GERMANY SWITZERLAND FRANCE 8 วัน 5 คืน

เดินทางโดยสายการบิน OMAN AIR น้ำหนักสัมภาระโหลดใต้ท้องเครื่อง 30 กก. / CARRY ON 7 กก.

n FLIGHT:

DEPARTURE:  WY816 BKK - MCT 20.05-23.25 / WY115 MCT - FRA 02.45-07.05

 RETURN : WY132 CDG - MCT 21.10-07.10 / WY815 MCT - BKK 09.00-17.45

เยือนเมืองมนต์เสน่ห์ไปกับ 3 ประเทศดังในทวีปยุโรป

เยอรมนี ชมความงามของ เมืองแฟรงก์เฟิร์ต จัตุรัสโรเมอร์ มหาวิหารแฟรงก์เฟิร์ต โบสถ์เซนปีเตอร์

แวะถ่ายภาพกับ ปราสาทนอยชวานชไตน์ ที่สวยงามดั่งเทพนิยาย

สวิส สัมผัสการนั่งกระเช้าโรแตร์ พิชิตยอดเขาทิตลิส ชมอนุสาวรีย์สิงโตหินแกะสลัก และ สะพานไม้ชาเปล

ฝรั่งเศส เช็คอินแลนด์มาร์คปารีส หอไอเฟล ประตูชัย จัตุรัสคองคอร์ด พระราชวังแวร์ซาย
แวะถ่ายภาพกับเวนิสน้อยแห่งปารีส และ ล่องเรือแม่น้ำแซนสุดแสนโรแมนติก
ช้อปปิ้งแบบจุใจที่ ถนนฌ็องเซลิเซ่, ร้านน้ำหอมชั้นนำ Benlux, ห้างลาฟาแยตต์ และ เอาท์เล็ท ลาวัลเล่

ไม่รวม ค่าบริการ และยื่นวีซ่าเชงเก้น (ประเทศสวิตเซอร์แลนด์) ประมาณ 5,500 บาท (ชำระพร้อมมัดจำทัวร์)

ค่าพนักงานยกกระเป๋าที่โรงแรม - ค่าทิปคนขับรถ ท่านละ 60 EUR หรือ ประมาณ 2,300 บาท ต่อท่าน

ทิปหัวหน้าทัวร์ แล้วแต่ความประทับใจ - ค่าตรวจ PCR (ทุกกรณี ถ้ามี / ตามที่รัฐกำหนด)

ค่าภาษีน้ำมันที่สายการบินเรียกเก็บ เพิ่มภายหลังจากทางบริษัทฯได้ออกตั๋วเครื่องบิน และได้ทำการขายโปรแกรมไปแล้ว

ค่าทำ Vaccine Passport หรือ ลงทะเบียน E-Vaccine Passport

ไม่มีเจ้าหน้าที่รับ-ส่งเอกสารวีซ่า โปรดส่งเอกสารทางระบบขนส่ง ตรงถึง Center แผนกวีซ่า

หลังจากท่านทำการจองทัวร์แล้ว ทางบริษัทฯจะถือว่าท่านเข้าใจ และพร้อมปฏิบัติตามเงื่อนไขดังกล่าวเพื่อประโยชน์ของผู้เดินทาง โปรดศึกษาเงื่อนไขการจองทัวร์ และการยกเลิกทัวร์ ที่ระบุในรายการทั้งหมด

17.00 น. พร้อมกัน ณ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ อาคารผู้โดยสารระหว่างประเทศขาออกชั้น 4 ประตู 7 เคาน์เตอร์ M สายการบิน OMAN AIR โดยมีเจ้าหน้าที่บริษัทฯคอยต้อนรับและอำนวยความสะดวกด้านเอกสาร ติดแท็กกระเป๋าก่อนขึ้นเครื่อง

20.05 น. นำท่านเดินทางสู่ เมืองแฟรงก์เฟิร์ต ประเทศเยอรมัน โดยสายการบิน OMAN AIR เที่ยวบินที่ WY816

23:25 น. เดินทางถึง ท่าอากาศยานนานาชาติมัสกัต ประเทศโอมาน แวะพักเปลี่ยนเครื่อง

02:45 น. นำท่านเดินทางสู่ถึง ท่าอากาศยานแฟรงก์เฟิร์ต ประเทศเยอรมัน เที่ยวบินที่ WY115

07:05 น. เดินทางถึง ท่าอากาศยานแฟรงก์เฟิร์ต ประเทศเยอรมัน นำท่านผ่านขั้นตอนการตรวจคนเข้าเมืองและพิธีการทางศุลกากร (เวลาท้องถิ่นช้ากว่าประเทศไทย 6 ชั่วโมง) นำท่านผ่านขั้นตอนการตรวจคนเข้าเมืองและพิธีการทางศุลกากรและตรวจรับสัมภาระเรียบร้อยแล้วนำท่านขึ้นรถโค้ชปรับอากาศเดินทางสู่ เมืองแฟรงก์เฟิร์ต (Frankfurt) (ระยะทาง 14 กม. / 30นาที) เป็นเมืองขนาดใหญ่ติดหนึ่งในห้าของประเทศเยอรมัน มีความเจริญและทันสมัยสมกับเป็นศูนย์กลางของทั้งการบินและเศรษฐกิจ เขตเมืองเก่าของเมืองมีขนาดเล็ก ถูกห้อมล้อมด้วยตึกระฟ้า ความเจริญรอบด้าน

