เปิดทำการ จ - ศ : 08.30 - 22.00 น. ส - อา : 09.00 - 22.00 น.
eTravelWay.com logo
Add Friend Add Friend
ติดตามข่าวสารโปรโมชั่นดีดี

เพิ่มเพื่อน LINE รับข่าวสาร โปรโมชั่น
@etravelway

รับโปรโมชั่นดีดี
Add Friend
เฉพาะคอทัวร์โปรไฟไหม้
ทัวร์ถูกคุณภาพคุ้มค่า
ทัวร์หลุดจอง
เพิ่มเพื่อน LINE ทัวร์ไฟไหม้
@etravelway.fire

เฉพาะคอทัวร์โปรไฟไหม้
แชทผ่าน Facebook ติดต่อผ่าน Facebook
fb.me/etravelway

สอบถามทาง Facebook
เดินทางโดย : TK-เตอร์กิช แอร์ไลน์
โรงแรม :  |  จำนวนวัน : 8 วัน 5 คืน
GRAND TURKEY 8 D 5 N TK [IST-IST] JUN-MAR 2023
นำท่านชมเสน่ห์และความงดงามของดินแดน 2 ทวีป เก็บภาพความสวยงาม “เมืองคัปปาโดเกีย” พร้อมเที่ยวชมนครใต้ดิน สัมผัสความงดงามของ“ปามุคคาเล่” มรดกโลกทางธรรมชาติและวัฒนธรรมนำชม “เมืองโบราณเอเฟซุส” เมืองโบราณยุคกรีกโรมัน ชม “พระราชวังทอปคาปี” ซึ่งได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกจากยูเนสโก้ นำท่าน “ล่องเรือชมช่องแคบบอสฟอรัส” หนึ่งช่องแคบเลื่องชื่ออันดับต้นๆของโลก ชมระบำหน้าท้อง พร้อมเครื่องดื่มไม่อั้น เมนูพิเศษ เคบับหม้อดิน ขึ้นชื่อของเมืองคัปปาโดเกีย
เดินทาง :
รายการนี้ยังไม่มีพีเรียดเดินทาง
Download PDF

วันแรกของการเดินทาง ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ - อิสตันบูล

20.00 น.   สมาชิกทุกท่านพร้อมกัน ณ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ผู้โดยสารขาออกระหว่างประเทศเคาน์เตอร์สายการบินเตอร์กิช แอร์ไลน์ ประตูทางเข้า 10 เคาน์เตอร์ U เจ้าหน้าที่บริษัทฯ คอยอำนวยความสะดวกในเรื่องสัมภาระและบัตรโดยสาร

23.00 น. ออกเดินทางสู่ เมืองอิสตันบลู โดยสายการบิน TURKISK AIRLINES เที่ยวบินที่ TK 069

วันที่สองของการเดินทาง(2)  อิสตันบลู - ไคเซอรี่ - คัปปาโดเกีย - พิพิธภัณฑ์กลางแจ้งเกอเรเม่-นครใต้ดิน

05.15 น. เดินทางถึง ท่าอากาศยานอิสตันบูล (แวะเปลี่ยนเครื่อง)

07.40 น. ออกเดินทางสู่ สนามบินไคเซอรี่ โดยสายการบินเตอร์กิช แอร์ไลน์ เที่ยวบินที่ TK 2026

09.00 น. เดินทางถึง เมืองไคเซอรี่ หลังผ่านพิธีการตรวจคนเข้า เมือง และด่านศุลกากรเรียบร้อยแล้ว

