เปิดทำการ จ - ศ : 08.30 - 22.00 น. ส - อา : 09.00 - 22.00 น.
eTravelWay.com logo
Add Friend Add Friend
ติดตามข่าวสารโปรโมชั่นดีดี


@etravelway

รับโปรโมชั่นดีดี
Add Friend
เฉพาะคอทัวร์โปรไฟไหม้
ทัวร์ถูกคุณภาพคุ้มค่า
ทัวร์หลุดจอง

@etravelway.fire

เฉพาะคอทัวร์โปรไฟไหม้
แชทผ่าน Facebook
fb.me/etravelway

สอบถามทาง Facebook

ทัวร์อินเดีย

 รหัส : Z9843
เดินทางโดย : FD-แอร์เอเชีย
โรงแรม : 3 ดาว |  จำนวนวัน : 6 วัน 5 คืน
อินเดีย - เนปาล ปลื้มปริ่ม อิ่มบุญ 4 สังเวชนียสถาน : แม่น้ำเนรัญชรา - วัดไทยพุทธคยา - มหาเจดีย์พุทธคยา - ต้นพระศรีมหาโพธิ์ (สังเวชนียสถานแห่งที่ 2) - วัดป่ามหาวัน - มกุฎพันธนเจดีย์ - พระสถูปปรินิพพาน (สังเวชนียสถานแห่งที่ 4) - สวนลุมพินีวัน (สังเวชนียสถานที่สำคัญแห่งที่ 1) - เสาหินพระเจ้าอโศกมหาราช - ล่องแม่น้ำคงคา - สารนาถ - ธัมเมกขสถูป ป่าอิสิปตนมฤคทาวัน (พุทธสังเวชนียสถานแห่งที่ 3) - เจาคนธีสถูป - พิพิธภัณฑ์สารนาถ

กรุงเทพฯ(สนามบินดอนเมือง) - สนามบินคยา - บ้านนางสุชาดา - แม่น้ำเนรัญชรา - วัดไทยพุทธคยา - มหาเจดีย์พุทธคยา - ต้นพระศรีมหาโพธิ์ (สังเวชนียสถานแห่งที่ 2)
เมืองคยา - เมืองเวสาลี - วัดป่ามหาวัน - เมืองกุสินารา
มกุฎพันธนเจดีย์ - พระสถูปปรินิพพาน (สังเวชนียสถานแห่งที่ 4) - เนปาล - ลุมพินี
สวนลุมพินีวัน (สังเวชนียสถานที่สำคัญแห่งที่ 1) - เสาหินพระเจ้าอโศกมหาราช - วิหารมายาเทวี - เมืองพาราณสี
ล่องแม่น้ำคงคา - สารนาถ - ธัมเมกขสถูป ป่าอิสิปตนมฤคทาวัน (พุทธสังเวชนียสถานแห่งที่ 3) - เจาคนธีสถูป - พิพิธภัณฑ์สารนาถ - เมืองคยา
สนามบินคยา - กรุงเทพฯ(สนามบินดอนเมือง)
ไม่รวม ค่าธรรมเนียมวีซ่าประเทศอินเดีย และประเทศเนปาล รวมท่านละ 3,000 บาท (ชำระพร้อมมัดจำทัวร์) - ค่าทิปไกด์ท้องถิ่น และคนขับรถ ท่านละ 1,800 บาท (ชำระที่สนามบินในวันเดินทาง) - ค่าทิปหัวหน้าทัวร์ไทย ขึ้นอยู่กับความพึงพอใจในการบริการที่ท่านได้รับ - ค่าภาษีน้ำมัน ที่สายการบินเรียกเก็บเพิ่ม ภายหลังจากทางบริษัทฯได้ออกตั๋วเครื่องบินไปแล้ว (ถ้ามี) - ค่าทำ Vaccine Passport หรือ ลงทะเบียน E-Vaccine Passport - ค่าอาหารพิเศษนอกเหนือจากที่ทัวร์จัด เช่น อาหารเจ อาหารมังสวิรัติ และอาหารอิสลาม มุสลิม
เดินทาง :
รายการนี้ยังไม่มีพีเรียดเดินทาง
Download PDF

อินเดีย-เนปาล อิ่มบุญ 4 สังเวชนียสถาน 6 วัน 5 คืน

โดยสายการบิน Air Asia (FD)