นำท่านเดินชมบริเวณด้านนอก จัตุรัสโรเมอร์ (Romerberg) เป็นจัตุรัสกลางใจเมืองที่มีความสวยงาม เป็นจัตุรัสที่คงความงามของสถาปัตยกรรมยุคศตวรรษที่ 14-15 ไว้ให้คนรุ่นหลังได้ชื่นชม ที่นี่เป็นที่ตั้งของศาลาว่าการกลางเมือง สถาปัตยกรรมสไตล์โกธิคที่เคยรุ่งเรืองในยุคนั้น แต่สิ่งที่เห็นในปัจจุบันคือการสร้างขึ้นใหม่เพราะอาคารเดิมถูกทำลายสิ้นซากตั้งแต่ครั้งสงครามโลกครั้งที่ 2 ศิลปะเก่าแม้ถูกสร้างใหม่แต่คงเสน่ห์ความงดงามเอาไว้ มีน้ำพุสวยงามอยู่ตรงกลางของจัตุรัส เป็นที่รู้จักในนามน้ำพุแห่งความยุติธรรม ประติมากรรมรูปเทพธิดา ที่มือซ้ายถือตาชั่ง แต่มือขวาถือดาบ เป็นสัญญาณให้รู้ถึงมีความเที่ยงตรงแต่ก็เด็ดขาดอยู่ในตัวเอง

จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ มหาวิหารแฟรงก์เฟิร์ต (Frankfurt Cathedral) ถ่ายภาพด้านนอกบริเวณโบสถ์เก่าแก่ตั้งอยู่ใจกลางเมืองแฟรงก์เฟิร์ต วิหารแห่งนี้เป็นหนึ่งในสัญลักษณ์ความสามัคคีของคนในชาติ มีลักษณะทรงสูงใช้สีน้ำตาลแดง มีความสูงถึงยอดประมาณ 95 เมตร จึงโดดเด่นอยู่ท่ามกลางอาคารอื่นๆ ความงดงามพิเศษอยู่ที่อาคารทรงสูงเยี่ยงสถาปัตยกรรมในยุคเดียวกัน นำทุกท่านเก็บภาพความประทับใจกับ สถานีรถไฟหลักแฟรงก์เฟิร์ต (Frankfurt Main station) เป็นสถานีรถไฟที่มีผู้โดยสารมากที่สุดในเมืองแฟรงก์เฟิร์ต จัดเป็นสถานีรถไฟที่มีผู้โดยสารมากที่สุดเป็นอันดับสองในประเทศ

นำท่านอิสระช้อปปิ้งตามอัธยาศัยที่ Zeil Street เป็นย่านการค้าใจกลางเมืองแฟรงก์เฟิร์ต ที่มีอาคารหรูหรา เด่นสะดุดตาด้วยการออกแบบทันสมัยมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว เป็นสินค้าแบรนด์ดังที่เป็นที่นิยมของนักท่องเที่ยว

จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ เมืองโรเธนเบิร์ก ออบ เดียร์ เทาเบอร์ (Rothenburg ob der Tauber) (ระยะทาง 177 กม. / 2.30 ชม.) เป็นมืองแห่งเทพนิยายในเส้นทางสายโรแมนติกอันมีเสน่ห์สวยงาม เมืองแห่งหุบเขาทางเหนือของแคว้นบาวาเรีย ซึ่งบริเวณเขตเมืองเก่าล้อมรอบด้วยแนวกำแพงเมืองโบราณที่ประกอบด้วยประตูเมืองสำคัญ 4 ด้าน ได้แก่ Rodertor, Galgentor, Klingentor และ Burg Tor

เที่ยง ä รับประทานอาหารเที่ยง ณ ภัตตาคาร (มื้อที่1)

พาทุกท่านแวะเก็บภาพความประทับใจกับ Plönlein (จุดเช็คอินถ่ายภาพที่มีชื่อเสียงในโรเธนเบิร์ก) แฝงความหมายในภาษาเยอรมันว่า “จัตุรัสเล็ก” เนื่องจากด้วยความลงตัวของทัศนียภาพและสถาปัตยกรรมยุคกลางอันโดดเด่น เป็นสถานที่คลาสสิกที่เต็มเปี่ยมไปด้วยบรรยากาศแสนโรแมนติกของเมืองแห่งเทพนิยาย ชวนน่าหลงใหลสุดๆ จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ เมืองมิวนิค (Munich) (ระยะทาง 255 กม. / 3.30 ชม.) นับเป็นเมืองที่มีขนาดใหญ่อันดับสามของประเทศเยอรมัน โดยอยู่ภายใต้การปกครองของรัฐบาวาเรียและตั้งอยู่ทางตอนใต้ของเยอรมัน เสน่ห์ของเมืองนี้มีมากมายรวมถึงการทำเลของตัวเมืองที่อยู่บนแม่น้ำอีซาร์ เหนือเทือกเขาแอลป์ ทำให้มีวิวทิวทัศน์ที่สวยงามเป็นอย่างมาก

เย็น ä รับประทานอาหารเย็น ณ ภัตตาคาร (มื้อที่2)

ที่พัก : ACHAT Hotel Munchen Sud 4* หรือโรงแรมระดับใกล้เคียงกัน

(ชื่อโรงแรมที่ท่านพัก ทางบริษัทจะทำการแจ้งพร้อมใบนัดหมาย5-7วันก่อนวันเดินทาง)

เช้า ä รับประทานอาหารเช้า ณ โรงแรม (มื้อที่3)

