เปิดทำการ จ - ศ : 08.30 - 22.00 น. ส - อา : 09.00 - 22.00 น.
eTravelWay.com logo
Add Friend Add Friend
ติดตามข่าวสารโปรโมชั่นดีดี

เพิ่มเพื่อน LINE รับข่าวสาร โปรโมชั่น
@etravelway

รับโปรโมชั่นดีดี
Add Friend
เฉพาะคอทัวร์โปรไฟไหม้
ทัวร์ถูกคุณภาพคุ้มค่า
ทัวร์หลุดจอง
เพิ่มเพื่อน LINE ทัวร์ไฟไหม้
@etravelway.fire

เฉพาะคอทัวร์โปรไฟไหม้
แชทผ่าน Facebook ติดต่อผ่าน Facebook
fb.me/etravelway

สอบถามทาง Facebook

ทัวร์จอร์แดน

 รหัส : Z1604
เดินทางโดย : RJ-รอยัลจอร์แดน
โรงแรม : 4 ดาว |  จำนวนวัน : 6 วัน 3 คืน
AMAZING JORDAN : โบสถ์อนุสรณ์โมเสส - โบสถ์กรีกออร์โธดอกซ์แห่งเซนต์จอร์จ - ทะเลเดดซี - เพตรา - มหาวิหารศักดิ์สิทธิ์ เอลคาซเนท์ - ทะเลทรายวาดิรัม - ภูเขาคาซารี - ทะเลทรายวาดิรัม - ปราสาทโชบัค - ป้อมปราการแห่งกรุงอัมมาน - ห้าง CITY MALL
รวมค่าทิปทุกอย่าง

กรุงเทพฯ(สนามบินสุวรรณภูมิ)
ท่าอากาศยาน QUEEN ALIA ประเทศจอร์แดน - เมืองมาดาบา - โบสถ์อนุสรณ์โมเสส - โบสถ์กรีกออร์โธดอกซ์แห่งเซนต์จอร์จ - ทะเลเดดซี
ทะเลเดดซี - เพตรา - มหาวิหารศักดิ์สิทธิ์ เอลคาซเนท์
ทะเลทรายวาดิรัม - น้ำพุแห่งลอว์เรนซ์ - ภูเขาคาซารี
ทะเลทรายวาดิรัม - เมืองโชบัค - ปราสาทโชบัค - เมืองอัมมาน - ป้อมปราการแห่งกรุงอัมมาน - ห้าง CITY MALL - ท่าอากาศยาน QUEEN ALIA ประเทศจอร์แดน
กรุงเทพฯ(สนามบินสุวรรณภูมิ)
ไม่รวม ค่ายกขนกระเป๋าเดินทางท่านละ 1 ใบ โดยเฉลี่ย 1 USD ต่อท่าน - ค่าประกันสุขภาพการเดินทาง กรณีป่วยเข้าต้องรักษาตัวเข้าโรงพยาบาลในต่างประเทศ
เดินทาง :
รายการนี้ยังไม่มีพีเรียดเดินทาง
Download PDF

ทัวร์จอร์แดน 6 วัน 3 คืน

โดยสายการบิน ROYAL JORDANIAN (RJ)

โปรแกรมจัดอย่างลงตัวรวบรวมทุกไฮไลท์ พร้อมบินตรงสู่เมืองอัมมาน

ชมความยิ่งใหญ่ของ 1 ใน 7 สิ่งมหัศจรรย์ของโลกเมืองเพตรา

นอนนับดาว ณ แคมป์ทะเลทรายวาดิรัม - นอนทะเลเดดซี เต็มอิ่มกับการพักผ่อนพอกโคลน แช่น้ำ- เมาท์เนโบ - มาดาบา - น้ำพุแห่งลอว์เรนซ์ - มหาวิหารเอลคาซเนท์ปราสาทโชบัค - ป้อมปราการแห่งกรุงอัมมา


** (บินตรง+โรงแรมดี 4 ดาว+รวมค่าทิปทุกอย่าง) **

กรุ๊ปเล็กรับจำนวนจำกัด !!!

