เปิดทำการ จ - ศ : 08.30 - 22.00 น. ส - อา : 09.00 - 22.00 น.
eTravelWay.com logo
Add Friend Add Friend
ติดตามข่าวสารโปรโมชั่นดีดี

เพิ่มเพื่อน LINE รับข่าวสาร โปรโมชั่น
@etravelway

รับโปรโมชั่นดีดี
Add Friend
เฉพาะคอทัวร์โปรไฟไหม้
ทัวร์ถูกคุณภาพคุ้มค่า
ทัวร์หลุดจอง
เพิ่มเพื่อน LINE ทัวร์ไฟไหม้
@etravelway.fire

เฉพาะคอทัวร์โปรไฟไหม้
แชทผ่าน Facebook ติดต่อผ่าน Facebook
fb.me/etravelway

สอบถามทาง Facebook
เดินทางโดย : W5-มาฮานแอร์
โรงแรม :  |  จำนวนวัน : 8 วัน 6 คืน
Turkiye ดินแดน 2 ทวีป ต้องมนต์ขลัง
- อิสตันบลู (ISTANBUL) - สุเหร่าเซนต์โซเฟีย - ฮิปโปโดรม - สุเหร่าสีน้ำเงิน - พระราชวังทอปกาปี - อังการา (ANKARA) - เมืองหลวงประเทศตุรกี - คัปปาโดเกีย (CAPPADOCIA) - นครใต้ดินคาร์ดัค - พิพิธภัณฑ์กลางแจ้งเกอเรเม - หุบเขาพาซาแบค - ปามุคคาเล่ (PAMUKKALE) - ปราสาทปุยฝ้าย - เมืองโรมันเฮียราโพลิส - คูซาดาซี (KUSADASI) - บ้านพระแม่มารี - เมืองโบราณเอฟฟิซุส
เดินทาง :
รายการนี้ยังไม่มีพีเรียดเดินทาง
Download PDF

วันแรก สนามบินสุวรรณภูมิ – สนามบินเตหะราน (อิหร่าน) – สนามบินอิสตันบูล (ตุรกี)

06.00 น. คณะพร้อมกัน ณ สนามบินสุวรรณภูมิ อาคารผู้โดยสารขาออกระหว่างประเทศ ชั้น 4 ประตู 8 เคาน์เตอร์ M สายการบินมาฮานแอร์ (W5) มีเจ้าหน้าที่บริษัทฯคอยต้อนรับและอำนวยความสะดวกด้านเอกสารการเดินทาง.

09.20 น. ออกเดินทางสู่ กรุงเตหะราน ประเทศอิหร่าน โดยสายการบินมาฮานแอร์  เที่ยวบินที่ W5 050 

14.10 น. ถึง สนามบินเตหะราน (อิหร่าน)  จากนั้นรอต่อเครื่องเพื่อเดินทางสู่ เมืองอิสตันบูล ประเทศตุรกี

17.15 น. ออกเดินทางสู่ เมืองอิสตันบูล ประเทศตุรกี โดยสายการบินมาฮานแอร์ เที่ยวบินที่ W5 114 

19.00 น. เดินทางถึง สนามบินอิสตันบูล (Istanbul Airport) สนามบินใหม่ที่ใหญ่ที่สุดของประเทศตุรกี  นำท่านผ่านพิธีการตรวจคนเข้าเมือง,ศุลกากรและรับสัมภาระเรียบร้อย (เวลาประเทศตุรกีช้ากว่าประเทศไทย 4-5 ชั่วโมง)

ค่ำ อิสระอาหารค่ำ ตามอัธยาศัย

ที่พัก PULLMAN HOTEL หรือเทียบเท่า

วันที่สอง อิสตันบูล(ประเทศตุรกี) – สุเหร่าเซนต์โซเฟีย – ฮิปโปโดรม – สุเหร่าสีน้ำเงิน – พระราชวังทอปกาปี – เมืองอังการา