นำท่านเดินทางสู่ “เมืองคัปปาโดเกีย” (CAPPADOCIA) ดินแดนที่มีภูมิประเทศอันน่าอัศจรรย์แปรสภาพเป็นหุบเขาร่องลึก เนินเขา กรวยหิน และเสารูปทรงต่าง ๆ ที่งดงาม คัปปาโดเกีย  เป็นชื่อเก่าแก่ภาษาฮิตไทต์ (ชนเผ่ารุ่นแรกๆ ที่อาศัยอยู่ในดินแดนแถบนี้) แปลว่า ดินแดนม้าพันธุ์ดีตั้งอยู่ทางตอนกลางของตุรกีเป็นพื้นที่เกิดจากการระเบิดของภูเขาไฟเออซิเยส และ ภูเขาไฟฮาซาน เมื่อประมาณ 3 ล้านปีที่แล้ว เถ้าลาวาที่พ่นออกมาและเถ้าถ่านจำนวนมหาศาลกระจายทั่วบริเวณจนทับถมเป็ น แผ่นดินชั้นใหม่ขึ้นมา จากนั้นกระแส น้ำ ลม ฝน แดด และหิมะ กัดเซาะกร่อนหิน แผ่นดินภูเขาไฟไปเรื่อย ๆ นับแสนนับล้านปีจนเกิดเป็นภูมิประเทศประหลาดแปลกตาน่าพิศวง ที่เต็มไปด้วยหินรูป แท่ง กรวย ปล่อง กระโจม โดม และอีกสารพัดรูปทรง ดูประหนึ่งดินแดนในเทพนิยายจนผู้คนในพื้ นที่เรียกขานกันว่า ปล่องไฟนางฟ้า ในปีค.ศ. 1985 ยูเนสโกได้ประกาศให้พื้นที่มหัศจรรย์แห่งนี้เป็นมรดกโลกทางธรรมชาติและวัฒนธรรมแห่งแรกของตุรกี นำท่านชม “พิพิธภัณฑ์กลางแจ้งเกอเรเม่” (GOREME OPEN AIR MUSEUM) ซึ่งเป็นศูนย์กลางของศาสนาคริสต์ในช่วง ค.ศ. 9 ซึ่งเป็นความคิดของชาวคริสต์ที่ต้องการเผยแพร่ศาสนาโดยการขุดถ้ำเป็นจำนวนมากเพื่อสร้างโบสถ์และยังเป็นการป้องกันการรุกรานของชนเผ่าลัทธิอื่นที่ไม่เห็นด้วยกับศาสนาคริสต์ จากนั้น นำท่านร้านขายของพื้นเมือง (GALERIE IKMAN) ซึ่งมีสินค้าพื้นเมืองให้ท่านได้เลือกซื้อมากมาย เช่น พรม เครื่องเงิน และของที่ระลึกต่างๆ

เมืองคัปปาโดเกีย

เที่ยง บริการอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารอาหารพื้นเมือง (เมนูพิเศษ!!! เคบับหม้อดินเผาอาหารขึ้นชื่อของเมืองคัปปาโดเกีย มาแล้วต้องลองให้ได้)

บ่าย นำท่านชม “นครใต้ดิน” (UNDERGROUND CITY) เมืองใต้ดินของตุรกีมีอยู่หลายแห่ง แต่ละแห่งมีอุโมงค์เชื่อมต่อถึงกัน เป็นสถานที่ที่ผู้นับถือศาสนาคริสต์ใช้หลบภัยชาวโรมันที่ต้องการทำลายร้างพวกนับถือศาสนาคริสต์ เมืองใต้ดินที่มีขนาดใหญ่ แต่ละชั้นมีความกว้างและสูงขนาดเท่าเรายืนได้ ทำเป็นห้อง ๆ มีทั้งห้องครัวห้องหมักไวน์ มีโบสถ์ ห้องโถงสำหรับใช้ประชุม มีบ่อน้ำและระบบระบายอากาศที่ดี แต่อากาศค่อนข้างบางเบาเพราะอยู่ลึกและทางเดินบางช่วงค่อนข้างแคบจนเดินสวนกันไม่ได้

ถ้ำใต้ดินคาร์ตัด

นำท่านสู่ “อุชิซาร์” (UCHISAR) หนึ่งในความมหัศจรรย์ของคัปปาโดเกีย หุบเขาอุซิซาร์ หุบเขาคล้ายจอมปลวกขนาดใหญ่ ใช้เป็นที่อยู่อาศัย ซึ่งหุบเขาดังกล่าวมีรูพรุน มีรอยเจาะ รอยขุด เหมือนรวงผึ้ง อันเกิดจากฝีมือมนุษย์ไปเกือบทั่วทั้งภูเขา เพื่อเอาไว้เป็นที่อาศัย อุซิซาร์ คือ บริเวณที่สูงที่สุดของบริเวณโดยรอบ ในอดีตอุซิซาร์ มีไว้ทำหน้าที่เป็นป้อมปราการที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติเอาไว้สอดส่องข้าศึกยามมีภัยอีกด้วย นำท่านชมความงดงาม RED VALLEY ผาหินสีขาวอมชมพูอมแดง ทิวทัศน์อันตระการตา ซึ่งเป็นอีกหนึ่งหุบเขาคู่กันได้รับการยอมรับว่าเป็นอีกสถานที่หนึ่งที่งดงามที่สุดในคัปปาโดเกีย นำท่านชม “ร้านจิวเวอร์รี่”(JEWELLERY) สินค้าคุณภาพดี และขึ้นชื่อของประเทศตุรกี ให้เวลาท่านเลือกซื้อตามอัธยาศัยอิสระกับการเลือกซื้อสินค้า และของที่ระลึกค่ำ