คำแนะนำ : ก่อนจอง และชำระค่าเดินทาง โปรดศึกษาเงื่อนไขการจอง และการยกเลิกทัวร์อย่างละเอียด เพื่อรักษาสิทธิ์ในการเดินทางของท่าน

วันแรก สนามบินดอนเมือง-สนามบินคยา-บ้านนางสุชาดา-แม่น้ำเนรัญชรา-วัดไทยพุทธคยา-มหาเจดีย์พุทธคยา-ต้นพระศรีมหาโพธิ์

05.30 น. คณะพร้อมกันที่ ท่าอากาศยานดอนเมือง บริเวณผู้โดยสารขาออก อาคาร 1 ชั้น 3 ประตู 2 เคาน์เตอร์เช็คอินสายการบิน Air Asia (FD) เจ้าหน้าที่ของบริษัทฯคอยให้การต้อนรับ และอำนวยความสะดวกในการเช็คอินรับบัตรโดยสาร (แนะนำให้โหลดของที่ไม่จำเป็นลงใต้ท้องเครื่องเนื่องจากเจ้าหน้าที่อินเดียตรวจอย่าเข้มงวด

หมายเหตุ ๑ : เคาน์เตอร์เช็คอินจะปิดบริการก่อนเวลาเครื่องออกอย่างน้อย 60 นาที และผู้โดยสารพร้อม ณ ประตูขึ้นเครื่องก่อนเวลาเครื่องออก 30 นาที

หมายเหตุ ๒ : การออกตั๋วโดยสารเครื่องบินของคณะใช้ ระบบสุ่มเลือก (Random) ไม่สามารถล็อกที่นั่งหรือสลับตามที่ต้องการ ดังนั้นที่นั่งอาจจะไม่ได้นั่งติดกันและไม่สามารถเลือกช่วงที่นั่งบนเครื่องบินได้ ทั้งนี้เป็นไปตามเงื่อนไขข้อกำหนดของสายการบิน หากท่านต้องการเลือกและระบุที่นั่งใหม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม โปรดสอบกับเจ้าหน้าที่เช็คอินในวันเดินทาง

08.20 น. บินลัดฟ้าสู่ เมืองคยา ประเทศอินเดีย โดยสายการบิน Air Asia เที่ยวบินที่ FD122 ใช้เวลาเดินทางประมาณ 3 ชั่วโมง 20 นาที (ไม่มีบริการอาหารและเครื่องดื่มบนเครื่อง)

10.10 น. เดินทางถึง สนามบินเมืองคยา ประเทศอินเดีย (เวลาท้องถิ่นช้ากว่าไทย 1.30 ช.ม.กรุณาปรับนาฬิกาของท่านเป็นเวลาท้องถิ่นเพื่อสะดวกในการนัดหมาย) หลังผ่านขั้นตอนการตรวจคนเข้าเมืองและรับสัมภาระเรียบร้อยแล้ว

นำท่านเดินทางสู่ พุทธคยา พุทธสังเวชนียสถาน ที่สำคัญที่สุด 1 ใน 4 สังเวชนียสถาน และถือว่าเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ของชาวพุทธทั่วโลก

เที่ยง บริการอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร หรือ ห้องอาหารในโรงแรม

จากนั้นนำท่าน เดินทางสู่ บ้านนางสุชาดา เป็นธิดาของ เสนียะ ( เสนานิกุฏุมพี) ผู้มีทรัพย์ซึ่งเป็นนายใหญ่แห่งชาวบ้านเสนานิคม ตำบลอุรุเวลา เมื่ออายุย่างเข้าสู่วัยสาวนางได้ทำพิธีบวงสรวงต่อเทพยดาที่สิงสถิต ณ ต้นไทรใหญ่ต้นหนึ่งใกล้บ้านของนาง โดยได้ตั้งปณิธานความปรารถนาไว้ 2 ประการ คือ

1.ขอให้ข้าพเจ้าได้สามีที่มีบุญ มีทรัพย์สมบัติ และมีชาติสกุลเสมอกัน

2.ขอให้ข้าพเจ้ามีบุตรคนแรกเป็นชาย

เมื่อความปรารถนาสำเร็จสมบูรณ์ นางได้ทำพลีกรรมบวงสรวงสังเวยเทพยดาด้วยข้าวมธุปายาส ในวันขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๖

