นช่างที่ได้รับการถ่ายทอดกันมาตั้งแต่บรรพบุรุษ หลายชั่วอายุคน ในอดีตช่างฝีมือ และ ช่างหัตถกรรมเหล่านี้ ได้สร้างสรรค์ผลงานอันวิจิตรงดงาม ในแคว้น อัล อันดาลูซ ประเทศสเปน เมื่อครั้งที่ชาวโมรอคคันเบอร์เบอร์ปกครองแคว้น อัล อันดาลูซ ของสเปน และชมการผลิตโมเสค (Mosaic) และเครื่องใช้ที่ทำจากเซรามิค ชมกรรมวิธีการทำ ซิลิจ Zeiligeซึ่งเป็นกรรมวิธีที่สืบทอดกันมาแต่ดั้งเดิม ดังความงามได้ปรากฏจนเป็นที่เลื่องลือกันในประเทศสเปน โดยเฉพาะการปูกระเบื้องโมเสคที่ตัดและจัดลวดลายที่ละชิ้นหรือที่เรียกว่า ซิลลิจ ได้อย่างลงตัว

ค่ำ รับประทานอาหารค่ำ ที่โรงแรม

พักที่ BARCELO FES ระดับ 4* หรือเทียบเท่า

***กรุณาจัดเตรียมเสื้อผ้า ของใช้จำเป็น ใส่กระเป๋าเล็ก แยกไว้เพื่อใช้ในการค้างแรมในทะเลทรายซาฮาร่า ในคืนวันพรุ่งนี้

30 ธ.ค.65(5) เฟส (Fes) - อิเฟรน (Ifrane) –มิเดลท์(Midelt) - แอร์ฟูด์ (Erfoud)– เมอร์ซูก้า(Merzouga)

เช้า รับประทานอาหารเช้าในโรงแรม-เช็คเอ้าท์

นำท่านเดินทางผ่านเมืองอิเฟรน (Ifrane) (ระยะทาง 70 กม. ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1.20 ชม.) อิเฟรน(Ifrane) เป็นเมืองพักตากอากาศบนความสูงกว่า 1,650 เมตรเหนือระดับน้ำทะเล ซึ่งในอดีตฝรั่งเศสได้มาสร้างเมืองขึ้นในบริเวณนี้ ใช้เป็นสถานที่พักผ่อนทั้งฤดูหนาวและฤดูร้อน บ้างก็เรียกเมืองอิเฟรนว่า “เจนีวาแห่งโมรอคโค” หรือ “สวิตเซอร์แลนด์แห่งโมรอคโค” บ้านส่วนใหญ่มีหลังคาสีแดง มีดอกไม้ และทะเลสาบสวยงาม นำท่านเดินเล่นภายในเมืองและเก็บภาพบรรายากาศอันสวยงามอีกแห่งของโมรอคโค ถ่ายรูปกับอนุสรณ์สิงห์โตหิน ซึ่งเป็นสัญลักษณ์แทนสิงห์โตตัวสุดท้ายที่ถูกล่าจนหมดไปจากเทือกเขาแห่งนี้ เพลิดเพลินไปกับการเดินเล่นในเมืองเล็ก ๆ ที่มีอากาศบริสุทธิ์ และธรรมชาติอันน่าประทับใจ ได้เวลาอันสมควร

นำท่านเดินทางสู่ เมืองมิเดลท์ (Midelt) (ใช้เวลาเดินทาง ประมาณ 2 ช.ม.) เป็นจุดแวะพักของนักผจญภัย ที่ชอบความท้าทายในการเดินเขาที่มีบรรยากาศแห้งแล้ง ของทะเลทรายซาฮาร่า ผ่านภูมิประเทศที่เขียวชอุ่มไปด้วยป่าไม้ ป่าสนซีดาร์ บางช่วงต้นไม้เป็นพุ่มเตี้ยแปลกตา บางช่วงเป็นพื้นราบทุ่งหญ้าสำหรับเลี้ยงสัตว์ ที่มีทิวเขาเป็นฉากหลัง อันงดงาม

