|
|
![]() ทัวร์ยุโรปรหัส : A06152
เดินทางโดย : QR-กาตาร์แอร์เวย์
โรงแรม :
![]()
หอไอเฟล ล่องเรือแม่น้ำแซน ช้อปปิ้งแบบจุใจ ปารีส อินเทอลาเก้น มิลาน โรม โคลอสเซียม หอเอนปิซ่า 2 สิ่งมหัศจรรย์ของโลก นั่งกระเช้า Eiger Express สู่ยอดเขาจุงฟราว บ่อหมีสีน้ำตาล ณ กรุงเบิร์น ลูกาโน่ เมืองริมทะเลสาบตากอากาศ
➥ สนามบินสุวรรณภูมิ - ท่าอากาศยานนานาชาติฮามัด ➥ ท่าอากาศยานนานาชาติฮามัด - กรุงปารีส - จัตุรัสทรอกาเดโร - ล่องเรือแม่น้ำแซน - ประตูชัยอาร์กเดอทรียงฟ์ - พิพิธภัณฑ์ลูฟร์ - แกลเลอรี่ ลาฟาแยตต์ ➥ พระราชวังแวร์ซายส์ - เมืองดิฌง ➥ กรุงเบิร์น - อาสนวิหารแห่งกรุงเบิร์น - บ่อหมี - ย่านมาร์กาสเซ - นาฬิกาดาราสาสตร์ - เมืองอินเทอลาเก้น - ถนน Hoheweg ➥ เมืองกรินเดอวาลด์ - กระเช้า Eiger Express - อุโมงค์น้ำแข็ง - อุโมงค์โลกอัลไพน์ - Jungfrau Panorama view - เมืองเลาเทอร์บรุนเนน - เมืองลูเซิร์น - อนุสาวรีย์สิงโต - สะพานไม้ชาเปล ➥ เมืองลูกาโน - เมืองมิลาน - มหาวิหารมิลาน - กัลเลรีอาวิตโตรีโยเอมานูเอเลเซ คอนโด ➥ เมืองเวนิสเมสเตร้ - ท่าเรือตรอนเคตโต้ - จัตุรัสเซ็นท์ มาร์ค - สะพานถอนหายใจ - สะพานรีอาลโต้ - เมืองเวนิสเมสเตร้ ➥ เมืองปิซ่า - จัตุรัสเปียซซา เดล ดูโอโม - หอเอนเมืองปีซ่า - กรุงโรม ➥ นครรัฐวาติกัน - มหาวิหารนักบุญปีเตอร์ - จัตุรัสนักบุญปีเตอร์ - โคลอสเซี่ยม - โรมันฟอรั่ม - น้ำพุเทรวี่ - บันไดสเปน - ท่าอากาศยานเลโอนาร์โด ดา วินชี-ฟีอูมีชีโน ➥ ท่าอากาศยานนานาชาติฮามัด - สนามบินนานาชาติสุวรรณภูมิ
คลิกดูโปรแกรมฉบับเต็ม (PDF)
เดินทาง :
รายการนี้ยังไม่มีพีเรียดเดินทาง Download PDF
มหัศจรรย์...ฝรั่งเศส สวิต อิตาลี 2023 10 วัน 7 คืน
ราคารวมค่าวีซ่า ทิปไกด์ท้องถิ่น ค่าเข้าแต่ละสถานที่ตามโปรแกรมเรียบร้อยแล้ว **ทิปหัวหน้าทัวร์ ไม่บังคับ ขึ้นอยู่กับความพึงพอใจของท่าน**
16.00 น. พร้อมกันที่ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ชั้น 4 ประตู 8 ROW T เคาน์เตอร์ สายการบินการ์ต้าแอร์เวย์ กาตาร์แอร์เวย์ Qatar Airways (QR) โดยมีเจ้าหน้าที่อำนวยความสะดวกด้านการเช็คอินให้แก่ทุกท่าน 19.30 น. ออกเดินทางสู่ กรุงโดฮา ประเทศกาตาร์ โดยเที่ยวบินที่ QR835 (บริการอาหารและเครื่องดื่มบนเครื่อง) 22.50 น. เดินทางถึง ท่าอากาศยานนานาชาติฮามัด ประเทศกาตาร์ (เพื่อรอเปลี่ยนเครื่อง) วันที่สอง ท่าอากาศยานนานาชาติฮามัด • กรุงปารีส • จัตุรัสทรอกาเดโร • ล่องเรือแม่น้ำแซน • ประตูชัยอาร์กเดอทรียงฟ์ • พิพิธภัณฑ์ลูฟร์ • แกลเลอรี่ ลาฟาแยตต์ 🍽 (-/กลางวัน/เย็น) 01.25 น. ออกเดินทางสู่ กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส โดยเที่ยวบินที่ QR041 06.35 น. เดินทางถึงเดินทางถึง ท่าอากาศยานนานาชาติปารีส ชาร์ล เดอ โกลด์ ประเทศฝรั่งเศส (เวลาท้องถิ่นช้ากว่าประเทศไทย 6 ชั่วโมง) จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ กรุงปารีส เมื่องหลวงสุดโรแมนติกของประเทศฝรั่งเศส หนึ่งในจุดหมายปลายทางในฝันของใครหลายๆ คนที่แม้กระทั่งชาวฝรั่งเศสที่อาศัยอยู่นอกเมืองหรือต่างจังหวัด หรือต่างแคว้นแดนไกล กล่าวว่าตราบใดที่มีลมหายใจ ก็ขอให้ได้เห็นมหานครปารีสสักครั้ง ชมจุดถ่ายรูปหอไอเฟลที่สวยที่สุด ณ จัตุรัสทรอกาเดโร (TROCADÉRO) แต่เดิมบริเวณนี้เคยใช้เป็นสถานที่จัดงานสำคัญๆ ของประเทศอยู่หลายครั้ง แต่โด่งดังด้วยเพราะทัศนียภาพที่ท่านจะสามารถเห็น หอไอไฟล (EIFFEL) ได้อย่างไม่มีอะไรมาบดบัง โดยหอส่งสัญญาแห่งนี้นั้น ถือเป็นสัญลักษณ์ของพาปารีสที่พลาดไม่ได้ด้วยประการทั้งปวง หอไอเฟลนั้น ตั้งตามชื่อของสถาปนิกผู้ออกแบบ กุสตาฟ ไอเฟล เพื่อใช้เป็นสัญลักษณ์ในงาน แสดงสินค้าโลก ในปี 1889 เมื่อมีภาพยนตร์เรื่องใดที่จะกล่าวถึงปารีส ก็จะจะต้องมีโครงสร้างเหล็กเจ้าของความสูง 324 เมตร ที่เคยเป็นอาคารที่สูงที่สุดในโลก แห่งนี้อยู่ด้วยเสมอ ด้วยลักษณะที่แปลกตา สร้างความไม่คุ้นเคยต่อชาวปารีส ถึงขนาดมีการเรียกร้องให้รื้อทิ้งหลังจากงานสิ้นสุดลง แต่หอไอเฟลก็สามารถพิสูจน์ตัวเองและลบคำสบประหม่า จนกลายเป็นสถานที่แรกๆ ที่เมื่อมีคนพูดถึง จากนั้นนำท่าน ล่องเรือแม่น้ำแซน