นำท่านชมวิว ริมสองฝั่ง แม่น้ำเนรัญชรา แม่น้ำสำคัญในพุทธประวัติ ชาวบ้านแถบนั้นเรียกว่า “ลิลาจัน” มาจากคำสันสกฤตว่า “ไนยรัญจนะ” แปลว่า แม่น้ำที่มีสีใสสะอาด แม่น้ำทั้งสายกว้างราว ๑ กิโลเมตร ในสมัยพุทธกาล แม่น้ำเนรัญชราไหลผ่านแคว้นมคธ ณ ตำบลอุรุเวลาเสนานิคม ซึ่งตั้งอยู่บนลุ่มแม่น้ำเนรัญชรา อันเป็นภูมิสถานที่สงบน่ารื่นรมย์ พระมหาบุรุษทรงเลือกที่แห่งนี้เป็นที่บำเพ็ญเพียร ทรงประทับอยู่ ณ ที่นี้ นานถึง ๖ ปี พระมหาบุรุษทรงบำเพ็ญทุกรกิริยาและเปลี่ยนมาทรงดำเนินในมัชฌิมาปฏิปทา จนได้ตรัสรู้อนุตรสัมมาสัมโพธิญาณภายใต้ต้นพระศรีมหาโพธิ ณ ริมฝั่งแม่น้ำเนรัญชราแห่งนี้

จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ วัดไทยพุทธคยา เป็นวัดไทยแห่งแรกในประเทศอินเดีย เริ่มก่อสร้างมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2500 มีเนื้อที่ราว 12 ไร่ ตั้งอยู่บริเวณพุทธคยา อยู่ห่างจากองค์เจดีย์พุทธคยาประมาณ 500 เมตร เป็นวัดที่อยู่ในความดูแล

และอุปถัมภ์ของรัฐบาลไทย พระอุโบสถของวัดไทยพุทธคยาจำลองแบบมาจากวัดเบญจมบพิตรดุสิตวนารามราชวรวิหาร กรุงเทพมหานคร ซึ่งได้ชื่อว่าเป็นสถาปัตยกรรมของสมัยรัตนโกสินทร์ที่ดีที่สุดแห่งหนึ่ง ซึ่งการจำลองแบบจนดูเหมือนนี้ไม่ใช่เฉพาะภายนอก แต่ยังมีภายในที่เหมือนกันด้วย เช่น องค์พระประธานที่เป็นพระพุทธชินราช แกลประตู แกลหน้าต่าง เป็นต้น

จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ มหาเจดีย์พุทธคยา เจดีย์พุทธคยาหรือพระมหาโพธิ์เจดีย์ คืออนุสรณ์สถานแห่งการตรัสรู้

ของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า มีลักษณะเป็นเจดีย์สี่เหลี่ยมทรงสูง เป็นสถาปัตยกรรมและศิลปะแบบอินเดีย สูงประมาณ 170 ฟุต แบ่งออกเป็น 2 ชั้น ชั้นแรกประดิษฐานพระพุทธเมตตา พระพุทธรูปปางมารวิชัยศิลปะปาละ เป็นพระพุทธรูปใหญ่หนึ่งเดียวในเจดีย์ที่ไม่ถูกทำลายจากกษัตริย์ชาวฮินดูในสมัยที่มีการกวาดล้างพระพุทธศาสนาในอินเดีย ส่วนชั้นที่ 2 ประดิษฐานพระพุทธปฏิมาปางประทานพร บริเวณโดยรอบเจดีย์มีเจดีย์บริวารล้อมอยู่ทั้ง 4 ทิศ เดิมเจดีย์พุทธคยาเป็นวิหารขนาดไม่ใหญ่นัก ต่อมาในปี พ.ศ.674 พระเจ้าหุวิชกะทรงบูรณะเพิ่มเติมให้มีขนาดใหญ่กว่าเดิม ในปัจจุบันเจดีย์พุทธคยาถือเป็นแลนด์มาร์คของกลุ่มพุทธสถานพุทธคยา จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ด้านหลังมหาเจดีย์ ท่านจะพบกับ ต้นพระศรีมหาโพธิ์ สังเวชนียสถานแห่งที่ 2 คือต้นโพธิ์ที่พระพุทธเจ้าประทับในช่วงเวลาตรัสรู้ เป็นพันธุ์ไม้ที่เป็นที่เคารพนับถือของพุทธศาสนิกชนมาตั้งแต่สมัยพุทธกาล ต้นพระศรีมหาโพธิ์มีทั้งหมด 4 ต้น

