|
|
|
|
|
ทัวร์ตุรกี|ตุรเคีย|ทูร์เคียรหัส : A00972
เดินทางโดย : TK-เตอร์กิช แอร์ไลน์
โรงแรม :
|
จำนวนวัน :
8 วัน 5 คืน
GRAND TURKEY 8 D 5 N TK [IST-IST] JUN-MAR 2023
นำท่านชมเสน่ห์และความงดงามของดินแดน 2 ทวีป เก็บภาพความสวยงาม “เมืองคัปปาโดเกีย” พร้อมเที่ยวชมนครใต้ดิน สัมผัสความงดงามของ“ปามุคคาเล่” มรดกโลกทางธรรมชาติและวัฒนธรรมนำชม “เมืองโบราณเอเฟซุส” เมืองโบราณยุคกรีกโรมัน ชม “พระราชวังทอปคาปี” ซึ่งได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกจากยูเนสโก้ นำท่าน “ล่องเรือชมช่องแคบบอสฟอรัส” หนึ่งช่องแคบเลื่องชื่ออันดับต้นๆของโลก ชมระบำหน้าท้อง พร้อมเครื่องดื่มไม่อั้น เมนูพิเศษ เคบับหม้อดิน ขึ้นชื่อของเมืองคัปปาโดเกีย
เดินทาง :
รายการนี้ยังไม่มีพีเรียดเดินทาง Download PDF
วันแรกของการเดินทาง ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ - อิสตันบูล 20.00 น. สมาชิกทุกท่านพร้อมกัน ณ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ผู้โดยสารขาออกระหว่างประเทศเคาน์เตอร์สายการบินเตอร์กิช แอร์ไลน์ ประตูทางเข้า 10 เคาน์เตอร์ U เจ้าหน้าที่บริษัทฯ คอยอำนวยความสะดวกในเรื่องสัมภาระและบัตรโดยสาร 23.00 น. ออกเดินทางสู่ เมืองอิสตันบลู โดยสายการบิน TURKISK AIRLINES เที่ยวบินที่ TK 069 วันที่สองของการเดินทาง(2) อิสตันบลู - ไคเซอรี่ - คัปปาโดเกีย - พิพิธภัณฑ์กลางแจ้งเกอเรเม่-นครใต้ดิน 05.15 น. เดินทางถึง ท่าอากาศยานอิสตันบูล (แวะเปลี่ยนเครื่อง) 07.40 น. ออกเดินทางสู่ สนามบินไคเซอรี่ โดยสายการบินเตอร์กิช แอร์ไลน์ เที่ยวบินที่ TK 2026 09.00 น. เดินทางถึง เมืองไคเซอรี่ หลังผ่านพิธีการตรวจคนเข้า เมือง และด่านศุลกากรเรียบร้อยแล้ว นำท่านเดินทางสู่ “เมืองคัปปาโดเกีย” (CAPPADOCIA) ดินแดนที่มีภูมิประเทศอันน่าอัศจรรย์แปรสภาพเป็นหุบเขาร่องลึก เนินเขา กรวยหิน และเสารูปทรงต่าง ๆ ที่งดงาม คัปปาโดเกีย เป็นชื่อเก่าแก่ภาษาฮิตไทต์ (ชนเผ่ารุ่นแรกๆ ที่อาศัยอยู่ในดินแดนแถบนี้) แปลว่า ดินแดนม้าพันธุ์ดีตั้งอยู่ทางตอนกลางของตุรกีเป็นพื้นที่เกิดจากการระเบิดของภูเขาไฟเออซิเยส และ ภูเขาไฟฮาซาน เมื่อประมาณ 3 ล้านปีที่แล้ว เถ้าลาวาที่พ่นออกมาและเถ้าถ่านจำนวนมหาศาลกระจายทั่วบริเวณจนทับถมเป็ น แผ่นดินชั้นใหม่ขึ้นมา จากนั้นกระแส น้ำ ลม ฝน แดด และหิมะ กัดเซาะกร่อนหิน แผ่นดินภูเขาไฟไปเรื่อย ๆ นับแสนนับล้านปีจนเกิดเป็นภูมิประเทศประหลาดแปลกตาน่าพิศวง ที่เต็มไปด้วยหินรูป แท่ง กรวย ปล่อง กระโจม โดม และอีกสารพัดรูปทรง ดูประหนึ่งดินแดนในเทพนิยายจนผู้คนในพื้ นที่เรียกขานกันว่า ปล่องไฟนางฟ้า ในปีค.