บริการอาหารมื้อค่ำ ณ ห้องอาหารของโรงแรม

นำท่านชมการแสดงพื้นเมือง “ระบำหน้าท้อง” (BELLY DANCE) อันเลื่องชื่อ ณ เมืองคัปปาโดเกีย ระบำหน้าท้องเป็นการเต้นรำที่เก่าแก่อย่างหนึ่ง เกิดขึ้นเมื่อประมาณ 6,000 ปี ในดินแดนแถบอียิปต์ และเมดิเตอร์เรเนียนนักประวัติศาสตร์เชื่อกันว่าชนเผ่ายิปซีเร่ร่อนคือคนกลุ่มสำคัญที่ได้อนุรักษ์ระบำหน้าท้องให้มีมาจนถึงปัจจุบัน และการเดินทางของชาวยิปซีทำให้ระบำหน้าท้องแพร่หลายมีการพัฒนาจนกลายเป็นศิลปะที่โดดเด่น สวยงามจนกลายมาเป็นระบำหน้าท้องตุรกีในปัจจุบัน (บริการเครื่องดื่มฟรีตลอดการแสดง)

พักที่ : CAVE STYLE HOTEL หรือที่พักระดับใกล้เคียง                    

วันที่สามของการเดินทาง คัปปาโดเกีย – คอนย่า - ปามุคคาเล่ - อุชิซาร์ - ระบำหน้าท้อง

05.00 น. สำหรับท่านที่สนใจ ขึ้นบอลลูน เพื่อชมความงามของพระอาทิตย์ขึ้น ท่านสามารถเลือกซื้อ OPTIONAL HOT AIR BALLOON TOUR ได้ ราคาประมาณ 250 USD ต่อท่าน (ขึ้นอยู่กับสภาพอากาศ) สำหรับประกันภัยที่ทำจากเมืองไทย ไม่ครอบคลุมการขึ้นบอลลูน และ เครื่องร่อนทุกประเภท ดังนั้นการเลือกซื้อ OPTIONAL TOUR ขึ้นกับดุลยพินิจของท่าน)
เช้า บริการอาหารมื้อเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรมที่พัก

นำท่านแวะ “ชมโรงงานทอพรม” และ “โรงงานเซรามิค” สินค้าคุณภาพดี และขึ้นชื่อของประเทศตุรกี ให้เวลาท่านเลือกซื้อตามอัธยาศัยอิสระกับการเลือกซื้อสินค้า และของที่ระลึก ได้เวลาอันสมควร

จากนั้น นำท่านชม “ไร่องุ่น พร้อมชิมไวน์” ณ เมืองคัปปาโดเกีย

** หมายเหตุ : ไร่องุ่น สามารถชมได้ ระหว่างกลางเดือนกันยายน ถึง ต้นเดือนตุลาคม **

บอลลูน

จากนั้น นำท่านออกเดินทางสู่ “เมืองคอนย่า” (KONYA) (ระยะทาง 240 กม./ใช้ระยะเวลาเดินทางประมาณ 2 ชั่วโมง 55 นาที) เป็นเมืองที่นิยมใช้เป็นจุดพักของการเดินทางในอดีตเคยเป็นเมืองหลวงของอาณาจักรเซลจุกเติร์ก ซึ่งเป็นอาณาจักรแห่งแรกของชาวเติร์กในตุรกีหรือที่ยุคนั้นเรียก อนาโตเลีย เป็นอู่ข้าวอู่น้ำของประเทศ

นำท่านชม “พิพิธภัณฑ์เมฟลานา” (MEVLANA MUSEUM) อาคารหลังใหญ่ที่มีโดมสีเขียวทรงแปลกตาหลังนี้แม้จะเป็นพิพิธภัณฑ์ในปัจจุบัน แต่ในอดีตแล้วที่นี่คือสถานที่สำหรับประกอบ พิธีกรรมทางศาสนาอิสลามที่สร้างโดย “เมฟลานา เจลาลุดดีน รูมี” ( MEVLANA CELALEDDIN RUMI) และบรรดานักบวชในศาสนาจะใช้เป็นที่สวดมนต์ทำสมาธิด้วยวิธีการอดอาหารเพื่อทรมานตัวเองแล้วไปเดินหมุนวนเป็นวงกลมพร้อมกับการทำจิตให้สงบด้วยการฟังเสียงขลุ่ยเรียกวิธีนี้ว่า “WHIRLING DERVISHES” 

ด้านหน้าพิพิธภัณฑ์จะมีสวนสวยริมทางเดินที่ปูด้วยแผ่นหินส่วนพิพิธภัณฑ์ยังตกแต่งอย่างสวยงามแต่ก็เป็นไปในรูปแบบของมุสลิมด้านหนึ่งของพิพิธภัณฑ์แห่งนี้จะเป็นสุสานของ เมฟลานา เจลาลุดดีน รูมี ผู้สร้าง ตลอดจนคนในครอบครัวและกลุ่มลูกศิษย์ผู้ติดตามรับใช้ใกล้ชิดท่านด้วย อีกทั้งในวันที่ 17 ธันวาคมของทุกปีจะมีการเฉลิมฉลองวันครบรอบการจากไปของเมฟลานาเมื่อปี ค.ศ. 1271 ระหว่างทาง แวะเที่ยวชม “คาราวานสไลน์” (CAVARANSERAI) ที่พักกองคาราวานในอดีตของสุลต่านฮานี ตั้งอยู่ที่หมู่บ้านสุลต่านฮานีสร้างโดยสุลต่านอาเลดดิน เคย์โคบาท ราวศตวรรษที่ 13 ประตูทำด้วยหินอ่อนสกัดลวดลายโบราณตรงกลางเป็นสุเหร่า ส่วนบริเวณอื่นจัดเป็นครัว โรงอาบน้ำ และห้องนอน โดยคำว่า “คาราวานสไลน์” หมายถึง ที่พักของผู้ที่ตรากตรำมาจากการเดินทาง โดยคาราวานสไลน์นั้น มักมีประตูสูงกว่าตัวอาคารมากเพื่อให้นักเดินทางมองเห็นได้แต่ไกล