กลางวัน รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารท้องถิ่น

บ่าย นำท่านเดินทางสู่ เมืองเมอร์ซูก้า (Merzouga) เดินทางข้ามเขา มิดเดิล แอตลาส (Middle Atlas) ผ่านเส้นทางความสูง 3,090 เมตร ปกคลุมด้วยหิมะ และต้นสนขนาดใหญ่ ผ่านแนวเขาที่มีรูปร่างแปลกตา และสวยงาม ซึ่งเกิดจากกัดกร่อนของแรงลมตามธรรมชาติ ทำให้หุบเขาบริเวณนี้มีรูปร่างต่างๆ มีลักษณะเป็นแคนย่อน จนบางครั้ง นักท่องเที่ยวชมว่า สวยงามกว่าแกรนด์ แคนย่อนของอเมริกา ผ่านเมืองเออราชิดิยา (Erachidia) เมืองที่มีแหล่งโอเอซิสที่ใหญ่และสำคัญ และเป็นเมืองซึ่งเป็นจุดยุทธศาสตร์ที่สำคัญของโมรอคโค มีพรมแดนติดกับประเทศ แอลจีเรีย เดินทางสู่ เมืองเอร์ฟูด์ (Erfoud) เมืองที่เคยเป็นศูนย์กลางของกองคาราวานพ่อค้าที่เดินทางมาจากทางตะวันออกกลางอย่างเช่นซาอุดิอารเบียและซูดานในแอฟริกานำท่านชมโรงงานที่ตัดภูเขาเพื่อนำเอาหินซึ่งมีซากฟอสซิล มาผลิตเป็นเครื่องใช้ ในอดีตเมื่อประมาณ 350 ล้านปีก่อน ดินแดนแห่งนี้เคยอยู่ใต้ท้องทะเล ต่อมาเมื่อแผ่นดินผุดขึ้นมา จึงเกิดซากฟอสซิลขึ้นมากมาย

นำท่านหยิบกระเป๋าใบเล็กที่แยกเตรียมไว้และของใช้ที่จำเป็น เข้าพักเมืองเมอร์ซูก้าร์ (MERZOUGA) เดินทางโดยรถ 4x4 (4WD) (รถ 4 WD นั่งคันละ 4–5 ท่าน) เข้าสู่ทะเลทรายซาฮาร่าในทวีปแอฟริกาที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับสองของโลก (รองจากทะเลทรายในทวีปแอนตาร์กติกา) และเป็นทะเลทรายร้อนที่ใหญ่ที่สุดของโลก(ระยะทาง 54 ก.ม. ใช้เวลา 45 นาที) ผ่านภูเขาหิน ที่เต็มไปด้วยซากฟอสซิล ของหอย และ แมงกะพรุนโบราณ

ค่ำ รับประทานอาหารค่ำ ที่เมอร์ซูก้า

พักที่ Merzouga luxury camp ระดับ 4* หรือเทียบเท่า

(เต็นท์ ในทะเลทรายแบบมาตรฐานจะเป็นเต๊นท์ ที่เป็นห้องน้ำรวม ภายในเต็นท์ จะมีเพียงที่นอน หมอน ผ้าห่ม)

*** เชิญท่านเพลิดเพลินกับบรรยากาศยามค่ำคืนของทะเลทรายซาฮาร่า และชมดวงดาวบนท้องฟ้า ***

 31 ธ.ค.65(6) มอร์ซูก้า (Merzouga)- ทินเฮียร์ (Tinerhir) - ทอดร้ากอร์จ(Todra Gorge)- วอซาเซท(Ouarzazate)

เช้าตรู่ ก่อนพระอาทิตย์ขึ้นนำท่านขี่อูฐชมเพื่อชมพระอาทิตย์ขึ้นที่เนินทรายในทะเลทรายซาฮาร่า (ขี่อูฐ ท่านละ 1 ตัว) ทะเลทรายซาฮาร่า (SAHARA DESERT) เป็นทะเลทรายที่มีอาณาเขตกว้างใหญ่ที่สุดในโลกคือ มีเนื้อที่ประมาณ 9.3 ล้านตารางกิโลเมตร (ใหญ่เท่าอเมริกาทั้งประเทศ) และตั้งอยู่ทางตอนเหนือของทวีปแอฟริกา ทะเลทรายซาฮาร่ามีสิ่งแวดล้อมที่ไม่เอื้อต่อการดำรงอยู่ของชีวิตมนุษย์ สัตว์ หรือพืช เพราะฝนตกน้อยมาก และพื้นที่ไม่เหมาะแก่การเพาะปลูกหรือเลี้ยงสัตว์ หากมีสัตว์และพืชพันธุ์ใดที่สามารถเติบโตในทะเลทรายได้ ก็ต้องปรับตัวกันอย่างมาก เช่นเดียวกับมนุษย์ที่ต้องหาวิธีในการใช้ชีวิตให้อยู่รอดได้ ให้ท่านได้สัมผัสบรรยากาศยามเช้าในทะเลทรายซาฮาร่า จากสภาพการไร้ฝนและอุณหภูมิที่ร้อนจัดในทะเลทรายมีผลทำให้ความชื้นสัมพัทธ์ของอากาศเหนือทะเลทราย เกือบเป็นศูนย์ตลอดปี ชมพระอาทิตย์ขึ้นจากบนเนินทราย ซึ่งสวยงาม น่าประทับใจได้เวลานำท่านขี่อูฐกลับสู่โรงแรมที่พัก