  • ต้นแรกคือต้นที่พระพุทธเจ้าทรงตรัสรู้ซึ่งตายลงในสมัยของพระเจ้าอโศกมหาราช
  • ต้นที่สองคือต้นที่แตกหน่อออกมาจากต้นแรกและได้ถูกทำลายลงในสมัยพระเจ้าสาสังการ กษัตริย์ฮินดู
  • ต้นที่สามคือต้นที่แตกหน่อออกมาจากต้นแรกและได้ตายลงเพราะขาดการบำรุงดูแล เนื่องจากเป็นช่วงพระพุทธศาสนาในประเทศอินเดียเสื่อมโทรม
  • ต้นที่ 4 คือต้นศรีมหาโพธิ์ต้นปัจจุบันที่แตกหน่อมาจากต้นที่ 3 ได้รับการบำรุงดูแลหน่อโดยเซอร์คันนิงแฮม หัวหน้าคณะสำรวจพุทธศาสนสถานในช่วงที่อินเดียเป็นอาณานิคมของอังกฤษ ปัจจุบันมีอายุ 138 ปี ใต้ต้นพระศรีมหาโพธิ์เป็นที่ประดิษฐานของพระแท่นวัชรอาสน์ พระแท่นที่พระเจ้าอโศกมหาราชทรงสร้างขึ้นเพื่อบูชาสถานที่บำเพ็ญเพียรของพระพุทธเจ้า ตัวแท่นทำจากทองมีความยาว 7 ฟุต สลักเป็นรูปเพชร พญาหงส์ และดอกมณฑารพสลับกัน พระและพุทธศาสนิกชนนิยมไปสักการะ สวดมนต์ หรือนั่งทำสมาธิอยู่รอบๆ บริเวณต้นพระศรีมหาโพธิ์และพระแท่นวัชรอาสน์แห่งนี้

 ค่ำ บริการอาหารเย็น ณ ห้องอาหารของโรงแรม

สมควรแก่เวลานำท่านเข้าที่พัก Bodhgaya Regency Hotel ระดับ 4 *หรือเทียบเท่า

วันที่สอง เมืองคยา - เมืองเวสาลี - วัดป่ามหาวัน - เมืองกุสินารา

เช้า บริการอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม

นำท่านเดินทางสู่ เมืองเวสาลี  คืออาณาจักรหนึ่งของวัชชี หนึ่งใน 16 แคว้น ของชมพูทวีป เรียกกันหลายชื่อว่า ไวสาลี ไพสาลี หรือเวสาลี เนื่องจากในครั้งนั้นกรุงเวสาวีเกิดฝนแห้ง ข้าวกล้าตายเพราะถูกแดดเผาคนยากจนอดตาย ศพเกลื่อนกลาดทั่วพระนคร อมนุษย์ได้กลิ่นซากศพก็พากันเข้ามาในพระนครผู้คนตายเพิ่มขึ้น เหล่าเจ้าลิจฉวีได้ยินมาว่าพระพุทธเจ้าเสด็จอุบัติขึ้นแล้วในโลก พระผู้มีพระภาคเจ้านั้นทรงแสดงธรรมเพื่อประโยชน์เกื้อกูลแก่ปวงสัตว์ทรงมีอานุภาพมาก หากพระงค์ทรงเสด็จมาโปรด ภัยทุกอย่างก็จักสงบไปจึงส่งเจ้าลิจฉวี ชื่อ มหาลิ ซึ่งเป้นผู้ทีพระเจ้าพิมพิสารโปรดปรานและอำมาตย์ผุ้หนึ่งเดินทางไปขอร้องพระเจ้าพิมพิสารให้กราบทูลอาราธนาพระพุทธองค์เสด็จไปกรุงเวสาลี พระบรมศาสดาทรงพิจารณา หากได้ตรัสรัตนสูตรในกรุงเวสาลีนอกจากความเดือดร้อนจักสงบลงมหาชนชาววัชชีเมื่อได้ฟังพระสูตรนี้แล้วจักได้บรรลุมมรรคผล จำนวนมากจึงทรงรำคำกราบทูลเชิญของพวกเจ้าลิจฉวี

เที่ยง บริการอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร หรือ ห้องอาหารในโรงแรม

