เปิดทำการ จ - ศ : 08.30 - 21.00 น. ส - อา : 09.00 - 21.00 น.
eTravelWay.com logo
Add Friend Add Friend
ติดตามข่าวสารโปรโมชั่นดีดี

เพิ่มเพื่อน LINE รับข่าวสาร โปรโมชั่น
@etravelway

รับโปรโมชั่นดีดี
Add Friend
เฉพาะคอทัวร์โปรไฟไหม้
ทัวร์ถูกคุณภาพคุ้มค่า
ทัวร์หลุดจอง
เพิ่มเพื่อน LINE ทัวร์ไฟไหม้
@etravelway.fire

เฉพาะคอทัวร์โปรไฟไหม้
แชทผ่าน Facebook ติดต่อผ่าน Facebook
fb.me/etravelway

สอบถามทาง Facebook
ทัวร์ยุโรป
คลิก ดูโปรแกรมเต็ม
จองทาง LINE @etravelway Share

ทัวร์ยุโรป

 รหัส : A06152
เดินทางโดย : QR-กาตาร์แอร์เวย์
โรงแรม : 3 ดาว |  จำนวนวัน : 10 วัน 7 คืน
หอไอเฟล ล่องเรือแม่น้ำแซน ช้อปปิ้งแบบจุใจ ปารีส อินเทอลาเก้น มิลาน โรม โคลอสเซียม หอเอนปิซ่า 2 สิ่งมหัศจรรย์ของโลก นั่งกระเช้า Eiger Express สู่ยอดเขาจุงฟราว บ่อหมีสีน้ำตาล ณ กรุงเบิร์น ลูกาโน่ เมืองริมทะเลสาบตากอากาศ

สนามบินสุวรรณภูมิ - ท่าอากาศยานนานาชาติฮามัด
ท่าอากาศยานนานาชาติฮามัด - กรุงปารีส - จัตุรัสทรอกาเดโร - ล่องเรือแม่น้ำแซน - ประตูชัยอาร์กเดอทรียงฟ์ - พิพิธภัณฑ์ลูฟร์ - แกลเลอรี่ ลาฟาแยตต์
พระราชวังแวร์ซายส์ - เมืองดิฌง
กรุงเบิร์น - อาสนวิหารแห่งกรุงเบิร์น - บ่อหมี - ย่านมาร์กาสเซ - นาฬิกาดาราสาสตร์ - เมืองอินเทอลาเก้น - ถนน Hoheweg
เมืองกรินเดอวาลด์ - กระเช้า Eiger Express - อุโมงค์น้ำแข็ง - อุโมงค์โลกอัลไพน์ - Jungfrau Panorama view - เมืองเลาเทอร์บรุนเนน - เมืองลูเซิร์น - อนุสาวรีย์สิงโต - สะพานไม้ชาเปล
เมืองลูกาโน - เมืองมิลาน - มหาวิหารมิลาน - กัลเลรีอาวิตโตรีโยเอมานูเอเลเซ คอนโด
เมืองเวนิสเมสเตร้ - ท่าเรือตรอนเคตโต้ - จัตุรัสเซ็นท์ มาร์ค - สะพานถอนหายใจ - สะพานรีอาลโต้ - เมืองเวนิสเมสเตร้
เมืองปิซ่า - จัตุรัสเปียซซา เดล ดูโอโม - หอเอนเมืองปีซ่า - กรุงโรม
นครรัฐวาติกัน - มหาวิหารนักบุญปีเตอร์ - จัตุรัสนักบุญปีเตอร์ - โคลอสเซี่ยม - โรมันฟอรั่ม - น้ำพุเทรวี่ - บันไดสเปน - ท่าอากาศยานเลโอนาร์โด ดา วินชี-ฟีอูมีชีโน
ท่าอากาศยานนานาชาติฮามัด - สนามบินนานาชาติสุวรรณภูมิ
คลิกดูโปรแกรมฉบับเต็ม (PDF)
เดินทาง :
รายการนี้ยังไม่มีพีเรียดเดินทาง
Download PDF
มหัศจรรย์...ฝรั่งเศส สวิต อิตาลี 2023 10 วัน 7 คืน