นำทุกท่านเดินทางชมบริเวณด้านนอกรอบๆ โบสถ์เซนปีเตอร์ (St. Peter’s Church) เป็นโบสถ์เก่าแก่ของเมืองมิวนิค จุดไฮไลท์ของโบสถ์คือ หอนาฬิกาที่สามารถเดินขึ้นไปชมวิวเมืองมิวนิกได้ โดยการเดินทางจะต้องขึ้นบันไดทั้งหมด 299 ขั้น ท่านจะพบเห็นกับวิวทิวทัศน์แบบพาโนรามาที่มีความงดงาม หากท้องฟ้าอากาศแจ่มใส อาจจะได้เห็นเทือกเขาแอลป์ด้วย

จากนั้นนำท่านชม มหาวิหารฟาสเอ็นเคเคียร์

(Frauenkirche Cathedral) นับว่าเป็นแลนด์มาร์ก

สำคัญของเมืองมิวนิก มีสถาปัตยกรรมแบบสไตล์

โกธิคและความเก่าแก่ของตัววิหารที่ถูกสร้าง

ขึ้นตั้งแต่ศตวรรษที่ 15 พาท่านชมความงดงาม

สถาปัตยกรรมของมหาวิหารและวิวทิวทัศน์ของ

เมืองมิวนิก ล้วนเป็นเสน่ห์ที่น่าดึงดูดและยังสามารถขึ้นไปชมวิวมุมสูงด้านบนได้อีกด้วย

จากนั้นพาท่านเดินทางชม New Town Hall เป็นศาลาว่าการเมืองหลังใหม่ ตั้งอยู่บริเวณจัตุรัส Marienplatz ด้านทิศเหนือด้วยรูปแบบสถาปัตยกรรมที่มีต้นแบบมาจากบรัสเซลส์ซิตี้ฮอลล์ที่สร้างแบบนีโอโกธิค จึงมีความหรูหรางดงาม และเด่นสะดุดตาแต่ไกลกลายเป็นเอกลักษณ์คู่กับจัตุรัส ได้เวลาอันสมควรนำท่านเดินทางสู่ ปราสาทนอยชวานชไตน์ (ระยะทาง 128 กม. / 2 ชม.) เป็นปราสาทที่มีชื่อเสียงมากแห่งหนึ่งในประเทศเยอรมัน

เที่ยง ä รับประทานอาหารเที่ยง ณ ภัตตาคาร (มื้อที่4)

นำทุกท่านเดินทางชม ปราสาทนอยชวานชไตน์ (Neuschwanstein Castle) (ถ่ายถาพด้านนอกปราสาท) ปราสาทที่สวยงามดั่งเทพนิยาย เป็นปราสาทตั้งอยู่ในเทือกเขาแอลป์แถบแคว้นบาวาเรีย ประเทศเยอรมนี ถูกสร้างในสมัยพระเจ้าลุดวิกที่ 2 แห่งบาวาเรีย ซึ่งเป็นปราสาทที่งดงามมากที่สุดอีกแห่งหนึ่งของโลก ที่นี่ยังเป็นต้นแบบของการสร้างปราสาทเทพนิยายเจ้าหญิงนิทราอีกด้วย

จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ เมืองฟุสเซน (Füssen) (ระยะทาง 4 กม. / 10 นาที) เป็นเมืองขนาดเล็กๆ ตั้งอยู่ในแควนบาวาเรีย ในเขตอ็อสท์อัลก็อย (Ostallgäu) และยังเป็นเมืองที่ตั้งอยู่ห่างจากชายแดนของประเทศออสเตรียเพียง 5 กิโลเมตรอีกด้วย พาทุกท่านเดินทางชม Benedictine monastery of St. Mang เป็นโบสถ์เบเนดิกตินของ Saint Mang ก่อตั้งขึ้นในครึ่งแรกของศตวรรษที่ 9 (หรือที่รู้จักในชื่อSaint Mang ) โบสถ์นี้ถือว่าเป็นผลงานสำคัญของ สถาปนิก Johann Jakob Herkomer ซึ่งผู้เป็นสถาปนิก จิตรกรปูนเปียก ช่างหินอ่อน และนักออกแบบชาวเยอรมัน ได้ประสบความสำเร็จในการเปลี่ยนสถานที่นี้ในโบสถ์ยุคกลางที่ไม่ปกติให้กลายเป็นอาคารที่ซับซ้อนอย่างสมมาตร ได้เปลี่ยนแปลงมหาวิหาร ยุคกลาง ให้เป็นโบสถ์แบบบาโรกตามแบบจำลองของชาวเวนิสนั้น มีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นสัญลักษณ์ทางสถาปัตยกรรมของการบูชานักบุญแม็กนัสและโบสถ์ทั้งหลังยังเป็นตัวแทนของสุสานขนาดใหญ่อีกด้วย

จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ Stadtbrunnen เป็นอีกสถานที่ที่ยอดเยี่ยมสำหรับการเที่ยวพักผ่อนในฟุสเซน มีน้ำพุที่มีรูปปั้นนักบุญปราบปีศาจหรือมังกรด้วยเครื่องหมายกางเขนเป็นสัญลักษณ์สำคัญตั้งอยู่ตรงกลางเมือง ที่นี่ยังมีร้านอาหาร ร้านช้อป ร้านกาแฟอีกมากมาย ทำให้ผู้คนชอบมาเที่ยวเล่นและเป็นสถานที่ออกเดทขึ้นชื่อที่เต็มเปี่ยมไปด้วยเสน่ห์ของเมืองนี้