กำหนดการเดินทาง ต.ค.-ธ.ค. 66 ราคาพิเศษ 68,550 .-

วันแรกท่าอากาศยานนานาชาติสุวรรณภูมิ

21.30 พร้อมกัน ณ เคาน์เตอร์เช็คอินสายการบิน ROYAL JORDANIAN อาคารผู้โดยสารขาออกระหว่างประเทศสนามบินสุวรรณภูมิโดยมีเจ้าหน้าที่ของบริษัทฯ คอยต้อนรับและอำนวยความสะดวกด้านสัมภาระและเอกสารการเดินทางทำผ่านขั้นตอนการตรวจคนออกนอกประเทศ

วันที่สอง กรุงเทพฯ อัมมาน - มาดาบา - ทะเลเดดซี

00.25 . ออกเดินทางสู่กรุงอัมมาน ประเทศจอร์แดน เที่ยวบินที่ RJ183

05.10 . ถึงท่าอากาศยาน QUEEN ALIA ประเทศจอร์แดน นำท่านผ่านขั้นตอนการตรวจหนังสือเดินทางและรับสัมภาระเรียบร้อย

เช้ารับประทานอาหารเช้า ณ ภัตตาคารอาหารท้องถิ่น

นำทุกท่านสู่ เมืองมาดาบา หรือเมืองแห่งโมเสกเป็นเมืองในดินแดนศักดิ์สิทธิ์เยรูซาเล็ม (The Holy Land) ว่ากันว่าที่นี่มีงานศิลปะโมเสกที่สวยงามมาก ชมดินแดนศักดิ์สิทธิ์เมาท์เนโบ ที่ตั้งอยู่บนยอดเขาซึ่งเป็นสถานที่ที่โมเสสเสียชีวิต ปัจจุบันยังมีหลุมพระศพสถิตอยู่ ณ ที่แห่งนี้ ชมโบสถ์อนุสรณ์โมเสส (The Moses Memorial Church) ถูกสร้างขึ้นเพื่อเป็นที่ระลึกถึงโมเสส สถานที่แห่งนี้สันนิษฐานว่าสร้างขึ้นในปี ค.ศ. 300-400 ในยุคไบแซนไทน์ ตอนต้นคริสต์ศักราช ให้ทุกท่านได้ชมวิวทิวทัศน์และเก็บภาพประทับใจที่จะมองเห็นทัศนียภาพทั้งแม่น้ำจอร์แดน ทะเลเดดซี นครเจริโค เมืองเบธเลแฮม และเมืองเยรูซาเล็ม และชมโบสถ์กรีกออร์โธดอกซ์แห่งเซนต์จอร์จ บนพื้นโบสถ์มีแผนที่ทำด้วยกระเบื้องโมเสกสีสวยงามจำนวนกว่า 2 ล้านชิ้น ซึ่งมีความสำคัญทางประวัติศาสตร์ของโลก สร้างขึ้นในสมัยศตวรรษที่ 6 หรือราว ๆ ปี ค.ศ. 600 ในยุคไบแซนไทน์ แผนที่นี้แสดงให้เห็นพื้นที่ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ต่าง ๆ ในอดีต