เช้า รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม

  • ข้อกำหนด โปรดแต่งกายด้วยชุดสุภาพ สำหรับการเข้าชมสุเหร่าและจำเป็นต้องถอดรองเท้าก่อนเข้าชม
  • สุภาพสตรี : ควรสวมกางเกงขายาวคลุมข้อเท้า เสื้อแขนยาวคลุมข้อมือ มิดชิดไม่รัดรูปและเตรียมผ้าสำหรับคลุมศีรษะ
  • สุภาพบุรุษ : ควรสวมกางเกงขายาวและเสื้อแขนยาว ไม่รัดรูป

ชม  สุเหร่าเซนต์โซเฟีย (MOSQUE OF HAGIA SOPHIA)  หรือชื่อในปัจจุบัน คือ พิพิธภัณฑ์ฮายาโซฟีอา หรือฮาเจียโซเฟีย HAGIA SOPHIA MUSEUM 1 ใน 7 สิ่งมหัศจรรย์ของโลกยุคกลาง ในอดีตเป็นโบสถ์ทางศาสนาคริสต์ศาสนานิกายออร์โธดอกส์ พระเจ้าจักรพรรดิคอนสแตนตินเป็นผู้สร้าง ใช้เวลาสร้าง 17 ปี ปัจจุบันเป็นที่ประชุมสวดมนต์ของชาวมุสลิมและกลายเป็นพิพิธภัณฑ์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่ง

ชมจัตุรัสสุลต่านอะห์เมตหรือฮิปโปโดรม (HIPPODROME) สนามแข่งม้าของชาวโรมัน จุดศูนย์กลางแห่งการท่องเที่ยวเมืองเก่า สร้างขึ้นในสมัยจักรพรรดิเซปติมิอุสเซเวรุสเพื่อใช้เป็นที่แสดงกิจกรรมต่างๆของชาวเมือง ต่อมาในสมัยของจักรพรรดิคอนสแตนตินฮิปโปโดรมได้รับการขยายให้กว้างขึ้นตรงกลางเป็นที่ตั้งแสดงประติมากรรมต่าง ๆซึ่งส่วนใหญ่เป็นศิลปะในยุคกรีกโบราณในสมัยออตโตมันสถานที่แห่งนี้ใช้เป็นที่จัดงานพิธีแต่ในปัจจุบันเหลือเพียงพื้นที่ลานด้านหน้ามัสยิดสุลต่านอะห์เมตซึ่งเป็นที่ตั้งของเสาโอเบลิกส์3 ต้น คือเสาที่สร้างในอียิปต์เพื่อถวายแก่ฟาโรห์ทุตโมซิสที่ 3 ถูกนำกลับมาไว้ที่อิสตันบูลเสาต้นที่สอง คือ เสางู และเสาต้นที่สาม คือเสาคอนสแตนตินที่ 7

ชมสุเหร่าสีน้ำเงิน (BLUE MOSQUE) หรือ SULTAN  AHMET MOSQUE ถือเป็นสุเหร่าที่มีสถาปัตยกรรมเป็นสุดยอดของ 2 จักรวรรดิ คือ ออตโตมันและไบเซนไทน์ เพราะได้รวบรวมเอาองค์ประกอบจากวิหารเซนต์โซเฟียผนวกกับสถาปัตยกรรมแบบอิสลามดั้งเดิม ถือว่าเป็นมัสยิดที่ใหญ่ที่สุดในตุรกี สามารถจุคนได้เรือนแสน ใช้เวลาในการก่อสร้างนานถึง 7 ปี ระหว่าง ค.ศ.1609-1616 โดยตั้งชื่อตามสุลต่านผู้สร้างซึ่งก็คือ Sultan Ahmed นั้นเอง

