ยุโรปตะวันออก 5 ประเทศ เยอรมนี เช็ก สโลวัค ฮังการี ออสเตรีย 9 วัน 6 คืน

บินตรงสายการบิน ลุฟท์ฮันซ่า+ออสเตรียนแอร์ไลน์ (LUFTHANSA AIRLINES+AUSTRAIN AIRLINES)

Celebrate New Year เดินทาง 26ธ.ค.66-03ม.ค.67

วันที่อังคารที่ 26 ธ.ค สนามบินสุวรรณภูมิ – สนามบินมิวนิค ประเทศเยอรมัน (เที่ยวบิน LH773 เวลา 23.40-05.50)

20.00 น. คณะพร้อมกัน ณ สนามบินสุวรรณภูมิ อาคารผู้โดยสารระหว่างประเทศ ชั้น 4 เคาน์เตอร์ สายการ ลุฟท์ฮันซ่า (LUFTHANSA) โดยมีเจ้าหน้าที่คอยต้อนรับและอำนวยความสะดวก

23.50 น. ออกเดินทางสู่สนามบินเวียนนา ประเทศออสเตรีย โดยสายการบิน ลุฟท์ฮันซ่า (LUFTHANSA) เที่ยวบินที่ LH773

วันที่พุธที่ 27 ธ.ค สนามบินมิวนิค - เมืองโฮเฮ็นชวานเกา-ปราสาทนอยชวานสไตน์ – เมืองมิวนิค -

โบสถ์เซนต์ปีเตอร์ มหาวิหารเฟราเอน - มาเรียนพลาสท์

05.50 น. เดินทางถึง สนามบินมิวนิค ประเทศเยอรมัน (เวลาท้องถิ่นที่ยุโรปช้ากว่าประเทศไทย 6 ชั่วโมง กรุณาปรับนาฬิกาของท่านเป็นเวลาท้องถิ่นเพื่อความสะดวกในการนัดหมายการเดินทาง)

หลังจากนั้นพาท่านเดินทางสู่ “เมืองโฮเฮ็นชวานเกา (Hohenschwangau)” (ใช้เวลาเดินทางประมาณ 2 ชั่วโมง) นำท่านขึ้นชมด้านนอกของปราสาทสวยที่สุดแห่งหนึ่งของโลก “ปราสาทนอยชวานสไตน์ (Neuschwanstein Castle)” ที่แม้แต่บริษัทการ์ตูนชื่อดัง วอลท์ดิสนีย์ ยังนำไปสร้างเป็นปราสาทต้นแบบโลโก้ ปราสาทนี้สร้างในสมัยพระเจ้าลุดวิกที่ 2 แห่งบาวาเรีย ในช่วง ค.ศ. 1845-86 ปราสาทนอยชวานชไตน์ มีความโดดเด่นในรูปแบบและที่ตั้ง ที่สร้างจินตนาการได้มากกว่าปราสาทอื่นใดเนื่องจากตัวปราสาทมีที่ตั้งอันน่าทึ่งบนหินผาขนาดใหญ่ยักษ์สูงกว่า 200 เมตร เหนือออบแก่งของแม่น้ำพอลลัท นอกจากนี้ยังมีแวดล้อมด้วยธรรมชาติและทิวทัศน์ของป่าเขาลำเนาไพรที่สวยงามและมีสีสันแปรเปลี่ยนแตกต่างกันไปในแต่ละฤดูกาล

เที่ยง ä รับประทานอาหารเที่ยง ณ ภัตตาคาร (อาหารท้องถิ่น) (1)

