ทัวร์ไทยรหัส : A00094
เดินทางโดย : DD-นกแอร์
โรงแรม :
|
จำนวนวัน :
3 วัน 2 คืน
น่าน
บ่อเกลือสินเธาว์ ถนนหมายเลข 3 จุดชมวิว 1715 หยุดเวลาคาเฟ่ ดอยสะกาด วัดภูมินทร์ กาแฟบ้านไทลื้อ วัดพระธาตุเขาน้อย
เดินทาง :
รายการนี้ยังไม่มีพีเรียดเดินทาง Download PDF
วันแรก สนามบินดอนเมือง • น่าน • ศาลหลักเมืองน่าน • วัดภูมินทร์ • พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติน่าน • วัดพระธาตุช้างค้ำวรวิหาร • วัดพระธาตุแช่แห้ง • วัดพระธาตุเขาน้อย • กาดข่วงเมืองน่าน 06.30 น. พร้อมกันที่สนามบินดอนเมือง ตึก 2 เคาท์เตอร์นกแอร์ โดยมีเจ้าหน้าที่อำนวยความสะดวกแก่ทุกท่าน 08.35 น. ออกเดินทางสู่ จังหวัดน่าน โดยเที่ยวบิน DD 170 09.40 น. เดินทางถึงจังหวัดน่าน เมืองแห่งความอุดมสมบูรณ์ป่าเขา และเข้มแข็งทางวัฒนธรรมกับประวัติศาสตร์อันยาวนานมากกว่า 700 ปี จึงทำให้น่านกลายเป็นเมืองจุดหมายสำคัญในการท่องเที่ยว จากนั้น พาท่านสักการะ เสาพระหลักเมืองน่าน ณ วัดมิ่งเมือง ซึ่งได้รับการสถาปนาวัดใหม่ จากเดิมที่เป็นวัดร้าง โดยเจ้าอนันตวรฤทธิเดช เจ้าครองนครในตอนนั้น สำหรับตัวอุโบสถนั้นพระครูสิริธรรมภาณี ได้บูรณะใหม่ในปี พ.ศ. 2527 เนื่องจากทรุดโทรมเป็นอย่างมาก โดยตัวอาคารเป็นฝีมือของช่างพื้นบ้านของเมืองน่าน และงานลวดลายปูนปั้นจากช่างเชียงแสน ภายในมีภาพจิตรกรรมฝาผนัง บอกเล่าเรื่องราวความเป็นมาของเมืองน่านตั้งแต่สมัยพญาภูคาเจ้าเมืองน่านองค์ปฐม ซึ่งเดิมศูนย์กลางอยู่ที่อ.ปัว ในปัจจุบันสำหรับเสาหลักเมืองนั้น สมัยโบราณจะเรียกว่า เสามิ่งเมือง หรือ เสามิ่ง โดยสมเด็จเจ้าฟ้าอัตถะวรปัญโญ เป็นผู้โปรดให้ฝังเสาพระหลักเมืองน่านลง เมื่อปีพ.ศ. 2331 จากนั้น พาท่านชมหนึ่งในสถานที่ที่โด่งดังที่สุดของจังหวัดน่าน กับภาพเสียงกระซิบบันลือโลก ณ วัดภูมินทร์ แต่เดิมนั้นมีชื่อว่าวัดพรหมมินทร์ เอกลักษณ์ที่แตกต่างจากวัดล้านนาทั่วไปคือ โบสถ์และพระวิหารสร้างอาคารจัตุรมุขหลังเดียวกัน สร้างเมื่อ พ.