เช้า รับประทานอาหารเช้าในโรงแรม-เช็คเอ้าท์

นำคณะนั่งรถขับเคลื่อนสี่ล้อ 4x4 (4WD) ออกจากทะเลทรายซาฮาร่า มุ่งหน้าสู่เมืองเอร์ฟูด์(Erfoud) เพื่อเปลี่ยนเป็นรถโค้ช เดินทางสู่ เมืองทินเฮียร์ แวะชมโอเอซิส Tinerhirซึ่งเป็นชุมชนที่เกาะกลุ่มอยู่รวมกัน ท่ามกลางความแห้งแล้งในเขตทะเลทราย ที่ยังมีความชุ่มชื้น มีตาน้ำ หรือ ลำธารน้ำ ซึ่งใช้ในการปลูก ต้นปาล์ม ต้นอัลมอนด์ โอเอซิสแห่งนี้เคยเป็นที่ตั้งของกองทหารที่เดินทางมาจากเมืองวอซาเซท

จากนั้นเดินทางสู่ ทอดร้ากอร์จ (Todra Gorge) โกรกธารที่มีโขดผาสูง 985 ฟุต หรือ 300 เมตร ทั้งสองด้านที่เกือบตั้งทำมุมสามเหลี่ยมกับแม่น้ำโทดร้า ถือว่าเป็นโกรกธารและหุบเขาที่สวยที่สุดทางใต้ของโมรอคโค ชมความงดงามของช่องเขาที่ซ่อนตัวอยู่ในโอเอซิส โดยมี ลำน้ำใส ๆ ที่ไหลผ่านช่องเขากับหน้าผาสูงชันแปลกตา สถานที่แห่งนี้เป็นแหล่งปีนหน้าผาสำหรับนักท่องเที่ยวที่รักการเสี่ยงภัย

กลางวัน รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารท้องถิ่น

บ่าย ผ่านหุบเขาดาเดดส์ (Dades) ซึ่งเป็นแนวเขาและธรรมชาติของหุบเขาที่ถูกกัดกร่อนจากแรงลม ทำให้หุบเขากลายเป็นรูปร่างต่างๆ สวยงามเดินทางสู่ เมืองวอซาเซท (Ouarzazate) เคยเป็นที่ตั้งทางยุทธศาสตร์ ในปี ค.ศ. 1928 ฝรั่งเศสได้ตั้งกองกำลังทหารและพัฒนาที่นี่ให้เป็นศูนย์กลางการบริหาร วอซาเซทเป็นเมืองที่ถูกส่งเสริมให้เป็นเมืองท่องเที่ยวแวดล้อมไปด้วยสตูดิโอภาพยนตร์ และมีการพัฒนาพื้นที่ในทะเลทรายเพื่อการทำกิจกรรมต่างๆ เช่น การขี่มอเตอร์ไซด์ อูฐ กิจกรรมผจญภัยกลางทะเลทราย (สำหรับในฤดูหนาว - ฤดูใบไม้ผลิ (พ.ย.– เม.ย.)) ควรเตรียมเสื้อกันหนาวให้เพียงพอ เพราะเมืองนี้อยู่ใกล้ภูเขาแอตลาส ที่มีหิมะปกคลุมในช่วงดังกล่าว วอซาเซท อาจกล่าวได้ว่าเป็นจุดมุ่งหมายของนักท่องเที่ยวที่มองหาความแตกต่าง และความผจญภัยที่หาไม่ได้จากที่ไหน วอซาเซทเป็นเมืองที่สำคัญที่สุดของทางตอนใต้ และที่นี่ยังเป็นทางเชื่อมระหว่างเหนือกับใต้ และตะวันออกกับตะวันตก สำหรับนักท่องเที่ยวบางคนที่ชอบรสชาติของความเป็นทางใต้ ณ แห่งนี้เป็นจุดเริ่มต้นของการสำรวจเมืองต่างๆได้ทุกวัน ก่อนถึงเมืองซอซาเซท แวะชมผลิตภัณฑ์ที่ทำจากกุหลาบที่เมือง มากูน่า (M’Gouna) (เทศกาลกุหลาบจะจัดขึ้นประมาณเดือนพฤษภาคม)

ค่ำ รับประทานอาหารค่ำ ที่โรงแรม

พักที่ DAR CHAMAA HOTEL ระดับ 4* หรือเทียบเท่า

01 ม.ค.66 (7) วอซาเซท(Ouarzazate) - มาราเกช (Marakech)