นำท่านเดินทางสู่ “เมืองมิวนิค (Munich)” เมืองอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ มีความเจริญและเศรษฐกิจ นอกจากนั้นยังเป็นเมืองท่องเที่ยวที่สำคัญของประเทศอีกด้วย ซึ่งมิวนิคนั้นเป็นเมืองที่มีเอกลักษณ์ทั้งทางวัฒนธรรม ศิลปะ และอาหารที่ขึ้นชื่อ ผ่านชม “โบสถ์เซนต์ปีเตอร์ (St. Peter’s Church)” โบสถ์เก่าแก่ที่นักท่องเที่ยวนิยมไปถ่ายรูป โดยทำเลอยู่ใจกลางเมืองมิวนิค และความสูงของโบสถ์แห่งนี้ ทำให้ได้รับหน้าที่เป็นหอนาฬิกา และจุดชมวิวประจำเมืองfh;p นำท่านถ่ายรูปด้านนอกที่ “มหาวิหารเฟราเอน (Frauenkirche)” โบสถ์ทางคริสต์ศาสนานิกายโรมันคาทอลิก ที่เก่าแก่และผ่านประวัติศาสตร์ช่วงสงครามโลก นับเอกอีกหนึ่งสัญลักษณ์ของเมืองมิวนิก จุดเด่นของโบสถ์แห่งนี้คือ โดมหอมหัวใหญ่สีฟ้าเขียว 2 โดม ซึ่งเป็นหอคอยที่มีความสูงถึง 99 เมตร เป็นสองหอคอยทรงสูงที่อยู่คู่กัน นำท่านเดินเล่นที่ “จัตุรัสมาเรียนพลัสซ์ (Marienplatz)” ตั้งอยู่บริเวณใจกลางเมือง จุดเริ่มต้นของประวัติศาสตร์และธุรกิจของนครมิวนิค บริเวณนี้เป็นที่ตั้งของศาลาว่าการเมืองที่มีรูปแบบสถาปัตยกรรมแบบโกธิคที่งดงามซึ่งสร้างขึ้นในช่วงปลายคริสต์ศตวรรษที่ 19 ใช้เวลาสร้างถึง 42 ปี มีหอระฆังสูง 85 เมตร ซึ่งจะมีนักท่องเที่ยวรอคอยเฝ้าชมตุ๊กตาไขลานที่จะออกมาเต้นรำ เมื่อนาฬิกาตีบอกเวลา 11.00 น. และ 17.00 น. อิสระท่านเลือกซื้อสินค้าแบรนด์เนม และของฝากตามอัธยาศัย

ค่ำ ä รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร (อาหารจีน) (2)

โรงแรม Holiday Inn Munchen Sud หรือเทียบเท่า

วันที่พฤหัสที่ 28 ธ.ค เมืองซาลซ์บูร์ก-สวนมิราเบลล์- ถนนเกไทรเดร้ (Getreidegasse) -บ้านเกิดโมสาร์ท

เมืองฮัลสตัท-เมืองเชสเก บูเดอโจวิซ

เช้า ä บริการอาหารเช้า ณ ห้องอาหารโรงแรม (3)

เดินทางสู่ “เมืองซาลซ์บูร์ก (Salzburg)” (ใช้เวลาเดินทางประมาณ 2.30 ชั่วโมง) เชื่อว่าหลายคนคงรู้จัก The Sound of Music ภาพยนตร์สุดคลาสสิกชื่อดัง ซึ่งสถานที่ถ่ายทำของเรื่องนี้คือที่ ซาลซ์บูร์ก Salzburg แห่งนี้นี่เอง แถมยังเป็นเมืองแห่ง มรดกโลก ด้วยเสน่ห์ของสถาปัตกยกรรม วัฒนธรรม และทิวทัศน์ที่งดงามของ เทือกเขาแอลป์ และ แม่น้ำซาลส์ซักค์ ทำให้เมืองซาลซ์บูร์กแห่งนี้เป็นเมืองท่องเที่ยวในฝันที่คนทั่วโลกอยากจะไปเยือนสักครั้ง เข้าชม “สวนมิราเบลล์ (Mirabell Garden)” สวนสาธารณะสไตล์บาโรกที่สวยที่สุดในเมือง เดิมเป็นสวนของ พระราชวังมิราเบล ซึ่งพระราชวังแห่งนี้ก็เป็นหนึ่งในสถานที่ที่โมซาร์ทเคยมาจัดการแสดงด้วย เข้าสู่ “ถนนเกไทรเดร้ (Getreidegasse)”ถนนสายหลักอันคึกคักของย่านเมืองเก่าซาลซ์บูร์ก กับตึกเก่าสุดคลาสสิคที่มีประวัติยาวนาน สถาปัตยกรรมที่โดดเด่นด้วยประตูที่สวยงาม เช่นเดียวกับหน้าต่างที่เล็กลงเรื่อยๆ ตั้งแต่ชั้นแรกขึ้นไป และมักมีการประดับตกแต่งเมื่อถึงวันสำคัญต่างๆ ผ่านชม “บ้านเกิดโมสาร์ท (Mozart\'s Birthplace)” โดยโมสาร์ท (Wolfgang Amadeus Mozart) เกิดในปี 1756 ใน \"Hagenauer Haus\" ที่บ้านเลขที่ 9 ถนน Getreidegasse ในซาลซ์บูร์ก โดยอาศัยอยู่บนอพาร์ทเมนต์ในชั้น 3 กับ พ่อแม่และน้องสาว เป็นเวลานานถึง 26 ปี ก่อนจะย้ายไป \"Mozart Residence\" ที่จัตุรัส Makartplatz ในปัจจุบันบ้านเกิดของโมสาร์ทเป็นหนึ่งในพิพิธภัณฑ์ที่มีผู้เข้าชมมากที่สุดในออสเตรีย และเป็นไฮไลท์ของการเดินทางมาที่ซาลซ์บูร์ก