จากนั้นนำทุกท่านเดินทางสู่ เมืองซูริค (Zurich) (ระยะทาง 242 กม. / 3.30 ชม.) เป็นเมืองที่มีขนาดใหญ่ที่สุดของประเทศสวิตเซอร์แลนด์และยังเป็นเมืองศูนย์กลางทางเศรษฐกิจที่สำคัญของประเทศและของทวีปยุโรป ซูริคขึ้นชื่อเรื่องมนต์เสน่ห์ของเมืองยุโรปโบราณที่มีงานสถาปัตยกรรมแบบเก่ากระจัดกระจายอยู่รายล้อมเมือง ในขณะเดียวกันก็เป็นเมืองที่มีความเจริญทางเทคโนโลยีสมัยใหม่และถูกยกให้เป็นหนึ่งในอันดับต้นๆ ของเมืองที่มีคุณภาพชีวิตดีที่สุดในโลกอีกด้วย

เย็น ä รับประทานอาหารเย็น ณ ภัตตาคาร (มื้อที่5)

ที่พัก : Ibis Zurich Messe Airport 3* หรือโรงแรมระดับใกล้เคียงกัน

(ชื่อโรงแรมที่ท่านพัก ทางบริษัทจะทำการแจ้งพร้อมใบนัดหมาย5-7วันก่อนวันเดินทาง)

เช้า ä รับประทานอาหารเช้า ณ โรงแรม (มื้อที่6)

นำท่านเก็บภาพความประทับใจกับสถานที่ต่างๆ สะพาน Münsterbrücke หรือเป็นที่รู้จักกันในนาม Helmhausbrücke เป็นสะพานข้ามถนนและเดินเท้าที่เปิดขึ้นในปี 2381 ตั้งอยู่เหนือแม่น้ำ Limmat ในใจกลางเมืองซูริก สะพาน สามารถเดินข้ามไปมาได้ ระหว่างสองฝั่งของโบสถ์สำคัญของซูริค อีกฝั่งมี โบสถ์ Fraumünster ที่เลื่องชื่อเรื่องความงดงามของกระจกสี ซึ่งโบสถ์นับเป็นไอไลท์ของเมืองชูริคเลยก็ว่าได้ และอีกฝั่งเป็น โบสถ์ Grossmünster รูปแบบประตูแกะสลักในศิลปะยุคกลาง อิฐหินถูกใช้ในการก่อสร้างตัวโบสถ์ ยังมีการตกแต่งด้วยหน้าต่างกระจกที่มีสีสันทันสมัยโดยจิตรกรชาวสวิส โบสถ์เซนต์ปีเตอร์ St. Peter’s Church ตกแต่งด้วยสถาปัตยกรรมสไตล์โกธิค ไฮไลท์ที่สำคัญคือมีหอนาฬิกาขนาดใหญ่โดยหน้าปัดของหอนาฬิกามีเส้นผ่านศูนย์กลาง 8.7 เมตร ขึ้นชื่อว่าเป็นหอนาฬิกาที่ใหญ่ที่สุดในทวีปยุโรป จากนั้นนำท่านเดินทางสู่เมือง เมืองแองเกิลเบิร์ก (ระยะทาง 101 ก.ม. / 1.30 ชม.) เป็นเมืองเล็กๆตั้งอยู่บนเขาสูง อยู่ในรัฐออบวัลเดิน ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ล้อมด้วยเทือกเขาแอลป์ จุดสูงสุดในพรมแดนของเมืองเป็นยอดเขาทิตลิส ซึ่งยอดเขาทิตลิสมีความสูงประมาณ 3,020 เมตรเหนือระดับน้ำทะเลปานกลาง จากนั้นไปที่ สถานี Engelberg Talstation Titlis เป็นที่ตั้งของสถานีกระเช้าโรแตร์เพื่อเดินทางขึ้นสู่ ยอดเขาทิตลิส (Titlis) ท่านจะได้สัมผัสกับกระเช้าทรงกลมที่ ที่จะหมุนรอบๆ ที่ท่านสามารถดูวิวได้ 360องศา

เที่ยง ä รับประทานอาหารเที่ยง ณ ภัตตาคาร (มื้อที่7) ร้านอาหารบนเทือกเขาทิตลิส สัมผัสวิวแบบพาโนรามา ร้านอาหารพาโนรามาที่ได้รับการปรับปรุงใหม่ให้ทัศนียภาพกว้างไกลของธารน้ำแข็งที่ 3,020 เมตรเหนือระดับน้ำทะเล อาหารจานหลักประกอบด้วยอาหารพื้นเมืองจานพิเศษ และ เมนูของหวานอีกด้วย

นำทุกท่านเดินทางชม Glacier Cave ถ้ำน้ำแข็งที่สวยงาม และเดินเล่นถ่ายรูปหรือเล่นหิมะบนยอดเขา พาท่านชม สะพานแขวน TITLIS CLIFF WALK สร้างขึ้นฉลองครบรอบ 100 ปีการท่องเที่ยวบนยอดเขาทิตลิส สะพานมีความยาว 100 เมตร ความสูง 3,000 เมตร ทอดข้ามหน้าผา และชมความงดงามของหิมะที่มีสีขาวปุยและวิวทิวทัศน์ที่จะทำให้ท่านเต็มเปี่ยมไปด้วยความสุข ความสนุก ที่ Titlis Glacier Park ให้ท่านได้ถ่ายรูปกับอิสระให้ท่านถ่ายรูปตามอัธยาศัย ได้เวลาอันสมควรนำท่านเดินทางลงสู่ ยอดเขาทิตลิส (Titlis) และนำทุกท่านเดินทางสู่ เมืองลูเซิร์น (Lucerne) (ระยะทาง 35 ก.ม. / 45 นาที ) เมืองท่องเที่ยวยอดนิยมอันดับหนึ่งของสวิตเซอร์แลนด์ จากนั้น นำท่านชม อนุสาวรีย์สิงโตหินแกะสลัก (Dying Lion of Lucerne) ที่แกะสลักบนผาหินธรรมชาติ บริเวณหัวของสิงโตจะมีโล่ซึ่งมีกากบาทสัญลักษณ์ของสวิตเซอร์แลนด์อยู่โดยสร้างขึ้นเพื่อเป็นเกียรติแด่ความกล้าหาญ เพื่อเป็นอนุสรณ์รำลึกถึงการสละชีพของทหารสวิตที่เกิดจากการปฏิวัติในฝรั่งเศสเมื่อปี ค.ศ.1792ชมสะพานไม้ชาเปล (Chapel Bridge) ซึ่งมีความยาวถึง 204 เมตร ทอดข้ามผ่าน แม่น้ำรอยส์ (Reuss River)ซึ่งเป็นเหมือนสัญลักษณ์ของเมืองลูเซิร์นเป็นสะพานไม้ที่มีหลังคาที่เก่าแก่ที่สุดในยุโรป สร้างขึ้นเมื่อปี ค.ศ.1333 โดยใต้หลังคาคลุมสะพานมีภาพวาดประวัติศาสตร์ของชาวสวิlตลอดแนวสะพาน 