ชมบรรยากาศรอบเมืองปารีส เมืองที่ได้ชื่อว่าเป็น 1 ใน เมืองที่โรแมนติกที่สุดของโลกในอีกมุมหนึ่งโดยในระหว่างทางนั้นจะผ่านสถานที่สำคัญๆ มากมายไม่ว่าจะเป็น สะพาน PONT DE L'ALMA สะพานอเล็กซานเดอร์ที่ 3 พิพิธภัณฑ์ออร์แซ พิพิธภัณฑ์ลูฟวร์ รวมไปถึงอาสนวิหารน็อทร์-ดามแห่งปารีส ถือเป็นอีก 1 กิจกรรมที่ไม่ควรพลาดเมื่อมาปารีส เที่ยง รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารอาหารท้องถิ่น พร้อมพิเศษ หอยเอสคาโก้ ต้นตำหรับฝรั่งเศส พร้อมไวน์แดง จากนั้นนำท่านถ่ายรูปกับ ประตูชัยอาร์กเดอทรียงฟ์ (ARC DE TRIOMPHE) วงเวียนที่เชื่อมถนน12 เส้นของปารีสไว้ โดยสร้างขึ้นเพื่อเป็นสดุดีทหารฝรั่งเศสที่ร่วมรบในสงครามต่างๆ โดยเฉพาะในสงครามนโปเลียน เนื่องจากเริ่มสร้างในรัชสมัยของพระองค์หลังได้รับชัยชนะในสงครามยุทธการที่เอาสเทอร์ลิทซ์ เมื่อวันที่ 2 ธันวาคม 1805 นอกเหนือจากนั้น ประตูชัยแห่งนี้ก็ยังเป็นที่ฝังศพทหารนิรนามในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 1 อีกด้วย อาร์กเดอทรียงฟ์ มีความสูง 49.5 เมตร กว้าง 45 เมตร และหนาถึง 22 เมตร ทางทิศตะวันตกยังเป็นที่ตั้งของถนนสายที่โด่งดังที่สุดของโลกสายหนึ่ง นั่นคือ ถนนช็องเซลีเซ (CHAMPS-ÉLYSÉES) ถนนที่ได้ชื่อมาจากสวนสวรรค์ของเหล่าเทพปกรนัมกรีก ในอดีตเคยเป็นส่วนหนึ่งของการขยายพื้นที่สวยหย่อมของพระราชวังตุยเลอรี โดยเมื่อครั้งพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวเสด็จประพาสยุโรป ทรงมีพระราชดำรัสให้นำรูปแบบถนนช็องเซลีเซ มาสร้างเป็นถนนพระราชดำเนินกลางในกรุงเทพมหานคร ว่ากันว่าอัตราค่าเช่าพื้นที่บนถนนแห่งนี้มีมูลค่าสูงที่สุดในยุโรป และเป็นที่ตั้งของสินค้าแบรนด์ระดับโลกมากมายแวะถ่ายรูปด้านหน้า พิพิธภัณฑ์ลูฟร์ (LOUVRE MUSEUM) เป็นสถานที่จัดแสดงและเก็บรักษาผลงานทางศิลปะที่ทรงคุณค่าระดับโลกจำนวนมาก นับเป็นอีกหนึ่งสถานที่เที่ยวในปารีสที่ต้องไปเยือน ห้างลา ซามาริแตง (La Samaritaine) ห้างสรรพสินค้าที่เก่าแก่แห่งหนึ่งของโลก ก่อตั้งในปี ค.ศ. 1870 โดย Ernest Cognacq และ Marie Louise Jay จ้างออกแบบโดยสถาปนิกนามว่า Frantz Jourdain ตกแต่งแบบ Art Nouveau และ Art Déco เป็นเอกลักษณ์อันโดดเด่น พัฒนาจากร้านเสื้อผ้าขนาดเล็กจนขยายไปสู่ห้างสรรพสินค้า จากนั้นดำเนินกิจการเรื่องมา จนได้ถูกขึ้นทะเบียนเป็นอนุสรณ์สถานทางประวัติศาสตร์ในปี ค.ศ. 1990 โดยกระทรวงวัฒนธรรมฝรั่งเศส ห้างนี้เคยถูกปิดและพัฒนาปรับปรุงอยู่เรื่อยมา จนกระทั่งเปิดให้สาธารณชนเข้าชมอีกครั้งในวันที่ 23 มิถุนายน ค.ศ. 2021 กับคอนเซปต์ใหม่ ที่เน้นย้ำถึงเสน่ห์ของปารีส มีทั้ง แฟชั่น อาหาร และงานศิลปะ สินค้าต่างๆรวมแล้วกว่า 600 แบรนด์ ค่ำ รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารอาหารไทย ที่พัก Novotel Paris Est หรือเทียบเท่าในระดับเดียวกัน (โรงแรมที่นำเสนอเป็นโรงแรมเสนอเบื้องต้นเท่านั้น ชื่อโรงแรมที่ท่านพักทางบริษัทจะทำการแจ้งพร้อมใบนัดหมาย 5-7 วันก่อนเดินทาง ขอสงวนสิทธิ์ในการปรับเปลี่ยนที่พัก ไปพักเมืองใกล้เคียงกรณีติดงานแฟร์หรือมีเทศกาล) วันที่สาม พระราชวังแวร์ซายส์ • เมืองดิฌง 🍽 (เช้า/กลางวัน/เย็น) เช้า รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารโรงแรม จากนั้น นำท่านเดินทางเข้าชม พระราชวังแวร์ซายส์ (Château de Versailles) หนึ่งในพระราชวังที่มีคนพูดถึงมากที่สุด และยังเป็น1ใน7สิ่งมหัศจรรย์ของโลกยุคปัจจุบันอีกด้วย แต่เดิมนั้นเป็นเพียงเมืองเล็กๆที่พระมหากษัตริย์ราชวงศ์บูร์บงโปรดมาล่าสัตว์เท่านั้นแต่เมื่อพระเจ้าหลุยส์ที่14 ครั้งทรงพระเยาว์ เสด็จตามพระราชบิดามาล่าสัตว์ ทรงโปรดพื้นที่บริเวณนี้มากเมื่อทรงขึ้นครองราชย์นจึงมีพระราชดำรัสให้สร้างพระราชวังแห่งใหม่แทนพระราชวังลูฟท์ที่กรุงปารีสโดยมีพระราชประสงค์ให้เป็นพระราชวังที่สวยงามที่สุดในโลก ภายในพระราชวังนั้นประกอบไปด้วยห้องหับถึง 700 ห้องมีภาพวาด 6,123 ภาพและงานแกะสลักถึง 15,034 ชิ้นไฮไลท์สำคัญของพระราชวังแห่งนี้คงหนีไม่พ้นห้องกระจกซึ่งบริเวณผนังด้านขวานั้นประดับด้วยกระจกฉาบปรอทมากถึง 17 บาน แต่ละบานมีประกอบด้วยกระจก 21 แผ่นซึ่งในสมัยก่อนนั้นกระจกเป็นสิ่งที่มีราคาสูงมากเทียบเท่าทองคำเลยทีเดียว ซึ่งห้องกระจกแห่งนี้ยังใช้เป็นสถานที่ในการลงนามสนธิสัญญาสงบศึกในสงครามโลกครั้งที่1 ระหว่างฝ่านสัมพันธมิตร และฝ่ายจักรวรรดิเยอรมัน ห้องกระจกแห่งแวร์ซายเป็นอีกหนึ่งหน้าประวัติศาสตร์ของไทยครั้งสมเด็จพระนารายณ์มหาราชทรงส่งคณะทูตไปเจริญสัมพันธ์ไมตรีกับพระเจ้าหลุยส์ที่ 14 นำโดยออกพระวิสุทธสุนทร ในวันที่ 1 กันยายนปี พ.