เที่ยง บริการอาหารมื้อกลางวัน ณ ภัตตาคารพื้นเมือง

บ่าย นำท่านออกเดินทางสู่ “เมืองปามุคคาเล่” (PAMUKKALE) (ระยะทาง 261 กม./ใช้ระยะเวลาเดินทางประมาณ 3 ชั่วโมง 25 นาที)   คำว่า “ปามุคคาเล่” ในภาษาตุรกี หมายถึง “ปราสาทปุยฝ้าย” PAMUK หมายถึง ปุยฝ้าย และ KALE หมายถึง ปราสาท เป็นน้ำตกหินปูนสีขาวที่เกิดขึ้นจากธารน้ำใต้ดินที่มีอุณหภูมิประมาณ 35 องศาเซลเซียส ซึ่งเป็นที่มีแร่หินปูนผสมอยู่ในปริมาณที่สูงมาก ไหลรินลงมาจากภูเขา “คาลดากึ” ที่ตั้งอยู่ห่างออกไปทางทิศเหนือ รินเอ่อล้นขึ้นมาเหนือผิวดิน และทำ ปฏิกิริยาจับตัวแข็งเกาะกันเป็นริ้วเป็นแอ่งเป็นชั้นลดหลั่นกันไปตามภูมิประเทศเกิดเป็นประติมากรรมธรรมชาติอันสวยงามแปลกตาและโดดเด่นเป็นเอกลักษณ์ยากจะหาที่ใดเหมือน จนทำให้ปามุคคาเล่ ได้รับการยกย่องจากองค์การยูเนสโก้ให้เป็นมรดกโลกทางธรรมชาติและวัฒนธรรมในปีค.ศ. 1988 ระหว่างทาง นำท่านชม “ทุ่งลาเวนเดอร์” ณ เมืองอิสปาร์ตา (ISPARTA) เมืองทางตะวันตกของตุรกีและเมืองหลวงของจังหวัดอิสปาร์ตา เป็นที่รู้จักในนาม “เมืองแห่งดอกกุหลาบ” และเป็นเมืองที่มีชื่อเสียงในการปลูกลาเวนเดอร์ อิสระให้ท่านได้เก็บภาพความสวยงามตามอัธยาศัย  ** หมายเหตุ : ทุ่งลาเวนเดอร์ สามารถชมได้ ระหว่างกลางเดือนกรกฎาคม ถึง กลางเดือนสิงหาคม **

ค่ำ บริการอาหารมื้อค่ำ ณ ห้องอาหารของโรงแรม

พักที่ :LYCUS RIVER HOTELหรือที่พักระดับใกล้เคียง

วันที่สี่ของการเดินทาง ปามุคคาเล่ - นครโบราณเฮียราโพลิส - ปราสาทปุยฝ้าย - เซลจุก-เมืองโบราณเอเฟซุส - อิซเมียร์

เช้า บริการอาหารมื้อเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรมที่พัก

นำท่านชม “นครโบราณเฮียราโพลิส” หรือนครศักดิ์สิทธิ์ (HIERAPOLIS) สันนิษฐานกันว่ามีอายุประมาณ 2200 ปี เพราะถูกสร้างขึ้นก่อนคริสตกาล  ในยุคของกษัตริย์ยูเมเนสที่ 2 แห่งอาณาจักรเพอร์กามอน โดยสร้างให้อยู่ใกล้กับแอ่งน้ำแร่ร้อนปามุคคาเล่ แต่หากถอดความคำว่าเฮียราโพลิส หมายถึง เมืองแห่งความศักดิ์สิทธ์ เช่นเดียวกับเมืองทุกเมืองที่มียุครุ่งโรจน์และยุคเสื่อมถอยเฮียราโพลิสเองก็เป็นแบบนั้น หลังจากเมืองนี้ถูกยกให้พวกโรมัน ก็เกิดแผ่นดินไหวครั้งรุนแรงจนเมืองย่อยยับ ประมาณปลายศตวรรษที่ 2 เฮียราโพลิส ค่อยๆถูกบูรณะฟื้นฟูขึ้นใหม่ จนก้าวสู่ศตวรรษที่ 3 ด้วยความรุ่งโรจน์ ที่สุดแต่เวลาเคลื่อนไปถึงศตวรรษที่ 7 ก็ถึงยุคเสื่อม เมื่อถูกข้าศึกต่างถิ่นรุกราน นอกจากนี้ยังได้รับความเสียหายจากแผ่นดินไหว

