Happy New Year in East Europe Germany Austria Czech Slovakia 8 วัน 5 คืน
Europe Romantic เที่ยวยุโรปตะวันออก 4 ประเทศ เยอรมนี ออสเตรีย เช็ก สโลวาเกีย

• ชมเทพนิยายของวอลดิสนีย์ ปราสาทนอยชวานสไตน์
• เยือนความงามเมืองมรดกโลก ฮัลสตัทท์, เชสกี้ครุมลอฟ และซาร์ลบูกส์
• ช้อปปิ้งจุใจ ณ Marienplatz และ Parndof Outlet
• เมนูพิเศษ!! 3 สัญชาติ ขาหมูเยอรมัน, ปลาเทราต์ฮัลสตัทท์ และเป็ดโบฮีเมียน

กำหนดการเดินทาง 27 ธันวาคม 2566 – 03 มกราคม 2567

วันแรก ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ

27 ธ.ค. 66

22.00 น. สมาชิกทุกท่านพร้อมกัน ณ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ประตูทางเข้าหมายเลข 8 ชั้น 4 เคาน์เตอร์ Q สายการบิน Qatar Airways (QR) โดยมีเจ้าหน้าที่คอยจัดเตรียมเอกสารการเดินทางสำหรับทุกท่านและนำท่านโหลดสัมภาระ

วันที่สอง ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ – ท่าอากาศยานนานาชาติโดฮา – ท่าอากาศยานมิวนิก – มิวนิก

28 ธ.ค. 66

01.50 น. ออกเดินทางสู่ ท่าอากาศยานนานาชาติโดฮา โดยสายการบิน Qatar Airways เที่ยวบินที่ QR837 (บริการอาหารและเครื่องดื่มบนเครื่อง)

05.15 น. เดินทางถึง ท่าอากาศยานนานาชาติโดฮา ประเทศกาตาร์ แวะพักเปลี่ยนเครื่องเพื่อเดินทางต่อไปยังเมืองมิวนิก ประเทศเยอรมนี

08.30 น. ออกเดินทางสู่ ท่าอากาศยานมิวนิก ประเทศเยอรมนี โดยสายการบิน Qatar Airways เที่ยวบินที่ QR057 (บริการอาหารและเครื่องดื่มบนเครื่อง)

12.50 น. เดินทางถึง เมืองมิวนิก ปรเทศเยอรมนี เมืองที่เป็นศูนย์รวมความน่าสนใจ ทั้งความงามด้านศิลปะ โบราณสถาน สถาปัตยกรรม และประวัติศาสตร์ที่สำคัญ ผ่านพิธีตรวจคนเข้าเมืองเรียบร้อยแล้ว

นำท่านแวะถ่ายภาพ พระราชวังนิมเฟนเบิร์ก (Nymphenburg Palace) นิมเฟนเบิร์กเป็นวังฤดูร้อนของพระราชวงศ์ผู้กครองบาวาเรียผู้ริเริ่มสร้างปราสาทคือ เฟอร์ดินานด์ มาเรีย เจ้าชายอีเล็คเตอร์แห่งบาวาเรีย และเฮ็นเรียตตา อเด ลเลดแห่งซาวอย ตามแบบของสถาปนิกอากอสติโนบาเรลลิในปี ค.ศ. 1664 หลังจากทรงมี พระโอรสองค์แรก, แม็กซิมิลเลียน ที่ 2 เอ็มมานูเอลเจ้าชาย อีเล็ค เตอร์แห่งบาวาเรียส่วนกลางของวงัสร้างเสร็จในปีค.ศ. 1675 อิสระให้ทุกท่านได้เดินเล่นถ่ายภาพด้านนอกพระราชวัง