ศ. 2139 โดยพระเจ้าเจตบุตรพรหมมินทร์ ซึ่งสันนิฐานกันว่าเป็นโบสถ์แบบจัตุรมุขหลังแรกของไทย พาท่านชม “ฮูบแต้ม” หรือภาพจิตรกรรมภายในวิหาร ซึ่งภาพที่มีชื่อเสียงที่สุดคือภาพ ‘ปู่ม่านย่าม่าน’ ที่สะท้อนถึงวิถีชีวิตของชาวเมืองในสมัยนั้น ผลงานของหนานบัวผัน จิตรกรท้องถิ่นเชื้อสายไทลื้อ เป็นภาพชายหญิงคู่หนึ่งกำลังกระซิบอยู่ และเป็นภาพที่รู้จักกันในชื่อ กระซิบรักบันลือโลก และเป็นที่นิยมกันในหมู่นักท่องเที่ยวที่ต้องมาถ่ายรูปกับภาพจิตรกรรมฝาผนังนี้ พาท่านเข้าชม พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติน่าน ดัดแปลงจากที่ประทับของเจ้าผู้ครองนครน่าน มีพื้นที่รวม 14 ไร่ 2 งาน 32 ตารางวา โดยเคยเป็นศาลากลางจังหวัดน่าน ก่อนเปลี่ยนเป็นพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติอย่างเป็นทางการในปี พ.ศ. 2517 ไฮไลท์สำคัญคือ งาช้างดำ ซึ่งเป็นของคู่บ้านคู่เมือง จนอยู่ในคำขวัญว่า “แข่งเรือลือเลื่อง เมืองงาช้างดำ จิตรกรรมวัดภูมินทร์ แดนดินส้มสีทอง เรืองรองพระธาตุแช่แห้ง” ในพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติน่านยังมี ซุ้มลีลาวดี เรียงกันเป็นแนวยาวให้ท่านได้บันทึกรูปกันอย่างตามอัธยาศัย ถือเป็นอีกหนึ่งจุดที่ต้องไม่พลาด จากนั้น ชมวัดพระธาตุช้างค้ำวรวิหาร สร้างขึ้นโดยพญาภูเข่ง เจ้าผู้ครองนครเมืองน่าน อายุมากกว่า 600 ปี ประกอบด้วยวิหารขนาดใหญ่ ลักษณะสถาปัตยกรรมแบบล้านนาไทย ลักษณะภายในโอ่โถง ประดิษฐานพระประธานองค์ใหญ่ มีเสาปูนกลมขนาด 2 คนโอบ ภายในวัดยังประดิษฐานเจดีย์ช้างค้ำทรงลังกา สูงตระหง่านมีรูปปั้นรูปช้างครึ่งตัวประดับอยู่โดยรอบ ลักษณะเหมือนฐานรองรับไว้ด้านละ 6 เชือก รวมทั้งหมด 24 เชือก เป็นศิลปะที่น่านรับผ่านอาณาจักรสุโขทัย มีความสวยงามเป็นเอกลักษณ์ เที่ยง พาทุกท่านรับประทานอาหารเที่ยง เฮือนฮอม จากนั้น เดินทางไปยัง วัดพระธาตุแช่แห้ง พระธาตุคู่บ้านคู่เมืองของชาวน่าน และ ยังเป็นพระธาตุประจำปีเกิด ปีเถาะ อีกด้วย สันนิษฐานว่า พญาการเมืองโปรดให้สร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 1891 เพื่อบรรจุพระบรมสารีริกธาตุ ที่ได้มาจากกรุงสุโขทัย ถือเป็นแบบอย่างสถาปัตยกรรมและศิลปกรรมของช่างสกุลน่าน นอกจากนั้นยังมีสิ่งคู่ควรแก่การสักการะอีกมากมาย อาทิ วิหารพระเจ้าทันใจ วิหารพุทธไสยาศน์ เป็นต้น จากนั้น พาท่านเข้าชม วัดพระธาตุเขาน้อย เป็นวัดที่ตั้งอยู่บนเขาโดยเป็นที่ประดิษฐานพระเกษาธาตุขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ด้านบนยังประดิษฐานพระพุทธมหาอุดมมงคลนันทบุรีศรีน่าน ซึ่งเป็นพระพุทธรูปปางประทานพร บนฐานดอกบัวสูง 9 เมตร บนยอดพระเกศาทำจากทองคำหนัก 27 บาท สร้างขึ้นเนื่องในมหามงคลที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ทรงเจริญพระชนมพรรษา 6 รอบ เมื่อวันที่ 5 ธันวาคม พ.