ศ. 2229 (1686)นับเป็นการส่งคณะฑูตสำเร็จอย่างเป็นทางการครั้งแรกกับชาติยุโรปในประเทศไทย เที่ยง รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารจีน นำท่านเดินทางสู่ เมืองดิฌง (DIJON) (ใช้เวลาเดินทางประมาณ 3.30 ชม.) ผ่านชมทัศนียภาพอันงดงามที่เต็มไปด้วยขุนเขาทะเลสาบ และดอกไม้ป่า ที่สวยสดงดงาม ที่จะทำให้ท่านตื่นตาตื่นใจ ตลอดการเดินทางจนทำให้ท่านหลับตาไม่ลง เป็นแห่งเมืองชุมทางรถไฟ และศูนย์กลางการคมนาคมที่สำคัญแห่งหนึ่งของฝรั่งเศส และเป็นเมืองที่มีลักษณะคล้ายปารีสอย่างมาก เดินทางถึงเมืองดิฌง ค่ำ รับประทานอาหารค่ำ ณ ห้องอาหารโรงแรม ที่พัก Mercure Dijon Clemenceau หรือเทียบเท่าในระดับเดียวกัน (โรงแรมที่นำเสนอเป็นโรงแรมเสนอเบื้องต้นเท่านั้น ชื่อโรงแรมที่ท่านพักทางบริษัทจะทำการแจ้งพร้อมใบนัดหมาย 5-7 วันก่อนเดินทาง ขอสงวนสิทธิ์ในการปรับเปลี่ยนที่พัก ไปพักเมืองใกล้เคียงกรณีติดงานแฟร์หรือมีเทศกาล) วันที่สี่ กรุงเบิร์น • อาสนวิหารแห่งกรุงเบิร์น • บ่อหมี • ย่านมาร์กาสเซ • นาฬิกาดาราสาสตร์ • เมืองอินเทอลาเก้น • ถนน Hoheweg (เช้า/กลางวัน/เย็น) เช้า รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารโรงแรม จากนั้น เที่ยวชม กรุงเบิร์น (BERN) (ใช้เวลาเดินทางประมาณ 3.30 ชั่วโมง) เมืองท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงสวยงาม จนได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกจากองค์การยูเนสโก้ UNESCO ปี 1983 อีกด้วย พาท่านถ่ายรูปเป็นที่ระลึกกับความตระการตาของ อาสนวิหารแห่งกรุงเบิร์น (Bern Minster) ที่คงความงามมาตั้งแต่ปีค.ศ. 1573 ต่อไปยัง บ่อหมี (Bärengraben) ริมแม่น้ำอาเร โดย คำว่า Bern ที่เป็นชื่อเมืองนั้นมาจากคำว่า "Baren" ในภาษาเยอรมันที่แปลว่า "หมี" หรือ "Bear" ในภาษาอังกฤษ ซึ่งเกิดมาจากในสมัยก่อนนั้น ผู้ครองเมืองเบิร์นได้ไปออกล่าสัตว์ และสัตว์ที่ได้กลับมานั้นก็คือหมีนั่นเอง จนทำให้เบิร์นนั้นกลายเป็นชื่อของเมือง และมีสัญลักษณ์ของเมืองเป็นรูปหมีไปด้วย เที่ยง รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารจีน พาท่านชมเดินสู่ ย่านมาร์กาสเซ (Marktgasse) ซึ่งปัจจุบันเต็มไปด้วยร้านดอกไม้และร้านบูทีคเป็นเขตที่ปลอดมลพิษ ไม่ให้รถยนต์วิ่งผ่าน จึงเหมาะกับการเดินเที่ยว นำชมอาคารเก่า อายุ 200-300 ปี ชมถนนจุงเคอร์นกาสเซ ถนนที่มีระดับสูงสุดๆของเมืองนี้ เข้าสู่ถนนครัมกาสเซ เต็มไปด้วยร้าน ภาพวาดและร้านขายของเก่าในอาคารโบราณ ถ่ายรูปกับ นาฬิกาดาราสาสตร์ (Zytglogge) อายุกว่า 800 ปี ที่มีโชว์ให้ดูทุกๆชั่วโมง นาฬิกาตีบอกเวลา ถัดไปไม่ไกลจะพบกับ บ้านเลขที่ 49 ซึ่งเป็นบ้านที่อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์ นักฟิสิกส์ชื่อดังของโลก เคยมาใช้ชีวิตอยู่ในช่วงสั้นๆ ระหว่างปีค.ศ. 1903-1905 ปัจจุบันบ้านหลังนี้ได้กลายเป็นพิพิธภัณฑ์ที่เก็บรวบรวมภาพถ่ายและผลงานบางส่วนของไอน์สไตน์ จากนั้นเดินทางต่อไปยัง เมืองอินเทอลาเก้น (Interlaken) (ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1 ช.ม.) จุดศูนย์กลางของประเทศ ที่รายล้อมไปด้วย 4 ขุนเขา และ 2 ทะเลสาบ พาท่านเดินชม ความงามและเป็นเอกลักษณ์เฉพาะของเมือง พาท่านเดินชม ถนน Hoheweg จุดที่ครึกครื่นที่สุดในเมืองอินเทอลาเก้น ท่านสามารถเลือกซื้อสินค้าคุณภาพสวิสได้อยากหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นแบรนด์ Omega, Swatch ช็อคโกแลตสวิสที่ขึ้นชื่อ หรือแม้แต่เสื้อผ้า เครื่องประดับก็ยังมีให้ท่านเลือกสรรได้ตลอดถนนเลยทีเดียว ค่ำ 🍽 บริการอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารท้องถิ่น พิเศษเมนูสวิสชีสฟองดูว์ 3 ชนิดชีส ออย และช็อกโกแลต