เปิดทำการ จ - ศ : 08.30 - 22.00 น. ส - อา : 09.00 - 22.00 น.
eTravelWay.com logo
Add Friend Add Friend
ติดตามข่าวสารโปรโมชั่นดีดี

เพิ่มเพื่อน LINE รับข่าวสาร โปรโมชั่น
@etravelway

รับโปรโมชั่นดีดี
Add Friend
เฉพาะคอทัวร์โปรไฟไหม้
ทัวร์ถูกคุณภาพคุ้มค่า
ทัวร์หลุดจอง
เพิ่มเพื่อน LINE ทัวร์ไฟไหม้
@etravelway.fire

เฉพาะคอทัวร์โปรไฟไหม้
แชทผ่าน Facebook ติดต่อผ่าน Facebook
fb.me/etravelway

สอบถามทาง Facebook
เดินทางโดย : TK-เตอร์กิช แอร์ไลน์
โรงแรม :  |  จำนวนวัน : 8 วัน 5 คืน
ตุรกีปีใหม่ 2565
สัมผัสประสบการณ์แปลกใหม่ที่ประเทศสองทวีป ชมสุเหร่าเซนต์โซเฟีย 1 ใน 7 สิ่งมหัศจรรย์ของโลกยุคกลาง สัมผัสความยิ่งใหญ่ของสุเหร่าสีน้ำเงิน เมืองโบราณเอฟฟิซุส ปราสาทปุยฝ้ายที่ปามุคคาเล่ นครใต้ดินชาดัค ล่องเรือชมช่องแคบบอสฟอรัส
เดินทาง :
รายการนี้ยังไม่มีพีเรียดเดินทาง
Download PDF

วันแรก      กรุงเทพฯ –เมืองอิสตันบูล ประเทศตุรกี 

20.30 น. สมาชิกทุกท่านพร้อมกัน ณ ท่าอากาศยานนานาชาติสุวรรณภูมิ  สายการบิน เตอร์กิช แอร์ไลน์ (TK)  โดยมีเจ้าหน้าที่คอยจัดเตรียมเอกสารการเดินทางสำหรับทุกท่านและนำท่านโหลดสัมภาระ

23.30 น. ออกเดินทางสู่ท่าอากาศยานนานาชาติกรุงอิสตันบูล ประเทศตุรกี โดยสายการบิน TURKISH AIRLINE เที่ยวบินที่ TK59 (บินตรง)

วันที่สอง  เมืองอิสตันบูล-เมืองบูร์ซา-Grand Mosque-Green Tomb-ตลาดผ้าไหม-เมืองคูซาดาซึ

06.10 น. เดินทางถึง ท่าอากาศยานนานาชาติกรุงอิสตันบูล ประเทศตุรกี (เวลาตุรกีช้ากว่าไทย 4 ชั่วโมง)

หลังจากผ่านขั้นตอนการตรวจคนเข้าเมืองและเจ้าหน้าที่ศุลกากรแล้ว นำท่านเดินทางเข้าสู่ นครอิสตันบูลเป็นเมืองที่มีความสำคัญที่สุดและเป็นเมืองที่มีประชากรหนาแน่นมากที่สุดในตุรกี เป็นเมืองที่ตั้งอยู่ริมช่องแคบบอสฟอรัส Bosphorus เดิมชื่อว่า คอนสแตนติโนเปิล ซึ่งเป็นอาณาจักรที่ยิ่งใหญ่ในประวัติศาสตร์ เป็นเมืองสำคัญของชนเผ่าจำนวนมากในบริเวณนั้น จึงส่งผลให้อิสตันบูลมีชื่อเรียกแตกต่างกันออกไป เช่น ไบแซนเทียม คอนสแตนติโนเปิ้ล เป็นต้น 