เที่ยง ä รับประทานอาหารเที่ยง ณ ภัตตาคาร (อาหารท้องถิ่น) (4)

เดินทางสู่ “เมืองฮัลสตัท (Hallstat)” (ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1.20 ชั่วโมง) เมืองริมทะเลสาบที่ขึ้นชื่อว่าสวยงามที่สุดในโลก เป็นเมืองที่ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกจากยูเนสโก้ ด้วยภูมิประเทศโอบล้อมด้วยขุนเขาเขียวขจี มีทะเลสาบที่ไหลแยกย่อยมาจากแม่น้ำเทราน์ ประกอบกับหมู่บ้านเล็กๆ ที่คงรูปแบบหมู่บ้านยุโรปดั้งเดิม เป็นบ้านเรือนเล็กๆ สีสันสดใส เรียงรายอยู่ริมทะเลสาบ และมีที่ตั้งลดหลั่นกันไปตามไหล่เขา ทำให้หมู่บ้านแห่งนี้รายล้อมไปด้วยธรรมชาติอันงดงาม และมีความเงียบสงบเหมาะแก่การพักผ่อน ให้ท่านได้ถ่ายรูปกับมุมมหาชนที่อยากให้มาเก็บภาพที่ระลึกเอาไว้ เพราะเป็นมุมไฮไลท์ที่สวยมากจริงๆ นั่นก็คือ วิวโบสถ์ Evangelische Pfarrkirche Hallstatt ที่ตั้งโดดเด่นเป็นสง่าท่ามกลางบ้านเรือนที่รายล้อม ประกอบกับวิวทะเลสาบและมีภูเขาเป็นฉากหลัง เป็นภาพที่สวยงามราวกับหมู่บ้านเทพนิยาย เดินทางสู่เมือง “เมืองเชสเก บูเดอโจวิซ (Ceske Budejovice)” ประเทศเช็ก (ใช้เวลาเดินทางประมาณ 2.30 ชั่วโมง)

ค่ำ ä รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร (อาหารจีน) (5)

โรงแรม Hotel Savoy หรือเทียบเท่า

วันศุกร์ที่ 29 ธ.คเชสกี้ครุมลอฟ-ปราสาทครุมลอฟ-กรุงปราก-ปราสาทปราก-มหาวิหารเซนต์วิตุส-พระราชวังหลวง-ย่านช่างทองโบราณ-สะพานชาร์ลส์-นาฬิกาดาราศาสตร์

เช้า ä บริการอาหารเช้า ณ ห้องอาหารโรงแรม (6)

นำท่านเดินทางสู่เมืองมรดกโลก “เชสกี้ ครุมลอฟ (Cesky Krumlov)” นำชมเมืองที่ได้ชื่อว่าเป็นเพชรน้ำงามแห่งโบฮีเมีย เมืองที่ได้รับการยกย่องจากองค์การยูเนสโก้ให้เป็นเมืองมรดกโลกใน ค.ศ.1992 (World Heritage) เมืองนี้ตั้งอยู่ริมสองฝั่งของแม่น้ำวัลตาวา ความโดดเด่นของเมืองที่มีอาคารเก่าแก่ตั้งแต่ยุคกลางกว่า 300 ปี หลังได้รับการอนุรักษ์และขึ้นทะเบียนไว้ให้เป็นสถานที่สำคัญแห่งหนึ่งของโลก