บ่าย จากนั้นนำท่านเที่ยวชม วัดป่ามหาวัน อารามที่กษัตริย์ลิจฉวีสร้างถวายพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ตั้งอยู่ในป่ามหาวันทางเหนือของอาณาจักรวัชชีในป่าหิมาลัยและพระพุทธองค์ทรงประทับอยู่ในพรรษาที่ 5 ชมเสาอโศกที่มีรูปสิงห์อยู่ในลักษณะนั่งหันหน้าไปทางทิศตะวันออกที่สมบูรณ์ที่สุด ปัจจุบันเหลือเพียงซากโบราณสถานที่ประกอบไปด้วยสังฆาราม ห้องพัก ห้องประชุม นำท่านเดินทางสู่ เมืองกุสินารา เป็นที่ตั้งของสังเวชนียสถานแห่งที่ 4 ในสมัยพุทธกาลเป็นเมืองเอกหนึ่งในสองของแคว้นมัลละ อยู่ตรงข้ามฝั่งแม่น้ำคู่กับเมือง ปาวา เป็นที่ตั้งของ สาลวโนทยาน หรือป่าไม้สาละที่พระพุทธเจ้าเสด็จดับขันธปรินิพพานและเป็นสถานที่ถวายพระเพลิงพระพุทธเจ้า

ค่ำ บริการอาหารเย็น ณ ห้องอาหารของโรงแรม

สมควรแก่เวลานำท่านเข้าที่พัก Om Residency Hotel ระดับ 4 *หรือเทียบเท่า

วันที่สาม มกุฎพันธนเจดีย์ - พระสถูปปรินิพพาน - เนปาล - ลุมพินี

เช้า บริการอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม

นำท่านเดินทางสู่ มกุฏพันธนเจดีย์ ตั้งอยู่ห่างจาก มหาปรินิพพานสถูป ไปทางทิศตะวันออก ๑ กิโลเมตร คนท้องถิ่นเรียกว่า “รามภาร์-กา-ดีลา” หรือ รัมภาร์สถูป เป็นสถานที่ถวายพระเพลิงพระพุทธสรีระของพระพุทธเจ้า เดิมทีเป็นเชิงตะกอนไม้จันทร์หอม หลังจากที่ถวายพระเพลิงพระพุทธสรีระแล้วก็ได้สร้างพระสถูปครอบลง ต่อมาก็ได้ถูกรุกรานทำลายเหลือแต่ซากปรักหักพัง ภายหลังได้ถูกขุดค้นพบเป็นซากกองอิฐพระสถูปขนาดใหญ่ดังที่เห็นในปัจจุบัน พระสถูปนี้วัดโดยรอบฐานได้ ๔๖.๑๔ เมตร และขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง ๓๗.๑๘ เมตร ทั้งนี้ ตามหลักฐานก็เป็นที่ชัดเจนว่านั่นคือสถานที่ถวายพระเพลิงพระพุทธสรีระหรือมกุฏพันธนเจดีย์ตามที่ชาวพุทธเรียกชื่อกัน ปัจจุบันรัฐบาลอินเดียได้เข้ามาบูรณะซ่อมแซมไว้อย่างดีนำท่านเดินทางไปกราบสักการะ มหาปรินิพพานสถูป ซึ่งเป็นสถานที่พระพุทธเจ้าเสด็จดับขันธ์ปรินิพพานภายใต้ต้นสาละคู่ เป็นพุทธสถานที่พระพุทธเจ้าประทานการบวชให้สาวกองค์สุดท้าย และยังเป็นที่ตรัสเทศนาปัจฉิมโอวาทสุดยอดแห่งพระธรรมคำสอนคือความไม่ประมาทชม มหาปรินิพพานสถูป สังเวชนียสถานแห่งที่ 4 ตั้งอยู่ด้านหลังของมหาปรินิพพานวิหาร เป็นสถูปแบบทรงโอคว่ำขนาดใหญ่ ซึ่งพระเจ้าอโศกมหาราชเป็นผู้สร้างและได้บรรจุพระบรมสารีริกธาตุไว้ เชื่อกันว่าเป็นที่บรรทมครั้งสุดท้ายและเป็นสถานที่พระพุทธองค์ปรินิพพาน ณ ใต้ต้นสาละคู่ ภายหลังได้สร้างสถูปครอบไว้ดังจะเห็นได้ในปัจจุบัน สถูปมีความสูง ๖.๑๐ เมตรเหนือระดับพื้นดิน ด้านบนของสถูปเป็นฉัตร ๓ ชั้น ชม มหาปรินิพพานวิหาร หรือวิหารพุทธไสยาสน์ ตั้งอยู่ด้านหน้าบนฐานเดียวกันกับมหาปรินิพพานสถูป มีบันไดอิฐสูงขึ้นไปบนเนิน ภายในประดิษฐาน “พระพุทธรูปปางปรินิพพาน” อยู่บนพระแท่นทำด้วยหินทรายแดงหรือเรียกว่า จุณศิลา องค์พระพุทธรูปยาว ๒๓ ฟุต ๙ นิ้ว (ราว ๗ เมตร) กว้าง ๕ ฟุต ๖ นิ้ว สูง ๒ ฟุต ๑ นิ้ว ศิลปะมถุรา มีอายุมากกว่า ๑,๕๐๐ ปี ที่พระแท่นมีรูปสลักของสุภัททปริพาชกกำลังเข้าไปขอบวช และมีรูปสลักพระอนุรุทธะและพระอานนท์อยู่ด้วย พระพุทธรูปองค์นี้เป็นสัญลักษณ์ของพระพุทธองค์ที่กำลังเสด็จดับขันธปรินิพพาน ประทับนอนบรรทมตะแคงขวา โดยหันพระพักตร์ไปทางทิศตะวันตก และมีซากศาสนสถานโบราณโดยรอบมากมาย ในจารึกระบุผู้จัดสร้างพระพุทธรูปองค์นี้ คือ หริพละสวามี นายช่างผู้แกะสลักชื่อ ธรรมทินนา เป็นชาวเมืองมถุรา ในปัจจุบันพระพุทธรูปองค์นี้ถือได้ว่าเป็นจุดหมายสำคัญที่ชาวพุทธจะมาสักการะ เพราะเป็นพระพุทธรูปที่มีพุทธลักษณะอันพิเศษคือเหมือนคนนอนหลับธรรมดา แสดงให้เห็นว่าพระพุทธองค์ได้เสด็จดับขันธปรินิพพานจากไปอย่างผู้หมดกังวลในโลกทั้งปวง