ชมพระราชวังทอปกาปี (TOPKAPI PALACE) ปัจจุบันคือพิพิธภัณฑ์ขนาดใหญ่ในนครอีสตันบูล เป็นสถานที่ดึงดูดนักท่องเที่ยว โดยสุลต่านเมห์เหม็ดที่ 2 แห่งจักรวรรดิออตโตมัน สามารถพิชิตกรุงคอนสแตนติโนเปิลไว้ได้ จึงมีคำสั่งให้สร้างพระราชวังขึ้นมาใหม่และให้ชื่อพระราชวังแห่งใหม่นี้ว่า พระราชวังวังนิวอิมพีเรียล เวลาผ่านไปด้วยการบูรณะซ่อมแซมหลายครั้ง

โดยพระราชวังวังนิวอิมพีเรียล (IMPERIAL NEW PALACE) ยังคงถูกใช้เป็นคลังของจักรวรรดิ, ห้องสมุด และโรงเหรียญกษาปณ์ และถูกตั้งชื่อใหม่ว่าทอปกาปี (TOPKAPI) ซึ่งมีความหมายว่า ประตูปืนใหญ่ และต่อมาถูกเปลี่ยนเป็นพิพิธภัณฑ์

ปัจจุบันยังเป็นส่วนหนึ่งของประวัติศาสตร์อิสตันบูล ที่ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก ขององค์การยูเนสโก พระราชวังแห่งนี้สามารถมองเห็นช่องแคบบอสฟอรัสโกลเดนฮอร์นและทะเลมาร์มาร่าได้อย่างชัดเจน และในช่วงที่เจริญสูงสุดของอาณาจักรออตโตมัน พระราชวังแห่งนี้มีราชวงศ์และข้าราชบริพารอาศัยอยู่รวมกันมากถึงสี่พันกว่าคน นำท่านเข้าชมส่วนของท้องพระโรงที่เป็นที่จัดแสดงทรัพย์สมบัติข้าวของเครื่องใช้ส่วนพระองค์เครื่องเงินต่างๆ มากมาย

อิสระอาหารกลางวัน ณ  SULTAN AHMED SQUARE

เดินทางสู่  เมืองอังการา (ANKARA)  เมืองหลวงของประเทศตุรกี เมืองที่ใหญ่เป็นอันดับสองรองจากอิสตันบูล มีความสำคัญทั้งทางธุรกิจและอุตสาหกรรม เป็นศูนย์กลางของรัฐบาลตุรกีและเป็นที่ตั้งของสถานทูตประเทศต่างๆ ศูนย์กลางของการค้าขาย ให้ท่านอิสระพักผ่อนบนรถชมวิวเมือง (ใช้เวลาในการเดินทางประมาณ 4.30 ชม.)

ค่ำ รับประทานอาหารค่ำ

ที่พัก  ICKALE  HOTEL หรือเทียบเท่า

วันที่สาม เมืองอังการา – เมืองคัปปาโดเกีย (CAPPADOCIA) – ทะเลสาบเกลือ – นครใต้ดินชาดัค – หุบเขาอุซิซาร์ – หมู่บ้านอวานอส - ชมโชว์ระบำหน้าท้อง (BELLY DANCE)

เช้า รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม

เดินทางสู่  เมืองคัปปาโดเกีย (CAPPADOCIA)  มาจากภาษาเปอร์เชีย คัตปาตุกา (KATPATUKA) เมืองมหัศจรรย์ที่ได้รับการประกาศจากองค์การยูเนสโกให้เป็นเมืองมรดกโลก เมื่อปี ค.ศ.1985 ตั้งอยู่บนพื้นที่ๆ เคยเป็นภูเขาไฟมาก่อน ชื่อ เออร์ซีเยส (ERCIYES) เมืองนี้เกิดจากการระเบิดของภูเขาไฟและถูกลาวาปกคลุมหลายพื้นที่ทับถมกันเป็นระยะเวลายาวนานจนกลายเป็นหิน ผ่านลม,ฝน,พายุ

ปัจจุบันเกิดเป็นภูมิประเทศที่มีความสวยงามแปลกตาจนกลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่นิยมสำหรับนักท่องเที่ยวและอีกไฮไลท์ของเมืองนี้คือเป็นจุดขึ้นบอลลูนที่มีวิวสวยงามที่สุด  ระหว่างทาง แวะถ่ายรูป  ทะเลสาบเกลือ (LAKE TUZ)  ทะเลสาบที่ใหญ่เป็นอันดับสองในตุรกีและเป็นหนึ่งในทะเลสาบน้ำเค็มที่ใหญ่ที่สุดในโลก