อัตราค่าบริการ

วันเดินทาง

จำนวน

ผู้ใหญ่

เด็กอายุต่ำกว่า 12 ปีพักกับผู้ใหญ่ 2 ท่าน (ไม่มีเตียง)

พักเดี่ยวเพิ่ม

10 – 19 พฤศจิกายน 2566

26+1

112,999

111,999

+17,500

รายละเอียดเพิ่มเติม

ราคา

กรณีที่มีตั๋วเครื่องบินแล้วหักออกจากค่าทัวร์

20,000 บาท

ชั้นธุรกิจ Business Class เพิ่มเงินจากราคาเดิม

***กรุณาเช็คกับทางเจ้าหน้าที่ก่อนทำการจองค่ะ***

110,000-120,000 บาท

*** การันตี 15 ท่านออกเดินทางพร้อมหัวหน้าทัวร์คนไทย ***

ชมจุดถ่ายรูปหอไอเฟลที่สวยที่สุด ณ จัตุรัสทรอกาเดโร (TROCADÉRO) แต่เดิมบริเวณนี้เคยใช้เป็นสถานที่จัดงานสำคัญๆ ของประเทศอยู่หลายครั้ง แต่โด่งดังด้วยเพราะทัศนียภาพที่ท่านจะสามารถเห็น หอไอไฟล (EIFFEL) ได้อย่างไม่มีอะไรมาบดบัง โดยหอส่งสัญญาแห่งนี้นั้น ถือเป็นสัญลักษณ์ของพาปารีสที่พลาดไม่ได้ด้วยประการทั้งปวง หอไอเฟลนั้น ตั้งตามชื่อของสถาปนิกผู้ออกแบบ กุสตาฟ ไอเฟล เพื่อใช้เป็นสัญลักษณ์ในงาน แสดงสินค้าโลก ในปี 1889 เมื่อมีภาพยนตร์เรื่องใดที่จะกล่าวถึงปารีส ก็จะจะต้องมีโครงสร้างเหล็กเจ้าของความสูง 324 เมตร ที่เคยเป็นอาคารที่สูงที่สุดในโลก แห่งนี้อยู่ด้วยเสมอ
จากนั้นนำท่าน ล่องเรือแม่น้ำแซน ชมบรรยากาศรอบเมืองปารีส เมืองที่ได้ชื่อว่าเป็น 1 ใน เมืองที่โรแมนติกที่สุดของโลกในอีกมุมหนึ่งโดยในระหว่างทางนั้นจะผ่านสถานที่สำคัญๆ มากมายไม่ว่าจะเป็น สะพาน PONT DE L'ALMA สะพานอเล็กซานเดอร์ที่ 3 พิพิธภัณฑ์ออร์แซ พิพิธภัณฑ์ลูฟวร์ รวมไปถึงอาสนวิหารน็อทร์-ดามแห่งปารีส ถือเป็นอีก 1 กิจกรรมที่ไม่ควรพลาดเมื่อมาปารีส
จากนั้นนำท่านถ่ายรูปกับ ประตูชัยอาร์กเดอทรียงฟ์ (ARC DE TRIOMPHE) วงเวียนที่เชื่อมถนน12 เส้นของปารีสไว้ โดยสร้างขึ้นเพื่อเป็นสดุดีทหารฝรั่งเศสที่ร่วมรบในสงครามต่างๆ โดยเฉพาะในสงครามนโปเลียน เนื่องจากเริ่มสร้างในรัชสมัยของพระองค์หลังได้รับชัยชนะในสงครามยุทธการที่เอาสเทอร์ลิทซ์ เมื่อวันที่ 2 ธันวาคม 1805 นอกเหนือจากนั้น ประตูชัยแห่งนี้ก็ยังเป็นที่ฝังศพทหารนิรนามในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 1 อีกด้วย อาร์กเดอทรียงฟ์ มีความสูง 49.5 เมตร กว้าง 45 เมตร และหนาถึง 22 เมตร ทางทิศตะวันตกยังเป็นที่ตั้งของถนนสายที่โด่งดังที่สุดของโลกสายหนึ่ง นั่นคือ ถนนช็อง