เช้า รับประทานอาหารเช้าในโรงแรม-เช็คเอ้าท์

เดินทางสู่ เมืองมาราเกซ ผ่านเส้นทางข้ามเทือกเขาไฮแอทลาส ทาง คดเคี้ยวกับภูเขาสลับซับซ้อนสลับกับทุ่งเกษตรแบบขั้นบันได ให้ท่านเพลิน ตากับสีสัน วิถีชีวิตของคนท้องถิ่น

เดินทางสู่ เมืองไอท์ เบนฮาดดู (AitBenhaddou) ชมเมืองไอท์ เบนฮาดดู เป็นเมืองที่อาคารต่าง ๆสร้างจากดิน เป็นเมืองที่มีชื่อเสียงในเรื่องการหารายได้จากกองถ่ายทำภาพยนตร์กว่า 20 เรื่อง โดยเฉพาะป้อมดินที่งดงามและมีความใหญ่ที่สุดในภาคใต้ของโมรอคโค คือ ป้อมไอท์ เบนฮาดดู (Kasbash of Ait Ben Hadou) เป็นป้อม

ดินซึ่งตั้งอยู่ท่ามกลางสวนอัลมอนด์ เป็นปราสาทที่ใช้ในการถ่ายทำภาพยนต์หลายเรื่องที่โด่งดังอาทิ Lawrance of Arabia , Jesus of Nazareth และ Gladiator ปัจจุบันอยู่ในความดูแลของยูเนสโก้

กลางวัน รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารท้องถิ่น

บ่าย เดินทางสู่ เมืองมาราเกช (Marakesh) โดยข้ามส่วนที่สูงที่สุดของเทือกเขาแอตลาส ระหว่างทาง แวะถ่ายภาพทิวเขาและภาพถนนที่คดเคี้ยวบนเทือกเขาแอตลาส เดินทางถึง เมือง มาราเกช (Marakesh) เมืองท่องเที่ยวที่สำคัญที่ตั้งอยู่เชิงเขาแอตลาส ในอดีตเมืองโอเอซิสแห่งนี้เป็นที่พักของกองคาราวานอูฐที่มาจากทางตอนใต้ของโมรอคโค ถือเป็นเมืองชุมทางของพ่อค้าต่างๆที่นำสินค้าจากทางตอนใต้ ไปขายยังยุโรป และ นำสินค้าจากทางเหนือ ผ่านเทือกเขา ไฮแลตลาส ไปยังทะเลทราย ซาฮาร่า ไปยังตอนใต้ นอกจากนี้ยังเป็นอดีตเมืองหลวงในช่วงหลายราชวงส์ เริ่มตั้งแต่สมัยราชวงศ์อัลโมราวิด ช่วงศ.ต.ที่ 11 ราชวงศ์อัลโมฮัด และ ราชวงศ์ซาเตียน

เข้าชมวิทยาลัยอิสลาม Ben Youssef Madrasa ที่ก่อตั้งมายาวนานมาตั้งแต่สมัยศตวรรษที่ 14 แถมถือเป็นผลงานสถาปัตยกรรมอันยอดเยี่ยมที่สุดแห่งหนึ่งในเมือง มาร์ราเกช ด้วย ซึ่งมีห้องกว่า 100 ห้องที่เคยใช้เป็นห้องเรียนในอดีตวิทยาลัยอิสลามแห่งนี้ ส่วนในโถงสวดมนต์ซึ่งตกแต่งอย่างวิจิตรงดงามก็เป็นไฮไลต์ที่คนนิยมไปถ่ายรูป รวมถึงบริเวณลานที่เคยมีนักเรียนเป็นพันๆ คนมารวมตัวกันด้วย

ให้ท่านได้อิสระช้อปปิ้งที่ตลาดThe Souks  ตลาดใหญ่กลางเมืองมาราเกซสินค้าก็มีอย่างหลากหลายตั้งแต่งานฝีมือ สไตล์โมรอคโคแท้ เครื่องเทศ เครื่องหอม เสื้อผ้า เครื่องประดับ รองเท้า กระเป๋า และอื่นๆ ให้ท่านได้เลือกซื้ออีกมากมาย แวะจัตุรัส Djemaa el Fna Square จุดเช็คพอยท์ที่นักท่องเที่ยวทุกคนต้องไปเช็คอินเลยก็ว่าได้เมื่อมาเยือน มาร์ราเกช สัมผัสความคึกคักและเสน่ห์ของเมืองมาร์ราเกช ซึ่งมีอะไรให้ดูมากมาย ตั้งแต่การแสดงโชว์งูของหมองู การแสดงเปิดหมวกต่างๆ ของคนท้องถิ่น หรือจะไปเพ้นท์เฮนน่าเก๋ๆ ที่มือ และเมื่อพระอาทิตย์ตก ถนนสายเก่าแก่แห่งนี้ก็จะแปลงร่างเป็นย่านบันเทิงอันคึกคักอีกด้วย