ศ. 2542 ตรงจุดนี้ท่านยังสามารถชมวิวเมืองน่านได้อย่างสุดลูกหูลูกตา จากนั้น เดินทางกลับสู่ตัวเมือง เพื่อพาเดิน กาดข่วงเมืองน่าน หรือถนนคนเดินเมืองน่านที่จัดเต็มไปด้วยสินค้านานาชนิด ไม่ว่าจะเป็นเสื้อผ้า กระเป๋าของที่ระลึก อาหาร ที่เป็นสินค้าของชาวเมืองน่าน ให้ท่านได้เลือกรับประทานอาหารได้อย่างอิสระโดยหากท่านสนใจลองทานขันโตกเมืองน่านก็สามารถลองทานได้ที่กาดข่วงแห่งนี้ เย็น อิสระเลือกรับประทานอาหารเย็นตามอัธยาศัย ที่พัก นำท่านเข้าสู่ที่พัก โรงแรมน่านบ้านคุณ หรือ โรงแรมบ้านน่าน วันที่สอง อำเภอบ่อเกลือ • ถนนลอยฟ้า1081 • บ่อเกลือสินเธาว์• หมู่บ้านสะปัน • หยุดเวลาคาเฟ่ • ชมวิวจุดชมวิวดอยภูคา 1715 • อำเภอปัว • วัดศรีมงคล 07.00 น. รับประทานอาหารเช้าที่โรงแรม จากนั้น นำท่านเดินทางสู่ อ.บ่อเกลือ อยู่ห่างจากตัวเมืองน่าน ประมาณ 80 กิโลเมตร ใช้เวลาในการเดินทางประมาณ 2 ชั่วโมง มีชื่อเสียงในด้านการทำเกลือบนภูเขาที่ไม่มีที่ใดเหมือน เกลือสินเธาว์เพื่อบริโภคและจำหน่ายเป็นรายได้อีกทางหนึ่ง อำเภอบ่อเกลือ มีภูมิทัศน์ที่สวยงาม โอบล้อมด้วย ขุนเขาเขียวขจี บ่อเกลือจึงเป็นแหล่งท่องเที่ยวของจังหวัดน่านที่รอคอยนักเดินทางเข้ามาสัมผัสกลิ่นไอของธรรมชาติและตำนานการทำเกลือบนที่สูง จากนั้น ให้ทุกท่านแวะถ่ายรูปที่ถนน 1081 โดยถนนสาย สันติสุข - บ่อเกลือ ถนนหมายเลข 1081 ยังมีความสวยงามและได้รับฉายาว่า ถนนลอยฟ้าของจังหวัดน่าน ซึ่งถนนสายดังกล่าว ได้ถูกตัดผ่านสันเขา เป็นระยะทางหลาย 10 กิโลเมตร ทำให้เมื่อขับรถไปนั้น จะเหมือนลอยอยู่บนท้องฟ้า ซึ่งตลอด 2 ฝั่งทาง จะเป็นไหล่เขาลงไป และสามารถมองเห็นวิวทิวทัศน์ธรรมชาติได้ตลอดเส้นทาง นอกจากนี้ ยังมีทะเลหมอกให้มองเห็นเป็นบางช่วงในระหว่างเส้นทาง นับได้ว่าเป็น Unseen แห่งใหม่ของจังหวัดน่านที่ทุกคนห้ามพลาด จากนั้น พาทุกท่านชม บ่อเกลือสินเธาว์ บนภูเขาแห่งเดียวของโลกตรงนี้สำรวจแล้วว่าไม่มีที่ไหนอีก บ่อเกลือเดินทางมาค่อนข้างยาก แต่สวยงามมาก หากพูดในด้านการท่องเที่ยว