เซลีเซ (CHAMPS-ÉLYSÉES) ถนนที่ได้ชื่อมาจากสวนสวรรค์ของเหล่าเทพปกรนัมกรีก ในอดีตเคยเป็นส่วนหนึ่งของการขยายพื้นที่สวยหย่อมของพระราชวังตุยเลอรี โดยเมื่อครั้งพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวเสด็จประพาสยุโรป ทรงมีพระราชดำรัสให้นำรูปแบบถนนช็องเซลีเซ มาสร้างเป็นถนนพระราชดำเนินกลางในกรุงเทพมหานคร ว่ากันว่าอัตราค่าเช่าพื้นที่บนถนนแห่งนี้มีมูลค่าสูงที่สุดในยุโรป และเป็นที่ตั้งของสินค้าแบรนด์ระดับโลกมากมายแวะถ่ายรูปด้านหน้า พิพิธภัณฑ์ลูฟร์ (LOUVRE MUSEUM) เป็นสถานที่จัดแสดงและเก็บรักษาผลงานทาง
ศิลปะที่ทรงคุณค่าระดับโลกจำนวนมาก นับเป็นอีกหนึ่งสถานที่เที่ยวในปารีสที่ต้องไปเยือน
ห้างลา ซามาริแตง (La Samaritaine) ห้างสรรพสินค้าที่เก่าแก่แห่งหนึ่งของโลก ก่อตั้งในปี ค.ศ. 1870 โดย Ernest Cognacq และ Marie Louise Jay จ้างออกแบบโดยสถาปนิกนามว่า Frantz Jourdain ตกแต่งแบบ Art Nouveau และ Art Déco เป็นเอกลักษณ์อันโดดเด่น พัฒนาจากร้านเสื้อผ้าขนาดเล็กจนขยายไปสู่ห้างสรรพสินค้า จากนั้นดำเนินกิจการเรื่องมา จนได้ถูกขึ้นทะเบียนเป็นอนุสรณ์สถานทางประวัติศาสตร์ในปี ค.ศ. 1990 โดยกระทรวงวัฒนธรรมฝรั่งเศส ห้างนี้เคยถูกปิดและพัฒนาปรับปรุงอยู่เรื่อยมา จนกระทั่งเปิดให้สาธารณชนเข้าชมอีกครั้งในวันที่ 23 มิถุนายน ค.ศ. 2021 กับคอนเซปต์ใหม่ ที่เน้นย้ำถึงเสน่ห์ของปารีส มีทั้ง แฟชั่น อาหาร และงานศิลปะ สินค้าต่างๆรวมแล้วกว่า 600 แบรนด์
จากนั้น นำท่านเดินทางเข้าชม พระราชวังแวร์ซายส์ (Château de Versailles) หนึ่งในพระราชวังที่มีคนพูดถึงมากที่สุด และยังเป็น1ใน7สิ่งมหัศจรรย์ของโลกยุคปัจจุบันอีกด้วย แต่เดิมนั้นเป็นเพียงเมืองเล็กๆที่พระมหากษัตริย์ราชวงศ์บูร์บงโปรดมาล่าสัตว์เท่านั้นแต่เมื่อพระเจ้าหลุยส์ที่14 ครั้งทรงพระเยาว์ เสด็จตามพระราชบิดามาล่าสัตว์ ทรงโปรดพื้นที่บริเวณนี้มากเมื่อทรงขึ้นครองราชย์นจึงมีพระราชดำรัสให้สร้างพระราชวังแห่งใหม่แทนพระราชวังลูฟท์ที่กรุงปารีสโดยมีพระราชประสงค์ให้เป็นพระราชวังที่สวยงามที่สุดในโลก
ภายในพระราชวังนั้นประกอบไปด้วยห้องหับถึง 700 ห้องมีภาพวาด 6,123 ภาพและงานแกะสลักถึง 15,034 ชิ้นไฮไลท์สำคัญของพระราชวังแห่งนี้คงหนีไม่พ้นห้องกระจกซึ่งบริเวณผนังด้านขวานั้นประดับด้วยกระจกฉาบปรอทมากถึง 17 บาน แต่ละบานมีประกอบด้วยกระจก 21 แผ่นซึ่งในสมัยก่อนนั้นกระจกเป็นสิ่งที่มีราคาสูงมากเทียบเท่าทองคำเลยทีเดียว ซึ่งห้องกระจกแห่งนี้ยังใช้เป็นสถานที่ในการลงนามสนธิสัญญาสงบศึกในสงครามโลกครั้งที่1 ระหว่างฝ่านสัมพันธมิตร และฝ่ายจักรวรรดิเยอรมัน