เย็น ä รับประทานอาหารเย็น ณ ภัตตาคาร (มื้อที่8)

ที่พัก : Hotel Inn Express Luzern- Kriens 3* หรือโรงแรมระดับใกล้เคียงกัน

(ชื่อโรงแรมที่ท่านพัก ทางบริษัทจะทำการแจ้งพร้อมใบนัดหมาย5-7วันก่อนวันเดินทาง

เช้า ä รับประทานอาหารเช้า ณ โรงแรม (มื้อที่9)

นำทุกท่านเดินทางสู่ เมืองซุก (Zug) (ระยะทาง 31 ก.ม. / 30 นาที) เป็นเมื่องที่ร่ำรวยที่สุดในประเทศ และซุกเป็นเมืองที่ติดอันดับหนึ่งในสิบของโลกเมืองที่สะอาดที่สุด เป็นเมืองเก่าที่คงความสวยงามของพื้นหินแบบยุโรปในยุคกลางจะหลงรักเมืองนี้ สิ่งที่จะทำให้ท่านประทับใจคือรู้สึกได้ถึงอากาศที่สดชื่นและสะอาดอาจเป็นเพราะเมืองนี้ตั้งอยู่บนทะเลสาบ

แวะถ่ายภาพกับ หอนาฬิกาเมืองซุก (Zytturm Zug) เป็นแลนด์มาร์กสำคัญประจำเมืองซุกที่สร้างมาตั้งแต่ศตวรรษที่ 13 หอนาฬิกาความสูง 52 เมตร สามารถมองเห็นได้จากระยะไกล โดยนาฬิกาที่ติดตั้งอยู่เป็นนาฬิกาดาราศาสตร์ที่สามารถบอกข้างขึ้นข้างแรมของพระจันทร์ และยังสามารถบอกวันในสัปดาห์ได้ด้วย

จากนั้นให้ท่านได้อิสระชอปปิ้งที่ Lohri AG Store ทีมีนาฬิกาชั้นนำระดับโลกให้ท่านเลือกซื้อเลือกชมอาทิ เช่น Patek Philippe, Franck Muller Cartier , Piaget, Parmigiani Fleurier, Panerai, IWC , Omega, Jaeger-LeCoultre, Blancpain, Tag Heuer ฯลฯ Interlaken ได้เวลาอันสมควรนำท่านเดินทางสู่ เมืองกอลมาร์ Colmar (ระยะทาง 174 ก.ม. / 2.30 ชม.) อยู่ทางตะวันออกเฉียงเหนือของฝรั่งเศส ใกล้กับประเทศเยอรมนี จึงทำให้สถาปัตยกรรมคล้ายกับของเยอรมนี ได้ชื่อว่าเป็น “capitale des vins d’Alsace” (เมืองหลวงแห่งไวน์แห่งอาลซัส)

เที่ยง ä รับประทานอาหารเที่ยง ณ ภัตตาคาร (มื้อที่10)

จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ “Little Venice” (la Petite Venise) ติดอันดับเมืองโรแมนติกเป็นอันดับต้นๆ ของฝรั่งเศส เวนิสน้อย เป็นชื่อที่มอบให้กับเส้นทางในเมืองกอลมาร์ ชื่อนี้น่าจะมาจากแนวบ้านทั้งสองฝั่งแม่น้ำซึ่งอยู่ทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ของเมือง เขตนี้เริ่มต้นหลัง Koïfhus ผ่านย่านคนขายปลา และไปยังสะพาน Turenne และ Saint-Pierre เดิมทีเป็นที่อยู่อาศัยของชุมชนผู้ผลิตไวน์ ชาวสวนในตลาด และคนพายเรือในชนบท Krutenau ทอดยาวไปรอบ ๆ ถนน Turenne ที่ใช้ในปี 1674 และยังได้รับการอนุรักษ์ให้เป็นเมืองที่ยังคงลักษณะสถาปัตยกรรมและบรรยากาศของเมืองโบราณไว้ ทั้งพิพิธภัณฑ์ ศาสนสถาน ห้องสมุด น้ำพุ รูปปั้น ร้านค้าต่างๆ แวะถ่ายภาพกับ ย่าน Krutenau เป็นย่านอันคึกคักที่โดดเด่นด้วยพื้นที่ Little Venice ที่มีบ้านโครงไม้สีสันสดใส กระถางต้นไม้บานสะพรั่ง และบาร์ที่เสิร์ฟไวน์ของแคว้นอาลซัส ทั้งยังมีเรือท้องแบนแล่นไปตามแม่น้ำ Lauch ส่วนบริเวณริมแม่น้ำจะมีตลาด Covered Market ด้านในมีแผงขายเพรทเซล เครื่องเทศ และชีส ส่วนในบริเวณใกล้เคียงกันนั้นมีพิพิธภัณฑ์ Museum of Natural History and Ethnography ที่จัดแสดงศิลปะขนาดใหญ่สมัยอียิปต์โบราณอีกด้วย จากนั้นพาทุกท่านเดินทางสู่ เมืองดิจอง หรือ ดีฌง (Dijon) (ระยะทาง 252 ก.ม. / 4 ชม.) หนึ่งในเมืองท่องเที่ยวที่สวยงาม และน่าค้นหาเมืองหนึ่งในประเทศฝรั่งเศส เป็นเมืองหลวงของจังหวัดโคต-ดอร์ในแคว้นบูร์กอญในประเทศฝรั่งเศส ถือเป็นเมืองสำคัญแห่งแคว้นเบอร์กันดี