จากนั้นนำชม “ปราสาทครุมลอฟ (Krumlov Castle)” จากบริเวณรอบนอก ซึ่งสร้างขึ้นเมื่อปีค.ศ.1250 ถือเป็นปราสาทที่ใหญ่เป็นอันดับสองของประเทศรองลงมาจากปราสาทปราก มีอายุเก่าแก่กว่า 700 ปี ซึ่งตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำวอลตาวา (Valtawa River) ตรงบริเวณคุ้งน้ำ ฝั่งตรงข้ามเป็นย่านเมืองเก่าคลาสสิค Senete Square และโบสถ์เก่ากลางเมือง นำท่านเดินทางไปยัง “กรุงปราก (Prague)” (ใช้เวลาเดินทางประมาณ 3 ชั่วโมง) เมืองหลวงของประเทศสาธารณรัฐเช็ก

เที่ยง ä รับประทานอาหารเที่ยง ณ ภัตตาคาร (อาหารจีน) (7)

นำท่านเข้าชม “ปราสาทปราก (Prague Castle)” ที่สร้างขึ้นอยู่บนเนินเขาตั้งแต่สมัยคริสต์ศตวรรษที่ 9 ในสมัยเจ้าชาย Borivoj ซึ่งเป็นธรรมเนียบของประธานาธิบดีตั้งแต่ปี ค.ศ. 1819 จนถึงปัจจุบัน ชม “มหาวิหารเซนต์ วิตุส (St.Vitus Cathedral)” อันงามสง่าด้วยสถาปัตยกรรมแบบโกธิคในสมัยศตวรรษที่ 14 นับว่าเป็นมหาวิหารสไตล์โกธิคที่ใหญ่ที่สุดในกรุงปราก ซึ่งพระเจ้าชาร์ลที่ 4 โปรดให้สร้างขึ้นในปี ค.ศ.1344 ภายในเป็นที่เก็บพระศพของกษัตริย์ที่สำคัญในอดีต เช่น พระเจ้าชาร์ลที่ 4, พระเจ้าเฟอร์ดินานด์ที่ 1 และ พระเจ้าแมกซิมิเลี่ยนที่ 2 เป็นต้น (กรณีมีพิธีภายในมหาวิหาร อาจไม่ได้รับอณุญาตให้เข้าชม) แล้ว “ชมพระราชวังหลวง (Royal Palace)” ที่เป็นหนึ่งในส่วนที่เก่าแก่ที่สุดของปราสาท ซึ่งใช้เป็นที่ประทับของเจ้าชายโบฮีเมียนทั้งหลาย นำท่านเดินชม “ย่านช่างทองโบราณ (Golden Lane)” ซึ่งปัจจุบันมีร้านขายของที่ระลึกวางจำหน่ายอยู่มากมาย จากนั้นนำท่านเดินเล่นบน “สะพานชาร์ล (Charles Bridge)”สะพานเก่าแก่ข้ามแม่น้ำวัลตาวา สไตล์โกธิคที่สร้างขึ้นตั้งแต่กลางคริสต์ศตวรรษที่ 14 สมัยพระเจ้าชาร์ลที่ 4 ชมรูปปั้นโลหะของเหล่านักบุญที่ตั้งอยู่สองข้างราวสะพานกว่า 30 องค์ ชมประตูเมืองเก่า “Powder Gate” ขอบเขตเมืองในสมัยโบราณ, ศาลาว่าการเมืองหลังเก่า (Old town Hall) ที่สร้างมาตั้งแต่ปี ค.ศ.1338 มีจุดเด่นคือ นาฬิกาดาราศาสตร์ (Astronomical Clock) ที่สวยงามและยังตีบอกเวลาทุกๆ ชั่วโมง ให้เวลาท่านเดินอิสระเดินเล่นย่านเมืองเก่า ให้ท่านได้เลือกซื้อสินค้าพื้นเมือง เช่น เครื่องแก้วโบฮีเมียน

ค่ำ ä รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร (อาหารท้องถิ่น) (8)

โรงแรม Iris Hotel Eden หรือเทียบเท่า

วันเสาร์ที่ 30 ธ.ค เมืองบราติสลาว่า-ปราสาทบราติสลาว่า-โบสถ์สีน้ำเงิน-มหาวิหารเซนต์มาร์ติน

เช้า ä บริการอาหารเช้า ณ ห้องอาหารโรงแรม (9)