นำท่านเดินทางสู่ เมืองดิฌง (DIJON) (ใช้เวลาเดินทางประมาณ 3.30 ชม.) ผ่านชมทัศนียภาพอันงดงามที่เต็มไปด้วยขุนเขาทะเลสาบ และดอกไม้ป่า ที่สวยสดงดงาม ที่จะทำให้ท่านตื่นตาตื่นใจ ตลอดการเดินทางจนทำให้ท่านหลับตาไม่ลง เป็นแห่งเมืองชุมทางรถไฟ และศูนย์กลางการคมนาคมที่สำคัญแห่งหนึ่งของฝรั่งเศส และเป็นเมืองที่มีลักษณะคล้ายปารีสอย่างมาก เดินทางถึงเมืองดิฌง
จากนั้น เที่ยวชม กรุงเบิร์น (BERN) (ใช้เวลาเดินทางประมาณ 3.30 ชั่วโมง) เมืองท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงสวยงาม จนได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกจากองค์การยูเนสโก้ UNESCO ปี 1983 อีกด้วย พาท่านถ่ายรูปเป็นที่ระลึกกับความตระการตาของ อาสนวิหารแห่งกรุงเบิร์น (Bern Minster) ที่คงความงามมาตั้งแต่ปีค.ศ. 1573 ต่อไปยัง บ่อหมี (Bärengraben) ริมแม่น้ำอาเร โดย คำว่า Bern ที่เป็นชื่อเมืองนั้นมาจากคำว่า "Baren" ในภาษาเยอรมันที่แปลว่า "หมี" หรือ "Bear" ในภาษาอังกฤษ ซึ่งเกิดมาจากในสมัยก่อนนั้น ผู้ครองเมืองเบิร์นได้ไปออกล่าสัตว์ และสัตว์ที่ได้กลับมานั้นก็คือหมีนั่นเอง จนทำให้เบิร์นนั้นกลายเป็นชื่อของเมือง และมีสัญลักษณ์ของเมืองเป็นรูปหมีไปด้วย
พาท่านชมเดินสู่ ย่านมาร์กาสเซ (Marktgasse) ซึ่งปัจจุบันเต็มไปด้วยร้านดอกไม้และร้านบูทีคเป็นเขตที่ปลอดมลพิษ ไม่ให้รถยนต์วิ่งผ่าน จึงเหมาะกับการเดินเที่ยว นำชมอาคารเก่า อายุ 200-300 ปี ชมถนนจุงเคอร์นกาสเซ ถนนที่มีระดับสูงสุดๆของเมืองนี้ เข้าสู่ถนนครัมกาสเซ เต็มไปด้วยร้าน ภาพวาดและร้านขายของเก่าในอาคารโบราณ ถ่ายรูปกับ นาฬิกาดาราสาสตร์ (Zytglogge) อายุกว่า 800 ปี ที่มีโชว์ให้ดูทุกๆชั่วโมง นาฬิกาตีบอกเวลา ถัดไปไม่ไกลจะพบกับ บ้านเลขที่ 49 ซึ่งเป็นบ้านที่อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์ นักฟิสิกส์ชื่อดังของโลก เคยมาใช้ชีวิตอยู่ในช่วงสั้นๆ ระหว่างปีค.ศ. 1903-1905 ปัจจุบันบ้านหลังนี้ได้กลายเป็นพิพิธภัณฑ์ที่เก็บรวบรวมภาพถ่ายและผลงานบางส่วนของไอน์สไตน์