นำท่านเดินทางสู่เมืองบูร์ซ่า (ใช้เวลาเดินทางประมาณ 2 ชั่วโมง) เมืองบูร์ซาเป็นเมืองแห่งรีสอร์ทและสกี และเป็นเมืองหลวงแห่งแรกของอาณาจักรออตโตมานบนอนาโตเลีย ก่อนที่จะย้ายไปอยู่ที่ฝั่งยุโรปและย้ายไปอยู่ที่ อิสตันบูล ในที่สุด จากนั้นนำท่านชมความงามของ มัสยิดเก่าแก่ของ เมืองบูร์ซ่า Grand Mosque ภายในจะพบกับผลงานอันละเอียดอ่อน และประณีตของงานกระเบื้องประดับที่มีสีสันลวดรายที่ละเอียด และซับซ้อนอย่างพิสดารทั้งลายรูปวงกลม รูปดาว ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของศาสนาอิสลาม และรูปเรขาคณิต

ให้ท่านได้ชมความสวยงามของตัวเมืองที่ในอดีตกษัตริย์ที่เคยปกครองอาณาจักรออตโตมัน ได้ใช้เมืองนี้เป็นที่ฝังศพและนอกจากนั้นยังถูกตกแต่งให้เป็นสวนที่สวยงาม ร่มรื่นไปด้วยต้นไม้ที่เขียวชอุ่มเป็นจำนวนมาก จนได้ชื่อว่าเป็นเมืองที่มีสีเขียว(Green Bursa) จากนั้นนำท่านชม สุสานสีเขียว(Green Tomb) หรือ Yesil Mosque สถานที่ศักดิ์สิทธิ์ทางศาสนา ที่มีความสวยงามอีกแห่งหนึ่งของเมืองเบอร์ซา ถูกสร้างขึ้นในช่วงปี ค.ศ. 1491 - 1421 โดยสถาปนิกชื่อ Haci Ivaz Pasa

เที่ยง รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารท้องถิ่น

นำออกเดินทางสู่เมือง เมืองคูซาดาซึ Kusadasi ที่แปลว่า เกาะนก ตั้งอยู่ทางตะวันตกเฉียงใต้ของประเทศตุรกีติดกับชายฝั่งทะเลอีเจียนเป็นท่าเรือที่สำคัญ เรือที่ล่องทะเลอีเจียนจะจอดเรียงรายกันอยู่ที่เมืองคูซาดาซึ (ใช้เวลาเดินทางประมาณ 4 ชั่วโมง) ระหว่างทางให้ท่านได้เลือกซื้อของขึ้นชื่อของประเทศตุรกี เช่น ขนมเตอกิสดีไลท์ น้ำมันมะกอก และ ชาแอปเปิ้ล

เย็น รับประทานอาหารเย็น ณ ภัตตาคารอาหารของโรงแรมที่พัก

ที่พัก โรงแรม  Kusadasi Ada Class Hotel ระดับ 4 ดาวหรือเทียบเท่า

วันที่สาม   คุซาดาซึ-เมืองโบราณเอฟฟิซุส-ศูนย์ผลิตเครื่องหนัง-บ้านพระแม่มารี-เมืองปามุคคาเล่-นครโบราณเฮียราโพลิส-ปราสาทปุยฝ้ายCotton Castle

เช้า รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม

นำออกเดินทางสู่เมือง เมืองคูซาดาซึ Kusadasi ที่แปลว่า เกาะนก ตั้งอยู่ทางตะวันตกเฉียงใต้ของประเทศตุรกีติดกับชายฝั่งทะเลอีเจียนเป็นท่าเรือที่สำคัญ เรือที่ล่องทะเลอีเจียนจะจอดเรียงรายกันอยู่ที่เมืองคูซาดาซึ แห่งนี้เพื่อให้นักท่องเที่ยวได้ขึ้นฝั่งไปเที่ยว เมืองเอฟฟิซุส Ephesus

จากนั้นนำท่านชม เมืองโบราณเอฟฟิซุส(City of Ephesus) ชมสัญลักษณ์ของเมืองเอฟฟิซุส เช่น ห้องอาบน้ำแบบโรมันโบราณ (Roman Bath) ที่ยังคงเหลือร่องรอยของห้องอบไอน้ำให้เห็นอยู่ นำท่านชม วิหารแห่งจักรพรรดิเฮเดรียน(Temple of Hadrian) ซึ่งเป็นจักรพรรดิเอเดรียนที่ยิ่งใหญ่อีกองค์หนึ่งของโรมัน

ชม ภาพแกะสลักนางเมดูซ่า หัวเป็นงู ชม หอสมุดเซลซุส Library of Celsus เป็นอาคารสองชั้น ด้านหน้าหันหน้าไปทางทิศตะวันออกเพื่อรับแสงสว่างยามเช้า ห้องสมุดนี้สร้างขึ้นในราวปี ค.ศ. 114 โดย ทิเบเรียส จูเลียส อกีลา Julius Aquila เพื่ออุทิศให้เป็นอนุสรณ์แด่พ่อของท่าน ด้านหน้ามีรูปปั้นของเทพี 4 องค์ ได้แก่ Sophia (wisdom-ปัญญา), Arete (virtue-ความดี), Ennoia (thought-ความคิด), Episteme (knowledge-ความรู้) 

ชม โรงละคร Great Theatre ซึ่งสร้างโดยการสกัดไหล่เขาให้เป็นที่นั่ง สามารถบรรจุคนได้ถึง 25,000 คน และนำท่านช้อปปิ้งที่ ศูนย์ผลิตเสื้อหนัง ซึ่งผลิตเสื้อหนังส่งให้กับแบรนด์ดังในอิตาลี อิสระให้ท่านเลือกซื้อสินค้าได้ตามอัธยาศัย

จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ บ้านพระแม่มารี (The Virgin Mary’s House) ซึ่งเชื่อกันว่าเป็นที่สุดท้ายที่พระแม่มารีมาอาศัยอยู่และสิ้นพระชนม์ในบ้างหลังนี้ ถูกค้นพบอย่างปฏิหารย์โดยแม่ชีตาบอดชาวเยอรมันชื่อ แอนนา แคเทอรีน เอมเมอริช(Anna Catherine Emmerich) ค.ศ. 1774-1824 บริเวณด้านนอกของบ้านมีก๊อกน้ำสามก๊อกที่เชื่อว่าเป็นก๊อกน้ำที่มีความศักดิ์สิทธิ์ แทนความเชื่อในเรื่อง สุขภาพ ความร่ำรวย และความรัก ถัดจากก๊อกน้ำเป็น กำแพงอธิษฐาน ซึ่งมีความเชื่อว่า หากต้องการให้สิ่งที่ปรารถนาเป็นความจริงให้เขียนลงในผ้าฝ้าย แล้วนำไปผูกไว้แล้วอธิษฐาน

เที่ยง รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารท้องถิ่น

หลังรับประทานอาหาร นำท่านเดินทางสู่ เมืองปามุคคาเล่ Pamukkale (ระยะทางประมาณ 185 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทาง 2.45 ชั่วโมง) ตั้งอยู่ทางภาคตะวันตกเฉียงใต้ของประเทศตุรกี ปามุคคาเล่ เป็นภาษาตุรกี หมายถึง ปราสาทปุยฝ้าย ตั้งชื่อตามลักษณะภูมิศาสตร์ ซึ่งเกิดจากปรากฏการณ์ที่ตะกอนของหินปูนทำปฏิกิริยากับอากาศ จับตัวแข็งกลายเป็นแอ่ง และมีธารน้ำแร่ใต้ดินไหลเอ่อล้นผุดขึ้นมาบนพื้นผิว รวมเป็นแอ่งน้ำหินปูนที่ลดหลั่นกัน กว้าง 300 เมตร ยาวกว่า 3 กิโลเมตร ก่อนไหลลงจากผาสูง 100 เมตร จากระดับน้ำทะเล

นำท่านชมนครโบราณเฮียราโพลิส(Hierapolis) “เฮียราโพลิส” หมายความว่า เมืองแห่งความศักดิ์สิทธิ์ เมืองนี้สันนิษฐานกันว่ามีอายุกว่า 2,200 ปี ถูกสร้างขึ้นตั้งแต่ประมาณ 133 ปีก่อนคริสตกาล ในสมัยกษัตริย์ยูเมเนสที่ 2 แห่งอาณาจักรเพอร์กามอน ที่นี่ตั้งอยู่บนยอดเขาของปามุคคาเล่มีพื้นที่ยาว 2,700 เมตร กว้าง 600 เมตร สูง 160เมตร  บริเวณทางเข้าจะพบกับหลุมศพจำนวนมาก พื้นที่ตรงนี้เรียกว่า เนโครโพลิส (Necropolis) เป็นหลุมศพของผู้มีอิทธิพลในสมัยโบราณ เมื่อเข้าไปภายในจะมีซากโบราณของสิ่งก่อสร้างต่าง ๆ เช่น