จากนั้น นำท่านชม “ปราสาทปุยฝ้าย” (COTTON CASTLE) เมืองแห่งน้ำพุเกลือแร่ร้อน นำท่านชมหน้าผาที่ขาวกว้างใหญ่ด้านข้างของอ่างน้ำ เป็นรูปร่างคล้ายหอยแครงและน้ำตกแช่แข็ง ถ้ามองดูจะดูเหมือนสร้างจากหิมะ เมฆหรือปุยฝ้าย น้ำแร่ที่ไหลลงมาแต่ละชั้นจะแข็งเป็นหินปูน ห้อยย้อยเป็นรูปร่างต่าง ๆ อย่างมหัศจรรย์ น้ำแร่นี้ มีอุณหภูมิ ประมาณ 33-35 องศาเซลเซียส ประชาชนจึงนิยมไปอาบหรือนำมาดื่ม เพราะเชื่อว่ามีคุณสมบัติในการรักษาโรคหัวใจ โรคไขข้ออักเสบ ความดันโลหิตสูง โรคทางเดินปัสสาวะ และโรคไต ในอดีตกาลชาวโรมันเชื่อว่าน้ำพุร้อนสามารถรักษาโรคได้

ปราสาทปุยฝ้าย

เที่ยง บริการอาหารมื้อกลางวัน ณ ภัตตาคารพื้นเมือง
บ่าย ได้เวลาอันสมควร เข้าชม “โรงงานเครื่องหนัง” ซึ่งมีชื่อเสียงโด่งดังของประเทศตุรกี ได้เวลาอันสมควร นำท่านออกเดินทางสู่ “เมืองคุซาดาซึ” (KUSADASI) (ระยะทาง 204 กม./ใช้ระยะเวลาเดินทางประมาณ 3 ชั่วโมง)

ค่ำ บริการอาหารมื้อค่ำ ณ ห้องอาหารของโรงแรม

พักที่ :ADA CLASS HOTEL หรือที่พักระดับใกล้เคียง

วันที่ห้าของการเดินทาง คุซาดาสึ - เซลจุก - เมืองโบราณเอเฟซุส - คานัคคาเล

เช้า บริการอาหารมื้อเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรมที่พัก

นำท่านเดินทางเข้าสู่ “เซลจุก” (SELCUK)   เมืองโบราณขนาดเล็กไม่ไกลจากเมืองโบราณในเอเฟซุส  นำท่านชม “เมืองโบราณเอเฟซุส” (EPHESUS) หรือเอเฟส เมืองโบราณยุคกรีกโรมัน เป็นเมืองเก่ายุคจักรวรรดิโรมันที่ถือว่าเจริญรุ่งเรืองด้วยศิลปะวิทยาการ มีระบบวางท่อน้ำ หอสมุด และอื่นๆรวมทั้งโรงละครใหญ่ทรงโค้งแบบพิมพ์นิยมของกรีกโบราณ มีลานกว้างตรงกลาง แบ่งที่นั่งคนดูเป็น 3 ชั้นตามระดับความสำคัญไล่ไปจนถึงคนธรรมดาสามัญ ใช้เป็นที่เป็นที่ประชุม จัดแสดงละครและการต่อสู้สิงสาราสัตว์ของเหล่าทาส

เที่ยง บริการอาหารมื้อกลางวัน ณ ภัตตาคารพื้นเมือง

บ่าย นำท่าน ทดลองชิมขนมขึ้นชื่อเตอร์กิช ดีไลท์ (TURKISH DELIGHT) ออกเดินทางสู่ “เมืองชานัคคาเล่” (CANAKKALE) ซึ่งมีความสำคัญทางประวัติศาสตร์ เดิมมีชื่อว่า “โบกาซี” (BOGAZI) หรือ เฮลเลสปอนต์ (HELLESPONT) ตั้งอยู่บนจุดแคบที่สุดของช่องแคบดาร์ดาแนลส์ใกล้กับแหลมเกลิโบลูบนฝั่งของทะเลมาร์มาร่าและติดกับทะเลอีเจียน โดยมีชื่อเสียงในด้านการท่องเที่ยว เนื่องจากมีซากโบราณสถานที่ถูกสร้างขึ้นในสมัยโรมันหลายแห่ง

ค่ำ บริการอาหารมื้อค่ำ ณ ห้องอาหารของโรงแรม

พักที่ IRIS HOTEL หรือที่พักระดับใกล้เคียง

วันที่หกของการเดินทาง คานัคคาเล่ - ชมม้าไม้จำลอง - อิสตันบูล- ล่องเรือชมช่องแคบบอสฟอรัส - แกรนด์บาซาร์