เที่ยง  รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร

ชมนครใต้ดินชาดัค (UNDERGROUND CITY OF CHADAK) เมื่อ 2-3 พันปีก่อนคริสตกาล ชาวคัปปาโดเชียได้มีการสร้างเมืองใต้ดินเพื่อเป็นหลุมหลบภัยจากการบุกรุกของชาวโรมัน ขุดเจาะไปเรื่อยๆ จนใต้พื้นดินคัปปาโดเชียกลายเป็นเมืองอีกหลายๆ เมือง ภายในมีทั้ง โบสถ์คริสจักร โรงเรียนสอนศาสนา โรงเก็บไวน์ คอกไม้ บ่อน้ำ ห้อง โถง ห้องนอน ห้องน้ำ ห้องถนอมอาหาร ห้องครัว ห้องอาหาร ฯลฯ และยังมีอีกหลายส่วนที่ยังไม่ได้ขุดค้น ให้ท่านได้ชมความมหัศจรรย์เมืองใต้ดินและเก็บภาพประทับใจตามอัธยาศัย จนถึงเวลาอันสมควร

แวะถ่ายรูปหุบเขาอุซิซาร์ (UCHISAR VALLEY) หุบเขาคล้ายจอมปลวกขนาดใหญ่ ใช้เป็นที่อยู่อาศัย ซึ่งหุบเขาดังกล่าวมีรูพรุน มีรอยเจาะ รอยขุด อันเกิดจากฝีมือมนุษย์ไปเกือบทั่วทั้งภูเขา เพื่อเอาไว้เป็นที่อยู่อาศัย

แวะถ่ายรูป  หมู่บ้านอวานอส (AVANOS) หมู่บ้านที่มีชื่อเสียงเกี่ยวกับเครื่องปั้นดินเผา อุปกรณ์ที่ใช้ภายในบ้าน ถ้วย,ชาม,ไห,โอ่ง,แจกันและเครื่องประดับบ้าน

ค่ำ รับประทานอาหารค่ำ ณ ห้องอาหาร

หลังรับประทานอาหาร ชมการแสดงพื้นเมือง+เครื่องดื่มท้องถิ่น  ระบำหน้าท้อง (BELLY DANCE) โชว์ท้องถิ่นที่สวยงาม ศิลปะที่โดดเด่นของชาวตุรกี  (หมายเหตุ การแสดงโชว์พื้นเมืองขึ้นอยู่กับสถานการณ์ ณ ปัจจุบัน หากมีการยกเลิกการแสดงทาง บ.ขอสงวนสิทธิ์ในการแจ้งยกเลิกโดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า)

 ที่พัก  FOSIL CAVE  HOTEL (โรงแรมถ้ำ) หรือเทียบเท่า

วันที่สี่ เมืองคัปปาโดเกีย – * OPTION TOUR ขึ้นบอลลูนชมเมืองคัปปาโดเกีย * –พิพิธภัณฑ์กลางแจ้งเกอเรเม่ – หุบเขานกพิราบ – หุบเขาพาซาแบค – เมืองคอนย่า – คาราวานซาราย – เมืองปามุคคาเล่

เช้ามืด คณะพร้อมกัน ณ จุดนัดพบ (บริเวณ LOBBY โรงแรม)