เที่ยงรับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารท้องถิ่น

จากนั้นนำทุกท่านเดินทางสู่ ทะเลเดดซี (Dead Sea) ทะเลสาบเดดซีเป็นทะเลสาบน้ำเค็มขนาดใหญ่ที่ตั้งอยู่ใน ในระหว่างเขตแดนของจอร์แดนและอิสราเอลทะเลที่ถูกบันทึกลงในหนังสือกินเนสส์ว่า เป็นจุดที่ต่ำที่สุดในโลก ต่ำกว่าระดับน้ำทะเลถึง 400 เมตร และมีความเค็มที่สุดในโลกมากกว่า 20 เปอร์เซ็นต์ของน้ำทะเลทั่วไป ทำให้ไม่มีสิ่งมีชีวิตอาศัยอยู่ได้ในท้องทะเลแห่งนี้ และด้วยความหนาแน่นของน้ำในทะเลสาบเดดซีนี้เองที่เป็นเหตุผลว่าทำไมเราถึงสามารถลอยตัวอยู่ในทะเลสาบดังกล่าวได้ ทะเลสาบแห่งนี้ยังขึ้นชื่อในเรื่องการรักษาโรคและการบำรุงรักษาผิวพรรณน้ำในทะเลเดดซีเป็นแหล่งรวมของแร่ธาตุต่าง ๆ เพราะการที่ไม่มีพื้นที่เชื่อต่อกับแม่น้ำสายอื่นให้ไหลออกได้ทำให้แร่ธาตุต่าง ๆมารวมกันอยู่ในทะเลสาบแห่งนี้เป็นจำนวนมากและทำให้หลายคนเชื่อกันว่า ทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดจากทะเลสาบเดดซี อุดมไปด้วยแร่ธาตุที่สมบูรณ์และสามารถช่วยเรื่องสุขภาพได้ โดยเฉพาะเรื่องผิวพรรณ ทั้งโคลนจากเดดซี เกลือจากเดดซีที่มีความเค็มมากกว่าเกลือที่อื่นหลายเท่าตัวหนักก็มักจะนำมาใช้ในทางการประทินผิวและรักษาผิวพรรณ ทั้งนี้สามารถช่วยรักษาได้ทั้งรังแค โรคผิวหนังรวมทั้งพิษทั้งแมลงกัดต่อย ช่วยให้ผิวนุ่มขึ้น ดูแล้วคล้ายกับว่าสถานที่แห่งนี้ กลายเป็นแหล่งรวมแร่ธาตุอิสระให้ทุกท่านได้เดินเล่นริมหาดทะเลเดดซี ลงเล่นน้ำทะเลพิสูจน์ว่าสามารถลอยตัวในน้ำทะเลได้จริงหรือไม่ พอกโคลนทะเลเดดซีเพื่อบำรุงผิวและผ่อนคลายกล้ามเนื้อ หรือดื่มด่ำกับการทำสปาทรีทเมนต์ด้วยผลิดภัณฑ์จากทะเลเดดซี อิสระให้ทุกท่านได้พักผ่อนหย่อนใจตามอัธยาศัย (การลงเล่นน้ำในทะเลนั้นมีวิธีขั้นตอนการลงเล่น และข้อควรระวังต่าง ๆ ควรฟังคำแนะนำจากมัคคุเทศก์ท้องถิ่น และหัวหน้าทัวร์) **กรุณาเตรียมเสื้อยืดกางเกงขาสั้นเพื่อลงเล่นน้ำ **