ค่ำ รับประทานอาหารค่ำ ในโรงแรม

พักที่ Marrakech Les Jardins De L'Agdal Hotel & Spa หรือเทียบเท่า 5*

02 ม.ค.66 (8) มาราเกช (Marakech) - เอซาเวร่า (Essaouira)

เช้า รับประทานอาหารเช้าในโรงแรม-เช็คเอ้าท์

ชมสุเหร่า คูโตเบีย (Kutobia Mosque) เป็นสุเหร่า ที่มีหอคอยสูง ถึง 70 เมตร สร้างในสมัยราชวงศ์ อัลโมฮัด ซึ่งเป็นหอคอย 1 ใน สามพี่น้อง เป็นที่รู้จักกันทั่วโลก ถึงความยิ่งใหญ่ ในสมัยราชวงศ์นี้ ชมซากสุเหร่าซึ่งเป็นอนุสรณ์ แห่งความขัดแย้งของ 2 ลัทธิ ซึ่งมีมาในอดีตนำท่านไปชมสวนจาร์ดีน มาจอแรล (Jardin Majorelle) หรือ สวนยิปแซงลอเร้นซ์ (Yves Saint Laurent Gardens) ชื่อนี้เป็นที่คุ้นเคยของสาวๆ ที่ชื่นชอบแฟชั่นสุดหรูของ Yves St. Laurent นักออกแบบแฟชั่นดีไซน์แห่งปารีส ฝรั่งเศส ซึ่งเป็นผู้ออกแบบสวนแห่งนี้ ในช่วงที่โมรอคโคตกเป็นอาณานิคมของประเทศฝรั่งเศส ยิปแซงลอเร้นซ์มาที่ประเทศโมรอคโค เพื่อพักผ่อนหลังจากเคร่งเครียดจากงานออกแบบแฟชั่นโชว์ บ้านหลังนี้เคยเป็นของเศรษฐีแห่งมาราเกช หลังจากยิปแซงมาเยือนมาราเกช ก็ได้เกิดความหลงใหลในเมืองแห่งนี้ และซื้อบ้านหลังนี้ไว้เป็นที่พักผ่อน ชมสวนที่ถูกออกแบบโดยใช้ที่สดใส ฉูดฉาด เช่นสีน้ำเงิน และสีส้ม เป็นองค์ประกอบ ไม่ว่าจะเป็นเสา แจกัน และชมการจัดวางพรรณไม้อันหลากหลาย แห่งทะเลทราย ที่จัดได้อย่างสวยงามและลงตัว

นำท่าน สัมผัสประสบการณ์ย้อนอดีต สู่ยุคโบราณ นั่งรถม้า ชมเมืองมาราเกช เมืองที่ผู้มีชื่อเสียงจากทั่วโลก ต้องการมาอยู่ ณ เมืองแห่งนี้ปัจจุบัน มาราเกช เป็นเมืองที่มีนักท่องเที่ยวมาเยือนมากที่สุด สภาพบ้านเมืองที่เราเห็นได้คือ สองข้างทางแวดล้อมด้วยบ้านเรือนที่ถูกฉาบด้วยปูนสีส้มๆ ซึ่งเป็นสิ่งที่รัฐบาลกำหนดไว้ แต่คนท้องถิ่นจะเรียกว่า Pink City หรือ เมืองสีชมพู อาจกล่าวได้ว่ามาราเกชเป็นเมืองที่มีเสน่ห์ที่สุดในโลกแห่งหนึ่ง จึงได้สมญานามว่าเป็น A city of Drama นั่นคือมีความสวยงามดั่งเมืองในละครที่ไม่น่าเป็นชีวิตจริงได้