เช้า บริการอาหารมื้อเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรมที่พัก

นำท่านชม “เมืองทรอย” (TROY) ปัจจุบันกรุงทรอย ได้ตั้งอยู่ในเมืองชานัคคาเล่ ซึ่งได้มีการขุดค้นซากกรุงทรอยที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานกว่า 4,000 ปีซึ่งเป็นแหล่งโบราณคดีที่มีชื่อเสียงแห่งหนึ่งของโลก โดยนักโบราณคดีชาวเยอรมันชื่อเฮนริค ชไลแมนน์ (HEINRICH SCHLIEMANN) ในปี 1870 ปัจจุบันเหลือเพียงซากที่ทับถมซ้อนกันถึง 9 ชั้น และอนุสรณ์อันยิ่งใหญ่อย่างม้าไม้เมืองทรอย นำชม  “ม้าไม้จำลองเมืองทรอย” ที่ชื่อว่า “ม้าไม้โทรจัน” ซึ่งเปรียบเสมือนสัญลักษณ์อันชาญฉลาดด้านกลศึกของนักรบโบราณซึ่งเป็นสาเหตุที่ทำให้กรุงทรอยแตก สงครามม้าไม้ เป็นสงครามที่สำคัญตำนานของกรีกและเป็นสงครามระหว่างกองทัพของชาวกรีกและกรุงทรอยหลังจากสู้รบกันเป็นเวลาสิบปี กองทัพกรีกก็ได้คิดแผนการที่จะตีกรุงทรอย โดยการสร้างม้าไม้จำลองขนาดยักษ์ที่เรียกว่าม้าไม้เมืองทรอย โดยทหารกรีกได้เข้าไปซ่อนตัวอยู่ในม้าโทรจันแล้วก็ทำการเข็นไปไว้หน้ากรุงทรอยเหมือนเป็นของขวัญและสัญลักษณ์ว่าชาวกรีกยอมแพ้สงครามและได้ถอยทัพออกห่างจากเมืองทรอย ชาวทรอยเมื่อเห็นม้าโทรจันก็ต่างยินดีว่ากองทัพกรีกได้ถอยทัพไปแล้วก็ทำการเข็นม้าโทรจันเข้ามาในเมืองแล้วทำการเฉลิมฉลองเป็นการใหญ่เมื่อชาวทรอยนอนหลับกันหมด ทหารกรีกที่ซ่อนตัวอยู่ก็ออกมาจากม้าโทรจันแล้วทำการเปิดประตูเมืองให้กองทัพกรีกเข้ามาในเมืองแล้วก็สามารถยึดเมืองทรอยได้ ก่อนที่จะทำการเผาเมืองทรอยทิ้ง

เที่ยง บริการอาหารมื้อกลางวัน ณ ภัตตาคารพื้นเมือง

บ่าย นำท่านชมความงดงามโดยการให้ท่านชมความงดงามโดยการ “ล่องเรือชมช่องแคบบอสฟอรัส” (BOSPHORUS CRUISE) ถือเป็นหนึ่งในช่องแคบเลื่องชื่ออันดับต้นๆของโลก เป็นพรมแดนธรรมชาติที่แบ่งอิสตันบูลออกจากยุโรปและเอเชีย ซึ่งเป็นช่องแคบที่เชื่อมต่อกับทะเลดำ (THE BLACK SEA) เข้ากับทะเลมาร์มาร่า (SEA OF MARMARA) ความยาวทั้งสิ้นประมาณ 32 ก.ม. ความกว้างตั้งแต่ 500 เมตร จนถึง 3 ก.ม. ถือว่าสุดขอบของทวีปยุโรปและสุดขอบของทวีปเอเชียมาพบกันที่นี่