เย็น ä รับประทานอาหารเย็น ณ ภัตตาคาร (มื้อที่11)

ที่พัก : Hotel Ibis Dijon Centre Clemenceau 3* หรือโรงแรมระดับใกล้เคียงกัน

(ชื่อโรงแรมที่ท่านพัก ทางบริษัทจะทำการแจ้งพร้อมใบนัดหมาย5-7วันก่อนวันเดินทาง)

เช้า ä รับประทานอาหารเช้า ณ โรงแรม (มื้อที่12) 

นำทุกท่านเดินทางสู่ เอาท์เล็ท ลาวัลเล่ (La Vallée Village Outlet) (ระยะทาง 252 ก.ม. / 4.30 ชม.)เป็นเอาท์เล็ทจำหน่ายสินค้าแบรด์เนมชื่อดังต่างๆ โดยจำหน่ายในราคาถูกกว่าราคาปกติอย่างน้อย 30 เปอร์เซ็นต์ ให้เป็นสถานที่ที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากจากนักท่องเที่ยวที่ชื่นชอบการช็อปปิ้งสินค้าแบรนด์เนม โดยปัจจุบัน เอาท์เล็ทลาวัลเล่มีสินค้าแบรนด์เนมจำหน่ายอยู่หลาย 10 แบรนด์ VERSACE หนึ่งในแบรนด์ที่ได้รับความนิยมใน และยังมี GUCCI, LACOSTLE, ERIC BOMPARD หรือ BACCARAT (เพื่อไม่เสียเวลากับการช้อปปิ้งให้ท่านได้อิสระอาหารกลางวัน) จากนั้นนำท่านเดินทาง เมืองปารีส Paris (ระยะทาง 37 ก.ม. / 1 ชม.) หรือเรียกอีกชื่อว่า “เมืองแห่งความรัก” และยังเป็นเมืองที่ขึ้นชื่อว่าเป็นเมืองแห่งศิลปะ ทำให้ปารีสเป็นเมืองที่อบอวลไปด้วยความโรแมนติก พาทุกท่านไป ล่องเรือแม่น้ำแซน โดยเรือบาโตมูช (Bateaux-Mouches) (ระยะเวลาล่องเรือประมาณ 1 ชม.) มีการบรรยายเกี่ยวกับประวัติเมืองปารีสตลอดทั้งสายการเดินทางระหว่างสองข้างทางที่เต็มไปด้วยสถาปัตยกรรมต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น มหาวิหารน็อทร์-ดาม, หอไอเฟล พิพิธภัณฑ์ลูฟร์ เป็นต้น จากนั้นพาท่านไปเช็คอินจุดสำคัญในเมืองปารีส ที่ใครๆมาจะต้องถ่ายรูปกับสถานที่นี้คือ หอไอเฟล (Eiffel Tower) เป็นหนึ่งในแลนด์มาร์คสำคัญของประเทศฝรั่งเศส ตัวอาคารก่อสร้างโดยโครงเหล็กทั้งหมด มีความสูงประมาณ 300 เมตร (เทียบกับตึกประมาณ 75 ชั้น) สร้างเป็นรูปแบบหอคอย โดยถูกตั้งตามชื่อของสถาปนิกที่คนออกแบบชื่อว่า “กุสตาฟ ไอเฟล” ซึ่งเป็นทั้งวิศวกรและสถาปนิกชื่อดังของฝรั่งเศสในยุคนั้น ซึ่งเชี่ยวชาญด้านการก่อสร้างงานเหล็กโดยเฉพาะ หอไอเฟลสร้างขึ้นมาเพื่อใช้เป็นผลงานในการเฉลิมฉลองวันครบรอบ 100 ปี แห่งการปฏิวัติประเทศฝรั่งเศส และเพื่อแสดงถึงความร่ำรวย ยิ่งใหญ่ รวมถึงความสำเร็จในยุคอุตสาหกรรมของประเทศในขณะนั้นด้วยหนึ่ง ในจุดถ่ายรูปหอไอเฟลที่ดีที่สุดคือลานตรงข้างหน้าปราสาท Palais de Chaillot ที่อยู่ใกล้ๆกับสถานีของ Trocadéro ที่เราจะพาทุกท่านไป เพราะตรงนี้เป็นมุมถ่ายแล้วจะเห็นหอไอเฟลแบบไม่มีอะไรมาบังความสวยงามแน่นอน

เย็น ä รับประทานอาหารเย็น ณ ภัตตาคาร (มื้อที่13) 