พาท่านเดินทางสู่ “บราติสลาวา ( Bratislava)” เมืองหลวงของ ประเทศสโลวาเกีย (ใช้เวลาเดินทางประมาณ 3.30 ชั่วโมง) ตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำดานูบที่บริเวณพรมแดนของ สโลวัค ออสเตรีย และฮังการี และใกล้กับพรมแดนสาธารณรัฐเช็ก นำท่ านชมบรรยากาศของกรุงบราติสลาวา ซึ่งเป็นที่ตั้งของรัฐสภาแห่งสโลวัก

เที่ยง ä รับประทานอาหารเที่ยง ณ ภัตตาคาร (อาหารจีน) (10)

นำท่านถ่ายรูปด้านนอกคู่กับ “ปราสาทบราติสลาวา (Bratislava Castle)” ซึ่งเป็นอาคารทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้าตั้งอยู่บนเนินเขาริมฝั่งแม่น้ำดานูบ ท่านสามารถชมทัศนียภาพอันงดงามของเมืองได้จากมุมของปราสาทแห่งนี้ จากนั้นนำท่านเดินเล่นย่านเมืองเก่าที่สวยงามของกรุงบราติสลาว่า นำท่านผ่านชม “โบสถ์สีน้ำเงิน (Blue Castle)” เป็นโบสถ์ของศาสนาคริสนิกายโรมันคาทิลิคอีกแห่งหนึ่งที่มีรูปแบบสถาปัตยกรรมที่แตกต่างโดดเด่น ด้วยสีน้ำเงินของตัวอาคาร ตั้งอยู่โซนย่านเมืองเก่า ให้ท่านได้ถ่ายรูปกับ “มหาวิหารเซนต์มาร์ติน (St. Martin’s Cathedral)” โบสถ์โกธิค ที่เก่าแก่และใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่ง สร้างขึ้นตั้งแต่ศตวรรษที่ 15 เป็นโบสถ์ที่ใช้สำหรับพิธีบรมราชาภิเษก บนยอดหอคอยของโบสถ์ ที่มีความสูง 85 เมตร ภายในมีรูปจำลองมงกุฎที่มีน้ำหนักถึง 150 กิโลกรัม ติดตั้งอยู่ เพื่อเป็นสิ่งแสดงถึงอดีตที่เคยรุ่งโรจน์

ค่ำ ä รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร (อาหารท้องถิ่น) (11)

โรงแรม Clarion Congress Hotel Bratislava หรือเทียบเท่า

วันอาทิตย์ที่ 31 ธ.คเมืองบูดาเปสต์-ล่องเรือแม่น้ำดานูบ-ปราสาทบูดา (Castle hill)-โบสถ์แมทเธียส-ป้อมชาวประมง

เช้า ä บริการอาหารเช้า ณ ห้องอาหารโรงแรม (12)

นำท่านเดินทางผ่านย่านเกษตรกรรมข้ามพรมแดนสู่ “กรุงบูดาเปสต์ (Budapest)” (ใช้เวลาเดินทางประมาณ 2 ชั่วโมง) เมืองหลวงของประเทศฮังการี (Hungary) ซึ่งได้ชื่อว่าเป็นเมืองที่ทันสมัยและสวยงามด้วยศิลปวัฒนธรรมของชนหลายเชื้อชาติที่มีอารยธรรม รุ่งเรืองมานานกว่าพันปี ถึงกับได้รับการขนานนามว่าเป็น “ไข่มุกแห่งแม่น้ำดานูบ” ชมเมืองที่ได้ชื่อว่างดงามติดอันดับโลก นำท่าน “ล่องเรือแม่น้ำดานูบ” อันเลื่องชื่อ ชมความงามของทิวทัศน์และอารยะธรรมของฮังการีในช่วง 600-800 ปีมาแล้วที่ตั้งเรียงรายกันอยู่ 2 ฟากฝั่ง ชมความตระการตาของอาคารต่างๆ อาทิ อาคารรัฐสภาซึ่งงดงามเป็นที่ร่ำลือ ด้วยสถาปัตยกรรมแบบโกธิคบนตัวอาคารประกอบด้วยยอดสูงถึง 365 ยอด นอกจากนี้ท่านจะได้ชมสะพานเชน สะพานถาวรแห่งแรกที่สร้างข้ามแม่น้ำดานูบ โดยนาย WILLIAM TIERNEY CLARK วิศวกรชาวอังกฤษ เหล็กทุกชิ้นที่ใช้ในการสร้างได้ถูกนำมาจากประเทศอังกฤษเช่นกัน (การล่องเรือขึ้นอยู่กับสภาพอากาศ โดยเฉพาะในช่วงฤดุหนาว น้ำในแม่น้ำอาจกลายเป็นน้ำแข็ง จนไม่สามารถล่องเรือได้)