จากนั้นนำท่านเดินทางไปยังจัตุรัสกลางใจเมือง มาเรียนพลัสซ์ (Marienplatz) ในเขตเมืองเก่าปัจจุบันใช้เป็นสถานที่สำหรับงานพิธีต่างๆ ที่สำคัญของเมือง อาทิเช่น งานวันชาติ ตลาดคริสมาตร์ วันปีใหม่ เป็นต้น นำท่านถ่ายภาพ ศาลาว่าการใหม่ (New Town Hall) ที่ได้ใช้ทำการแทนศาลาว่าการเก่าตั้งแต่ปี 1874 เห็นได้ง่ายด้วยหอคอยแหลมสูงและการออกแบบและตกแต่งอย่างประณีตไม่แพ้ปราสาทหรือพระราชวัง ศาลาว่าการเก่า (Old Town Hall) อาคารสีขาวสะอาดหลังนี้เป็นศาลาว่าการของเมืองมิวนิคมาตั้งแต่ปี 1310 แม้จะผ่านมากว่า 700 ปี แต่ก็ยังสวยและสง่าด้วยศิลปะสไตล์โกธิค อีกหนึ่งสัญลักษณ์ที่สำคัญคือ มหาวิหารเฟราเอน (Frauenkirche Catedral) เป็นโบสถ์คริสต์ศาสนานิกายโรมันคาทอลิกที่เก่าแก่ จุดเด่นคือหอคอยคู่ที่เป็นโดมหัวหอมใหญ่ 2 โดม มีความสูงถึง 99 เมตร ภายในมีรอยรอยเท้าขนาดใหญ่ ที่เชื่อกันว่าเป็นรอยเท้าของปีศาจตั้งอยู่ อิสระให้ทุกท่าเดินเล่นเล่น ถ่ายภาพ และช้อปปิ้งแบรนด์เนมได้ตามอัธยาศัย

เย็น รับประทานอาหารเย็น ณ ภัตตาคาร

ที่พัก โรงแรมMercure Hotel München Neuperlach Süd หรือเทียบเท่าระดับเดียวกัน

วันที่สาม โฮเฮนชวานเกา – ปราสาทนอยชวานสไตน์ – ฟุสเซ่น – โรเซินไฮม์

29 ธ.ค. 66

เช้า บริการอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม

นำทุกท่านเดินทางสู่เมือง โฮเฮนชวานเกา(Hohenschwangau) เมืองที่เป็นที่ตั้งของ 2 ปราสาทพ่อ ลูก ชื่อดังที่เป็นต้นแบบของปราสาทในเทพนิยายอันคุ้นตา ปราสาทโฮเฮนชวานเกา (Hohenschwangau Castle) และ ปราสาทนอยชวานสไตน์ (Neuschwanstein Castel)

กลางวัน บริการอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร เมนูพิเศษ!! ขาหมูเยอรมัน

นำท่านเข้าชมด้านใน ปราสาทนอยชวานสไตน์ (Neuschwanstein Castel) ตัวปราสาทตั้งตระหง่านอยู่ตรงเชิงหินผาที่มีความสูงกว่า 200 เมตร ท่ามกลางธรรมชาติทั้งแม่น้ำพอลลัท และทิวทัศน์ของป่าเขาที่มีสีสันสวยงามเปลี่ยนไปในแต่ละฤดู ถูกสร้างขึ้นในสมัยของพระเจ้าลุดวิกที่ 2 แห่งบาวาเรีย ที่สำคัญความสวยงามของปราสาทแห่งนี้ยังถูกใช้เป็นต้นแบบ และสัญลักษณ์ของปราสาทในเทพนิยายของวอลดิสนีย์อีกด้วย

หมายเหตุ : .ในกรณีหากไม่สามารถเข้าชมด้านในปราสาทนอยชวานสไตน์ได้ ทางบริษัทขออนุญาตปรับโปรแกรมเป็นเข้าชมด้านในของปราสาทโฮเฮนชวานเกาแทนตามความหมาะสม

จากนั้นทำท่านเดินทางสู่ เมืองฟุสเซ่น (Fussen) เป็นเมืองขนาดเล็กๆ ตั้งอยู่ในแควนบาวาเรีย ประเทศเยอรมนี ในเขตอ็อสท์อัลก็อย (Ostallgäu) และยังเป็นเมืองที่ตั้งอยู่ห่างจากชายแดนของประเทศออสเตรียเพียง 5 กิโลเมตร

เย็น รับประทานอาหารเย็น ณ ภัตตาคาร

จากนั้นทำท่านเดินทางสู่ โรเซินไฮม์ (Rosenheim) เมืองที่มีขนาดใหญ่ที่สุดทางตอนใต้ของรัฐบาวาเรีย เป็นเมืองที่มีประวัติศาสตร์อันยาวนานสามารถเห็นได้จากสถาปัตยกรรมที่แสดงถึงความเจริญรุ่งเรืองของเมืองการค้าในยุคแรกๆ