ศ. 1985 ยูเนสโกได้ประกาศให้พื้นที่มหัศจรรย์แห่งนี้เป็นมรดกโลกทางธรรมชาติและวัฒนธรรมแห่งแรกของตุรกี นำท่านชม “พิพิธภัณฑ์กลางแจ้งเกอเรเม่” (GOREME OPEN AIR MUSEUM) ซึ่งเป็นศูนย์กลางของศาสนาคริสต์ในช่วง ค.ศ. 9 ซึ่งเป็นความคิดของชาวคริสต์ที่ต้องการเผยแพร่ศาสนาโดยการขุดถ้ำเป็นจำนวนมากเพื่อสร้างโบสถ์และยังเป็นการป้องกันการรุกรานของชนเผ่าลัทธิอื่นที่ไม่เห็นด้วยกับศาสนาคริสต์ จากนั้น นำท่านร้านขายของพื้นเมือง (GALERIE IKMAN) ซึ่งมีสินค้าพื้นเมืองให้ท่านได้เลือกซื้อมากมาย เช่น พรม เครื่องเงิน และของที่ระลึกต่างๆ เที่ยง บริการอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารอาหารพื้นเมือง (เมนูพิเศษ!!! เคบับหม้อดินเผาอาหารขึ้นชื่อของเมืองคัปปาโดเกีย มาแล้วต้องลองให้ได้) บ่าย นำท่านชม “นครใต้ดิน” (UNDERGROUND CITY) เมืองใต้ดินของตุรกีมีอยู่หลายแห่ง แต่ละแห่งมีอุโมงค์เชื่อมต่อถึงกัน เป็นสถานที่ที่ผู้นับถือศาสนาคริสต์ใช้หลบภัยชาวโรมันที่ต้องการทำลายร้างพวกนับถือศาสนาคริสต์ เมืองใต้ดินที่มีขนาดใหญ่ แต่ละชั้นมีความกว้างและสูงขนาดเท่าเรายืนได้ ทำเป็นห้อง ๆ มีทั้งห้องครัวห้องหมักไวน์ มีโบสถ์ ห้องโถงสำหรับใช้ประชุม มีบ่อน้ำและระบบระบายอากาศที่ดี แต่อากาศค่อนข้างบางเบาเพราะอยู่ลึกและทางเดินบางช่วงค่อนข้างแคบจนเดินสวนกันไม่ได้ นำท่านสู่ “อุชิซาร์” (UCHISAR) หนึ่งในความมหัศจรรย์ของคัปปาโดเกีย หุบเขาอุซิซาร์ หุบเขาคล้ายจอมปลวกขนาดใหญ่ ใช้เป็นที่อยู่อาศัย ซึ่งหุบเขาดังกล่าวมีรูพรุน มีรอยเจาะ รอยขุด เหมือนรวงผึ้ง อันเกิดจากฝีมือมนุษย์ไปเกือบทั่วทั้งภูเขา เพื่อเอาไว้เป็นที่อาศัย อุซิซาร์ คือ บริเวณที่สูงที่สุดของบริเวณโดยรอบ ในอดีตอุซิซาร์ มีไว้ทำหน้าที่เป็นป้อมปราการที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติเอาไว้สอดส่องข้าศึกยามมีภัยอีกด้วย นำท่านชมความงดงาม RED VALLEY ผาหินสีขาวอมชมพูอมแดง ทิวทัศน์อันตระการตา ซึ่งเป็นอีกหนึ่งหุบเขาคู่กันได้รับการยอมรับว่าเป็นอีกสถานที่หนึ่งที่งดงามที่สุดในคัปปาโดเกีย นำท่านชม “ร้านจิวเวอร์รี่”(JEWELLERY) สินค้าคุณภาพดี และขึ้นชื่อของประเทศตุรกี ให้เวลาท่านเลือกซื้อตามอัธยาศัยอิสระกับการเลือกซื้อสินค้า และของที่ระลึกค่ำ บริการอาหารมื้อค่ำ ณ ห้องอาหารของโรงแรม นำท่านชมการแสดงพื้นเมือง “ระบำหน้าท้อง” (BELLY DANCE) อันเลื่องชื่อ ณ เมืองคัปปาโดเกีย ระบำหน้าท้องเป็นการเต้นรำที่เก่าแก่อย่างหนึ่ง เกิดขึ้นเมื่อประมาณ 6,000 ปี ในดินแดนแถบอียิปต์ และเมดิเตอร์เรเนียนนักประวัติศาสตร์เชื่อกันว่าชนเผ่ายิปซีเร่ร่อนคือคนกลุ่มสำคัญที่ได้อนุรักษ์ระบำหน้าท้องให้มีมาจนถึงปัจจุบัน และการเดินทางของชาวยิปซีทำให้ระบำหน้าท้องแพร่หลายมีการพัฒนาจนกลายเป็นศิลปะที่โดดเด่น สวยงามจนกลายมาเป็นระบำหน้าท้องตุรกีในปัจจุบัน (บริการเครื่องดื่มฟรีตลอดการแสดง) พักที่ : CAVE STYLE HOTEL หรือที่พักระดับใกล้เคียง วันที่สามของการเดินทาง คัปปาโดเกีย – คอนย่า - ปามุคคาเล่ - อุชิซาร์ - ระบำหน้าท้อง 05.00 น. สำหรับท่านที่สนใจ ขึ้นบอลลูน เพื่อชมความงามของพระอาทิตย์ขึ้น ท่านสามารถเลือกซื้อ OPTIONAL HOT AIR BALLOON TOUR ได้ ราคาประมาณ 250 USD ต่อท่าน (ขึ้นอยู่กับสภาพอากาศ) สำหรับประกันภัยที่ทำจากเมืองไทย ไม่ครอบคลุมการขึ้นบอลลูน และ เครื่องร่อนทุกประเภท ดังนั้นการเลือกซื้อ OPTIONAL TOUR ขึ้นกับดุลยพินิจของท่าน) นำท่านแวะ “ชมโรงงานทอพรม” และ “โรงงานเซรามิค” สินค้าคุณภาพดี และขึ้นชื่อของประเทศตุรกี ให้เวลาท่านเลือกซื้อตามอัธยาศัยอิสระกับการเลือกซื้อสินค้า และของที่ระลึก ได้เวลาอันสมควร จากนั้น นำท่านชม “ไร่องุ่น พร้อมชิมไวน์” ณ เมืองคัปปาโดเกีย ** หมายเหตุ : ไร่องุ่น สามารถชมได้ ระหว่างกลางเดือนกันยายน ถึง ต้นเดือนตุลาคม ** จากนั้น นำท่านออกเดินทางสู่ “เมืองคอนย่า” (KONYA) (ระยะทาง 240 กม./ใช้ระยะเวลาเดินทางประมาณ 2 ชั่วโมง 55 นาที) เป็นเมืองที่นิยมใช้เป็นจุดพักของการเดินทางในอดีตเคยเป็นเมืองหลวงของอาณาจักรเซลจุกเติร์ก ซึ่งเป็นอาณาจักรแห่งแรกของชาวเติร์กในตุรกีหรือที่ยุคนั้นเรียก อนาโตเลีย เป็นอู่ข้าวอู่น้ำของประเทศ นำท่านชม “พิพิธภัณฑ์เมฟลานา” (MEVLANA MUSEUM) อาคารหลังใหญ่ที่มีโดมสีเขียวทรงแปลกตาหลังนี้แม้จะเป็นพิพิธภัณฑ์ในปัจจุบัน แต่ในอดีตแล้วที่นี่คือสถานที่สำหรับประกอบ พิธีกรรมทางศาสนาอิสลามที่สร้างโดย “เมฟลานา เจลาลุดดีน รูมี” ( MEVLANA CELALEDDIN RUMI) และบรรดานักบวชในศาสนาจะใช้เป็นที่สวดมนต์ทำสมาธิด้วยวิธีการอดอาหารเพื่อทรมานตัวเองแล้วไปเดินหมุนวนเป็นวงกลมพร้อมกับการทำจิตให้สงบด้วยการฟังเสียงขลุ่ยเรียกวิธีนี้ว่า “WHIRLING DERVISHES” ด้านหน้าพิพิธภัณฑ์จะมีสวนสวยริมทางเดินที่ปูด้วยแผ่นหินส่วนพิพิธภัณฑ์ยังตกแต่งอย่างสวยงามแต่ก็เป็นไปในรูปแบบของมุสลิมด้านหนึ่งของพิพิธภัณฑ์แห่งนี้จะเป็นสุสานของ เมฟลานา เจลาลุดดีน รูมี ผู้สร้าง ตลอดจนคนในครอบครัวและกลุ่มลูกศิษย์ผู้ติดตามรับใช้ใกล้ชิดท่านด้วย อีกทั้งในวันที่ 17 ธันวาคมของทุกปีจะมีการเฉลิมฉลองวันครบรอบการจากไปของเมฟลานาเมื่อปี ค.