เที่ยง ä รับประทานอาหารเที่ยง ณ ภัตตาคาร (อาหารท้องถิ่น) (13)

นำท่านชมบริเวณ “ปราสาทบูดา (CASTLE HILL)” ซึ่งเต็มไปด้วยสถาปัตยกรรมโบราณอันทรงคุณค่า ถ่ายรูปด้านนอกของอาคารพระราชวังโบราณ และชมบริเวณรอบนอก “โบสถ์แมทเธียส (Matthias Church)” ซึ่งเคยใช้เป็นสถานที่จัดพิธีสวมมงกุฎให้กษัตริย์มาแล้วหลายพระองค์ ชื่อโบสถ์มาจากชื่อกษัตริย์แมทเธียส ซึ่งเป็นกษัตริย์ที่ทรงพระปรีชาสามารถมาก และยังเป็นกษัตริย์ผู้ทรงสร้างสิ่งก่อสร้างที่งดงามในเมืองหลวงต่างๆ อีกมากมาย ตัวโบสถ์สร้างแบบสไตล์นีโอ-โกธิค หลังคาสลับสีสวยงามอันเป็นจุดเด่นที่สุดในศตวรรษที่ 15 ถัดจากโบสถ์เป็นอนุสาวรีย์ของพระเจ้าสตีเฟ่นที่ 1 พระบรมรูปทรงม้า ผลงานประติมากรรมที่งดงามแห่งศตวรรษที่ 11 ตั้งอยู่ทางด้านหน้า “ป้อมชาวประมง (Fisherman’s Bastion)” จุดชมวิวเหนือเมืองบูดาเปสที่ท่านสามารถชมความงามของแม่น้ำดานูบได้เป็นอย่างดี ป้อมแห่งนี้สร้างขึ้นตั้งแต่ปีค.ศ.1905 โดยกลุ่มชาวประมงฮังกาเรียน

ค่ำ ä รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร (อาหารจีน) (14)

โรงแรม Expo Congress Hotel หรือเทียบเท่า

วันจันทร์ที่ 1 ม.คช้อปปิ้ง parndof outlet – กรุงเวียนนา-มหาวิหารเซนต์สตีเฟน-พระราชวังฮอฟเบิร์ก

ถนนสายวงแหวน (Ringstrasse)

เช้า ä บริการอาหารเช้า ณ ห้องอาหารโรงแรม (15)

นำท่าน “ช้อปปิ้ง Parndof outlet” ให้เวลาท่านอิสระเพื่อช้อปปิ้งสินค้าแบรนด์เนมมากมาย อาทิ เช่น POLO, BALLY, BURBERRY, CALVIN KLEIN, SAMSONITE, ,ARMANI, FURLA , GUESS, LACOSTE, COACH, DIESEL , UGG,G STAR RAW, SUPERDRY , CONVERSE , ADIDAS ,VERCACE , VANS , PRADA , MICHALE KORS , LONGCHAMP ,GUCCI และอื่นๆอีกมากมาย