OPTION TOUR

ขึ้นบอลลูนชมเมืองคัปปาโดเกีย (CAPPADOCIA BALLOON VIEW) ขึ้นบอลลูน สัญลักษณ์ของตุรกี ชมพระอาทิตย์ยามเช้า ชมความงามของเมืองคัปปาโดเกีย พาโนราม่าวิว ชมเมืองอารยธรรมโบราณ เมืองแห่งมนต์เสน่ห์ สัมผัสบรรยากาศมุมสูง เก็บภาพที่สวยงามรอบตัว (ค่าใช้จ่ายท่านสามารถติดต่อสอบถามจอง OPTION และชำระเงินได้ที่หัวหน้าทัวร์ ประมาณ 230 USD/ท่าน  *การขึ้นบอลลูนขึ้นอยู่กับสภาพอากาศที่เหมาะสม* โดยจะคำนึงถึงความปลอดภัยของผู้เดินทางเป็นสำคัญ)

เช้า รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม

ชม พิพิธภัณฑ์กลางแจ้งเกอเรเม่ (GOREME OPEN AIR MUSEUM) สถานที่แห่งนี้เกิดขึ้นจากการขุดเจาะถ้ำหินหลายลูกเพื่อทำเป็นโบสถ์สำหรับเป็นศูนย์รวมของผู้ที่นับถือศาสนาคริสต์ เป็นถิ่นฐานที่ตั้งของผู้คนตั้งแต่ก่อนคริสตกาลและยังเป็นสถานที่ซึ่งชาวคริสเตียนยุคแรกใช้หลบหนีภัยการล่าสังหารจากจักวรรดิโรมัน ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกโดยองค์การยูเนสโกในปี ค.ศ. 1985 ปัจจุบันเป็นพิพิธภัณฑ์แบบเปิดที่แสดงเรื่องราวชีวิตความเป็นอยู่ของชาวคัปปาโดเชียน (CAPPADOCIAN)

แวะถ่ายรูป หุบเขานกพิราบ (PIGEON VALLEY)  จุดชมวิวอยู่ตรงบริเวณหน้าผาที่ชาวเมืองโบราณได้ขุดเจาะเป็นรู เพื่อให้นกพิราบเข้าไปทำรังอาศัยอยู่  ชาวบ้านเลี้ยงนกพิราบไว้เพื่อนำมูลมาทำเป็นปุ๋ยบำรุงต้นไม้ จากจุดชมวิวสามารถมองเห็นปราสาทอุชิซาร์ (UCHISAR CASTLE) และยังมีต้นไม้จำลองที่เต็มไปด้วยดวงตาสีฟ้าแขวนอยู่โดดเด่น อิสระถ่ายภาพตามอัธยาศัย

แวะถ่ายรูป หุบเขาพาซาแบค (PASABAG VALLEY) กลุ่มภูเขาหินแปลกตารูปกรวยคล้ายมีหมวกวางอยู่บนสุด อดีตเมื่อ 1,500 ปีที่แล้วสถานที่แห่งนี้เคยเป็นที่พำนักของบาทหลวงไซมอนที่เดินทางมาเพื่อปลีกวิเวก แสวงหาที่ปฏิบัติธรรมและได้มาเจอสถานที่แห่งนี้ (HERMITAGE OF ST.SIMON) และเป็นที่นิยมสำหรับพระอีกหลายองค์ในเวลาต่อมา จนได้รับอีกสมญาว่า THE VALLEY OF THE MONKS

เดินทางสู่เมืองคอนย่า (KONYA) ในอดีตเคยเป็นเมืองหลวงของอาณาจักรเซลจุกเติร์ก (ค.ศ. 1077-1118) อาณาจักรแห่งแรกของชาวเติร์กในตุรกี หรือที่ยุคนั้นเรียกอนาโตเลีย เป็นอู่ข้าวอู่น้ำของประเทศ คนส่วนใหญ่มีอาชีพทำนา มีการปลูกฝิ่นและผลไม้อร่อย เมืองนี้มีประวัติที่เก่าแก่มาก เป็นที่ตั้งของสุสานเมฟลานา ผู้ริเริ่มการทำสมาธิแบบเป็นวงกลม ในแต่ละปีจึงมีผู้แสวงบุญมาเยือนที่นี่กันเป็นจำนวนมาก (ใช้เวลาในการเดินทางประมาณ 3 ชม.)