  • สระน้ำโบราณ มีน้ำใสสีฟ้าอมเขียวจนสามารถมองเห็นซากโบราณที่จมอยู่ใต้น้ำ
  • โรงละครขนาดใหญ่จุคนได้ประมาณ 12,000 คน สร้างขึ้นในสมัยศตวรรษที่ 2ในอดีตใช้เป็นสถานที่จัดแข่งขันและจัดงานเทศกาลสำคัญต่างๆ
  • พิพิธภัณฑ์เฮียราโพลิส (Hierapolis Mesuem) อาคารที่ใช้เป็นพิพิธภัณฑ์ในปัจจุบัน เคยเป็นโรงอาบน้ำกลางแจ้งซึ่งเป็นโรงอาบน้ำที่ใหญ่ที่สุดของเมือง ถูกใช้เป็นพิพิธภัณฑ์มาตั้งแต่ปี ค.ศ.1984 ภายในพิพิธภัณฑ์นอกจากจะมีผลงานของเฮียราโพลิสแล้วยังมีผลงานจากที่อื่นๆอีก ไม่ว่าจะเป็น เลาดิเซีย(Laodiceia) ,โคลอสเซ่(Colossae),ทริโพลิส(Tripolis),อัททูด้า(Attuda) และเมืองอื่นอีกมากมาย

 จากนั้นนำท่านชม ปราสาทปุยฝ้ายCotton Castle โดยลักษณะที่โดดเด่น เป็นเนินเขาสีขาวโพลน เนื่องจากที่ส่วนใหญ่เต็มไปด้วยส่วนประกอบของแคลเซี่ยม เกิดจากน้ำพุร้อนที่นำแคลเซี่ยมคาร์บอเนตมาตกตะกอน ก่อให้เกิดทัศนียภาพของน้ำตกสีขาวเป็นชั้น ๆ หลายชั้น และผลจากการแข็งตัวของแคลเซี่ยมทำให้เกิดเป็นแก่งหินสีขาวราวกับหิมะไหลหลั่นเป็นทางน้ำยาว ที่มีความสวยงามมาก ๆ

เย็น รับประทานอาหารเย็น ณ ภัตตาคารอาหารของโรงแรมที่พัก

ที่พัก  โรงแรม Lycus River Thermal Hotel ระดับ 5 ดาว หรือเทียบเท่า

วันที่สี่  เมืองปามุคคาเล่-เมืองคอนย่า-เมืองคัปปาโดเกีย-คาราวานสไลน์-โรงงานทอพรม-โรงงานเซรามิค-โรงงานเครื่องประดับ - ระบำหน้าท้อง

เช้า รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม

หลังจากรับประทานอาหารกลางวันนำท่านเดินทางสู่ เมืองคอนย่า Konya (ระยะทางประมาณ 387 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทาง 4 ชั่วโมง) เป็นเมืองที่นิยมใช้เป็นจุดพักของการเดินทางในอดีตและที่นี่เคยเป็นเมืองหลวงของอาณาจักรเซลจุกเติร์ก ซึ่งเป็นอาณาจักรแห่งแรกของชาวเติร์กในตุรกี หรือที่ยุคนั้นเรียก อนาโตเลีย

จากนั้นนำท่านชม พิพิธภัณฑ์เมฟลานา(Mevlana Museum) เดิมเป็นสถานที่นักบวชในศาสนาอิสลามใช้สำหรับทำสมาธิ ก่อตั้งโดยเมฟลาน่า เจลาเลดดิน รูมี่ ผู้วิเศษในศาสนาอิสลาม ส่วนหนึ่งของพิพิธภัณฑ์เมฟลาเป็นสุสานของ เมฟลานา เจลาเลดดิน รูมี