ที่พัก Best Western Plus Valizy 4* หรือโรงแรมระดับใกล้เคียงกัน

(ชื่อโรงแรมที่ท่านพัก ทางบริษัทจะทำการแจ้งพร้อมใบนัดหมาย5-7วันก่อนวันเดินทาง)

เช้า ä รับประทานอาหารเช้า ณ โรงแรม (มื้อที่14)

นำท่านเดินทางสู่สถานที่ท่องเที่ยวที่โด่งดังมากของฝรั่งเศส นั้นก็คือ พระราชวังแวร์ซาย (Versailles Palace) (ระยะทาง 11 ก.ม. / 30 นาที) หนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงมากที่สุดของประเทศฝรั่งเศส นับเป็นพระราชวังที่มีความยิ่งใหญ่และงดงามอลังการมาก จนติด 1 ใน 7 สิ่งมหัศจรรย์ของโลก อีกทั้งยังได้รับการขึ้นทะเบียนให้เป็นมรดกทางวัฒนธรรม พระราชวังสร้างในรูปแบบสถาปัตยกรรมสไตล์คริสต์ศตวรรษที่ 17 และ 18 ภายในประกอบด้วยห้องถึง 700 ห้อง รูปภาพทรงคุณค่า 6,123 ภาพ และงานแกะสลักจากศิลปินชั้นเอก 15,034 ชิ้น ควรามกว้างขวางวัดได้จากขนาดพื้นที่ของพระราชวัง ทั้งหมด 800 เฮกการ์ (5,000 ไร่) โดยแบ่งออกเป็นส่วนใหญ่ๆ ด้วยกัน ได้แก่ The Palace หรือด้านในของพระราชวัง มีห้องมากมายถึง 700 ห้อง ไม่ว่าจะเป็น ห้องบรรทม, ห้องเสวย, ห้องสำราญ และห้องพำนักอื่นๆ แต่ไม่มีห้องน้ำแม้แต่เพียงห้องเดียว , ห้องกระจก หรือ The Hall of Mirrors เป็นห้องที่ใหญ่ที่สุดในพระราชวัง และมีชื่อเสียงโด่งดังมากที่สุด ถูกก่อสร้างด้วยกระจกบานยักษ์ใหญ่เจียรไนสุดวิบวับทั้งหมด 17 บาน เมื่อเปิดออกมาจะพบเห็นมุมที่สวยที่สุดของสวนแวร์ซาย The Gardens สวนที่ตกแต่งให้มีลวดลายเหมือนเขาวงกต ประดับประดาด้วยต้นไม้ สวนดอกไม้แบบเรขาคณิต มีประติมากรรมและหินอ่อนโดยได้รับแรงบันดาลใจจากเทพนิยายกรีกโรมัน, The Estate of Trianon พระตำหนักเล็กๆ ของพระนางพระนางมารี อองตัวเนต และสวนดอกไม้ส่วนตัว ท่ามกลางหมู่บ้านชนบทที่เงียบสงบ ซึ่งพระนางทรงโปรดที่จะมาพักผ่อนที่แห่งนี้และใช้ชีวิตเรียบง่ายแบบคนธรรมดาทั่วไป

อิสระช้อปปิ้งที่ Grain de Cuir ร้านกระเป๋าแบรนด์เนมชั้นนำ ราคาดี อาธิเช่น Hermes, Louis Vuitton, Chanel, Prada, Celine, Dior หรือแบรนด์ที่คนไทยนิยมใช้นั้นก็คือ Longchamp นั้นเอง

เที่ยง ä รับประทานอาหารเที่ยง ณ ภัตตาคาร (มื้อที่15)

พาทุกท่านเดินทางกลับสู่ เมืองปารีส เก็บภาพความประทับใจกับแลนด์มาร์คที่โด่งดังไปทั่วโลก เริ่มที่ ประตูชัยฝรั่งเศส (Arc de Triomphe) หรือเรียกเต็มๆว่า อาร์กเดอทรียงฟ์เดอเลตวล เป็นผลงานสถาปัตยกรรมที่ออกแบบโดย ฌ็อง ชาลแกร็ง มีอายุกว่า 200 ปีสร้างขึ้นปี พ.ศ. 2349 มีความสูง 49.5 เมตร มีความกว้าง 45 เมตรและมีความลึกถึง 22 เมตรถูกจัดอันดับเป็นประตูชัยที่ใหญ่อันดับ 2 ของโลกหลังจากที่จักรพรรดิ นโปเลียนที่ 1 ได้รับชัยชนะจากยุทธการเอาสเตอร์ลิทซ์ ใช้เวลาก่อสร้างยาวนานกว่าสามสิบปี ใช้ศิลปะคลาสสิคใหม่ที่ดัดแปลงมาจากสถาปัตยกรรมโรมันโบราณโดยการใช้รูปปั้นแกะสลักจากช่างแกะสลักคนสำคัญแห่งยุค มีรูปแกะสลักที่เป็นสัญลักษณ์แห่งชัยชนะ การปลุกใจ รวมทั้งสดุดีการเสียสละแก่วีรชนทหารกล้าที่ทำเพื่อประเทศฝรั่งเศส ต่อมาถูกตั้งให้เป็นอนุสรณ์ของทหารฝรั่งเศสในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 1 ซึ่งในปัจจุบันยังเป็นสุสานของทหารนิรนามที่ทำเพื่อประเทศฝรั่งเศสอีกด้วย ไปต่อกันที่ ถนนที่มีชื่อเสียงที่โด่งดังที่สุดในฝรั่งเศส ถนนฌ็องเซลิเซ่ (Champs Elysees) เป็นหนึ่งในถนนที่มีชื่อเสียงโด่งดังในฝรั่งเศส ย่านศูนย์การค้าระดับพรีเมียม แหล่งรวมสินค้าแบรนด์ดังระดับโลกทุกแบรนด์ ร้านอาหารที่มีความหรูหราอลังการ ถือว่าเป็นย่านธุรกิจที่สำคัญของกรุงปารีส ย่านการค้าที่มีค่าเช่าที่แพงที่สุดในโลก และยังถูกจัดอันดับให้แป็นถนนที่สวยที่สุดในโลก ตึกส่วนใหญ่บนถนนฌ็องเซลิเซ่เป็นสถาปัตยกรรมที่มีการผสมผสานศิลปะ Art Deco กับการตกแต่งสไตล์ Art Nouveau เข้าไว้ด้วยกันอย่างลงตัว จากนั้นพาทุกท่านไปที่ จัตุรัสคองคอร์ด (Place de la Concorde) เป็นสถานที่แห่งความทรงจำทางประวัติศาสตร์ในกรุงปารีส เป็นสัญลักษณ์ของสงครามกลางเมืองและการปฏิวัติการปกครองของฝรั่งเศส จัตุรัสคองคอร์ดถูกสร้างขึ้นในสมัยของพระเจ้าหลุยส์ที่ 15 โดยสถาปนิกชื่อ Jacques Ange Gabriel และสร้างเสร็จสิ้นในปี ค.ศ.1755 เพื่อประดิษฐานพระบรมรูปทรงม้าแต่ถูกทำลายโดยพระเจ้าหลุยส์ที่ 16