จากนั้นเดินทางต่อไปยัง เมืองอินเทอลาเก้น (Interlaken) (ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1 ช.ม.) จุดศูนย์กลางของประเทศ ที่รายล้อมไปด้วย 4 ขุนเขา และ 2 ทะเลสาบ พาท่านเดินชม ความงามและเป็นเอกลักษณ์เฉพาะของเมือง พาท่านเดินชม ถนน Hoheweg จุดที่ครึกครื่นที่สุดในเมืองอินเทอลาเก้น ท่านสามารถเลือกซื้อสินค้าคุณภาพสวิสได้อยากหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นแบรนด์ Omega, Swatch ช็อคโกแลตสวิสที่ขึ้นชื่อ หรือแม้แต่เสื้อผ้า เครื่องประดับก็ยังมีให้ท่านเลือกสรรได้ตลอดถนนเลยทีเดียว
เมื่อถึงแล้ว พาท่านชม อุโมงค์น้ำแข็ง (Ice Palace) ที่มีอายุเก่าแก่ 1,000 ปี ธารน้ำแข็งลึกเขาไปกว่า 30 เมตร มีประติมากรรมน้ำแข็งอยู่อย่างมากมาย และคงอุณหภูมิอยู่ที่ -3 องศา ตลอดทั้งปี เก็บภาพความสวยงามและยิ่งใหญ่ของของธารน้ำแข็ง Aletsch ที่ยาวที่สุดในเทือกเขาแอลป์ ชม อุโมงโลกอัลไพน์ (ALPINE SENSATION) ที่จัดแสดงวิถีชีวิต วัฒนธรรมและธรรมชาติของชาวเมือง
นำท่านลงสู่อีก 1 เมืองชานเขาจุงฟราว เมืองเลาเทอร์บรุนเนน (Lauterbrunnen) เมืองสวยอีกเมืองที่ต้องแวะชม ด้วยรถไฟไต่เขาแสนคลาสสิก ที่นี่เป็นที่ตั้งของ น้ำตกชเตาบ์บาค (Staubbach) ที่สูงกว่า 300 เมตร มุมสุดอลังการกับริ้วน้ำตกที่แทรกผ่านหน้าผาสูง โดยมีเบื้องล่างเป็นบ้านเรือนสลับทุ่งหญ้า ที่มองกี่ครั้งก็ไม่เบื่อ
จากนั้นนำท่านเดินทางเข้าสู่ เมืองลูเซิร์น (Luzern) (ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1.30 ชั่วโมง) หนึ่งในเมืองที่งดงามที่สุดของประเทศ นำท่านถ่ายรูปกับ อนุสาวรีย์สิงโต (Lion Monument) ซึ่งสร้างขึ้นเพื่อเป็นการรำลึกถึงทหารหาญชาวสวิสผู้ซื่อสัตย์ต่อหน้าที่จนวินาทีสุดท้าย อนุสาวรีย์นี้คือสัญลักษณ์สำคัญของลูเซิร์นที่ไม่มีนักท่องเที่ยวคนไหนพลาดมาที่นี่ นำท่านชม สะพานไม้ชาเปล (Chapel Bridge) อันเป็นสัญลักษณ์ของเมือง และได้ชื่อว่าเป็นสะพานไม้ที่เก่าแก่ที่สุดในโลก ทอดยาวระหว่างแม่น้ำ Reuss โดยสร้างมาตั้งแต่ศตวรรษที่ 14 จากนั้น ให้ท่านได้ชมความงามของสถาปัตยกรรมรอบๆตัวเมืองใน เขตเมืองเก่า (Oldtown) ด้วยตัวอาคารสไตล์ยุโรปผนวกกับร้านสมัยใหม่ ทำให้เป็นหนึ่งในความวิเศษของเขตนี้
จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ เมืองลูกาโน (Lugano) (ใช้เวลาเดินทางประมาณ 2.40 ชม.) เป็นเมืองริมทะลสาบตากอากาศชื่อดังของประเทศสวิสเซอร์แลนด์ โดยตัวเมืองนั้นถูกล้อมรอบด้วยภูเขาจำนวนมาก เมืองเก่าขนาดเล็กแต่มีเสน่ห์ด้วยถนนแคบๆ ที่ปูด้วยหินและอาคารสีสันสดใส และยังเป็นหนึ่งในที่นักท่องเที่ยวนิยมมากอีกแห่งหนึ่ง