เที่ยง  รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารท้องถิ่น

จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ เมืองคัปปาโดเกีย(Cappadocia) ซึ่งองค์การยูเนสโก้ได้ประกาศให้เป็นเมืองมรดกโลก เมืองที่มีลักษณะภูมิประเทศสวยงามมาก (ระยะทางประมาณ 155 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทาง 2 ชั่วโมง) ระหว่างทางแวะชม คาราวานสไลน์ (Caravanserai) ที่พักกองคาราวานในอดีตของสุลต่านฮานี(Sultan Han Caravanserai) ตั้งอยู่ที่หมู่บ้านสุลต่านฮานี สร้างโดยสุลต่านอาเลดดิน เคย์โคบาท ราวศตวรรษที่ 13 ประตูทำด้วยหินอ่อนสกัดลวดลายโบราณ ตรงกลางเป็นสุเหร่า ส่วนบริเวณอื่นจัดเป็นครัว ห้องน้ำ และห้องนอน สมควรแก่เวลานำท่านเดินทางต่อสู่เมืองคัปปาโดเกีย

เย็น  รับประทานอาหารเย็น ณ ภัตตาคารอาหารของโรงแรมที่พัก

ที่พัก  โรงแรม Burcu Kaya S class ระดับ 4 ดาว หรือเทียบเท่า 

วันที่ห้า  เมืองคัปปาโดเกีย-นครใต้ดินชาดัค-พิพิธภัณฑ์กลางแจ้งเกอเรเม่-ปราสาทหินยูชิซาร์-ชมโชวระบำหน้าท้อง(พร้อมเครื่องดื่มไม่อั้น)

เช้า รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม

สำหรับท่านใดที่สนใจขึ้นบอลลูนชมความงามของเมืองคัปปาโดเกียจะต้องออกจากโรงแรม 05.00 น.โดยประมาณ (ทั้งนี้เวลานัดหมายขึ้นอยู่กับแต่ละฤดูกาล) ชมความงดงามของเมืองคัปปาโดเกียในช่วงเช้า พร้อมบรรยากาศพระอาทิตย์ขึ้น ใช้เวลาอยู่บอลลูนประมาณ1ชั่วโมง(ค่าขึ้นบอลลูนไม่ได้รวมอยู่ในค่าทัวร์ ราคาประมาณ 245Us ต่อ1ท่าน)

หลังรับประทานอาหารเช้า นำท่านชม เมืองคัปปาโดเกีย (Cappadocia) ชื่นชมดินแดนที่มีภูมิประเทศอันน่าอัศจรรย์ ซึ่งเกิดจากลาวาภูเขาไฟที่ไหลออกมาปกคลุมพื้นที่เป็นบริเวณกว้าง แล้วทับถมเป็นเวลาหลายล้านปี เมื่อวันเวลาผ่านไป พายุ ลม ฝน และหิมะได้เป็นกัดเซาะแผ่นดิน มาเรื่อยๆ แปลกตาและน่าอัศจรรย์ ดั่งสวรรค์บนดิน จนได้ชื่อว่า “ดินแดนแห่งปล่องนางฟ้า” และได้รับการแต่งตั้งจาก องค์การยูเนสโกให้เป็นเมืองมรดกโลกทางธรรมชาติและวัฒนธรรมแห่งแรกของตุรกี 

นำท่านชม นครใต้ดินชาดัค(Underground City of Chadak) เกิดจากการขุดเจาะพื้นดินลึกลงไป เพื่อใช้เป็นที่หลบภัยจากข้าศึกศัตรู เมืองใต้ดินแห่งนี้มีครบเครื่องทุกอย่างทั้งห้อง โถง ห้องนอน ห้องน้ำ ห้องถนอมอาหาร ห้องครัว ห้องอาหาร โบสถ์ ทางหนีฉุกเฉิน ฯลฯ

เที่ยง  รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารท้องถิ่น

จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ โรงงานทอพรม (Carpet Factory) , โรงงานเซรามิค (Ceramic Factory) และ โรงงานเครื่องประดับ (Jewelly Factory) เพื่อให้ท่านได้ชมการสาธิตกรรมวิธีการผลิตสินค้าพื้นเมืองที่มีคุณภาพและชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วโลก อิสระให้ท่านได้เลือกซื้อสินค้าได้ตามอัธยาศัย หลังรับประทานอาหารกลางวัน