เย็นรับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารท้องถิ่น

นำท่านเข้าสู่ที่พัก ณ HOLIDAY INN DEAD SEA 4* หรือเทียบเท่า

วันที่สาม ทะเลเดดซี- เพตรา - มหาวิหารศักดิ์สิทธิ์ เอลคาซเนท์

เช้า รับประทานอาหารเช้า ณ โรงแรม

นำท่านเดินทางสู่ เมืองเพตรา มหานครศิลาทรายสีชมพูที่แกะสลักขึ้นจากภูเขาทั้งลูก สถานที่แห่งนี้ตั้งอยู่ระหว่างทะเลเดดซี กับอ่าวอะกาบะ ซึ่งซ่อนตัวอยู่ภายใต้อ้อมกอดของหุบเขาวาดี มูซา ที่สูงชันประดุจเป็นปราการอันยิ่งใหญ่ ถูกลืมเลือนไปจากความทรงจำของผู้คนและสูญหายไปจากแผนที่นานนับพันปี จนกระทั้งในปี ค.ศ. 1812 เมื่อมีนักสำรวจชาวสวิตเซอร์แลนด์ โยฮันน์ ลุควิก บวร์กฮาร์ท เดินทางผ่านมาพบเห็นและออกมาเขียนหนังสือ เล่าขานถึงความสวยงามและความมหัศจรรย์ของนครแห่งนี้ เพตราแห่งนี้จึงเริ่มปรากฏแก่สายตาชาวโลกอีกครั้งและในปี ค.ศ.1985 องค์การยูเนสโก้ได้ประกาศให้เพตราเป็นเมืองมรดกโลก โดยกล่าวอธิบายไว้ว่า \"เป็นหนึ่งในสิ่งที่ล้ำค่ามากที่สุดของมรดกทางวัฒนธรรมแห่งมวลมนุษยชาติ\" (one of the most precious cultural properties of man\'s cultural heritage) และยังได้รับคัดเลือกเป็นหนึ่งในเจ็ดสิ่งมหัศจรรย์ของโลกอีกด้วย

เที่ยงรับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารท้องถิ่น

นำท่านขี่ม้า (รวมค่าบริการและค่าทิปให้แก่เคนจูงม้าเรียบร้อยแล้ว แต่ไม่รวมค่าขี่ลา, ขี่อูฐ, รถม้าลาก ฯลฯ สนในกรุณาติดต่อที่หัวหน้าทัวร์ และบริษัทขอสงวนสิทธิ์ในการคืนเงินทุกกรณี หากท่านใดสละสิทธิ์ในการรวมกิจกรรมนี้)ให้ท่านนั่งม้าลัดเลาะไปตามพื้นหินและทรายกว่า 600 เมตร มุ่งหน้าไปในเส้นทางมหัศจรรย์ที่ทางเข้าออกของเมืองเพตรา พร้อมชมทัศนียภาพรอบข้างที่เป็นภูเขาทั้งสองฝั่งที่มีรูปร่างหน้าตาต่างกันออกไป จากนั้นเดินเท้าเข้าสู่เมืองบริเวณซอกเขาเรียกว่าซิค SIQ เป็นหุบเขาสูงกว่า 250 ฟุต ที่เกิดจากการแยกตัวของเปลือกโลกและการกัดเซาะของน้าเมื่อหลายล้านปีก่อนจนเกิดเป็นช่องทางเดินเล็ก ๆ ระหว่างหุบเขา ชมสีสันความสวยงามของหินสีต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นจากธรรมชาติ และยังมีภาพศิลปะแกะสลักจากภูเขา อาทิ รูปปั้นแกะสลักต่าง ๆ เช่น รูปปั้นเทพเจ้าต่าง ๆ รูปกองคาราวานอูฐ, รูปชาวนาบาเทียน, ท่อส่งลำเลียงน้ำเข้าสู่เมือง ฯลฯ เข้าเขตหน้าผาสูงชั้นสองข้างทางสู่มหานครแห่งศิลาทรายสีชมพู ตื่นตาตื่นใจกับความสวยงามของมหาวิหารศักดิ์สิทธิ์ เอล-คาซเนท์ (Al-Khazneh) ที่นี่เคยใช้เป็นสถานที่ถ่ายทำภาพยนตร์ เรื่องอินเดียน่า โจนส์ ภาค 3 ขุมทรัพย์สุดขอบฟ้า และ หนังฟอร์มยักษ์อย่าง ทรานส์ฟอร์มเมอร์ ภาค 2 สถานที่แห่งนี้ถูกสันนิษฐานว่า สร้างในราวศตวรรษที่ 1-2 โดยผู้ปกครองเมืองในเวลานั้น มหาวิหารถูกแกะสลักจากภูเขาสีชมพูทั้งลูก อย่างกลมกลืนได้สัดส่วนและสวยงามน่าอัศจรรย์ เป็นอาคารสองชั้น