นำท่านเดินทางสู่ ท่าเรือตรอนเคตโต้ (Tronchetto) นำท่านล่องเรือผ่านชมบ้านเรือนของชาวเวนิส สู่ เกาะเวนิสหรือเวเนเซีย(VENEZIA) ดินแดนแสนโรแมนติก เป็นเมืองที่ไม่เหมือนใคร โดยใช้เรือแทนรถ ใช้คลองแทนถนน มีสมญานามว่าเป็น “ราชินีแห่งทะเลเอเดรียติก” มีเกาะน้อยใหญ่กว่า 118 เกาะ และมีสะพานเชื่อมถึงกันกว่า 400 แห่ง ขึ้นฝั่งที่บริเวณ ซานมาร์โค ศูนย์กลางของเกาะเวนิส นำท่านเดินชมความงามของเกาะเวนิส จากนั้นนำท่านถ่ายรูปบริเวณ จัตุรัสเซ็นท์ มาร์ค (St.Mark’s Square) ที่จักรพรรดินโปเลียนยกย่องว่าเป็นห้องรับแขกที่สวยที่สุดของยุโรป และยังเป็นที่ตั้งของ มหาวิหารซันมาร์โก (San Marco Basillica) มหาวิหารประจำเขตอัครบิดรเว
นิส สร้างขึ้นในแบบสถาปัตยกรรมไบแซนไทน์ซึ่งหาได้ยากในปัจจุบัน เนื่องจากถูกทำลายไปเกือบหมดสิ้นในครั้งที่ออกโตมันเข้ายึด ซึ่งภายในโบสถ์นั้นจะมีภาพโมเสกบอกเล่าเรื่องราวในครั้งนั้นอยู่ โดยเซ็นท์มาร์โกถือว่าเป็นนักบวชที่สำคัญในการเผยแพร่ศาสนาในสมัยศตวรรษที่ 5 สำหรับตัวมหาวิหารจะเชื่อมกับ พระราชวังดอร์จ(Doge’s Palace) พระราชวังแบบเวนิส-โกธิคที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นที่ประทับของยุคแห่งเวนิสครั้งที่เมืองนี้ยังเป็น สาธารณะรัฐเวนิส ก่อนได้รับการปรับปรุงเป็นพิพิธภัณฑ์และเปิดอย่างเป็นทางการในปี 1923 และยังมี หอระฆังซันมาร์โก (St Mark’s Campanile) หอระฆังสูง 98.6 เมตร โดยอิงการสร้างจากรูปแบบเดิมในปี 1514 และพังทลายลงในปี 1902 ไม่ไกลกันจะเป็นที่ตั้งของ สะพานถอนหายใจ (Bridge of Sighs) สะพานซุ้มโค้งที่เชื่อมระหว่างพระราชวังดอร์ดและเรือนจำ นำท่านชมบริเวณ สะพานรีอาลโต้ (Rialto Bridge) สะพานข้ามคลองหลักอันเก่าแก่ที่สุดของเวนิส รายล้อมไปด้วยร้านค้าต่างๆ ถ่ายภาพกับจุดชมวิวบนสะพาน ที่ท่านสามารถมองเห็น GRAND CANAL คลองที่ใหญ่ที่สุด ผ่ากลางเกาะเวนิส ชมวิถีชีวิตกลางสายน้ำของชาวท้องถิ่นที่ใช้คลองแทนถนน
นำท่านชมบริเวณรอบหอระฆังแห่งนี้พร้อมเก็บรูปเป็นที่ระลึกกับ หอเอนเมืองปีซ่า (LEANING TOWER OF PISA) หอระฆังทรงกระบอก 8 ชั้น โดยเอกลักษณ์และสาเหตุที่ทำให้หอระฆังแห่งนี้ได้เป็นสิ่งมหัศจรรย์ของโลกนั้นคือการที่ตัวอาคารมีลักษณะเอียงไปทางเหนือประมาณ 3.97 องศา หอเอนแห่งปิซ่าแรกเริ่มสร้างในปี 1174 แต่เมื่อสร้างขึ้นไปเพียง 3 ชั้น ฐานอาคารก็เกิดการทรุดตัวลง เนื่องจากเนื้อดินในบริเวณนี้ไม่มีชั้นหินแทรก ประกอบกับตั้งอยู่ใกล้แม่น้ำอาร์โน