เที่ยง บริการอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร หรือ ห้องอาหารในโรงแรม

บ่าย ออกเดินทางสู่ เมืองลุมพินีวัน (ใช้เวลาเดินทางประมาณ 4 – 5 ชั่วโมง)ตั้งอยู่ในเขตประเทศเนปาล ผ่าน เมืองโครักข์ปูร์และผ่านเมืองชายแดนโสเนาวลีของอินเดียเข้าสู่เมืองสิทธารัตถะของเนปาลเป็นสถานที่ซึ่งตั้งอยู่กึ่งกลางระหว่างกรุงกบิลพัสดุ์กับกรุงเทวทหะ เดินทางถึงพรมแดนอินเดีย-เนปาล ผ่านพิธีการตรวจคนเข้าเมือง จากนั้นจึงเดินทางต่อเข้าสู่ เมืองสิทธารัตถะ

ค่ำ บริการอาหารเย็น ณ ห้องอาหารโรงแรม

สมควรแก่เวลานำท่านเข้าที่พัก Nansc Hotel ระดับ 3* หรือเทียบเท่า

วันที่สี่ สวนลุมพินีวัน - เสาหินพระเจ้าอโศกมหาราช - วิหารมายาเทวี - เมืองพาราณสี

เช้า บริการอาหารเช้า ณ ห้องอาหารโรงแรม

นำทุกท่านเดินทางสู่ สวนลุมพินีวัน เป็นพุทธสังเวชนียสถานที่สำคัญแห่งที่ 1 ใน 4 สังเวชนียสถานของชาวพุทธ เป็นสถานที่ประสูติของเจ้าชายสิทธัตถะ ผู้ซึ่งต่อมาตรัสรู้เป็นพระบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้า ตั้งอยู่ที่อำเภอไภรวา แคว้นอูธ ประเทศเนปาล เป็นพุทธสังเวชนียสถาน 4 ตำบลเพียงแห่งเดียวที่อยู่นอกประเทศอินเดีย ลุมพินีวัน เดิมเป็นสวนป่าสาธารณะหรือวโนทยานที่ร่มรื่นเหมาะแก่การพักผ่อน ในสมัยพุทธกาลลุมพินีวันตั้งอยู่กึ่งกลางระหว่างเมืองกบิลพัสดุ์กับเมืองเทวทหะ ในแคว้นสักกะ บนฝั่งแม่น้ำโรหิณี หลังจากพระพุทธเจ้าปรินิพพานแล้ว พระเจ้าอโศกมหาราชได้โปรดให้สร้างเสาหินขนาดใหญ่มาปักไว้ตรงบริเวณที่ประสูติ เรียกว่า เสาอโศก ที่จารึกข้อความเป็นอักษรพราหมีว่าพระพุทธเจ้าประสูติที่ตรงนี้ ปัจจุบัน ลุมพินีวันได้รับการบูรณะและมีถาวรวัตถุสำคัญที่ชาวพุทธนิยมไปสักการะ คือ "เสาหินพระเจ้าอโศกมหาราช" ที่ระบุว่าสถานที่นี้เป็นสถานที่ประสูติของเจ้าชายสิทธัตถะ นอกจากนี้ ยังมี "วิหารมายาเทวี" ภายในประดิษฐานภาพหินแกะสลักพระรูปพระนางสิริมหามายาประสูติพระราชโอรส โดยเป็นวิหารเก่ามีอายุร่วมสมัยกับเสาหินพระเจ้าอโศก ปัจจุบัน ทางการเนปาลได้สร้างวิหารใหม่ทับวิหารมายาเทวีหลังเก่า และได้ขุดค้นพบศิลาจารึกรูปคล้ายรอยเท้า สันนิษฐานว่าเป็นจารึกรอยเท้าก้าวที่เจ็ดของเจ้าชายสิทธัตถะที่ทรงดำเนินได้เจ็ดก้าวในวันประสูติ