มีศักยภาพทางด้านการท่องเที่ยวในเรื่องของธรรมชาติสูงปัจจุบันชาวบ้านยังคงต้มแกลือด้วยวิธีแบบดั้งเดิม จะตักน้ำเกลือจากบ่อส่งผ่านมาตามลำไม้ไผ่สู่บ่อพักการทำเกลือของ ชาวบ้านบ่อเกลือ นำน้ำเกลือที่ตักจากบ่อมาต้มในกระทะประมาณ 4 - 5 ชั่วโมงให้น้ำเกลือระเหยแห้งจากนั้นก็จะนำไม้พายมาตักเกลือใส่ตะกร้าที่แขวนไว้เหนือกระทะเพื่อให้น้ำเกลือไหลลงมาในกระทะทำอย่างนี้ไปเรื่อยๆจนน้ำในกระทะแห้ง หมดแล้วจึงตักน้ำเกลือจากบ่อมาใส่ลงไปใหม่ หลังจากนั้นใส่ถุงวางขายกันหน้าบ้าน เที่ยง พาทุกท่านรับประทานอาหารเที่ยง ร้านข้าวซอยบ่อเกลือ จากนั้น มุ่งหน้าสู่ หมู่บ้านสะปัน จังหวัดน่าน เริ่มกลายเป็นจุดมุ่งหมายยอดฮิตของคนไทยที่ต้องการความเงียบสงบและมาพักผ่อน เพราะธรรมชาติของหมู่บ้านสะปันถือว่าดีและครบเครื่องมาก ไม่ว่าจะเป็นทุ่งนาเขียวๆ โอบล้อมด้วยภูเขาเกือบทุกด้าน ตอนเช้ามีหมอกสวยๆ แถมยังมีน้ำตกให้เที่ยวเล่นอีก โดยรวมถือเป็นอีกสถานที่ที่ดีอีกแห่งหนึ่งของจังหวัดน่าน จากนั้น พาท่านไปนั่งชิลที่ หยุดเวลาคาเฟ่ คาเฟ่มุมสูงแห่งหมู่บ้านสะปัน วิวสวยหลักพันล้าน ใครมาเที่ยวที่นี่ต้องไม่พลาดถือว่าเป็นคาเฟ่ที่มุมสวยมี่สุดแห่งหมู่บ้านสะปันเลย ซึ่งความสวยเรียกได้ว่าอยากหยุดเวลาไว้ที่นี่กันเลยทีเดียว พาทุกท่าน แวะถ่ายรูปกับ จุดชมวิวดอยภูคา 1715 เป็นจุดแวะพักชมวิวที่สวยงามและเป็นจุดชมวิวที่สูงห่างจากระดับน้ำทะเล 1715 เมตร มองเห็นภูเขาสลับซับซ้อน มีลานกางเต็นท์สำหรับผู้ที่ต้องการพักผ่อนระหว่างทาง มีห้องน้ำสะอาดให้บริการ อยู่ถนนเส้นทางระหว่างปัว-บ่อเกลือ มุ่งหน้าสู่ อำเภอปัว จังหวัดน่าน เมืองเล็กๆ แสนโรแมนติก เหมาะกับการใช้ชีวิตเรียบง่าย และเงียบสงบ โดยพื้นที่ส่วนใหญ่เกือบทั้งหมดเป็นทุ่งนา ถ้าเรามาช่วงเดือนมิถุนายน – กรกฎาคม แม้ต้นข้าวจะยังไม่โตเต็มที่ เพราะชาวบ้านเพิ่งเริ่มดำนากัน แต่เราจะได้ภาพผืนนาสีน้ำตาลกว้างไกลตัดกับต้นกล้าสีเขียว สวยงามมาก สะกดทุกสายตาของผู้มาเยือนแน่นอน นอกจากธรรมชาติแล้ว แหล่งท่องเที่ยวทางวัฒนธรรม ประเพณี ก็ยังน่าหลงใหล จากนั้น มุ่งหน้าสู่ วัดศรีมงคล อีกวัดที่ได้รับการตกแต่งแบบไทยล้านนา ซึ่งพระครูมงคลรังสี หรือหลวงปู่ครูบาก๋ง ที่เป็นที่เคารพของชาวบ้าน เคยได้รับนิมนต์มาอยู่ที่วัดแห่งนี้จนมรณภาพ โดยรอบวัดตกแต่งด้วยโคมไฟกระดาษสา ร่มกระดาษสา ตุง ซึ่งล้วนเป็นข้าวของเครื่องใช้ภูมิปัญญาชาวบ้านทั้งสิ้น พาท่านสักการะพระประธานในวิหารหลวง และชมจิตรกรรมฝาผนังซึ่งส่วนหนึ่งเป็นรูปมหาอุทกภัยที่เมืองยม พ.