 กลางวัน รับประทานอาหารไทย ณ ภัตตาคารท้องถิ่น

บ่าย นำท่านชม พระราชวังบาเฮีย (Bahia Palace) เป็นพระราชวังของท่านมหาอำมาตย์ ผู้สำเร็จราชการแผ่นดินแทนยุวกษัตริย์ในอดีต สร้างขึ้นในช่วงปลายศตวรรษที่ 19 โดย Si Moussa สถาปัตยกรรมออกเป็นแนวสมัยใหม่ โดยที่ตั้งใจจะให้เป็นพระราชวังที่ยิ่งใหญ่และหรูหราที่สุดในสมัยนั้น สร้างขึ้นและตั้งชื่อวังตามชื่อของภรรยาคือ นางบาเฮีย ซี่งมีรูปโฉมที่งดงาม เป็นที่รักใคร่ยิ่งของท่านมหาอำมาตย์ พระราชวังแห่งนี้มีการตกแต่งโดยการแกะสลักปูนปั้น (Stucco) บนเพดานและบานประตูมีการวาดลายโดยใช้สีธรรมชาติบนไม้สนซีดาร์ และผนังประดับประดาด้วยโมเสกเป็นลวดลายที่สวยงามละเอียดอ่อนมาก ชมสวนในบ้านซึ่งเป็นสไตล์ริยาด (Riad) ประกอบไปด้วยลานกลางบ้าน ซึ่งประดับด้วยน้ำพุ และสวนไม้ดอก ไม้ประดับ ตามสไตล์การแต่งบ้านแบบโมรอคโค นำท่านชม ป้อมปราการเมือง (Skala de laville) ซึ่งเป็นป้อมปราการที่ใหญ่ และ แข็งแรง ใช้ปกป้องเมือง หรือ เมดิน่า (Medina) เป็นจุดยุทธศาสตร์ที่สำคัญของเมือง ส่วนบนป้อมสกาล่าแห่งนี้ มีปืนใหญ่วางเรียงรายอยู่เป็นแนวแถว และในอดีตส่วนล่างของป้อมใช้เป็นคลังเก็บอาวุธยุทโธปกรณ์ โรงม้าศึกที่ใช้ในการสงคราม ให้ท่านได้เพลิดชมกับการเดินชมเมืองเก่า หรือ ที่เรียกกันว่า เมดิน่า (Medina) 

นำท่านเดินทางสู่ เมือง เอซาเวร่า (Essaouira)

ค่ำ รับประทานอาหารค่ำ ที่โรงแรม

พักที่ ATLA ESSAOUIRA หรือเทียบเท่า5*

03 ม.ค.66 (9) เอซาเวร่า (Essaouira)– คาซาบลังกา(Casablanca)

เช้า รับประทานอาหารเช้าในโรงแรม-เช็คเอ้าท์

นำท่านท่องเที่ยว เมืองมรดกโลก เอซาเวร่า (Essaouira) คำว่า เอซาเวร่า หมายถึงรูปภาพ ไม่ว่าจะถ่ายจากมุมไหนๆ ภาพที่ได้มานั้นจะออกมาสวยอย่างไม่มีที่ติ เอซาเวร่า เป็นเมืองเล็กๆ ริมขอบมหาสมุทรแอตแลนติก ที่มีเสน่ห์อย่างเป็นเอกลักษณ์ ในเขตเมืองเก่า (เมดิน่า) มีกำแพงเมืองเก่าขนาดหนาซ้อนกัน 2 ชั้น ที่ใช้ป้องกันพายุหน้าร้อนที่พัดมาประจำทุกปีบ้านเรือนและร้านค้าภายในเขตกำแพงเมืองทำด้วยปูนสีขาวกลมกลืนไปกับประตูสีฟ้าสถาปัตยกรรมเหล่านี้ถูกหล่อหลอมมาจากวัฒนธรรมอันหลากหลาย ครั้งหนึ่งที่นี่เคยเป็นแหล่งที่อยู่ของพ่อค้าชาวยิวและชาวยิวกลุ่มนี้เองที่เคยเปลี่ยนเมืองนี้เป็นเมืองที่มั่งคั่งที่สุดของโมรอคโคในศตวรรษที่ 17 และ 18 ชมพระอาทิตย์ตก ณ.ชายฝั่งมหาสมุทรแอตแลนติก

ชมวิถีความเป็นอยู่ของชาวเมืองในเขตเมืองเก่า จับจ่ายช้อปปิ้งสินค้าพื้นเมือง สินค้าที่โดดเด่น เป็นเอกลักษณ์ ประจำเมือง เอซาเวร่า (Essaouira) แห่งนี้ เป็นผลิตภัณฑ์ ที่ทำมาจากไม้ นำมาทำเป็นเฟอร์นิเจอร์ ตู้กล หรือ กล่องเก็บของที่มีเครื่องกล ที่ออกแบบมาด้วยความสลับซับซ้อน บรรยากาศของเมดิน่าแห่งนี้ เต็มไปด้วยร้านกาแฟ ที่เป็นเอกลักษณ์ ท่านสามารถนั่งดื่ม ชา กาแฟ ชมวิถีคนเมือง อีกทั้งจัตุรัสของเมืองเอซาเวร่า เป็นแหล่งรวมอาหารทะเล สด ๆ จากมหาสมุทรแอตแลนติค ที่มีให้ท่านเลือกซื้อรับประทาน ไม่ว่าจะเป็น กุ้งล็อบสเตอร์ ตัวใหญ่ หรือ ปูยักษ์ ปลาสด ๆ ในราคาที่ไม่แพง พอช่วงเย็น ๆ ชมพระอาทิตย์ตก ณ ชายฝั่งมหาสมุทรแอตแลนติก เคล้ากับกลิ่นอายของทะเล ซึ่งให้บรรยากาศสุดแสนโรแมนติค นำท่านเดินทางสู่ 'คาซาบลังก้า' (ระยะทาง 95 กม. ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1.40 ชม.)