ชมโรงละครโรมันโบราณ (Roman Theatre) ที่แกะสลักจากภูเขา โดยมีแนบราบของที่นั่งเท่ากันและมีความสมดุลได้อย่างน่าทึ่ง สันนิษฐานว่าเดิมทีสร้างโดยชาวนาบาเธียน ต่อมาในสมัยที่โรมันเข้ามาปกครองได้สร้างต่อเติม มีที่นั่ง 32 แถว สามารถบรรจุคนได้ประมาณ 3,000 คน อิสระให้ท่านเก็บภาพประทับใจ

เย็นรับประทานอาหารค่ำ ณ โรงแรมที่พัก

นำท่านเข้าสู่ที่พัก ณ PETRA ELITE 4*หรือเทียบเท่า

วันที่สี่ เพตรา ทะเลทรายวาดิรัม

เช้ารับประทานอาหารเช้า ณ โรงแรม

นำทุกท่านสู่ ทะเลทรายวาดิรัม (Wadi Rum)มีอีกชื่อหนึ่งว่า หุบเขาแห่งพระจันทร์” (The Valley of the Moon) วาดิรัมมีประวัติศาสตร์ยาวนาน ว่ากันว่ามีมนุษย์อยู่อาศัยมาแล้วตั้งแต่ 8,000 ปีก่อนคริสตกาล (นับถึงตอนนี้ก็ราว 1 หมื่นปี) แม้ว่าจะมีสภาพแวดล้อมแห้งแล้ง หาสิ่งมีชีวิตอยู่ได้ยากก็ตาม ในทะเลทรายวาดิรัมมีภาพเขียนฝาหนังของมนุษย์ยุคโบราณหลายจุด แสดงให้เห็นวิถีชีวิตความเป็นอยู่ ของคนสมัยนั้นวาดิรัมเคยเป็นที่การอาศัยของมนุษย์หลายชาติชน หลายอารยธรรม หลายวัฒนธรรม ตั้งแต่ยุคก่อนประวัติศาสตร์ ทั้งพวกนาบีเทียน ที่มีหลักฐานเป็นภาพบนหินในรูปแบบของพวกนาบีเทียน วิจิตรกรรมฝาผนัง และสถานที่ประกอบพิธีกรรม เผ่าเบดูอินก็เช่นเดียวกัน มีหลักฐานว่าพวกเราอาศัยอยู่บริเวณโดยรอบ คืนนี้ให้ท่านสัมผัสประสบการณ์นอนแค้มป์กลางทะเลทราย ให้ท่านได้ชมพระอาทิตย์ลับขอบฟ้าจนกระทั้งตกดิน นอนดูทะเลดาวนับล้านๆดวงในทะเลทรายแห่งนี้ อิสระให้ท่านพักผ่อนตามอัธยาศัย

เที่ยงรับประทานอาหารกลางวัน ณ แค้มกลางทะเลทราย แบบท้องถิ่นของชาวเบดูอิน

นำท่านขึ้นรถจี๊ปซาฟารีสู่ ทะเลทรายวาดิรัม (WADI RUM) ที่ถูกกล่าวขานว่าเป็นทะเลทรายสวยงามที่สุดของโลกแห่งหนี่ง ด้วยเม็ดทรายละเอียดสีส้มอมแดง ปรับเปลี่ยนไปตามแสงของดวงอาทิตย์ ในสงครามอาหรับ ระหว่างปี ค.ศ. 1916–1918 ทะเลทรายแห่งนี้ได้ถูกใช้เป็นฐานบัญชาการรบของนายทหารชาวอังกฤษ ทีอี ลอว์เรนซ์ และเจ้าชายไฟซาล ผู้นำแห่งชาวอาหรับ ร่วมรบขับไล่กองทัพออตโตมัน ที่เข้ามารุกรานเพื่อ ครอบครองดินแดน และต่อมายังได้ถูกใช้เป็นสถานที่ ในการถ่ายทำภาพยนตร์ฮอลลีวูด เรื่อง “LAWRENCE OF ARABIA”

ชมน้ำพุแห่งลอว์เรนซ์ สถานที่ในอดีตนายทหาร ทีอี ลอว์เรนซ์ ชาวอังกฤษใช้เป็นสถานที่พัก และคิดแผนการสู้รบกับกองทัพออตโตมัน