เที่ยง อิสระอาหารเที่ยงที่ Parndof Outlet

นำท่านเดินทางสู่ “กรุงเวียนนา (Vienna)” เมืองหลวงของประเทศออสเตรีย นำท่านผ่านชม “มหาวิหารเซนต์สตีเฟน (St.Stephens Cathedral)” มหาวิหารเซนต์สตีเฟน นั้นสร้างมาตั้งเเต่ปี ค.ศ.1147 เพื่ออุทิศให้กับนักบุญสตีเฟน โดยมีการต่อเติมเเละบูรณะมาหลายครั้ง โดยส่วนที่เก่าเเก่ที่สุดของวิหารนั้นอยู่ที่กำแพงทางทิศตะวันตก โดยหอคอยนั้นได้รับความเสียหายจากการไฟไหม้ในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง เเต่ก็ได้รับการสร้างให้กลับมาเป็นเหมือนเดิม ซึ่งความสวยงามเเละโดดเด่นอย่างมากนั้นก็คือ หอคอยที่มีลักษณะเหมือนเข็ม โดยหลังคานั้นจะมีการปูกระเบื้องเคลือบที่มีการสะท้อนเสงเเล้วเปลี่ยนเป็นสีสันที่มีความหลากหลายสวยงามเป็นอย่างมาก และถ่ายรูปด้านนอก “พระราชวังฮอฟเบิร์ก (Hofburg Palace)” ซึ่งเป็นกลุ่มอาคารที่เคยเป็นที่ประทับของราชสำนักฮัปสบูร์ก มาตั้งแต่คริสต์ศตวรรษที่ 13 จนถึงต้นคริสต์ศตวรรษที่ 20 นำท่านผ่านชม “ถนนสายวงแหวน (Ringstrasse)” ที่รายล้อมไปด้วยอาคารอันงดงามสถาปัตยกรรมเก่าแก่ ผ่านชมโรงละครโอเปร่า ที่สร้างขึ้นในระหว่างปีค.ศ.1863-1869 แต่ตัวอาคารได้ถูกทำลายไปในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2

ค่ำ ä รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร (อาหารท้องถิ่น) (16)

โรงแรม Arion City hotel Vienna หรือเทียบเท่า

วันอังคารที่ 2 ม.คพระราชวังเชินบรุนน์ (Schoenbrunn Palace) – ย่านถนนคาร์ทเนอร์-สนามบินเวียนนา

ประเทศออสเตรีย (เที่ยวบิน OS025 เวลา 23.25-15.30) บินตรง

เช้า ä บริการอาหารเช้า ณ ห้องอาหารโรงแรม (17)

นำท่านเข้าชม “พระราชวังเชินบรุนน์ (Schoenbrunn Palace)” แห่งราชวงศ์ฮัปสเบิร์ก ซึ่งมีประวัติการสร้างมาตั้งแต่กลางคริสต์ศตวรรษที่ 16 และต่อมาพระนางมาเรีย เทเรซ่า ให้สร้างขึ้นใหม่อย่างสง่างามด้วยจำนวนห้องถึง 1,441 ห้องในระหว่างปีค.ศ.1744 – 1749 เพื่อใช้เป็นพระราชวังฤดูร้อน ชมความโอ่อ่าของท้องพระโรงและพลับพลาที่ประทับ ซึ่งได้รับการตกแต่งอย่างวิจิตรบรรจง และสวยงามไม่แพ้พระราชวังแวร์ซายของฝรั่งเศส

เที่ยง ä รับประทานอาหารเที่ยง ณ ภัตตาคาร (อาหารจีน) (18)

จากนั้นเชิญช้อปปิ้งสินค้าเครื่องแก้วสวาร็อฟสกี้ หรือสินค้านานาชนิด อาทิเช่น Louis Vitton,Gucci, ร้านนาฬิกา Bucherer ,สินค้าเสื้อแฟชั่นวัยรุ่นทันสมัย เช่น Zara ,H&M ฯลฯ และสินค้าของฝาก เช่น ช๊อคโกแลตโมสาร์ท ใน “ย่านถนนคาร์ทเนอร์ (Karntnerstrabe)” ใจกลางกรุงเวียนนา

ถึงเวลาอันสมควร พาท่านเดินทางสู่สนามบินเวียนนา ประเทศออสเตรีย ให้ท่านมีเวลาในการทำคืนภาษี (Tax Refund) และ มีเวลาในการเลือกซื้อสินค้าในร้านค้าปลอดภาษีภายในสนามบิน

23.25 น. ออกเดินทางสู่สนามบินสุวรรณภูมิ โดยสายการบินออสเตรียน แอร์ไลน์ AUSTRIA AIRLINES เที่ยวบินที่ OS025

วันพุธที่ 3 ม.คถึงสนามบินสุวรรณภูมิ 15.30

15.30 น. เดินทางถึง สนามบินสุวรรณภูมิ ประเทศไทย โดยสวัสดิภาพ

**โปรแกรมอาจมีการสลับสับเปลี่ยนหน้างานโดยคำนึงถึงประโยชน์ลูกค้าเป็นสำคัญ**