กลางวัน รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารท้องถิ่น

บ่าย อิสระให้ท่าน ช้อปปิ้งที่ ห้าง Morocco Mall เป็นห้างที่บรรดาไฮโซ และเศรษฐี ในคาซาบลังก้านิยมมาจับจ่ายซื้อสินค้าแบรนด์ดัง ชมเมืองคาซาบลังก้า ผ่านย่านธุรกิจสำคัญ จัตุรัสสหประชาชาติ ผ่านชมย่านบ้านพักตากอากาศและวิว ทิวทัศน์ริมมหาสมุทรแอตแลนติคซึ่งเป็นย่านที่เศรษฐีและผู้มีฐานะทางสังคมนิยมมาอยู่กันรวมถึงกษัตริย์ซา อุดิอารเบียก็มาสร้างพระราชวังไว้ที่เมืองคาซาบลังก้าแห่งนี้พร้อมทั้งมีมัสยิดและหอสมุดส่วนพระองค์ นำท่านชม บริเวณภายนอกของ สุเหร่าแห่งกษัตริย์ฮัสซันที่ 2 เป็นสุเหร่าที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับ 2 รองจาก เมืองเมกกะ สุเหร่านี้งดงามประณีตด้วยสถาปัตยกรรมแบบโมรอคโคทุกแขนง สามารถจุผู้คนที่เข้าร่วมพิธี ทางศาสนาอิสลามได้ร่วม 80,000 คน โดยแยกเป็นภายในสุเหร่า 25,000 คน ภายนอกสุเหร่าอีก 55,000 คน ชมทิวทัศน์รอบๆ สุเหร่าอันเป็นจุดชมวิวริมฝั่งมหาสมุทรแอตแลนติค ซึ่งเป็นสถานที่พักผ่อนที่สวยงาม ของชาวโมรอคโคที่ชอบมาเดินเล่นหลังจากปฏิบัติศาสนกิจเสร็จแล้ว

ค่ำ รับประทานอาหารค่ำ ที่โรงแรม

พักที่ Casablanca Movenpick Hotel หรือเทียบเท่า5*

04 ม.ค.66(10) คาซาบลังกา(Casablanca) - อาบูดาบี (Abu Dhabi)

เช้า รับประทานอาหารเช้าในโรงแรม-เช็คเอ้าท์

06.30น. นำท่านเดินทางสู่ สนามบิน Mohammed V International Airport

09.25 น. บินสู่อาบูดาบี (Abu Dhabi) โดยสายการบินอิทิฮัด แอร์เวย์ส เที่ยวบินที่ EY 612

19.40 น. ถึงสนามบินอาบู ดาบี , สหรัฐอาหรับ เอมิเรตส์ พักเปลี่ยนอริยาบถและเปลี่ยนเครื่อง

22.50 น. เดินทางต่อสู่ประเทศไทย โดยสายการบิน อิทิฮัด แอร์เวย์ส เที่ยวบินที่ EY 402

5 ม.ค.66 (11) อาบูดาบี (Abu Dhabi) - กรุงเทพฯ (Bangkok)

07.55 น. คณะเดินทางถึง ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ด้วยความสวัสดิภาพ และความประทับใจ