ที่พัก โรงแรม Tryp By Wyndham Rosenheim ระดับ 4 ดาว หรือเทียบเท่าระดับเดียวกัน

วันที่สี่ ฮัลสตัทท์ – ซาร์ลบูกส์ – สวนมิราเบล – ถนนเกไทรย์เดอกาสเซอ – ลินซ์

30 ธ.ค. 66

เช้า บริการอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม

นำท่านเดินทางไปยังเมือง ฮัลสตัทท์ (Hallstatt) เมืองมรดกโลกอันเก่าแก่ที่มีอายุมากกว่า 4,000 ปี เมืองนี้มีความสวยงาม และเป็นเอกลักษณ์จากตัวเมือง บ้านเรือนที่ตั้งอยู่ริมทะเลสาบ รายล้อมไปด้วยภูเขาสูง จนได้รับฉายาว่า “ไข่มุกแห่งออสเตรีย” และได้รับการขึ้นทะเบียนมรดกโลกในปี ค.ศ.1997อิสระเดินเล่นชม เซ็นทรัลสแควร์ (Central Square Marktplatz) จัตุรัสกลางเมืองที่ใช้จัดงานเทศกาลต่างๆ ในเมือง เมื่อเดินลัดเลาะไปเรื่อยๆ จะเห็นโบสถ์แสนสวยที่ตั้งอยู่ริมทะเลสาบชื่อว่า โบสถ์พาริช (Parish Church) และที่พลาดไม่ได้คือการเดินเข้าไปยังจุดชมวิวของหมูบ้านริมทะเลสาบแห่งนี้ ที่ไม่ว่าจะเป็นนักท่องเที่ยว หรือคนพื้นเมืองก็ต้องแวะเก็บภาพความประทับใจ ณ มุมมหาชนแห่งนี้ทุกครั้งที่ได้มาเยือน

กลางวัน บริการอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร เมนูพิเศษ!! ปลาเทราต์ย่างเกลือ

จากนั้นพาท่านไปต่อยังเมือง ซาลส์บูร์ก (Salzburg) เมืองที่ใหญ่เป็นอันดับ 4 ของออสเตรีย เป็นเมืองที่มีชื่อเสียง และเป็นที่รู้จักกันว่าเป็นบ้านเกิดของของศิลปินระดับโลกโมสาร์ท ด้วยความสวยงามแบบคลาสสิค และความอลังการทางประวัติศาสตร์ทำให้เมืองนี้ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมืองมรดกโลกในปี ค.ศ. 1996 ตัวเมืองมีแม่น้ำหลัก Salzach สีเขียวมรกตไหลผ่าน ซึ่งถือเป็นแม่น้ำหลักของออสเตรียที่ไหลต่อไปจนถึงเยอรมนี

นำท่านถ่ายภาพบริเวณ สวนมิราเบล(Mirabell Garden) ส่วนหนึ่งของพระราชวังมิราเบล ตกแต่งด้วยศิลปะสไตล์บารอก ภายในสวนมีทั้งรูปปั้น และดอกไม้มากมากมายให้ได้เลือกถ่ายภาพ เคยถูกใช้เป็นฉากในการถ่ายหนังเรื่อง The Sound of Music อีกด้วย

จากนั้นนำท่านเดินข้ามสะพานไปยังตัวเมืองเก่า ถนนเกไทรย์เดอกาสเซอ (Gatreidegasse) ถนนย่านการค้าสำคัญที่เคยพลุกพล่านไปด้วยผู้คนมากมายที่ใช้แลกเปลี่ยนสินค้ากันในประวัติศาสตร์ ปัจจุบันเป็นที่ต้องของบ้านเกิดโมสาร์ท ร้านอาหาร ร้านกาแฟ และร้านค้าแบรนด์เนมมากมาย อิสระให้ท่านเลือกซื้อสินค้า เดินเล่นตามอัธยาศัย นำทุกท่านเดินทางต่อไปยังเมืองลินซ์ (Linz) เมืองที่ใหญ่เป็นอันดับที่ 3 ของประเทศออสเตรีย ตั้งอยู่บริเวณริมแม่น้ำดานูบ