จากนั้นท่านชม พิพิธภัณฑ์กลางแจ้งเกอเรเม่ (Goreme Open Air Museum) ซึ่งเป็นศูนย์กลางของศาสนาคริสต์ในช่วง ค.ศ. 9 ซึ่งเป็นความคิดของชาวคริสต์ที่ต้องการเผยแพร่ศาสนาโดยการขุดถ้ำเป็นจำนวนมากเพื่อสร้างโบสถ์ และยังเป็นการป้องกันการรุกรานของชนเผ่าลัทธิอื่นที่ไม่เห็นด้วยกับศาสนาคริสต์ ปัจจุบัน องค์การยูเนสโกได้ขึ้นทะเบียนพิพิธภัณฑ์กลางแจ้งแห่งนี้ให้เป็นมรดกโลก 

จากนั้นนำแวะชม ปราสาทหินยูชิซาร์ (Uchisar Castle) เป็นหินขนาดใหญ่ที่ก่อตัวขึ้นและสูงตระหง่านเหนือภูมิประเทศรอบด้าน มีลักษณะคล้ายกับรวงผึ้งที่เต็มไปด้วยรูขนาดเล็กและมืด ประวัติอันน่าสนใจและทิวทัศน์ตระการตาของปราสาทแห่งนี้คือสิ่งที่ดึงดูดให้ผู้คนผู้มาเยือนที่นี่อยู่ตลอด ปราสาทหินธรรมชาติแห่งนี้ถูกเรียกว่าปราสาทรวงผึ้งเนื่องจากมีลักษณะเป็นรูเล็กๆ หลายร้อยรูเหมือนรวงผึ้งที่เจาะเป็นห้องในหินเนื้ออ่อน การเที่ยวชมปราสาทแห่งนี้นักท่องเที่ยวจะต้องเดินผ่านอุโมงค์เล็กๆ และขั้นบันไดกว่า 120 ขั้นที่เชื่อมต่อห้องต่างๆ เข้าด้วยกันคล้ายเขาวงกต

เย็น รับประทานอาหารเย็น ณ ภัตตาคารอาหาร 

หลังรับประทานอาหารเย็น นำท่านชมการแสดง“ระบำหน้าท้อง” (Belly dance) และการแสดงพื้นเมืองต่างๆของตุรกีอันลือชื่อที่น่าตื่นตาตื่นใจ พร้อมจิบไวน์ท้องถิ่น แบบไม่จำกัด

ที่พัก โรงแรม Burcu Kaya S class ระดับ 4 ดาว หรือเทียบเท่า

วันที่หก เมืองคัปปาโดเกีย-เมืองอังการา-ทะเลสาบเกลือ- สุสานมุสตาฟา เคมาล อะตาเติร์ก – เมืองอิสตันบูล

เช้า รับประทานอาหารเช้า ณ ภัตตาคารอาหารท้องถิ่น

จากนั้นนำท่านเดินทางสู่เมืองอังการ่า(ANKARA) ซึ่งเป็นเมืองหลวงที่ตั้งอยู่บริเวณกลางคาบสมุทรอานาโตเลีย เป็นเมืองที่ใหญ่เป็นอันดับสองรองจากอิสตันบูล (ระยะทาง300 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางประมาณ 3.30 ชม.) ระหว่างทางแวะชม ทะเลสาบเกลือ (Salt Lake) ซึ่งเป็นทะเลสาบน้ำเค็มที่ใหญ่เป็นอันดับสองของประเทศตุรกี ช่วงเวลาหน้าร้อน น้ำจะระเหยเหลือแต่เกลือเป็นแผ่นหนาหลายสิบเซนติเมตร นอกจากนั้นสถานที่นี้ยังเคยใช้เป็นสถานที่ถ่ายทำหนัง Star Wars อีกด้วย