ล่องเรือดินเนอร์ล่องเรือดินเนอร์
ทัวร์บุรีรัมย์ทัวร์บุรีรัมย์
ทัวร์เชียงใหม่ทัวร์เชียงใหม่
ทัวร์เชียงรายทัวร์เชียงราย
ทัวร์กาญจนบุรีทัวร์กาญจนบุรี
ทัวร์กระบี่ทัวร์กระบี่
ทัวร์ลำปางทัวร์ลำปาง
ทัวร์นครปฐมทัวร์นครปฐม
ทัวร์น่านทัวร์น่าน
ทัวร์หนองคายทัวร์หนองคาย
ทัวร์อุดรธานีทัวร์อุดรธานี
ทัวร์พะเยาทัวร์พะเยา
ทัวร์เพชรบูรณ์ทัวร์เพชรบูรณ์
ทัวร์พิษณุโลกทัวร์พิษณุโลก
ทัวร์นครสวรรค์ทัวร์นครสวรรค์
ทัวร์อยุธยาทัวร์อยุธยา
ทัวร์ภูเก็ตทัวร์ภูเก็ต
ทัวร์ระนองทัวร์ระนอง
ทัวร์สมุทรสงครามทัวร์สมุทรสงคราม
ทัวร์สระบุรีทัวร์สระบุรี
ทัวร์สุโขทัยทัวร์สุโขทัย
ทัวร์สุพรรณบุรีทัวร์สุพรรณบุรี
ทัวร์ตากทัวร์ตาก
ทัวร์เลยทัวร์เลย
ทัวร์นครศรีธรรมราชทัวร์นครศรีธรรมราช
ทัวร์สุราษฎร์ธานีทัวร์สุราษฎร์ธานี
ทัวร์นครพนมทัวร์นครพนม
ทัวร์อุบลราชธานีทัวร์อุบลราชธานี
ทัวร์มุกดาหารทัวร์มุกดาหาร
ทัวร์สงขลาทัวร์สงขลา
ทัวร์พัทลุงทัวร์พัทลุง
ทัวร์ปัตตานีทัวร์ปัตตานี
ทัวร์สกลนครทัวร์สกลนคร
ทัวร์แม่ฮ่องสอนทัวร์แม่ฮ่องสอน
ทัวร์ชุมพรทัวร์ชุมพร
ทัวร์ประจวบคีรีขันธ์ทัวร์ประจวบคีรีขันธ์
ทัวร์ตราดทัวร์ตราด
ทัวร์สตูลทัวร์สตูล
ทัวร์ตรังทัวร์ตรัง
ทัวร์พังงาทัวร์พังงา
ทัวร์ฉะเชิงเทราทัวร์ฉะเชิงเทรา
ทัวร์นครนายกทัวร์นครนายก
ทัวร์เพชรบุรีทัวร์เพชรบุรี
ทัวร์ปราจีนบุรีทัวร์ปราจีนบุรี
ทัวร์ราชบุรีทัวร์ราชบุรี
ทัวร์อุตรดิตถ์ทัวร์อุตรดิตถ์
ทัวร์ชลบุรีทัวร์ชลบุรี
ทัวร์ลพบุรีทัวร์ลพบุรี
ทัวร์สมุทรปราการทัวร์สมุทรปราการ
ทัวร์อ่างทองทัวร์อ่างทอง
ทัวร์จันทบุรีทัวร์จันทบุรี
ทัวร์บึงกาฬทัวร์บึงกาฬ
ทัวร์ถ้ำนาคาถ้ำนาคา
ทัวร์ชัยภูมิทัวร์ชัยภูมิ
ทัวร์อุทัยธานีทัวร์อุทัยธานี
ทัวร์กาฬสินธุ์ทัวร์กาฬสินธุ์
ทัวร์กำแพงเพชรทัวร์กำแพงเพชร
ทัวร์ขอนแก่นทัวร์ขอนแก่น
ทัวร์ชัยนาททัวร์ชัยนาท
ทัวร์นครราชสีมาทัวร์นครราชสีมา
ทัวร์นนทบุรีทัวร์นนทบุรี
ทัวร์นราธิวาสทัวร์นราธิวาส
ทัวร์ปทุมธานีทัวร์ปทุมธานี
ทัวร์พิจิตรทัวร์พิจิตร
ทัวร์แพร่ทัวร์แพร่
ทัวร์มหาสารคามทัวร์มหาสารคาม
ทัวร์ยะลาทัวร์ยะลา
ทัวร์ยโสธรทัวร์ยโสธร
ทัวร์ร้อยเอ็ดทัวร์ร้อยเอ็ด
ทัวร์ระยองทัวร์ระยอง
ทัวร์ลำพูนทัวร์ลำพูน
ทัวร์ศรีสะเกษทัวร์ศรีสะเกษ
ทัวร์สมุทรสาครทัวร์สมุทรสาคร
ทัวร์สระแก้วทัวร์สระแก้ว
ทัวร์สิงห์บุรีทัวร์สิงห์บุรี
ทัวร์กรุงเทพฯทัวร์กรุงเทพฯ
ทัวร์สุรินทร์ทัวร์สุรินทร์
ทัวร์หนองบัวลำภูทัวร์หนองบัวลำภู
ทัวร์อำนาจเจริญทัวร์อำนาจเจริญ
หน้าแรก | จองโรงแรม | ตั๋วเครื่องบินในประเทศ | ตั๋วเครื่องบินต่างประเทศ | ทัวร์ไทย | ทัวร์ไฟไหม้ | เรือสำราญ | เกี่ยวกับเรา | ติดต่อเรา | นโยบายความเป็นส่วนตัว
Copyright © 20042023 eTravelWay.com All rights reserved โดย บริษัททัวร์ วีอาร์ เอนซี ทราเวล แอนด์ เทรด จำกัด
ใบอนุญาตนำเที่ยวในและต่างประเทศเลขที่ 11/11450
TOP