ศ. 1271 ระหว่างทาง แวะเที่ยวชม “คาราวานสไลน์” (CAVARANSERAI) ที่พักกองคาราวานในอดีตของสุลต่านฮานี ตั้งอยู่ที่หมู่บ้านสุลต่านฮานีสร้างโดยสุลต่านอาเลดดิน เคย์โคบาท ราวศตวรรษที่ 13 ประตูทำด้วยหินอ่อนสกัดลวดลายโบราณตรงกลางเป็นสุเหร่า ส่วนบริเวณอื่นจัดเป็นครัว โรงอาบน้ำ และห้องนอน โดยคำว่า “คาราวานสไลน์” หมายถึง ที่พักของผู้ที่ตรากตรำมาจากการเดินทาง โดยคาราวานสไลน์นั้น มักมีประตูสูงกว่าตัวอาคารมากเพื่อให้นักเดินทางมองเห็นได้แต่ไกล เที่ยง บริการอาหารมื้อกลางวัน ณ ภัตตาคารพื้นเมือง บ่าย นำท่านออกเดินทางสู่ “เมืองปามุคคาเล่” (PAMUKKALE) (ระยะทาง 261 กม./ใช้ระยะเวลาเดินทางประมาณ 3 ชั่วโมง 25 นาที) คำว่า “ปามุคคาเล่” ในภาษาตุรกี หมายถึง “ปราสาทปุยฝ้าย” PAMUK หมายถึง ปุยฝ้าย และ KALE หมายถึง ปราสาท เป็นน้ำตกหินปูนสีขาวที่เกิดขึ้นจากธารน้ำใต้ดินที่มีอุณหภูมิประมาณ 35 องศาเซลเซียส ซึ่งเป็นที่มีแร่หินปูนผสมอยู่ในปริมาณที่สูงมาก ไหลรินลงมาจากภูเขา “คาลดากึ” ที่ตั้งอยู่ห่างออกไปทางทิศเหนือ รินเอ่อล้นขึ้นมาเหนือผิวดิน และทำ ปฏิกิริยาจับตัวแข็งเกาะกันเป็นริ้วเป็นแอ่งเป็นชั้นลดหลั่นกันไปตามภูมิประเทศเกิดเป็นประติมากรรมธรรมชาติอันสวยงามแปลกตาและโดดเด่นเป็นเอกลักษณ์ยากจะหาที่ใดเหมือน จนทำให้ปามุคคาเล่ ได้รับการยกย่องจากองค์การยูเนสโก้ให้เป็นมรดกโลกทางธรรมชาติและวัฒนธรรมในปีค.ศ. 1988 ระหว่างทาง นำท่านชม “ทุ่งลาเวนเดอร์” ณ เมืองอิสปาร์ตา (ISPARTA) เมืองทางตะวันตกของตุรกีและเมืองหลวงของจังหวัดอิสปาร์ตา เป็นที่รู้จักในนาม “เมืองแห่งดอกกุหลาบ” และเป็นเมืองที่มีชื่อเสียงในการปลูกลาเวนเดอร์ อิสระให้ท่านได้เก็บภาพความสวยงามตามอัธยาศัย ** หมายเหตุ : ทุ่งลาเวนเดอร์ สามารถชมได้ ระหว่างกลางเดือนกรกฎาคม ถึง กลางเดือนสิงหาคม ** ค่ำ บริการอาหารมื้อค่ำ ณ ห้องอาหารของโรงแรม พักที่ :LYCUS RIVER HOTELหรือที่พักระดับใกล้เคียง วันที่สี่ของการเดินทาง ปามุคคาเล่ - นครโบราณเฮียราโพลิส - ปราสาทปุยฝ้าย - เซลจุก-เมืองโบราณเอเฟซุส - อิซเมียร์ เช้า บริการอาหารมื้อเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรมที่พัก นำท่านชม “นครโบราณเฮียราโพลิส” หรือนครศักดิ์สิทธิ์ (HIERAPOLIS) สันนิษฐานกันว่ามีอายุประมาณ 2200 ปี เพราะถูกสร้างขึ้นก่อนคริสตกาล ในยุคของกษัตริย์ยูเมเนสที่ 2 แห่งอาณาจักรเพอร์กามอน โดยสร้างให้อยู่ใกล้กับแอ่งน้ำแร่ร้อนปามุคคาเล่ แต่หากถอดความคำว่าเฮียราโพลิส หมายถึง เมืองแห่งความศักดิ์สิทธ์ เช่นเดียวกับเมืองทุกเมืองที่มียุครุ่งโรจน์และยุคเสื่อมถอยเฮียราโพลิสเองก็เป็นแบบนั้น