ช่องแคบบอสฟอรัส

นำท่านเก็บภาพ “พระราชวังโดลมาบาเชห์” (ด้านนอก) (DOLMABABAHCE PALACE) สร้างโดยสุลต่านอับดุล เมซิด (ABDUL MECIT) ในปี 2399 ใช้เวลาสร้างถึง 30 ปี สร้างด้วยหินอ่อน ศิลปะแบบตะวันออกผสมผสานกับตะวันตก ตัวอาคารยาวถึง 600 เมตร ตั้งอยู่ริมชายฝั่งทะเลมาร์มาราในช่องแคบบอสฟอรัสบนฝั่งทวีปยุโรป  นำท่านสู่ “แกรนด์บาซาร์” (GRAND BAZAAR) ตลาดช้อปปิ้งที่ใหญ่และโด่งดังที่สุดในตุรกีเป็นตลาดสไตล์เตอร์กิชแท้ ๆ ภายในตลาดตกแต่งไว้อย่างสวยงามและเป็นตลาดเก่าแก่เปิดมานานกว่า 1,500 ปี ซึ่งสร้างตั้งแต่ปี ค.ศ. 1453 มีเนื้อที่ทั้งหมดเกือบ ๆ 200 ไร่ มีร้านค้าขายของต่าง ๆ มากถึง 5,000 ร้านค้า ที่ตลาดแกรนด์บาซ่าร์มีสินค้าให้เลือกมากมายไม่ว่าจะเป็นของกินเล่นขนมของตุรกีที่หาซื้อจากที่ไหนไม่ได้ ของที่ระลึกที่แนะนำก็จะเป็น ลูกปัดตาปีศาจ เครื่องราง  ชา ผลไม้อบแห้ง  ถั่วหลากชนิด เช่น ถั่วแมคคาดาเมีย พิตาชิโอ หรือจะเป็นขนมหวาน เตอร์กิสดีไลต์  เครื่องเทศ  เซรามิก จาน ชาม แจกัน เครื่องดนตรีพื้นเมือง โคมไฟ พวงกุญแจหรือกระเบื้องเพนท์ติดผนัง และของที่ระลึกอื่นอีกมากมาย

ค่ำ บริการอาหารมื้อค่ำ ณ ภัตตาคาร

พักที่  GOLDENWAY HOTEL หรือที่พักระดับใกล้เคียง

พระราชวังโดลมาบาห์เช

วันที่เจ็ดของการเดินทาง อิสตันบูล - สุเหร่าสีน้ำเงิน - ฮิปโปโดรม - สุเหร่าโซเฟีย - พระราชวังทอปคาปึ - ตลาดสไปซ์ - PIERRE LOTI HILL-จัตุรัสทักซิม - สนามบิน

เช้า บริการอาหารมื้อเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรมที่พัก

นำท่านชม “สุเหร่าสีน้ำเงิน” (BLUE MOSQUE) หรือชื่อเดิม คือ สุเหร่าสุลต่านห์อาร์เหม็ดที่ 1 (SULTAN AHMED MOSQUE) **การเข้าชมสุเหร่าทุกแห่งจะต้องถอดรองเท้า ถอดหมวก ถอดแว่นตาดำ เป็นการเคารพสถานที่ ถ่ายรูปได้ ห้ามส่งเสียงดัง และกรุณาทำกิริยาให้สำรวม**  สุเหร่านี้สร้างในปี 2152 และเสร็จปี 2159 (1 ปีก่อนสุลต่านอาห์เหม็ดสิ้นพระชนม์ด้วยอายุเพียง 27 พรรษา) มีหอเรียกสวด อยู่ 6 หอ เป็นหอคอยสูงให้ผู้นำศาสนาขึ้นไปตะโกนร้องเรียกจากยอด เพื่อให้ผู้คนเข้ามาสวดมนต์ตามเวลาในสุเหร่า  ชื่อสุเหร่าสีน้ำเงินภายในประดับด้วยกระเบื้องสีฟ้าจากอิซนิค ลวดลายเป็นดอกไม้ต่างๆ เช่น กุหลาบ ทิวลิป คาร์เนชั่น เป็นต้น ตกแต่งอย่างวิจิตรตระการตา ภายในมีที่ให้สุลต่านและนางในฮาเร็มทำละหมาดและสวดมนต์โดยเฉพาะ มีหน้าต่าง 260 บาน สนามด้านหน้าและด้านนอกจะเป็นที่ฝังศพของกษัตริย์และพระราชวงศ์และจะมีสิ่งก่อสร้างที่อำนวยความสะดวกให้กับประชาชนทั่วไป เช่น ห้องสมุด โรงพยาบาล โรงอาบน้ำ ที่พักกองคาราวาน โรงครัวสาธารณะคุลีเรีย (KULLIYE)

นําท่านชม “ฮิปโปโดรม” (HIPPODROME) หรือสนามแข่งม้าโบราณ ซึ่งมีเสาโอเบลิสค์ซึ่งเหลือแค่ส่วนปลายที่ยาว 20 เมตร มีงานแกะสลักอันมีความหมายและมีค่ายิ่ง นำท่านเก็บภาพ “สุเหร่าเซนต์โซเฟีย” (SAINT SOPHIA) หรือ โบสถ์ฮาเจีย โซเฟีย 1 ใน 7 สิ่งมหัศจรรย์ของโลกยุคกลาง ก่อนจะได้รับคัดเลือกเข้ารอบสุดท้ายให้เป็น 1 ใน 21 สิ่งมหัศจรรย์ยุคใหม่อีกครั้งในปี ค.ศ. 2007 เป็นต้นแบบสถาปัตยกรรมโบสถ์ของคริสต์ศาสนิกชนตะวันตกยุคไบเซนไทน์ (BYZANTINE) ทั้งนิกายออร์โธดอกซ์ และคาทอลิกกรีก ในอดีตเป็นโบสถ์ทางศาสนาคริสต์ ปัจจุบันเป็นที่ประชุมสวดมนต์ของชาวมุสลิม