แบบจัดเต็ม ที่พัก Hotel Central Continental AG หรือเทียบเท่าในระดับเดียวกัน (โรงแรมที่นำเสนอเป็นโรงแรมเสนอเบื้องต้นเท่านั้น ชื่อโรงแรมที่ท่านพักทางบริษัทจะทำการแจ้งพร้อมใบนัดหมาย 5-7 วันก่อนเดินทาง ขอสงวนสิทธิ์ในการปรับเปลี่ยนที่พัก ไปพักเมืองใกล้เคียงกรณีติดงานแฟร์หรือมีเทศกาล) วันที่ห้า เมืองกรินเดอวาลด์ • กระเช้า Eiger Express • อุโมงค์น้ำแข็ง • อุโมงค์โลกอัลไพน์ • Jungfrau Panorama view • เมืองเลาเทอร์บรุนเนน • เมืองลูเซิร์น • อนุสาวรีย์สิงโต • สะพานไม้ชาเปล 🍽 (เช้า/กลางวัน/เย็น) เช้า 🍽 บริการอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม นำท่านสู่ เมืองกรินเดอวาลด์ (Grindelwald) เมืองอันเป็นจุดเริ่มต้นในการพิชิตยอดเขาจุงฟราว Top Of Europe ด้วยทัศนียภาพที่เป็นหุบเขาที่มีบ้านสไตล์สวิสชาเลย์ตั้งอยู่โดยรอบ ทำให้มีความสวยงามจนเป็นเหมือนหน้าตาของสวิสเซอร์แลนด์ที่คุ้นเคย ใหม่ล่าสุด!!! พาท่านสู่สถานีกรินเดอวาลด์ เพื่อพาท่านขึ้น กระเช้า Eiger Express ที่เปิดอย่างเป็นทางการเมื่อปี 2020 ที่ผ่านมา โดยจะทำให้ท่านประหยัดเวลาในการพิชิตเขาจุงฟราวเร็วขึ้นถึง 47 นาที เพื่อให้ท่านได้มีเวลาเพลิดเพลินบน Top Of Europe เมื่อถึงแล้ว พาท่านชม อุโมงค์น้ำแข็ง (Ice Palace) ที่มีอายุเก่าแก่ 1,000 ปี ธารน้ำแข็งลึกเขาไปกว่า 30 เมตร มีประติมากรรมน้ำแข็งอยู่อย่างมากมาย และคงอุณหภูมิอยู่ที่ -3 องศา ตลอดทั้งปี เก็บภาพความสวยงามและยิ่งใหญ่ของของธารน้ำแข็ง Aletsch ที่ยาวที่สุดในเทือกเขาแอลป์ ชม อุโมงโลกอัลไพน์ (ALPINE SENSATION) ที่จัดแสดงวิถีชีวิต วัฒนธรรมและธรรมชาติของชาวเมือง นอกจากนั้นหากมีเวลาแนะนำให้ท่านชม พิพิธภัณฑ์ช็อคโกแลต LINDT และเลือกซื้อกลับเป็นไปเป็นของฝากจากร้านช็อคโกแลตที่สูงที่สุดในโลก และนำท่านขึ้นสู่ JUNGFRAU PANORAMA VIEW จุดสูงสุดของสถานี ที่ 3,571 เมตร ให้ท่านได้ถ่ายรูปเป็นที่ระลึก เที่ยง 🍽 บริการอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร บนยอดเขาจุงฟราว ให้ท่านเต็มอิ่มกับบรรยากาศของทิวทัศน์สุดอลังการ นำท่านลงสู่อีก 1 เมืองชานเขาจุงฟราว เมืองเลาเทอร์บรุนเนน (Lauterbrunnen) เมืองสวยอีกเมืองที่ต้องแวะชม ด้วยรถไฟไต่เขาแสนคลาสสิก ที่นี่เป็นที่ตั้งของ น้ำตกชเตาบ์บาค (Staubbach) ที่สูงกว่า 300 เมตร มุมสุดอลังการกับริ้วน้ำตกที่แทรกผ่านหน้าผาสูง โดยมีเบื้องล่างเป็นบ้านเรือนสลับทุ่งหญ้า ที่มองกี่ครั้งก็ไม่เบื่อ จากนั้นนำท่านเดินทางเข้าสู่ เมืองลูเซิร์น (Luzern) (ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1.30 ชั่วโมง) หนึ่งในเมืองที่งดงามที่สุดของประเทศ นำท่านถ่ายรูปกับ อนุสาวรีย์สิงโต (Lion Monument) ซึ่งสร้างขึ้นเพื่อเป็นการรำลึกถึงทหารหาญชาวสวิสผู้ซื่อสัตย์ต่อหน้าที่จนวินาทีสุดท้าย อนุสาวรีย์นี้คือสัญลักษณ์สำคัญของลูเซิร์นที่ไม่มีนักท่องเที่ยวคนไหนพลาดมาที่นี่ นำท่านชม สะพานไม้ชาเปล (Chapel Bridge) อันเป็นสัญลักษณ์ของเมือง และได้ชื่อว่าเป็นสะพานไม้ที่เก่าแก่ที่สุดในโลก ทอดยาวระหว่างแม่น้ำ Reuss โดยสร้างมาตั้งแต่ศตวรรษที่ 14 จากนั้น ให้ท่านได้ชมความงามของสถาปัตยกรรมรอบๆตัวเมืองใน เขตเมืองเก่า (Oldtown) ด้วยตัวอาคารสไตล์ยุโรปผนวกกับร้านสมัยใหม่ ทำให้เป็นหนึ่งในความวิเศษของเขตนี้ ค่ำ 🍽 บริการอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารอาหารท้องถิ่น ที่พัก Continental Park Lucerne หรือเทียบเท่าในระดับเดียวกัน (โรงแรมที่นำเสนอเป็นโรงแรมเสนอเบื้องต้นเท่านั้น ชื่อโรงแรมที่ท่านพักทางบริษัทจะทำการแจ้งพร้อมใบนัดหมาย 5-7 วันก่อนเดินทาง ขอสงวนสิทธิ์ในการปรับเปลี่ยนที่พัก ไปพักเมืองใกล้เคียงกรณีติดงานแฟร์หรือมีเทศกาล) วันที่หก เมืองลูกาโน • เมืองมิลาน • มหาวิหารมิลาน • กัลเลรีอาวิตโตรีโยเอมานูเอเลเซ คอนโด 🍽 (เช้า/เที่ยง/เย็น) เช้า 🍽 บริการอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ เมืองลูกาโน (Lugano) (ใช้เวลาเดินทางประมาณ 2.40 ชม.) เป็นเมืองริมทะลสาบตากอากาศชื่อดังของประเทศสวิสเซอร์แลนด์ โดยตัวเมืองนั้นถูกล้อมรอบด้วยภูเขาจำนวนมาก เมืองเก่าขนาดเล็กแต่มีเสน่ห์ด้วยถนนแคบๆ ที่ปูด้วยหินและอาคารสีสันสดใส และยังเป็นหนึ่งในที่นักท่องเที่ยวนิยมมากอีกแห่งหนึ่ง เที่ยง 🍽 บริการอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารอาหารท้องถิ่น นำท่านเดินทางสู่ มิลาน (MILAN) (ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1.20 ชม.) เมืองสำคัญทางภาคเหนือของอิตาลี ตั้งอยู่บริเวณที่ราบลอมบาร์ดี ชื่อเมืองมิลานมาจากภาษาเซลต์คำว่า MID-LAN ซึ่งหมายถึงอยู่กลางที่ราบ มีชื่อเสียงในด้านแฟชั่นและศิลปะ นำท่านถ่ายรูปบริเวณด้านหน้า มหาวิหารมิลาน (Duomo di Milano) หนึ่งในโบสถ์ศริสต์สถาปัตยกรรมกอธิคที่ใหญ่ที่สุดในโลก ภายใน วิหารเชื่อกันว่ามีการบรรจุหมุดตรึงไม้กางเขนของจริงที่ใช้ในการประหารชีวิตพระเยซู บริเวณด้านหน้าตกแต่งด้วยรูปสลักหินอ่อนที่วิจิตรเป็นอย่างยิ่ง นอกจากนั้นหากมีเวลาให้ท่านได้เพลิดเพลินกับช้อปปิ้งมอลล์ที่เก่าแก่ที่สุดแห่งหนึ่งของยุโรปที่ กัลเลรีอาวิตโตรีโยเอมานูเอเลเซ คอนโด (Galleria Vittorio Emanuele II) ที่อัดแน่นไปด้วย แบรนด์ชั้นนำระดับโลก อาทิ Prada, Versace, Armani, Dolce & Gabbana, Valentino รวมไปถึงแบรนด์เนมที่คุ้นหู อีกมากมายอย่าง Gucci, LOUIS VUITTON, Swarovski ค่ำ 🍽 บริการอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารอาหารจีน ที่พัก Crowne Plaza Milan Malpensa Airport หรือเทียบเท่าในระดับเดียวกัน (โรงแรมที่นำเสนอเป็นโรงแรมเสนอเบื้องต้นเท่านั้น ชื่อโรงแรมที่ท่านพักทางบริษัทจะทำการแจ้งพร้อมใบนัดหมาย 5-7 วันก่อนเดินทาง ขอสงวนสิทธิ์ในการปรับเปลี่ยนที่พัก ไปพักเมืองใกล้เคียงกรณีติดงานแฟร์หรือมีเทศกาล) วันที่เจ็ด เมืองเวนิสเมสเตร้ • ท่าเรือตรอนเคตโต้ • จัตุรัสเซ็นท์ มาร์ค • สะพานถอนหายใจ • สะพานรีอาลโต้ • เมืองเวนิสเมสเตร้ 🍽 (เช้า/เที่ยง/เย็น) เช้า 🍽 บริการอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม จากนั้น นำท่านเดินทางสู่ เมืองเวนิสเมสเตร้ (Venice Mestre) (ใช้เวลาเดินทางประมาณ 3 ชม.) ฝั่งแผ่นดินใหญ่เมืองหลวงของแคว้นเวเนโต เที่ยง 🍽 บริการอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารอาหารท้องถิ่น นำท่านเดินทางสู่ ท่าเรือตรอนเคตโต้ (Tronchetto) นำท่านล่องเรือผ่านชมบ้านเรือนของชาวเวนิส สู่ เกาะเวนิสหรือเวเนเซีย(VENEZIA) ดินแดนแสนโรแมนติก เป็นเมืองที่ไม่เหมือนใคร โดยใช้เรือแทนรถ ใช้คลองแทนถนน มีสมญานามว่าเป็น “ราชินีแห่งทะเลเอเดรียติก” มีเกาะน้อยใหญ่กว่า 118 เกาะ และมีสะพานเชื่อมถึงกันกว่า 400 แห่ง ขึ้นฝั่งที่บริเวณ ซานมาร์โค ศูนย์กลางของเกาะเวนิส นำท่านเดินชมความงามของเกาะเวนิส จากนั้นนำท่านถ่ายรูปบริเวณ จัตุรัสเซ็นท์ มาร์ค (St.Mark’s Square) ที่จักรพรรดินโปเลียนยกย่องว่าเป็นห้องรับแขกที่สวยที่สุดของยุโรป และยังเป็นที่ตั้งของ มหาวิหารซันมาร์โก (San Marco Basillica) มหาวิหารประจำเขตอัครบิดรเวนิส สร้างขึ้นในแบบสถาปัตยกรรมไบแซนไทน์ซึ่งหาได้ยากในปัจจุบัน เนื่องจากถูกทำลายไปเกือบหมดสิ้นในครั้งที่ออกโตมันเข้ายึด ซึ่งภายในโบสถ์นั้นจะมีภาพโมเสกบอกเล่าเรื่องราวในครั้งนั้นอยู่ โดยเซ็นท์มาร์โกถือว่าเป็นนักบวชที่สำคัญในการเผยแพร่ศาสนาในสมัยศตวรรษที่ 5 สำหรับตัวมหาวิหารจะเชื่อมกับ พระราชวังดอร์จ(Doge’s Palace) พระราชวังแบบเวนิส-โกธิคที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นที่ประทับของยุคแห่งเวนิสครั้งที่เมืองนี้ยังเป็น สาธารณะรัฐเวนิส ก่อนได้รับการปรับปรุงเป็นพิพิธภัณฑ์และเปิดอย่างเป็นทางการในปี 1923 และยังมี หอระฆังซันมาร์โก (St Mark’s Campanile) หอระฆังสูง 98.6 เมตร โดยอิงการสร้างจากรูปแบบเดิมในปี 1514 และพังทลายลงในปี 1902 ไม่ไกลกันจะเป็นที่ตั้งของ สะพานถอนหายใจ (Bridge of Sighs) สะพานซุ้มโค้งที่เชื่อมระหว่างพระราชวังดอร์ดและเรือนจำ นำท่านชมบริเวณ สะพานรีอาลโต้ (Rialto Bridge) สะพานข้ามคลองหลักอันเก่าแก่ที่สุดของเวนิส รายล้อมไปด้วยร้านค้าต่างๆ ถ่ายภาพกับจุดชมวิวบนสะพาน ที่ท่านสามารถมองเห็น GRAND CANAL คลองที่ใหญ่ที่สุด ผ่ากลางเกาะเวนิส ชมวิถีชีวิตกลางสายน้ำของชาวท้องถิ่นที่ใช้คลองแทนถนน แต่เรื่องที่ทำสะพานนี้โด่งดังที่สุดคงหนีไม่พ้น