หลังจากเมืองนี้ถูกยกให้พวกโรมัน ก็เกิดแผ่นดินไหวครั้งรุนแรงจนเมืองย่อยยับ ประมาณปลายศตวรรษที่ 2 เฮียราโพลิส ค่อยๆถูกบูรณะฟื้นฟูขึ้นใหม่ จนก้าวสู่ศตวรรษที่ 3 ด้วยความรุ่งโรจน์ ที่สุดแต่เวลาเคลื่อนไปถึงศตวรรษที่ 7 ก็ถึงยุคเสื่อม เมื่อถูกข้าศึกต่างถิ่นรุกราน นอกจากนี้ยังได้รับความเสียหายจากแผ่นดินไหว จากนั้น นำท่านชม “ปราสาทปุยฝ้าย” (COTTON CASTLE) เมืองแห่งน้ำพุเกลือแร่ร้อน นำท่านชมหน้าผาที่ขาวกว้างใหญ่ด้านข้างของอ่างน้ำ เป็นรูปร่างคล้ายหอยแครงและน้ำตกแช่แข็ง ถ้ามองดูจะดูเหมือนสร้างจากหิมะ เมฆหรือปุยฝ้าย น้ำแร่ที่ไหลลงมาแต่ละชั้นจะแข็งเป็นหินปูน ห้อยย้อยเป็นรูปร่างต่าง ๆ อย่างมหัศจรรย์ น้ำแร่นี้ มีอุณหภูมิ ประมาณ 33-35 องศาเซลเซียส ประชาชนจึงนิยมไปอาบหรือนำมาดื่ม เพราะเชื่อว่ามีคุณสมบัติในการรักษาโรคหัวใจ โรคไขข้ออักเสบ ความดันโลหิตสูง โรคทางเดินปัสสาวะ และโรคไต ในอดีตกาลชาวโรมันเชื่อว่าน้ำพุร้อนสามารถรักษาโรคได้ เที่ยง บริการอาหารมื้อกลางวัน ณ ภัตตาคารพื้นเมือง ค่ำ บริการอาหารมื้อค่ำ ณ ห้องอาหารของโรงแรม พักที่ :ADA CLASS HOTEL หรือที่พักระดับใกล้เคียง วันที่ห้าของการเดินทาง คุซาดาสึ - เซลจุก - เมืองโบราณเอเฟซุส - คานัคคาเล เช้า บริการอาหารมื้อเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรมที่พัก นำท่านเดินทางเข้าสู่ “เซลจุก” (SELCUK) เมืองโบราณขนาดเล็กไม่ไกลจากเมืองโบราณในเอเฟซุส นำท่านชม “เมืองโบราณเอเฟซุส” (EPHESUS) หรือเอเฟส เมืองโบราณยุคกรีกโรมัน เป็นเมืองเก่ายุคจักรวรรดิโรมันที่ถือว่าเจริญรุ่งเรืองด้วยศิลปะวิทยาการ มีระบบวางท่อน้ำ หอสมุด และอื่นๆรวมทั้งโรงละครใหญ่ทรงโค้งแบบพิมพ์นิยมของกรีกโบราณ มีลานกว้างตรงกลาง แบ่งที่นั่งคนดูเป็น 3 ชั้นตามระดับความสำคัญไล่ไปจนถึงคนธรรมดาสามัญ ใช้เป็นที่เป็นที่ประชุม จัดแสดงละครและการต่อสู้สิงสาราสัตว์ของเหล่าทาส เที่ยง บริการอาหารมื้อกลางวัน ณ ภัตตาคารพื้นเมือง บ่าย นำท่าน ทดลองชิมขนมขึ้นชื่อเตอร์กิช ดีไลท์ (TURKISH DELIGHT) ออกเดินทางสู่ “เมืองชานัคคาเล่” (CANAKKALE) ซึ่งมีความสำคัญทางประวัติศาสตร์ เดิมมีชื่อว่า “โบกาซี” (BOGAZI) หรือ เฮลเลสปอนต์ (HELLESPONT) ตั้งอยู่บนจุดแคบที่สุดของช่องแคบดาร์ดาแนลส์ใกล้กับแหลมเกลิโบลูบนฝั่งของทะเลมาร์มาร่าและติดกับทะเลอีเจียน โดยมีชื่อเสียงในด้านการท่องเที่ยว เนื่องจากมีซากโบราณสถานที่ถูกสร้างขึ้นในสมัยโรมันหลายแห่ง ค่ำ บริการอาหารมื้อค่ำ ณ ห้องอาหารของโรงแรม พักที่ IRIS HOTEL หรือที่พักระดับใกล้เคียง วันที่หกของการเดินทาง คานัคคาเล่ - ชมม้าไม้จำลอง - อิสตันบูล- ล่องเรือชมช่องแคบบอสฟอรัส - แกรนด์บาซาร์ เช้า บริการอาหารมื้อเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรมที่พัก นำท่านชม “เมืองทรอย” (TROY) ปัจจุบันกรุงทรอย ได้ตั้งอยู่ในเมืองชานัคคาเล่ ซึ่งได้มีการขุดค้นซากกรุงทรอยที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานกว่า 4,000 ปีซึ่งเป็นแหล่งโบราณคดีที่มีชื่อเสียงแห่งหนึ่งของโลก โดยนักโบราณคดีชาวเยอรมันชื่อเฮนริค ชไลแมนน์ (HEINRICH SCHLIEMANN) ในปี 1870 ปัจจุบันเหลือเพียงซากที่ทับถมซ้อนกันถึง 9 ชั้น และอนุสรณ์อันยิ่งใหญ่อย่างม้าไม้เมืองทรอย นำชม “ม้าไม้จำลองเมืองทรอย” ที่ชื่อว่า “ม้าไม้โทรจัน” ซึ่งเปรียบเสมือนสัญลักษณ์อันชาญฉลาดด้านกลศึกของนักรบโบราณซึ่งเป็นสาเหตุที่ทำให้กรุงทรอยแตก สงครามม้าไม้ เป็นสงครามที่สำคัญตำนานของกรีกและเป็นสงครามระหว่างกองทัพของชาวกรีกและกรุงทรอยหลังจากสู้รบกันเป็นเวลาสิบปี กองทัพกรีกก็ได้คิดแผนการที่จะตีกรุงทรอย โดยการสร้างม้าไม้จำลองขนาดยักษ์ที่เรียกว่าม้าไม้เมืองทรอย โดยทหารกรีกได้เข้าไปซ่อนตัวอยู่ในม้าโทรจันแล้วก็ทำการเข็นไปไว้หน้ากรุงทรอยเหมือนเป็นของขวัญและสัญลักษณ์ว่าชาวกรีกยอมแพ้สงครามและได้ถอยทัพออกห่างจากเมืองทรอย ชาวทรอยเมื่อเห็นม้าโทรจันก็ต่างยินดีว่ากองทัพกรีกได้ถอยทัพไปแล้วก็ทำการเข็นม้าโทรจันเข้ามาในเมืองแล้วทำการเฉลิมฉลองเป็นการใหญ่เมื่อชาวทรอยนอนหลับกันหมด ทหารกรีกที่ซ่อนตัวอยู่ก็ออกมาจากม้าโทรจันแล้วทำการเปิดประตูเมืองให้กองทัพกรีกเข้ามาในเมืองแล้วก็สามารถยึดเมืองทรอยได้ ก่อนที่จะทำการเผาเมืองทรอยทิ้ง เที่ยง บริการอาหารมื้อกลางวัน ณ ภัตตาคารพื้นเมือง บ่าย นำท่านชมความงดงามโดยการให้ท่านชมความงดงามโดยการ “ล่องเรือชมช่องแคบบอสฟอรัส” (BOSPHORUS CRUISE) ถือเป็นหนึ่งในช่องแคบเลื่องชื่ออันดับต้นๆของโลก เป็นพรมแดนธรรมชาติที่แบ่งอิสตันบูลออกจากยุโรปและเอเชีย ซึ่งเป็นช่องแคบที่เชื่อมต่อกับทะเลดำ (THE BLACK SEA) เข้ากับทะเลมาร์มาร่า (SEA OF MARMARA) ความยาวทั้งสิ้นประมาณ 32 ก.ม. ความกว้างตั้งแต่ 500 เมตร จนถึง 3 ก.ม. ถือว่าสุดขอบของทวีปยุโรปและสุดขอบของทวีปเอเชียมาพบกันที่นี่ นำท่านเก็บภาพ “พระราชวังโดลมาบาเชห์” (ด้านนอก) (DOLMABABAHCE PALACE) สร้างโดยสุลต่านอับดุล เมซิด (ABDUL MECIT) ในปี 2399 ใช้เวลาสร้างถึง 30 ปี สร้างด้วยหินอ่อน ศิลปะแบบตะวันออกผสมผสานกับตะวันตก ตัวอาคารยาวถึง 600 เมตร ตั้งอยู่ริมชายฝั่งทะเลมาร์มาราในช่องแคบบอสฟอรัสบนฝั่งทวีปยุโรป นำท่านสู่ “แกรนด์บาซาร์” (GRAND BAZAAR) ตลาดช้อปปิ้งที่ใหญ่และโด่งดังที่สุดในตุรกีเป็นตลาดสไตล์เตอร์กิชแท้ ๆ ภายในตลาดตกแต่งไว้อย่างสวยงามและเป็นตลาดเก่าแก่เปิดมานานกว่า 1,500 ปี ซึ่งสร้างตั้งแต่ปี ค.