ระหว่างทางแวะถ่ายรูป คาราวานซาราย (CARAVANSARAI) ที่พักของกองคาราวานในสมัยโบราณ เป็นสถานที่พักแรมของกองคาราวานตาเส้นทางสายไหมและชาวเติร์กสมัยออตโตมัน

เที่ยง รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร

เดินทางสู่  เมืองปามุคคาเล่ (PAMUKKALE) แปลว่า ปราสาทปุยฝ้าย (COTTON CASTLE) อยู่ในเมืองชื่อเดียวกัน จังหวัดเดนิซลี ประเทศตุรกี เป็นเนินเขาหินปูนสีขาว มีความยาวประมาณ 2.7 กิโลเมตร สูง 160 เมตร เกิดจากน้ำพุร้อนที่นำแคลเซียมคาร์บอเนตมาตกตะกอน ปามุคคาเล่ ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นแหล่งมรดกโลกร่วมกับฮีเอราโปลิสซึ่งเป็นเมืองโบราณที่ตั้งอยู่บนปามุคคาเล่ ใน พ.ศ. 2531 (ใช้เวลาในการเดินทางประมาณ 5 ชม.)

ค่ำ รับประทานอาหารค่ำ ณ ห้องอาหาร

ที่พัก  LYCUS  RIVER  HOTEL หรือเทียบเท่า

วันที่ห้า เมืองปามุคคาเล่ – เมืองคูซาดาซี – เมืองเฮียราโพลิส – ปราสาทปุยฝ้าย – บ้านพระแม่มารี – เมืองโบราณเอฟฟิซุส

เช้า รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม

เดินทางสู่  เมืองคูซาดาซี (KUSADASI)  เมืองท่าที่สำคัญทางการค้าอีกเมืองหนึ่งของตุรกีที่เป็นสถานที่ตั้งของโบราณสถานที่สำคัญสิ่งมหัศจรรย์ยุคโบราณ (ใช้เวลาในการเดินทางประมาณ 3 ชม.)

ชม เมืองเฮียราโพลิส (HIERAPOLIS) เมืองโรมันโบราณที่สร้างล้อมรอบบริเวณที่เป็นน้ำพุเกลือแร่ร้อนซึ่งเชื่อกันว่ามีสรรพคุณในการรักษาโรคเมื่อเวลาผ่านไปภัยธรรมชาติได้ทำให้เมืองนี้เกิดการพังทลายลงเหลือเพียงซากปรักหักพังกระจายอยู่ทั่วไป เช่นโรงละครแอมฟิเธียร์เตอร์ขนาดใหญ่ วิหารอพอลโล สุสานโรมันโบราณ

ชมปราสาทปุยฝ้าย (Pamukkale)  น้ำตกหินปูนสีขาวที่เกิดขึ้นจากธารน้ำใต้ดินที่มีอุณหภูมิประมาณ 35 องศาเซลเซียส ซึ่งเป็นแร่หินปูนผสมอยู่ในปริมาณที่สูงมากไหลลงมาจากภูเขา “คาลดากึ” ที่ตั้งอยู่ห่างออกไปทางทิศเหนือ และทำปฏิกิริยาจับตัวแข็งเกาะกันเป็นริ้ว เป็นแอ่ง เป็นชั้น ลดหลั่นกันไปตามภูมิประเทศ เกิดเป็นประติมากรรมธรรมชาติ อันสวยงามแปลกตาที่โดดเด่นเป็นเอกลักษณ์

จนทำให้ปามุคคาเล่และเมืองเฮียราโพลิสได้รับการยกย่องจากองค์การยูเนสโกให้เป็นมรดกโลกทางธรรมชาติและวัฒนธรรมในปี ค.ศ. 1988 ชมความสวยงามของแอ่งน้ำหินปูนธรรมชาติตัดกับหน้าผาที่กว้างขวางมีลักษณะสวยงามมหัศจรรย์แตกต่างออกไปมากมายคล้ายหิมะ ก้อนเมฆหรือปุยฝ้ายน้ำแร่มีอุณหภูมิประมาณ 33 – 35.5 องศาเซลเซียส อิสระเก็บภาพประทับใจจนถึงเวลาอันสมควร