นักรักบันลือโลกแห่งเวนิสอย่าง จิอาโคโม จิโรลาโม คาสโนวา เป็นเพียงคนเดียวที่สามารถออกจากเรือนจำแห่งนี้ได้ โดยเรื่องราวของชายหนุ่มมากด้วยวาทะศิลป์คนนี้ถูกตีพิมพ์และโด่งดังในปี 1855 และถูกทำเป็นภาพยนตร์ในปี 2005 **หมายเหตุ ทั้งนี้ไม่รวมค่านั่งเรือกอนโดล่า หากท่านสนใจนั่งเรือกอนโดล่า สามารถแจ้งทางหัวหน้าทัวร์เพื่อประสานงานให้ได้ ทั้งนี้ไม่แนะนำให้ท่านติดต่อกับเรือเองเพื่อความปลอดภัยของท่านเนื่องจากอาจมีมิจฉาชีพแอบแฝงตัวมา จากนั้นนำท่านล่องเรือกลับขึ้นสู่ฝั่งเมสเตร้ เย็น 🍽 บริการอาหารเย็น ด้วยเมนู เมนูสปาเก็ตตี้เส้นหมึกดำเวนิส (โรงแรมที่นำเสนอเป็นโรงแรมเสนอเบื้องต้นเท่านั้น ชื่อโรงแรมที่ท่านพักทางบริษัทจะทำการแจ้งพร้อมใบนัดหมาย 5-7 วันก่อนเดินทาง ขอสงวนสิทธิ์ในการปรับเปลี่ยนที่พัก ไปพักเมืองใกล้เคียงกรณีติดงานแฟร์หรือมีเทศกาล) วันที่แปด เมืองปิซ่า • จัตุรัสเปียซซา เดล ดูโอโม • หอเอนเมืองปีซ่า • กรุงโรม 🍽 (เช้า/กลางวัน/เย็น) เช้า 🍽 บริการอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม จากนั้น เดินทางสู่ เมืองปิซ่า (Pisa) (ใช้เวลาเดินทางประมาณ 3.30 ชม.) แคว้นทัสคานี ประเทศอิตาลี อยู่ทางตะวันตกของเมืองฟลอเรนซ์ ประมาณ 100 กิโลเมตร และทางตะวันตกเฉียงเหนือของเมืองเซียนาปรมาณ 130 กิโลเมตร จตุรัสดูโอโมแห่งปิซาได้รับเลือกโดยองค์การยูเนสโกให้ขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก เมื่อปี ค.ศ. 1987 เที่ยง 🍽 บริการอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารอาหารท้องถิ่น นำท่าน เข้าชม จัตุรัสเปียซซา เดล ดูโอโม (Piazza del Duomo Pisa) ศาสนสถานที่สำคัญที่สุดของเมือง ซึ่งจัตุรัสแห่งนี้จะประกอบไปด้วย หอศีลจุ่ม วิหาร และหอระฆัง ซึ่งที่นี่มีหอระฆังที่โด่งดังระดับโลก นั้นคือ หอระฆังเอน แห่งเมืองปิซ่า นำท่านชมบริเวณรอบหอระฆังแห่งนี้พร้อมเก็บรูปเป็นที่ระลึกกับ หอเอนเมืองปีซ่า (LEANING TOWER OF PISA) หอระฆังทรงกระบอก 8 ชั้น โดยเอกลักษณ์และสาเหตุที่ทำให้หอระฆังแห่งนี้ได้เป็นสิ่งมหัศจรรย์ของโลกนั้นคือการที่ตัวอาคารมีลักษณะเอียงไปทางเหนือประมาณ 3.97 องศา หอเอนแห่งปิซ่าแรกเริ่มสร้างในปี 1174 แต่เมื่อสร้างขึ้นไปเพียง 3 ชั้น ฐานอาคารก็เกิดการทรุดตัวลง เนื่องจากเนื้อดินในบริเวณนี้ไม่มีชั้นหินแทรก ประกอบกับตั้งอยู่ใกล้แม่น้ำอาร์โน ทำให้ดินมีความชื้นและเหลวกว่าปกติ จนทำให้ต้องยุติการก่อสร้างไปกว่า 94 ปี จนกระทั่งปี 1272 สถาปนิกนาม จีโอวานี ดี ซีโมเน่ (Giovanni di Simone) ได้มาสานต่อด้วยเทคนิคการสร้างให้เพดานไม่เท่ากันเพื่อรักษาอาหารให้สมดุล แต่ก็ต้องยุติการก่อสร้างในปี 1284 จากภัยสงคราม ก่อนชั้นที่ 7 ของอาคารจะเสร็จในปี 1319 และตัวหอระฆังถูกเติมจนเสร็จสิ้นเมื่อปี 1372 นับเป็นเวลาร่วม 199 ปี นับจากวันที่เริ่ม นำท่านเดินทางสู่ศูนย์กลางการปกครองของอิตาลีที่ กรุงโรม (Rome) (ใช้เวลาเดินทางประมาณ 4 ชม.) เมืองหลวงของประเทศอิตาลี และเคยเป็นเมืองหลวงของอาณาจักรโรมันที่รุ่งเรืองถือเป็นรากฐานของสังคมและวัฒนธรรมของชาติยุโรป ไม่ว่าจะเป็น ปฏิทินตามหลักสุริยะคติ กฎหมาย การประชุมในสภาในรูปแบบสาธารณรัฐ เป็นต้น เย็น 🍽 บริการอาหารเย็น ณ ห้องอาหารโรงแรม ที่พัก Novotel Roma Est หรือเทียบเท่าในระดับเดียวกัน (โรงแรมที่นำเสนอเป็นโรงแรมเสนอเบื้องต้นเท่านั้น ชื่อโรงแรมที่ท่านพักทางบริษัทจะทำการแจ้งพร้อมใบนัดหมาย 5-7 วันก่อนเดินทาง ขอสงวนสิทธิ์ในการปรับเปลี่ยนที่พัก ไปพักเมืองใกล้เคียงกรณีติดงานแฟร์หรือมีเทศกาล) วันที่เก้า นครรัฐวาติกัน • มหาวิหารนักบุญปีเตอร์ • จัตุรัสนักบุญปีเตอร์ • โคลอสเซี่ยม • โรมันฟอรั่ม • น้ำพุเทรวี่ • บันไดสเปน • ท่าอากาศยานเลโอนาร์โด ดา วินชี-ฟีอูมีชีโน 🍽 (เช้า/เที่ยง/-) เช้า 🍽 บริการอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม เดินทางสู่ นครรัฐวาติกัน (STATE OF THE VATICAN CITY) นครแห่งคริสตจักรที่อยู่ในกรุงโรม ถือเป็นศูนย์กลางของคริสต์ศาสนิกชน นิกายโรมันคาทอลิก เป็นที่ประทับของพระสันตะปาปา และประกอบพิธีกรรมทางศาสนาที่สำคัญ นำท่านเข้าชม มหาวิหารนักบุญปีเตอร์ (ST. PETER’ BASILICA) ศาสนสถานของคริสต์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก และเป็นที่ฝังพระศพของพระสันตะปาปาพระองค์แรกที่ถูกลงโทษประหารชีวิตด้วยการตรึงไม้กางเขนในสมัยของจักรพรรดิเนโร เมื่อปี ค.