เที่ยง บริการอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร หรือ ห้องอาหารในโรงแรม

บ่าย นำท่านเดินทางสู่ เมืองพาราณสี เป็นเมืองหลวงของแคว้นกาสี (Kingdom of Kashi) ในสมัยพุทธกาล ปัจจุบันตั้งอยู่ในรัฐอุตตรประเทศ ประเทศอินเดีย ห่างจากลัคเนาซึ่งเป็นเมืองหลวงของอุตตรประเทศเป็นระยะทาง 320 กิโลเมตร พาราณสีมีแม่น้ำคงคาไหลผ่าน เป็นเมืองหนึ่งในเจ็ดเมืองศักดิสิทธิ์ (สัปดาปุริ, Sapta Puri) ในความเชื่อของศาสนาฮินดูและศาสนาเชน พาราณสีมีประวัติความเป็นมายาวนานกว่า 4,000 ปี เป็นเมืองที่เก่าแก่ที่สุดของประเทศอินเดียและยังจัดเป็นเมืองที่มีผู้อยู่อาศัยต่อเนื่องยาวนานที่สุดในประวัติศาสตร์โลกด้วย[3] ถือว่าเป็นสุทธาวาสที่สถิตแห่งศิวเทพ ถือว่าเป็นเมืองอมตะของอินเดียและเป็นที่แสวงบุญทั้งของชาวฮินดูและชาวพุทธทั่วโลก ครั้งสมัยอาณานิคมเมืองนี้มีชื่อว่าเบนาเรส (Benares)

ค่ำ บริการอาหารเย็น ณ ห้องอาหารของโรงแรม

สมควรแก่เวลานำท่านเข้าที่พัก City Inn Hotel ระดับ 3* หรือเทียบเท่า

วันที่ห้า ล่องแม่น้ำคงคา - สารนาถ-ธัมเมกขสถูป ป่าอิสิปตนมฤคทาวัน - เจาคนธีสถูป - พิพิธภัณฑ์สารนาถ - เมืองคยา

เช้า บริการอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม

นำท่าน ล่องเรือแม่น้ำคงคา ซึ่งชาวฮินดูเชื่อถือว่าเป็นแม่น้ำศักดิ์สิทธิ์ที่ไหลมาจากมวยผมขององค์พระศิวะ (แม่น้ำนี้ไหลมาจากที่ราบสูงทิเบตเทือกเขาหิมาลัย ประเทศจีนและเนปาล) ให้ทุกท่านได้ ลอยกระทงแม่น้ำคงคา ชม พิธีบูชาไฟ มหาศิวะราตรี และ การเผาศพ ของชาวฮินดูที่สืบทอดกันมาอย่างช้านาน รวมทั้งเป็นสถานที่คนนับล้านมุ่งหน้ามา

เพื่อชมพิธีกรรมริมฝั่งแม่น้ำคงคาอันศักดิ์สิทธิ์ (พิธีเผาศพริมแม่น้ำคงคาของศาสนาฮินดู)