นำท่านท่องทะเลทรายต่อไปยัง ภูเขาคาซารี (Khazali Canyon) ชมภาพเขียนแกะสลักก่อนประวัติศาสตร์ที่ เป็นภาพแกะสลักของชาวนาบาเทียนที่ แสดงถึงเรื่องราวในชีวิตประจำวันต่าง ๆ และรูปภาพต่าง ๆ ผ่านชมเต็นท์ชาวเบดูอิน ที่อาศัยอยู่ในทะเลทรายทะเลทรายแห่งนี้ในอดีตเป็นเส้นทางคาราวาน จากประเทศซาอุดิอารเบีย เดินทางไปยังประเทศซีเรียและปาเลสไตน์ เคยเป็นที่อยู่อาศัยของชาวนาบาเทียน ก่อนที่จะย้ายถิ่นฐานไปสร้างอาณาจักรอันยิ่งใหญ่ที่เมืองเพตรา

เย็นรับประทานอาหารค่ำ ณ แค้มกลางทะเลทราย แบบท้องถิ่นของชาวเบดูอิน

นำท่านเข้าสู่ที่พัก ณ MEGIC PRIVATE CAMP 4* หรือเทียบเท่า

วันที่ห้า ทะเลทรายวาดิรัม เมืองโชบัค ปราสาทโชบัค - เมืองอัมมาน

เช้ารับประทานอาหารเช้า ณ แค้มกลางทะเลทราย

นำท่านสู่ SHOUBAK ปราสาทครูเสดโชบัค หรือที่รู้จักกันในพวกนักรบครูเสดชื่อ มอนทรีลแห่งตะวันออก (MONTREAL) สร้างขึ้นโดยกษัตร์บอลด์วินที่ 1 แห่งเยรูซาเลม ในปี ค.ศ. 1115 เพื่อใช้เป็นป้อมปราการควบคุมเส้นทางกองคาราวานที่จะเดินทางจากดามัสกัสไปอิยิปต์ ในอดีตเมืองแห่งนี้มีชาวคริสต์อาศัยอยู่ ราว 6,000 คน และในปี ค.ศ. 1189 ได้ถูกทาลายลงโดยนักรบมุสลิมภายใต้การนาทัพของ ซาลาดิน (SALADIN) บริเวณข้างล่าง หรือเขาข้างปราสาทโชบัค ท่านสามารถมองเห็นบ้านช่อง สภาพการอยู่ภายในถ้ำหลงเหลืออยู่

เที่ยงรับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารท้องถิ่น

นำทุกท่านเดินทางสู่ เมืองอัมมาน (Amman) เมืองหลวงของประเทศจอร์แดน เป็นเมืองที่มีประวัติศาสตร์อันซับซ้อนสะท้อนให้เห็นในความหลากหลายของประชากรและสถาปัตยกรรมหลากรูปแบบโบสถ์และมัสยิดต่างๆ ทำให้รู้ว่าเมืองแห่งนี้ประกอบไปด้วยประชากรหลากหลายเชื้อชาติและวัฒนธรรม แม้ในท่ามกลางศูนย์การค้าสมัยใหม่ของเมือง ท่านจะได้สัมผัสรากเหง้าของวัฒนธรรมอันเก่าแก่ในตลาดโบราณที่มีสีสัน ซากปรักหักพังตั้งแต่ยุคโรมัน พิพิธภัณฑ์ทางวัฒนธรรมและอนุสาวรีย์ที่บอกเล่าประวัติศาสตร์ของเมือง