ทำให้ดินมีความชื้นและเหลวกว่าปกติ จนทำให้ต้องยุติการก่อสร้างไปกว่า 94 ปี จนกระทั่งปี 1272 สถาปนิกนาม จีโอวานี ดี ซีโมเน่ (Giovanni di Simone) ได้มาสานต่อด้วยเทคนิคการสร้างให้เพดานไม่เท่ากันเพื่อรักษาอาหารให้สมดุล แต่ก็ต้องยุติการก่อสร้างในปี 1284 จากภัยสงคราม ก่อนชั้นที่ 7 ของอาคารจะเสร็จในปี 1319 และตัวหอระฆังถูกเติมจนเสร็จสิ้นเมื่อปี 1372 นับเป็นเวลาร่วม 199 ปี นับจากวันที่เริ่ม
นำท่านเดินทางสู่ศูนย์กลางการปกครองของอิตาลีที่ กรุงโรม (Rome) (ใช้เวลาเดินทางประมาณ 4 ชม.) เมืองหลวงของประเทศอิตาลี และเคยเป็นเมืองหลวงของอาณาจักรโรมันที่รุ่งเรืองถือเป็นรากฐานของสังคมและวัฒนธรรมของชาติยุโรป ไม่ว่าจะเป็น ปฏิทินตามหลักสุริยะคติ กฎหมาย การประชุมในสภาในรูปแบบสาธารณรัฐ เป็นต้น
นำท่านเข้าชม มหาวิหารนักบุญปีเตอร์ (ST. PETER’ BASILICA) ศาสนสถานของคริสต์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก และเป็นที่ฝังพระศพของพระสันตะปาปาพระองค์แรกที่ถูกลงโทษประหารชีวิตด้วยการตรึงไม้กางเขนในสมัยของจักรพรรดิเนโร เมื่อปี ค.ศ. 68 ถือเป็นศูนย์รวมทั้งทางกายและทางใจของวาติกัน โดยมหาวิหารแห่งนี้ได้สร้างทับวิหารหลังเดิมที่สร้างในสมัยศตวรรษที่ 4 ออกแบบโดยมีเกลันเจโลสุดยอดจิตกรร่วมสมัยกับดาวินชี่ภายในถูกตกแต่งอย่างวิจิตรด้วยหินอ่อน โดยมีประติมากรรมชื่อก้องโลกอย่าง ปีเอต้า (Pietà) เป็นรูปปั้นพระแม่นารีย์ทรงโอบอุ้มพระเยซูหลังจากสิ้นพระชนม์ ซึ่งทำจากหินอ่อนเพียงก้อนเดียวและใช้เวลาในการแกะสลัก 7 ปี บริเวณ ด้านหน้าคือ จัตุรัสนักบุญปีเตอร์ (St. Peter's Square) ออกแบบโดย จาน ลอเรนโซ เบอร์นินี อีกหนึ่งประติมากรผู้ได้ฉายาว่า สามารถเสกหินอ่อนให้หายใจได้ จัตุรัสสามารถจุคนได้ประมาณ 60,000 คน ตรงกลางมีเสาโอบีสิสหินแกรนิตแดง สูง 25.5 เมตร จากอียิปต์ ซึ่งเป็นการแสดงถึงแสงยานุภาพของโรมันที่มีต่อประเทศในยุโรปและแถบเมดิเตอร์เรเนียนในขณะนั้น (ในกรณีมีพิธีด้านใน อาจจะไม่ได้รับการเข้าชม) จากนั้นนำท่านแวะถ่ายบริเวณด้านนอก โคลอสเซี่ยม (COLOSSEUM) หรือชื่ออย่างเป็นทางการว่า ฟราเวียนแอมฟิเธียเตอร์ อีก 1 ใน 7 สิ่งมหัศจรรย์ของโลกยุคกลาง ต้นแบบของสนามกีฬาของโลก เป็นแหล่งบันเทิงที่ใหญ่ที่สุดในโรมัน สร้างขึ้นในสมัยของจักพรรดิเวสปาเซียนในปี ค.