ศ. 2424 อีกหนึ่งสิ่งที่โด่ดเด่นคือทัศนียภาพหน้าวัดซึ่งเป็นทุ่งนาอันกว้างขวางมีพื้นหลังเป็นดอยภูคา ให้ท่านได้เก็บภาพบรรยากาศกันอย่างอัธยาศัย เย็น รับประทานอาหารเย็นที่ ร้าน ที่นี่ปัว จากนั้น พาทุกท่านเข้าสู่ที่พัก โรงแรมปัวเดอวิว บูติค รีสอร์ท หรือ โรงแรมชมพูภูคารีสอร์ท หรือ ปัว พาโนราม่า วันที่สาม ดอยสกาด • วัดภูเก็ต • กาแฟบ้านไทลื้อ • สนามบินน่าน • ดอนเมือง 07.00 น. รับประทานอาหารเช้าที่โรงแรม จากนั้น พาทุกท่านเดินทางขึ้นชมวิวรับอากาศหนาวดอยสกาด ที่ว่ากันว่าเป็นหมู่บ้านท่ามกลางสายหมอก ของอำเภอปัว จังหวัดน่าน หมู่บ้านเล็กๆ ของชาวไทยภูเขาเผ่าลั๊วะ ที่เกือบทุกหลังจะมีต้นมะแขว่น เครื่องเทศพื้นเมืองของภาคเหนือ รวมถึงต้นชา สายพันธุ์อัสสัม โดยขึ้นอยู่แทบทุกบ้านเลย บวกกับท่ามกลางบรรยากาศสวยๆ เงียบสงบ ที่รายล้อมไปด้วยธรรมชาติ ป่าเขา สายหมอก เลยมีอากาศเย็นสบายตลอดทั้งปีนั่นเอง (สกาดคอฟฟี่เราบริการกาแฟดริปให้ลูกค้า 1ชุด ต่อลูกค้า 2 ท่าน) นำทุกท่านเดินทางสู่ วัดภูเก็ต โดยชื่อของวัดนั้นมาจากชื่อหมู่บ้านที่ชื่อว่า”เก็ต” มีอุโบสถทรงล้านนาประยุกต์ ประดิษฐานหลวงพ่อแสนปัว หรือ หลวงพ่อพุทธเมตตา ที่ศักดิ์สิทธิ์ จากนั้น พาท่านสโลวไลฟ์พร้อมดื่มเครื่องดื่มเติมความสดชื่นที่ ร้านกาแฟไทลื้อ ร้านกาแฟที่ตั้งอยู่กลางทุ่งนาและขุนเขา ตัวร้านเป็นลักษณะบ้านแบบไทลื้อ และยังมีมุมจิบเครื่องดื่มหลายๆ จุด ซึ่งเก๋ไก๋ไม่ธรรมดา นอกจากนั้นท่านยังสามารถเลือกซื้อของที่ระลึก ผ้าทอไทลื้อ ผ้าทอน้ำไหลลายโบราณซื้อเป็นผลิตภัณฑ์ชุมชน ของดีของเมืองปัวได้ ที่ ร้านลำดวนผ้าทอ เที่ยง รับประทานอาหารกลางวัน ที่ ร้านปลาร้านัว จากนั้น ได้เวลาอันเป็นสมควรพาทุกท่านเดินทางเข้าสู่สนามบินน่าน 16.00 น. ออกเดินทางมุ่งหน้าสู่ สนามบินดอนเมือง โดยสายการบินนกแอร์ เที่ยวบินที่ DD 177 17.10 น. เดินทางถึงกรุงเทพฯ โดยสวัสดิภาพพร้อมความประทับใจมิรู้ลืม |
Copyright © 20042023 eTravelWay.com All rights reserved โดย บริษัททัวร์ วีอาร์ เอนซี ทราเวล แอนด์ เทรด จำกัด |