ศ. 1453 มีเนื้อที่ทั้งหมดเกือบ ๆ 200 ไร่ มีร้านค้าขายของต่าง ๆ มากถึง 5,000 ร้านค้า ที่ตลาดแกรนด์บาซ่าร์มีสินค้าให้เลือกมากมายไม่ว่าจะเป็นของกินเล่นขนมของตุรกีที่หาซื้อจากที่ไหนไม่ได้ ของที่ระลึกที่แนะนำก็จะเป็น ลูกปัดตาปีศาจ เครื่องราง ชา ผลไม้อบแห้ง ถั่วหลากชนิด เช่น ถั่วแมคคาดาเมีย พิตาชิโอ หรือจะเป็นขนมหวาน เตอร์กิสดีไลต์ เครื่องเทศ เซรามิก จาน ชาม แจกัน เครื่องดนตรีพื้นเมือง โคมไฟ พวงกุญแจหรือกระเบื้องเพนท์ติดผนัง และของที่ระลึกอื่นอีกมากมาย ค่ำ บริการอาหารมื้อค่ำ ณ ภัตตาคาร พักที่ GOLDENWAY HOTEL หรือที่พักระดับใกล้เคียง วันที่เจ็ดของการเดินทาง อิสตันบูล - สุเหร่าสีน้ำเงิน - ฮิปโปโดรม - สุเหร่าโซเฟีย - พระราชวังทอปคาปึ - ตลาดสไปซ์ - PIERRE LOTI HILL-จัตุรัสทักซิม - สนามบิน เช้า บริการอาหารมื้อเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรมที่พัก นำท่านชม “สุเหร่าสีน้ำเงิน” (BLUE MOSQUE) หรือชื่อเดิม คือ สุเหร่าสุลต่านห์อาร์เหม็ดที่ 1 (SULTAN AHMED MOSQUE) **การเข้าชมสุเหร่าทุกแห่งจะต้องถอดรองเท้า ถอดหมวก ถอดแว่นตาดำ เป็นการเคารพสถานที่ ถ่ายรูปได้ ห้ามส่งเสียงดัง และกรุณาทำกิริยาให้สำรวม** สุเหร่านี้สร้างในปี 2152 และเสร็จปี 2159 (1 ปีก่อนสุลต่านอาห์เหม็ดสิ้นพระชนม์ด้วยอายุเพียง 27 พรรษา) มีหอเรียกสวด อยู่ 6 หอ เป็นหอคอยสูงให้ผู้นำศาสนาขึ้นไปตะโกนร้องเรียกจากยอด เพื่อให้ผู้คนเข้ามาสวดมนต์ตามเวลาในสุเหร่า ชื่อสุเหร่าสีน้ำเงินภายในประดับด้วยกระเบื้องสีฟ้าจากอิซนิค ลวดลายเป็นดอกไม้ต่างๆ เช่น กุหลาบ ทิวลิป คาร์เนชั่น เป็นต้น ตกแต่งอย่างวิจิตรตระการตา ภายในมีที่ให้สุลต่านและนางในฮาเร็มทำละหมาดและสวดมนต์โดยเฉพาะ มีหน้าต่าง 260 บาน สนามด้านหน้าและด้านนอกจะเป็นที่ฝังศพของกษัตริย์และพระราชวงศ์และจะมีสิ่งก่อสร้างที่อำนวยความสะดวกให้กับประชาชนทั่วไป เช่น ห้องสมุด โรงพยาบาล โรงอาบน้ำ ที่พักกองคาราวาน โรงครัวสาธารณะคุลีเรีย (KULLIYE) นําท่านชม “ฮิปโปโดรม” (HIPPODROME) หรือสนามแข่งม้าโบราณ ซึ่งมีเสาโอเบลิสค์ซึ่งเหลือแค่ส่วนปลายที่ยาว 20 เมตร มีงานแกะสลักอันมีความหมายและมีค่ายิ่ง นำท่านเก็บภาพ “สุเหร่าเซนต์โซเฟีย” (SAINT SOPHIA) หรือ โบสถ์ฮาเจีย โซเฟีย 1 ใน 7 สิ่งมหัศจรรย์ของโลกยุคกลาง ก่อนจะได้รับคัดเลือกเข้ารอบสุดท้ายให้เป็น 1 ใน 21 สิ่งมหัศจรรย์ยุคใหม่อีกครั้งในปี ค.