เที่ยง  รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารท้องถิ่น

จากนั้นนำท่านชม สุสานมุสตาฟา เคมาล อะตาเติร์ก (Ataturk Mausoleum) ถูกออกแบบโดยสถาปนิกชื่อ Emin Onat โดยใช้สถาปัตยกรรมแบบผสมผสานระหว่างฮิตไทต์และอนาโตเลียโบราณ ภายในมีโลงศพ (แต่ไม่ได้บรรจุศพไว้) ของ “มุสตาฟา เคมาล อตาเติร์ก” ประธานาธิบดีคนแรกและรัฐบุรุษ รวมทั้งเป็นบุคคลอันเป็นที่เคารพรักอย่างสูงสุดของชาวตุรกี สถานที่แห่งนี้เป็นถานที่สำคัญที่สุดแห่งหนึ่ง ซึ่งทางรัฐบาลได้กำหนดให้แขกทางการทูตทุกคนต้องมาเคารพสุสานและลงชื่อเยี่ยมคารวะในสมุดอนุสรณ์เป็นการให้เกียรติด้วย นอกจากนั้นสถานที่แห่งนี้ยังเป็นถานที่ที่ขึ้นชื่อว่า The Must to See ของนครอังการา เนื่องจากเป็นสถาปัตยกรรมตุรกีสมัยใหม่ และเป็นสัญลักษณ์ที่สำคัญอย่างยิ่งสำหรับการเฉลิมฉลองและการเกิดสาธารณรัฐอีกด้วย

เย็น รับประทานอาหารเย็น ณ ภัตตาคารท้องถิ่น

หลังอาหารนำท่านเดินทางเข้าสู่ที่พัก ณ เมืองอิสตันบลู ให้ทุกท่านพักผ่อนกันตามอัธยาศัย 

ที่พัก โรงแรม GOLDEN WAY HOTEL ระดับ 4 ดาว หรือเทียบเท่า 

  • หมายเหตุ ในวันนี้จะมีเจ้าหน้าที่มาทำการตรวจ RT-PCR ให้กับทุกท่านเพื่อออกเอกสารใช้ในการเช็คอินขากลับสู่ประเทศไทย ค่าใช้จ่ายในส่วนนี้ไม่รวมอยู่ในค่าทัวร์ ค่าใช่จ่ายประมาณท่านละ 35 USD

วันที่เจ็ด  เมืองอิสตันบูล- สุเหร่าสีน้ำเงิน- ฮิปโปโดรม- สุเหร่าเซนต์โซเฟีย-  ล่องเรือชมช่องแคบบอสฟอรัส-ตลาดสไปซ์ มาร์เก็ต – สนามบินกรงุอิสตันบูล

เช้า รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม

จากนั้น นำท่านชม สุเหร่าสีน้ำเงิน Blue Mosque ที่มาของชื่อสุเหร่าสีน้ำเงินเป็นเพราะใช้กระเบื้องสีน้ำเงินในการตกแต่งภายใน ซึ่งทำเป็นลายดอกไม้ เช่น ดอกกุหลาบ คาร์เนชั่น ทิวลิป เอกลักษณ์เด่นอีกอย่างแต่อยู่ภายนอกคือ หอประกาศเชิญชวนเมื่อถึงเวลาที่จะต้องทำพิธีละหมาด Minaret 6 หอ เท่ากับสุเหร่าที่นครเมกกะ ชม ฮิปโปโดรม Hippodrome หรือ สนามแข่งม้าโบราณ มีเสาโอเบลิสค์ซึ่งเหลือแค่ส่วนปลายที่ยาว 20 เมตร แต่กระนั้นก็ยังสวยงาม

จากนั้นนำท่านชม สุเหร่าเซนต์โซเฟีย Mosque of Hagia Sophia สถานที่ซึ่งเป็น 1 ใน 7 สิ่งมหัศจรรย์ของโลกยุคกลาง ปัจจุบันเป็นที่ประชุมสวดมนต์ของชาวมุสลิม ในอดีตโบสถ์แห่งนี้เป็นโบสถ์ทางศาสนาคริสต์ ภายในมีเสางามค้ำที่สลักอย่างวิจิตร