ศ. 68 ถือเป็นศูนย์รวมทั้งทางกายและทางใจของวาติกัน โดยมหาวิหารแห่งนี้ได้สร้างทับวิหารหลังเดิมที่สร้างในสมัยศตวรรษที่ 4 ออกแบบโดยมีเกลันเจโลสุดยอดจิตกรร่วมสมัยกับดาวินชี่ภายในถูกตกแต่งอย่างวิจิตรด้วยหินอ่อน โดยมีประติมากรรมชื่อก้องโลกอย่าง ปีเอต้า (Pietà) เป็นรูปปั้นพระแม่นารีย์ทรงโอบอุ้มพระเยซูหลังจากสิ้นพระชนม์ ซึ่งทำจากหินอ่อนเพียงก้อนเดียวและใช้เวลาในการแกะสลัก 7 ปี บริเวณ ด้านหน้าคือ จัตุรัสนักบุญปีเตอร์ (St. Peter's Square) ออกแบบโดย จาน ลอเรนโซ เบอร์นินี อีกหนึ่งประติมากรผู้ได้ฉายาว่า สามารถเสกหินอ่อนให้หายใจได้ จัตุรัสสามารถจุคนได้ประมาณ 60,000 คน ตรงกลางมีเสาโอบีสิสหินแกรนิตแดง สูง 25.5 เมตร จากอียิปต์ ซึ่งเป็นการแสดงถึงแสงยานุภาพของโรมันที่มีต่อประเทศในยุโรปและแถบเมดิเตอร์เรเนียนในขณะนั้น (ในกรณีมีพิธีด้านใน อาจจะไม่ได้รับการเข้าชม) จากนั้นนำท่านแวะถ่ายบริเวณด้านนอก โคลอสเซี่ยม (COLOSSEUM) หรือชื่ออย่างเป็นทางการว่า ฟราเวียนแอมฟิเธียเตอร์ อีก 1 ใน 7 สิ่งมหัศจรรย์ของโลกยุคกลาง ต้นแบบของสนามกีฬาของโลก เป็นแหล่งบันเทิงที่ใหญ่ที่สุดในโรมัน สร้างขึ้นในสมัยของจักพรรดิเวสปาเซียนในปี ค.ศ. 70 ก่อนเปิดอย่างเป็นทางการในอีก 10 ปีต่อมาในสมัยพระเจ้าไททัส เป็นสนามกีฬาที่จะเป็นการประชันการต่อสู่ระหว่างเหล่านักรบกลาดิเอเตอร์ด้วยกันเอง และกับสัตว์ดุร้าย เช่น สิงโต ช้าง แรด เป็นต้น โดยบ้างก็กล่าวกันว่าการต่อสู้ในโคลอสเซี่ยมทำให้สัตว์บางชนิดแทบจะศูนย์พันธุ์เลยทีเดียว การสร้างอาคารแบบอัฒจันทร์กลม 3 ชั้นขนาดใหญ่แห่งนี้ยังถือว่าเป็นการผลิตซีเมนต์แห่งแรกๆ ของโลกอีกด้วย บริเวณใกล้กันท่านสามารถเดินถ่ายรูปด้านหน้า กับ โรมันฟอรั่ม (ROMAN’S FORUM) อดีตศูนย์กลางทางสังคม เศรษฐกิจ และวัฒนธรรมของอาณาจักรโรมัน โดยบริเวณนี้นั้นเป็นที่ตั้งของประตูชัย 2 แห่ง ที่เป็นต้นแบบของฝรั่งเศส นั่นคือ ประตูชัยคอนสแตนติน สร้างขึ้นในครั้งที่พระเจ้าคอนสแตนตินได้ชัยชนะเหนือพระเจ้าแมกเซนเทียส และประตูชัยไททัสที่สร้างขึ้นหลังจากได้รับชัยชนะเหนือเมืองเยลูซาเล็มในปีค.ศ. 81 เที่ยง 🍽 บริการอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาท้องถิ่นด้วย เมนู พิซซ่าสูตรอิตาลีแท้ !! นำท่านชมความงามของ น้ำพุเทรวี่ (TREVI FOUNTAIN) ที่มักกล่าวกันว่าเป็นน้ำพุที่สวยที่สุดแห่งหนึ่งใน โลก นำท่านเดินชมและถ่ายรูปบริเวณ บันไดสเปน (SPANISH STEPS) บันไดที่กว้างที่สุดในยุโรป เชื่อมระหว่างจัตุรัสสปังนา กับโบสถ์ทรีนิตี้ นอกจากนั้นยังมีสินค้าแบรนด์เนมหลากหลายให้ท่านได้เลือกสรรค์อย่างเต็มที่ ไม่ว่าจะเป็น Gucci, Louis Vuitton, Prada, Longchamp, Chanel, DIOR, Balenciaga เป็นต้น แต่หากสนใจชิมกาแฟเอสเปรสโซ่ต้นตำหรับ ก็มีร้านกาแฟมากมายให้ท่านได้ลิ้มลอง เย็น อิสระอาหารเย็น เพื่อความสะดวกและไม่เป็นการรบกวนเวลาช้อปปิ้งของท่าน ได้เวลาอันสมควร นำท่านเดินทางสู่ ท่าอากาศยานเลโอนาร์โด ดา วินชี-ฟีอูมีชีโน (Aeroporto Leonardo da Vinci di Fiumicino) เพื่อให้ท่านได้มีเวลาทำการคืนภาษี (Tax Refund) 23.00 น. ออกเดินทางกลับสู่ กรุงเทพฯ ประเทศไทย โดยสายการบินกาตาร์แอร์เวย์ เที่ยวบินที่ QR114 **บริการอาหารและเครื่องดื่มบนเครื่อง ** วันทีสิบ ท่าอากาศยานนานาชาติฮามัด • สนามบินนานาชาติสุวรรณภูมิ 🍽 (-/-/-) 06.20 น. เดินทางถึง ท่าอากาศยานนานาชาติฮามัด ให้ท่านผ่อนคลายอริยบทระหว่างรอเวลาเปลี่ยนเครื่อง 08.05 น. เดินทางสู่ ท่าอากาศยานนานาชาติสุวรรณภูมิ โดยสายการบินกาตาร์แอร์เวย์ เที่ยวบินที่ QR832 18.25 น. เดินทางถึง สนามบินสุวรรณภูมิ กรุงเทพฯ โดยสวัสดิภาพ พร้อมความประทับใจมิรู้ลืม หมายเหตุ: โปรแกรมและรายละเอียดของการเดินทางอาจมีการเปลี่ยนแปลงหรือสลับกันได้ตามความเหมาะสมทั้งนี้ขึ้นอยู่กับสภาวะอากาศ และเหตุสุดวิสัยต่างๆ ที่ไม่สามารถคาดการณ์ล่วงหน้า เช่น บางสถานที่ในยุโรปอาจปิดในวันอาทิตย์ หรืออาจะมีการปิดปรับปรุง หรืออาจทำการจองไม่ได้เนื่องจากต้องรอกรุ๊ปคอนเฟิร์มก่อนทำการจอง หากวันเดินทางตรงกับวันเหล่านี้ โดยทางบริษัทฯจะคำนึงถึงผลประโยชน์ และความปลอดภัยของผู้ร่วมเดินทางเป็นสำคัญ และขอขอสงวนสิทธิ์ในการเปลี่ยนโปรแกรมโดยแจ้งให้ท่านทราบล่วงหน้า หากทราบเวลาและสถานที่ที่แน่นอนก่อนเดินทาง แบบฟอร์มสำหรับกรอกข้อมูลยื่นวีซ่า กรุณากรอกข้อมูลเป็นภาษาอังกฤษให้ครบถ้วน เพื่อประโยชน์ของตัวท่านเอง