เที่ยง รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร

ชมบริเวณภายนอก บ้านพระแม่มารี (HOUSE OF VIRGIN MARY) ถูกค้นพบอย่าปาฏิหาริย์ โดยแม่ชีตาบอดชาวเยอรมัน ชื่อ แอนนา แคเทอรีน เอมเมอริช Anna Catherine Emmerich เมื่อปี ค.ศ. 1774-1824 ได้เขียนบรรยายสถานที่ไว้ในหนังสืออย่างละเอียดราวกับเห็นด้วยตาตนเอง เมื่อเธอเสียชีวิตลง มีคนพยายามสืบเสาะค้นหาบ้านหลังนี้ จนพบในปี ค.ศ. 1891 ซึ่งเชื่อกันว่าเป็นที่สุดท้ายที่พระแม่มารีมาอาศัยอยู่และสิ้นพระชนม์ในบ้านหลังนี้ ปัจจุบันบ้านพระแม่มารีได้รับการบูรณะเป็นบ้านอิฐชั้นเดียว ภายในมีรูปปั้นของพระแม่มารี ซึ่งพระสันตปาปา โป๊ป เบเนดิกส์ที่ 6 ได้เคยเสด็จเยือนที่นี่

ชม  เมืองโบราณเอฟิซุส (EPHESUS) เมืองโบราณที่มีการบำรุงรักษาไว้เป็นอย่างดีเมืองหนึ่ง เคยเป็นที่อยู่ของชาว (Ionia) จากกรีก ซึ่งอพยพเข้ามาปักหลักสร้างเมือง ซึ่งรุ่งเรืองขึ้นในศตวรรษที่ 6 ก่อนคริสต์กาล ต่อมาถูกรุกรานเข้ายึดครองโดยพวกเปอร์เซียและกษัตริย์อเล็กซานเดอร์มหาราช ภายหลังเมื่อโรมันเข้าครอบครองก็ได้สถาปนาเอฟฟิซุส ขึ้นเป็นเมืองหลวงต่างจังหวัดของโรมัน

ชมห้องอาบน้ำแบบโรมันโบราณ (ROMAN BATH) ที่ยังคงเหลือร่องรอยของห้องอบไอน้ำ ให้เห็นอยู่จนถึงทุกวันนี้, ห้องสมุดโบราณ ที่มีวิธีการเก็บรักษาหนังสือไว้ได้เป็นอย่างดีทุกสิ่งทุกอย่างล้วนเป็นศิลปะแบบเฮเลนนิสติคที่มีความอ่อนหวานและฝีมือประณีต

ค่ำ รับประทานอาหารค่ำ ณ ห้องอาหาร

ที่พัก  MARTI  BEACH  HOTEL หรือเทียบเท่า

วันที่หก เมืองคูซาดาซี – วิหารอะโครโปลิส – เมืองอิสตันบูล – ตลาดเครื่องเทศ

เช้า รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม

เดินทางสู่  วิหารอะโครโปลิส แห่งเพอร์กามอน (PERGAMON ACROPOLIS)  อะโครโปลิส ตั้งอยู่บนภูเขาสูงในเมือง เพอร์กามอน ถูกก่อตั้งและรุ่งเรืองที่สุดในสมัยพระเจ้า อูมาเนสที่ 1 (EUMENENES I ) แห่งราชวงศ์เพอการ์มาเน่ (PERGAMANE) ระหว่าง 263-241 ก่อนคริสตกกาล ที่นี่ได้กลายเป็นศูนย์กลางแห่งการเรียนรู้ของโลกสมัยโบราณ ต่อมาพระเจ้า แอททาลุสที่3 (ATTALIS III) ทรงยกเมืองให้แก่อาณาจักรโรมันเมื่อ 133 ปีก่อนคริสตกาลและได้กลายเป็นเมืองหลวงของแคว้นเอเชียภายใต้อาณาจักรโรมัน  ขึ้นสู่ภูเขาสูงสัมผัสกับบรรยากาศและซากบางส่วนของเมืองที่ยังหลงเหลืออารยธรรมโบราณให้ได้ชม ชมความยิ่งใหญ่ของวิหารแห่งนี้ สมควรแก่นำท่านเดินทางสู่อิสตันบูล