จากนั้นไปเยี่ยม ชมด้านนอกของ พิพิธภัณฑ์ลูฟร์ (Louvre Museum) เป็นพิพิธภัณฑ์ที่มีชื่อเสียงโด่งดังที่สุดของเมืองปารีส จากผลงานที่จัดแสดงไปจนถึงความเก่าแก่และยิ่งใหญ่ของสถานที่ทำให้เป็นพิพิธภัณฑ์ที่มีความสำคัญระดับโลก ก่อตั้งขึ้นโดยพระเจ้าฟิลิปที่ 2 ก่อนที่จะถูกขยายให้เป็นพระราชวังหลวง ในปัจจุบันพิพิธภัณฑ์ลูฟร์ (Louvre Museum) เป็นสถานที่เก็บรักษาผลงานศิลปพที่ทรงคุณค่าไว้มากกว่า 400,000 ชิ้น แต่นำมาจัดแสดงให้ชมเพียง 40,000 ชิ้นเท่านั้น ซึ้งแน่นอนว่าผลงานศิลปะเหล่านี้ถูกเล่าต่อกันมาว่าเป็นสมบัติจากการที่ฝรั่งเศสนำมาจากประเทศที่ตนชนะสงคราม

พาทุกท่านไปอิสระช้อปปิ้งที่ ห้างปลอดภาษี Benlux Louvre duty free เป็นห้างชื่อดังใจกลางกรุงปารีส ซึ่งคุณจะได้พบกับสินค้าแบรนด์ชั้นนำต่างๆจากทั่วโลก ในราคาที่ไม่ แพงและบรรยากาศที่หรูหราตระการตา ที่ดีเด่นต่อนักท่องเที่ยวไทย เพราะมีพนักงานและข้อความภาษาไทยในห้างนี้ด้วย ห้าง La Samaritaine เป็นห้างสรรพสินค้า ขนาดใหญ่ ในกรุงปารีส เริ่มต้นจากร้านเสื้อผ้าเล็กๆ และขยายไปสู่สิ่งที่กลายเป็นชุดของอาคารห้างสรรพสินค้าที่มีแผนกต่างๆ ทั้งหมด 90 แผนก เป็นสมาชิกสมาคมห้างสรรพสินค้านานาชาติตั้งแต่ปี 2528 ถึง 2535 ห้างแกลเลอรี่ ลาฟาแยตต์ (Galeries Lafayette) เป็นห้างหรูที่มีชื่อเสียงมากที่สุดแห่งหนึ่งของปารีส ภายในอาคารที่มีสถาปัตยกรรมที่สวยงาม เปิดให้บริการครั้งแรกในปี ค.ศ.1912 เดิมทีก่อนที่จะมาเป็นห้างสรรพสินค้าแฟชั่นชั้นนำของโลกอย่างทุกวันนี้แต่ก่อนเป็นแค่ร้านขายเสื้อผ้าเล็กๆ ที่หัวมุมถนน Lafayette แต่ภายหลังไม่นานได้มีการขยับขยายพื้นที่เพื่อให้เพียงพอต่อจำนวนพนักงานและลูกค้าที่มาจับจ่ายใช้สอย มีบันทึกว่าเป็นปีที่มียอดขายสูงสุด ซึ่งในปัจจุบันมีสาขาแบ่งอยู่ตามเมืองใหญ่ๆทั้งในประเทศและนอกประเทศ รวมแล้วทั้งหมด 61 แห่ง

17.30น. จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ ท่าอากาศยานนานาชาติปารีส-ชาร์ล เดอ โกล ประเทศฝรั่งเศส เพื่อเดินทางกลับสู่กรุงเทพ

21.10 น. เดินทางกลับประเทศไทย โดยสายการบิน OMAN AIR เที่ยวบินที่ WY132

07.10 น. เดินทางถึง ท่าอากาศยานมัสกัต ประเทศโอมาน แวะพักเปลี่ยนเครื่อง

09.00 น. เดินทางกลับกรุงเทพฯ ประเทศโดยสายการบิน OMAN AIR เที่ยวบินที่ WY815

17.45 น. เดินทางถึง ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ประเทศไทย โดยสวัสดิภาพ