นำท่านเดินทางสู่ เมืองสารนาถ นำท่านสวดมนต์ ไหว้พระ นั่งสมาธิ ที่ ธัมเมกขสถูป ป่าอิสิปตนมฤคทาวัน เป็น พุทธสังเวชนียสถานแห่งที่ 3 สถานที่แสดงปฐมเทศนาธรรมจักกัปปวัตนสูตร โปรดเบญจวัคคีย์ทั้งห้า ในสมัยพุทธกาลเป็นสถานที่สงบและเป็นที่ชุมนุมของเหล่าฤษี นักบวชและนักพรตต่างๆ ที่มาบำเพ็ญตบะ

และโยคะเพื่อเข้าถึงพรหมัน (ตามความเชื่อของพรามหณ์) ทำให้ปัจจวัคคีย์ที่ปลีกตัวมาจากเจ้าชายสิทธัตถะมาบำเพ็ญตบะที่นี่

จากนั้นนำท่านชม เจาคันธีสถูป เป็นสถานที่ซึ่งพระพุทธองค์ทรงพบกับปัญจวัคคีย์ ณ สถานที่แห่งนี้เมื่อพระพุทธองค์ทรงเสด็จมาถึงป่าอิสิปตนมฤคทายวันแล้ว ปัญจวัคคีย์ เมื่อเห็นพระพุทธองค์เสด็จมาแต่ไกล จึงทำสัญญากันว่า จะไม่ลุกรับ จะไม่ต้อนรับ แต่เมื่อพระองค์เสด็จมาถึง ต่างก็ลืมสัญญานั้นสิ้น สถานที่ที่พระพุทธองค์ทรงพบปัญจวัคคีย์เมื่อเสด็จมาถึงป่าอิสิปตนมฤคทายวันนี้ ปัจจุบันอยู่ห่างจากสถานที่แสดงปฐมเทศนาไม่ไกลนักประมาณกิโลเมตรเศษ มีการสร้างพระสถูปเป็นเครื่องระลึกว่าที่นี่เป็นสถานที่ซึ่งพระพุทธองค์ทรงพบกับปัญจวัคคีย์ เรียกว่า เจาคันธีสถูป สันนิษฐานกันว่า สร้างราวๆ พุทธศักราช 1000 ช่วงราชวงศ์คุปตะนำท่านเดินทางสู่ พิพิธภัณฑ์สารนาถ (Sarnath Museum) ภายในศูนย์จัดแสดงมีพระพุทธรูปโบราณงดงามตามแบบฉบับของคนอินเดีย อายุนับพันปี

เที่ยง บริการอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร หรือ ห้องอาหารในโรงแรม

บ่าย ออกเดินทางสู่ เมืองคยา (ใช้เวลาเดินทางประมาณ 5 ชั่วโมง) ให้ทุกท่านพักผ่อนตามอัธยาศัย

ค่ำ บริการอาหารเย็น ณ ภัตตาคาร

สมควรแก่เวลานำท่านเข้าที่พัก Bodhgaya Regency Hotel ระดับ 4 *หรือเทียบเท่า

วันที่หก สนามบินคยา - สนามบินดอนเมือง

เช้า บริการอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม

08.00 น. นำท่านเดินทางออกจากโรงแรมที่พัก ทำการเช็คเอ้าท์ ออกเดินทางสู่ สนามบินคยา

10.40 น. ออกเดินทางบินลัดฟ้ากลับสู่ประเทศไทย โดยสายการบิน Air Asia เที่ยวบินที่ FD123 ใช้เวลาเดินทางประมาณ 2 ชั่วโมง 40 นาที (ไม่มีบริการอาหารและเครื่องดื่มบนเครื่อง)

14.50 น. เดินทางถึง สนามบินดอนเมือง ประเทศไทย โดยสวัสดิภาพพร้อมความประทับใจ

หน้าแรก | จองโรงแรม | ตั๋วเครื่องบินในประเทศ | ตั๋วเครื่องบินต่างประเทศ | ทัวร์ไทย | ทัวร์ไฟไหม้ | เรือสำราญ | เกี่ยวกับเรา | ติดต่อเรา | นโยบายความเป็นส่วนตัว
Copyright © 2003 eTravelWay.com All rights reserved โดย บริษัททัวร์ วีอาร์ เอนซี ทราเวล แอนด์ เทรด จำกัด
ใบอนุญาตนำเที่ยวในและต่างประเทศเลขที่ 11/11450
facebook
tel
TOP