เที่ยง รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร

เดินทางสู่เมืองอิสตันบูล (ISTANBUL)  เมืองสำคัญอันดับ 1ของประเทศ เดิมชื่อ คอนแสตนติโนเปิล เป็นเมืองที่มีประชากรมากที่สุดในประเทศตุรกี ตั้งอยู่บริเวณช่องแคบบอสฟอรัส(BOSPHORUS) ซึ่งทำให้อิสตันบูลเป็นเมืองสำคัญเพียงเมืองเดียวในโลก ที่ตั้งอยู่ใน 2 ทวีปคือ ทวีปยุโรป (ฝั่ง THRACE ของบอสฟอรัส) และทวีปเอเชีย (ฝั่งอนาโตเลีย) ซึ่งในอดีตอิสตันบูลเป็นเมืองสำคัญของชนเผ่าจำนวนมากในบริเวณนั้น จึงส่งผลให้อิสตันบูลมีชื่อเรียกแตกต่างกันออกไป  (ใช้เวลาในการเดินทางประมาณ 6 ชม.)

สู่ตลาดเครื่องเทศ (SPICE MARKET) ตั้งอยู่ใกล้กับสะพานกาลาตา สร้างขึ้นตั้งแต่ช่วงปี ค.ศ. 1660 เป็นตลาดในร่มและเป็นตลาดที่ใหญ่เป็นอันดับสองในอิสตันบูล สินค้าส่วนใหญ่คือเครื่องเทศเป็นหลัก ทั้งยังมีถั่วชนิดต่าง ๆ รังผึ้ง น้ำมันมะกอก ไปจนถึงเสื้อผ้าเครื่องประดับ ฯลฯ อิสระช้อปปิ้ง อิสระอาหารค่ำ ตามอัธยาศัย จนถึงเวลานัดหมาย

ที่พัก PULLMAN HOTEL หรือเทียบเท่า

วันที่เจ็ด เมืองอิสตันบูล – สนามบินอิสตันบูล (ตุรกี) – สนามบินเตหะราน (อิหร่าน)

เช้า รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม  หลังรับประทานอาหารนำท่านเดินทางสู่สนามบินอิสตันบูล

12.15 น. ออกเดินทางสู่ กรุงเตหะราน ประเทศอิหร่าน โดยสายการบินมาฮานแอร์  เที่ยวบินที่ W5 117

16.45 น. ถึง สนามบินเตหะราน (อิหร่าน)  จากนั้นรอต่อเครื่องเพื่อเดินทางสู่ ประเทศไทย

22.10 น. ออกเดินทางสู่ สนามบินสุวรรณภูมิ ประเทศไทย โดยสายการบินมาฮานแอร์  เที่ยวบินที่ W5 051

วันที่แปด สนามบินสุวรรณภูมิ

07.25 น. เดินทางถึง สนามบินสุวรรณภูมิ โดยสวัสดิภาพ พร้อมความประทับใจ.

เดินทางโดย Mahan Air (W5)
หน้าแรก | จองโรงแรม | ตั๋วเครื่องบินในประเทศ | ตั๋วเครื่องบินต่างประเทศ | ทัวร์ไทย | ทัวร์ไฟไหม้ | เรือสำราญ | เกี่ยวกับเรา | ติดต่อเรา | นโยบายความเป็นส่วนตัว
Copyright © 2003 eTravelWay.com All rights reserved โดย บริษัททัวร์ วีอาร์ เอนซี ทราเวล แอนด์ เทรด จำกัด
ใบอนุญาตนำเที่ยวในและต่างประเทศเลขที่ 11/11450
facebook
tel
TOP