สุเหร่าสีน้ำเงิน

เที่ยง บริการอาหารมื้อกลางวัน ณ ภัตตาคารพื้นเมือง

บ่าย นำท่านเข้าชม “พระราชวังทอปคาปึ” (TOPKAPI PALACE) ตั้งอยู่ในเขตเมืองเก่าซึ่งถือเป็นเขตประวัติศาสตร์ที่ได้รับ การขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกจากยูเนสโกตั้งแต่ปี ค.ศ. 1985 พระราชวัง Topkapi สร้างขึ้นโดยสุลต่านเมห์เมตที่ 2 ในปี ค.ศ.1459 บนพื้นที่กว้างใหญ่ถึง 4 ลานกว้าง และมีอาคารขนาดเล็กอีกจำนวนมาก ณ จุดที่สร้างพระราชวังแห่งนี้สามารถมองเห็นช่องแคบบอสฟอรัส โกลเดนฮอร์นและทะเลมาร์มาร่าได้อย่างชัดเจน ในช่วงที่เจริญสูงสุดของอาณาจักรออตโตมัน พระราชวังแห่งนี้มีราชวงศ์และข้าราชบริพารอาศัยอยู่รวมกันมากถึงสี่พันกว่าคน นำท่านเข้าชมส่วนของท้องพระโรงที่เป็นที่จัดแสดงทรัพย์สมบัติ ข้าวของเครื่องใช้ส่วนพระองค์เครื่องเงินต่างๆ มากมาย

นำท่านเดินทางสู่ ตลาดเครื่องเทศ หรือ สไปช์มาร์เก็ต (SPICE MARKET) ตั้งอยู่ใกล้กับสะพานกาลาตา ตลาดตั้งอยู่ในร่มและเป็นตลาดใหญ่อันดับสองในอิสตันบูลรองจากแกรนด์บาร์ซาร์ ตลาดเครื่องเทศแห่งกรุงอิสตันบูลนี้สร้างตั้งแต่ช่วงปี ค.ศ. 1660 โดยเป็นส่วนหนึ่งของศูนย์การค้า เยนี คามี รายได้จากค่าเช่าร้านส่วนหนึ่งจะนำมาบำรุงมัสยิดและกิจกรรมการกุศลอื่นๆ มักเรียกขานกันจนติดปากว่าตลาดอียิปต์ เพราะที่นี่มีชื่อเสียงในเรื่องสินค้าที่นำเข้าจากกรุงไคโร โดยสินค้าจะมีเครื่องเทศเป็นหลัก นอกจากเครื่องเทศ ถั่วชนิดต่างๆ รังผึ้ง และน้ำมันมะกอก ยังหาซื้อลูกฟิก ขนมเตอร์กิชดีไลท์ (LOKUM) ผลไม้ทั้งสดและแห้ง ของที่ระลึก เครื่องประดับ เครื่องแต่งกาย ชาชนิดต่างๆ

สไปซ์มาร์เก็ต

จากนั้น นำท่านเข้าสู่ “จัตุรัสทักซิม”(TAKSIM SQUARE) ตั้งอยู่ที่ย่านเบโยกลู ในเขตยุโรป นครอิสตันบูล เป็นแหล่งท่องเที่ยวสำคัญและเป็นถนนคนเดินแห่งการช้อปปิ้งที่มีชื่อเสียงและเก่าแก่รวบรวมแบรนด์ดังจากทุกมุมโลก มีความยาวกว่า 1.4 กิโลเมตร เป็นหัวใจสำคัญของนครอิสตันบูลในปัจจุบัน

  • อิสระอาหารค่ำตามอัธยาศัย
    • สมควรแก่เวลา นำคณะท่านเดินทางสู่ ท่าอากาศยานอิสตันบูล อาตาตูร์ก

วันที่แปดของการเดินทาง อิสตันบูล - กรุงเทพฯ

01.45 น. เหิรฟ้ากลับสู่ กรุงเทพฯ โดยสายการบิน Turkish Airlines เที่ยวบินที่ TK 068

15.25 น. เดินทางถึงท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ โดยสวัสดิภาพพร้อมความประทับใจ

เดินทางโดย Turkish Airlines (TK)
หน้าแรก | จองโรงแรม | ตั๋วเครื่องบินในประเทศ | ตั๋วเครื่องบินต่างประเทศ | ทัวร์ไทย | ทัวร์ไฟไหม้ | เรือสำราญ | เกี่ยวกับเรา | ติดต่อเรา | นโยบายความเป็นส่วนตัว
Copyright © 2003 eTravelWay.com All rights reserved โดย บริษัททัวร์ วีอาร์ เอนซี ทราเวล แอนด์ เทรด จำกัด
ใบอนุญาตนำเที่ยวในและต่างประเทศเลขที่ 11/11450
facebook
tel
TOP