ศ. 2007 เป็นต้นแบบสถาปัตยกรรมโบสถ์ของคริสต์ศาสนิกชนตะวันตกยุคไบเซนไทน์ (BYZANTINE) ทั้งนิกายออร์โธดอกซ์ และคาทอลิกกรีก ในอดีตเป็นโบสถ์ทางศาสนาคริสต์ ปัจจุบันเป็นที่ประชุมสวดมนต์ของชาวมุสลิม เที่ยง บริการอาหารมื้อกลางวัน ณ ภัตตาคารพื้นเมือง บ่าย นำท่านเข้าชม “พระราชวังทอปคาปึ” (TOPKAPI PALACE) ตั้งอยู่ในเขตเมืองเก่าซึ่งถือเป็นเขตประวัติศาสตร์ที่ได้รับ การขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกจากยูเนสโกตั้งแต่ปี ค.ศ. 1985 พระราชวัง Topkapi สร้างขึ้นโดยสุลต่านเมห์เมตที่ 2 ในปี ค.ศ.1459 บนพื้นที่กว้างใหญ่ถึง 4 ลานกว้าง และมีอาคารขนาดเล็กอีกจำนวนมาก ณ จุดที่สร้างพระราชวังแห่งนี้สามารถมองเห็นช่องแคบบอสฟอรัส โกลเดนฮอร์นและทะเลมาร์มาร่าได้อย่างชัดเจน ในช่วงที่เจริญสูงสุดของอาณาจักรออตโตมัน พระราชวังแห่งนี้มีราชวงศ์และข้าราชบริพารอาศัยอยู่รวมกันมากถึงสี่พันกว่าคน นำท่านเข้าชมส่วนของท้องพระโรงที่เป็นที่จัดแสดงทรัพย์สมบัติ ข้าวของเครื่องใช้ส่วนพระองค์เครื่องเงินต่างๆ มากมาย นำท่านเดินทางสู่ ตลาดเครื่องเทศ หรือ สไปช์มาร์เก็ต (SPICE MARKET) ตั้งอยู่ใกล้กับสะพานกาลาตา ตลาดตั้งอยู่ในร่มและเป็นตลาดใหญ่อันดับสองในอิสตันบูลรองจากแกรนด์บาร์ซาร์ ตลาดเครื่องเทศแห่งกรุงอิสตันบูลนี้สร้างตั้งแต่ช่วงปี ค.ศ. 1660 โดยเป็นส่วนหนึ่งของศูนย์การค้า เยนี คามี รายได้จากค่าเช่าร้านส่วนหนึ่งจะนำมาบำรุงมัสยิดและกิจกรรมการกุศลอื่นๆ มักเรียกขานกันจนติดปากว่าตลาดอียิปต์ เพราะที่นี่มีชื่อเสียงในเรื่องสินค้าที่นำเข้าจากกรุงไคโร โดยสินค้าจะมีเครื่องเทศเป็นหลัก นอกจากเครื่องเทศ ถั่วชนิดต่างๆ รังผึ้ง และน้ำมันมะกอก ยังหาซื้อลูกฟิก ขนมเตอร์กิชดีไลท์ (LOKUM) ผลไม้ทั้งสดและแห้ง ของที่ระลึก เครื่องประดับ เครื่องแต่งกาย ชาชนิดต่างๆ จากนั้น นำท่านเข้าสู่ “จัตุรัสทักซิม”(TAKSIM SQUARE) ตั้งอยู่ที่ย่านเบโยกลู ในเขตยุโรป นครอิสตันบูล เป็นแหล่งท่องเที่ยวสำคัญและเป็นถนนคนเดินแห่งการช้อปปิ้งที่มีชื่อเสียงและเก่าแก่รวบรวมแบรนด์ดังจากทุกมุมโลก มีความยาวกว่า 1.4 กิโลเมตร เป็นหัวใจสำคัญของนครอิสตันบูลในปัจจุบัน
วันที่แปดของการเดินทาง อิสตันบูล - กรุงเทพฯ 01.45 น. เหิรฟ้ากลับสู่ กรุงเทพฯ โดยสายการบิน Turkish Airlines เที่ยวบินที่ TK 068 15.25 น. เดินทางถึงท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ โดยสวัสดิภาพพร้อมความประทับใจ เดินทางโดย Turkish Airlines (TK) |
Copyright © 2003 eTravelWay.com All rights reserved โดย บริษัททัวร์ วีอาร์ เอนซี ทราเวล แอนด์ เทรด จำกัด |