  • คำแนะนำในการเข้าชมสุเหร่า จำเป็นต้องแต่งกายด้วยชุดสุภาพ และ ต้องถอดรองเท้าก่อนเข้าชม
    • สุภาพสตรี : ควรสวมกางเกงขายาว เสื้อแขนยาวคลุมข้อมือ มิดชิดไม่รัดรูปและเตรียมผ้าสำหรับคลุมศีรษะ
    • สุภาพบุรุษ : ควรสวมกางเกงขายาว และ เสื้อแขนยาว ไม่รัดรูป

จากนั้นนำท่านชม พระราชวังทอปกาปิ Topkapi Palace สร้างขึ้นในสมัยสุลต่านเมห์เมตที่ 2 และเปลี่ยนเป็นพิพิธภัณฑ์ในปี ค.ศ. 1924 พิพิธภัณฑ์พระราชวังทอปกาปิ ซึ่งห้องที่โด่งดังคือห้องท้องพระคลังอันเป็นที่เก็บสมบัติ และวัตถุล้ำค่ามากมาย โดยมีกริชแห่งทอปกาปิ ด้ามประดับมรกตใหญ่ 3 เม็ด กับเพชร 86 กะรัตเป็นไฮไลท์สำคัญ

บ่าย  รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารท้องถิ่น

นำท่าน ล่องเรือชมช่องแคบบอสฟอรัส ซึ่งเป็นช่องแคบที่เชื่อมทะเลดำ (The Black Sea) เข้ากับทะเลมาร์มาร่า (Sea of Marmara) ความยาวทั้งสิ้น ประมาณ 32 กิโลเมตร ความกว้างตั้งแต่500เมตร จนถึง 3 กิโลเมตร ถือว่าสุดขอบของทวีปยุโรปและสุดขอบของทวีปเอเชียมา พบกันที่นี่นอกจากความสวยงามแล้ว ช่องแคบบอสฟอรัสยังเป็นจุดยุทธศาสตร์ที่สำคัญยิ่งในการป้องกันประเทศตุรกีอีกด้วย ขณะล่องเรือท่านจะได้เพลิดเพลินกับทิวทัศน์ข้างทางไม่ว่าจะเป็นพระราชวังโดลมาบาชเช่หรือบ้านเรือนสไตล์ยุโรปของบรรดาเศรษฐี ซึ่งล้วนแล้วแต่สวยงามตระการตาทั้งสิ้น

จากนั้นนำท่านสุ่ ตลาดสไปซ์ มาร์เก็ต (Spice Market) หรือตลาดเครื่องเทศ ท่านสามารถเลือกซื้อของฝากได้ในราคาย่อมเยา ไม่ว่าจะเป็นเครื่องประดับ ชาหรือกาแฟ รวมถึงผลไม้อบแห้งอันขึ้นชื่อของตุรกี อย่าง แอปริคอท หรือจะเป็นถั่วพิทาชิโอซึ่งมีให้เลือกซื้อมากมาย 

เย็น รับประทานอาหารเย็น ณ ภัตตาคารอาหารท้องถิ่น

สมควรแก่เวลานำท่านเดินทางสู่สนามบิน เพื่อเดินทางกลับสู่ประเทศไทย

วันที่แปด กรุงเทพฯ

  • 01.55 น. เดินทางสู่ ท่าอากาศยานนานาชาติสุวรรณภูมิ โดยสายการบิน  TURKISH AIRLINE เที่ยวบินที่ TK68 (บินตรง)
  • 15.00 น. เดินทางถึง ท่าอากาศยานนานาชาติสุวรรณภูมิ กรุงเทพฯ โดยสวัสดิภาพ พร้อมความประทับใจ
หน้าแรก | จองโรงแรม | ตั๋วเครื่องบินในประเทศ | ตั๋วเครื่องบินต่างประเทศ | ทัวร์ไทย | ทัวร์ไฟไหม้ | เรือสำราญ | เกี่ยวกับเรา | ติดต่อเรา | นโยบายความเป็นส่วนตัว
Copyright © 2003 eTravelWay.com All rights reserved โดย บริษัททัวร์ วีอาร์ เอนซี ทราเวล แอนด์ เทรด จำกัด
ใบอนุญาตนำเที่ยวในและต่างประเทศเลขที่ 11/11450
facebook
tel
TOP