ชม โรงละครโรมัน อายุกว่า 2,000 ปี ที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นศูนย์กลางของนครอัมมาน แต่ปัจจุบันก็ยังทำให้ผู้ที่พบเห็นได้ทึ่งกับการวางแผนทางด้านงานวิศวกรรมของโรมัน อันชาญฉลาดและมีดีไซน์ที่น่าจดจำ โรงละครโรมันแห่งนี้เป็นหนึ่งในแหล่งท่องเที่ยวที่สวยงามมากที่สุดในอัมมาน โรงละคร มีความลาดเอียงลึกลงไป เอื้อให้เสียงที่ได้ยินรอบตัวนั้นมีคุณภาพเยี่ยม การออกแบบสุดสร้างสรรค์นี้สามารถบรรจุคนได้ประมาณ 6,000 คน สันนิษฐานว่าน่าจะถูกสร้างขึ้นระหว่างปี ค.ศ. 161-180 สมัยการปกครองของ แอนโทนิอุส ปิซุส (Antoninus Pius)

ชม ป้อมปราการแห่งกรุงอัมมาน (Amman Citadel) บนยอดเขาสูงสุดในกรุงอัมมาน ถูกสร้างขึ้นเพื่อเป็นจุดสังเกตเหตุบ้านการเมืองต่าง ๆ รอบเมือง แม้จะเหลือเพียงซากปรักหักพังแต่ยังสวยงามและมีอายุย้อนกลับไปตั้งแต่สมัยยุคหิน เผยให้เห็นอิทธิพลด้านสถาปัตยกรรมที่มาจากยุคเหล็ก รวมถึงยุคโรมัน ยุคไบแซนไทน์และยุคอุมัยยะฮ์

จากนั้นนำท่านชม วิหารเฮอร์คิวลิส (Temple of Hercules) ที่สร้างขึ้นระหว่างปี ค.ศ.162-166 วิหารแห่งนี้มีขนาดใหญ่กว่าวิหารที่อยู่ในโรมโบราณเสียอีก เดินผ่านทางเข้าที่เป็นแนวเสาระเบียง ไปยังสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ข้างใน จากนั้นเคลื่อนตัวไปที่หินขนาดใหญ่ที่อยู่บริเวณปลายหน้าผา ตรงนี้จะเป็นจุดชมวิวพาโนรามาอันสวยงามของเมือง ใกล้กันนั้นมีมือรูปกำปั้นขนาดใหญ่ที่ทำจากหินอ่อนเผยให้เห็นความขาวโพลนจนแทบไม่มีเลือด

ผ่านชม พระราชวังของพระมหากษัตริย์อับดลุลาห์ที่สอง (Raghadan Palace) ที่ตั้งอยู่บนภูเขามีทำเลที่สวยงามที่สุดในกรุงอัมมาน และมีทหารคอยเฝ้าดูแลตรวจตราอย่างเข้มงวด

นำท่านสู่ ห้าง CITY MALL อิสระให้ทุกท่านได้ช้อปปิ้งสินค้าต่าง ๆ ทั้งสินค้าแบรนด์เนมและสินค้าพื้นเมือง

เย็นรับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร

21.00 . เดินทางสู่ท่าอากาศยาน QUEEN ALIA ประเทศจอร์แดน เพื่อเตรียมตัวเหินฟ้ากลับสู่ประเทศไทย

วันที่หก อัมมาน - ท่าอากาศยานนานาชาติสุวรรณภูมิ

02.15 . เหินฟ้าสู่กรุงเทพฯ โดยสายการบิน ROYAL JORDANIAN เที่ยวบินที่ RJ182

15.15 น. เดินทางถึง กรุงเทพมหานคร โดยสวัสดิภาพ พร้อมความประทับใจ

หน้าแรก | จองโรงแรม | ตั๋วเครื่องบินในประเทศ | ตั๋วเครื่องบินต่างประเทศ | ทัวร์ไทย | ทัวร์ไฟไหม้ | เรือสำราญ | เกี่ยวกับเรา | ติดต่อเรา | นโยบายความเป็นส่วนตัว
Copyright © 2003 eTravelWay.com All rights reserved โดย บริษัททัวร์ วีอาร์ เอนซี ทราเวล แอนด์ เทรด จำกัด
ใบอนุญาตนำเที่ยวในและต่างประเทศเลขที่ 11/11450
facebook
tel
TOP