ศ. 70 ก่อนเปิดอย่างเป็นทางการในอีก 10 ปีต่อมาในสมัยพระเจ้าไททัส เป็นสนามกีฬาที่จะเป็นการประชันการต่อสู่ระหว่างเหล่านักรบกลาดิเอเตอร์ด้วยกันเอง และกับสัตว์ดุร้าย เช่น สิงโต ช้าง แรด เป็นต้น โดยบ้างก็กล่าวกันว่าการต่อสู้ในโคลอสเซี่ยมทำให้สัตว์บางชนิดแทบจะศูนย์พันธุ์เลยทีเดียว การสร้างอาคารแบบอัฒจันทร์กลม 3 ชั้นขนาดใหญ่แห่งนี้ยังถือว่าเป็นการผลิตซีเมนต์แห่งแรกๆ ของโลกอีกด้วย บริเวณใกล้กันท่านสามารถเดินถ่ายรูปด้านหน้า กับ โรมันฟอรั่ม (ROMAN’S FORUM) อดีตศูนย์กลางทางสังคม เศรษฐกิจ และวัฒนธรรมของอาณาจักรโรมัน โดยบริเวณนี้นั้นเป็นที่ตั้งของประตูชัย 2 แห่ง ที่เป็นต้นแบบของฝรั่งเศส นั่นคือ ประตูชัยคอนสแตนติน สร้างขึ้นในครั้งที่พระเจ้าคอนสแตนตินได้ชัยชนะเหนือพระเจ้าแมกเซนเทียส และประตูชัยไททัสที่สร้างขึ้นหลังจากได้รับชัยชนะเหนือเมืองเยลูซาเล็มในปีค.ศ. 81
นำท่านชมความงามของ น้ำพุเทรวี่ (TREVI FOUNTAIN) ที่มักกล่าวกันว่าเป็นน้ำพุที่สวยที่สุดแห่งหนึ่งใน โลก นำท่านเดินชมและถ่ายรูปบริเวณ บันไดสเปน (SPANISH STEPS) บันไดที่กว้างที่สุดในยุโรป เชื่อมระหว่างจัตุรัสสปังนา กับโบสถ์ทรีนิตี้ นอกจากนั้นยังมีสินค้าแบรนด์เนมหลากหลายให้ท่านได้เลือกสรรค์อย่างเต็มที่ ไม่ว่าจะเป็น Gucci, Louis Vuitton, Prada, Longchamp, Chanel, DIOR, Balenciaga เป็นต้น แต่หากสนใจชิมกาแฟเอสเปรสโซ่ต้นตำหรับ ก็มีร้านกาแฟมากมายให้ท่านได้ลิ้มลอง
หมายเหตุ: โปรแกรมและรายละเอียดของการเดินทางอาจมีการเปลี่ยนแปลงหรือสลับกันได้ตามความเหมาะสมทั้งนี้ขึ้นอยู่กับสภาวะอากาศ และเหตุสุดวิสัยต่างๆ ที่ไม่สามารถคาดการณ์ล่วงหน้า เช่น บางสถานที่ในยุโรปอาจปิดในวันอาทิตย์ หรืออาจะมีการปิดปรับปรุง หรืออาจทำการจองไม่ได้เนื่องจากต้องรอกรุ๊ปคอนเฟิร์มก่อนทำการจอง หากวันเดินทางตรงกับวันเหล่านี้ โดยทางบริษัทฯจะคำนึงถึงผลประโยชน์ และความปลอดภัยของผู้ร่วมเดินทางเป็นสำคัญ และขอขอสงวนสิทธิ์ในการเปลี่ยนโปรแกรมโดยแจ้งให้ท่านทราบล่วงหน้า หากทราบเวลาและสถานที่ที่แน่นอนก่อนเดินทาง
             
หน้าแรก | จองโรงแรม | ตั๋วเครื่องบินในประเทศ | ตั๋วเครื่องบินต่างประเทศ | ทัวร์ไทย | ทัวร์ไฟไหม้ | เรือสำราญ | เกี่ยวกับเรา | ติดต่อเรา | นโยบายความเป็นส่วนตัว
Copyright © 2003 eTravelWay.com All rights reserved โดย บริษัททัวร์ วีอาร์ เอเจนซี ทราเวล แอนด์ เทรด จำกัด
ใบอนุญาตนำเที่ยวในและต่างประเทศเลขที่ 11/11450
facebook
tel
TOP