ชื่อและนามสกุล _______________________________________________________________________________________________________ ชื่อและนามสกุลเก่า(ถ้ามี) ____________________________________________________________________________________________ ชื่อและนามสกุล (ระบุเป็นภาษาอังกฤษ) __________________________________________________________________________ หมายเลขบัตรประจำตัวประชาชน 13 หลัก วัน/เดือน/ปีเกิด ค.ศ. ____________________________________ สถานที่เกิด (จังหวัด) ___________________________________
ที่อยู่ปัจจุบัน(ที่สามารถติดต่อได้) _______________________________________________________________________________________ โทรศัพท์มือถือ _______________________________ E-mail : ________________________________________ สถานภาพ : โสด สมรสโดยจดทะเบียนสมรส สมรสไม่ได้จดทะเบียน หย่า หม้าย วัน/เดือน/ปี ค.ศ. การเปลี่ยนสถานภาพ(สมรส, หย่า ฯลฯ) ____________________________ ถ้าท่านสมรส โปรดระบุรายละเอียดของคู่สมรส ชื่อและนามสกุลคู่สมรส (ระบุเป็นภาษาอังกฤษ) ___________________________________ วัน/เดือน/ปีเกิด ค.ศ. ของคู่สมรส ________________________ สถานที่เกิด (จังหวัด) _______________________
3.1) ชื่อบริษัทที่ทำงาน, โรงเรียน, มหาวิทยาลัย (ระบุเป็นภาษาอังกฤษ) ________________________________________________________________________________________________________________________ 3.2) ที่อยู่ของบริษัทที่ทำงาน, โรงเรียน, มหาวิทยาลัย (ระบุเป็นภาษาอังกฤษ) ________________________________________________________________________________________________________________________ 3.3) งานปัจจุบันทำอาชีพ โปรดระบุตำแหน่ง (ระบุเป็นภาษาอังกฤษ และภาษาไทย) ________________________________________________________________________________________________________________________ 3.4) เบอร์โทรศัพท์ที่ทำงาน หรือเบอร์โทรศัพท์สถาบันที่ท่านกำลังศึกษาอยู่ _______________________________
4.1) ท่านเคยมีวีซ่าเชงเก้นในกลุ่มเชงเก้นภายในระยะเวลา 3 ปี (ถ้ามีโปรดระบุ) มีวันที่ออกวีซ่า และวันที่หมดอายุวีซ่า ให้ตรวจสอบที่หน้าเชงเก้นที่ท่านเคยเดินทาง ประเทศ ______________ วันที่ออกวีซ่า ___________________วันหมดอายุวีซ่า ___________________ ประเทศ ______________ วันที่ออกวีซ่า ___________________วันหมดอายุวีซ่า ___________________ ประเทศ ______________ วันที่ออกวีซ่า ___________________วันหมดอายุวีซ่า ___________________ ประเทศ ______________ วันที่ออกวีซ่า ___________________วันหมดอายุวีซ่า ___________________ ไม่เคยมีวีซ่าเชงเก้น 4.1.1) ถ้าท่านเคยมีวีซ่าเชงเก้น โปรดระบุวันที่สแกนลายนิ้วมือล่าสุด (ผู้สมัครสามารถตรวจสอบรายละเอียด วัน เดือน ปี ที่สแกนลายนิ้วมือล่าสุด) ได้จากหน้าวีซ่าเชงเก้นล่าสุดที่ท่านเคยเดินทาง) ประเทศ _________________________________ วันที่สแกนลายนิ้วมือล่าสุด _______________________________
ออกค่าใช้จ่ายเอง มีผู้ออกค่าใช้จ่ายให้ ระบุชื่อ___________________________________ความสัมพันธ์________________________________ |
Copyright © 2003 eTravelWay.com All rights reserved โดย บริษัททัวร์ วีอาร์ เอเจนซี ทราเวล แอนด์ เทรด จำกัด |
ติดตามข่าวสารโปรโมชั่นดีดี
@etravelway
รับโปรโมชั่นดีดี
เฉพาะคอทัวร์โปรไฟไหม้
ทัวร์ถูกคุณภาพคุ้มค่า
ทัวร์หลุดจอง
@etravelway.fire
เฉพาะคอทัวร์โปรไฟไหม้
fb.me/etravelway
สอบถามทาง Facebook