เย็น รับประทานอาหารเย็น ณ ห้องอาหารของโรงแรม

ที่พัก โรงแรม Park Inn by Radisson Linz หรือเทียบเท่าระดับเดียวกัน

วันที่ห้า ลินซ์ – เชสกี้ ครุมลอฟ – ปราก – มหาวิหารเซนต์ไวตัส – สะพานชาร์ลส์

31 ธ.ค. 66

เช้า บริการอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม

นำท่านเดินทางต่อไปยังเมือง เชสกี้ ครุมลอฟ (Cesky Krumlov) เมืองเล็กๆ ที่ตั้งอยู่ทางตอนใต้ของสาธารณเช็ก ถูกล้อมรอบไปด้วยแม่น้ำวัลตาวาทำให้ตัวเมืองมีลักษณะเป็นตัว S คล้ายหยดน้ำ โดยในอดีตเป็นที่ตั้งของชุมชนเก่าแก่ เคยเป็นสมบัติของขุนนางเก่าแก่ใน 3 ตระกูล แต่ในปัจจุบันได้กลายเป็นสมบัติของรัฐบาลเช็กเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ตัวอาคารหลายร้อยหลังที่ถูกสร้างขึ้นมาตั้งแต่ในช่วงยุคกลาง ยังคงเหลือความสวยงาม และความเป็นเอกลักษณ์ให้ได้เห็นจนถึงปัจจุบัน ด้วยความสวยงามของนี้จึงทำให้ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกในปี ค.ศ. 1992 พาท่านเดินขึ้นไปถ่ายภาพ และชมวิวตรงบริเวณด้านนอกปราสาทครุมลอฟ ท่านจะได้เห็นนาฬิกาดาราศาสตร์ และตัววิวของเมืองที่เต็มไปด้วยหลังคาสีส้มอิฐมากมายสลับปะปนกันไปมา

กลางวัน บริการอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร เมนูพิเศษ!! เป็ดโบฮีเมียน

นำท่านเดินเที่ยวชมย่ามเมืองเก่าของเมือง ปราก (Prague) เป็นเมืองแสนโรแมนติกที่ได้รับฉายาว่า นครแห่งปราสาทร้อยยอด นำท่านชมปราสาทแห่งปราก(Prague Castle) เป็นปราสาทที่ใหญ่ที่สุดในสาธารณรัฐเช็ก สร้างขึ้นในปี 885 อดีตเคยเป็นปราสาทของกษัตริย์แห่งเช็กในอดีต แต่ปัจจุบันรัฐบาลทำเป็นทำเนียบประธานาธิบดี นอกจากนี้ปราสาทยังได้รับการรับรองจากกินเนสส์บุ๊คว่า เป็นปราสาทโบราณใหญ่ที่สุดในโลก โดยมีความยาวประมาณ 570 เมตร และความกว้างประมาณ 130 เมตร จากนั้นแวะถ่ายภาพความสวยงามของ มหาวิหารเซนต์ไวตัส (St. Vitus Cathedral) เป็นมหาวิหารสไตล์โกธิกที่ใหญ่ที่สุดในกรุงปราก โดยพระเจ้าชาร์ลที่ 4 โปรดให้สร้างขึ้นในปี ค.ศ.1344 ภายในมหาวิหารเป็นที่ไว้พระศพของบรรดากษัตริย์สำคัญในอดีต พระศพของพระเจ้าชาร์ลส์ที่ 4 ก็ฝังอยู่ที่นี่

จากนั้นนำท่านชมสะพานชาร์ลส์ (Charles Bridge) เป็นสะพานประวัติศาสตร์ ข้ามแม่น้ำวัลตาวา ในกรุงปราก ประเทศเช็กเกีย สร้างขึ้นในสมัยพระเจ้าชาร์ลส์ที่ 4 เดิมมีชื่อว่าสะพานหิน หรือ สะพานแห่งกรุงปราก ต่อมาเมื่อปี ค.ศ.1870 จึงเปลี่ยนชื่อเป็น สะพานชาร์ลส์ หอนาฬิกาดาราศาสตร์ (Town Hall Clock) เป็นเครื่องบอกเวลาให้กับชาวปราก หอนาฬิกาดาราศาสตร์ถูกสร้างขึ้นในปี ค.ศ.1410 ส่วนประกอบหลักของหอนาฬิกาได้แก่ นาฬิกาดาราศาสตร์ จะแสดงวิถีการโคจรของดวงอาทิตย์และดวงจันทร์ ด้านล่างของนาฬิกาดาราศาสตร์จะมีหน้าปัดแสดงเดือนในปัจจุบัน และด้านบนสุดมีรูปปั้น 12 สาวกของพระเยซู เมื่อเวลาเดินมาครบชั่วโมงจะมี เสียงระฆังดังพร้อมกับรูปปั้น 12 สาวกของพระเยซูคริสต์ที่พากันเดินขบวนกันอยู่หลังช่องหน้าปัด

เย็น รับประทานอาหารเย็น ณ ภัตตาคาร

ที่พัก โรงแรม Hotel Olympik หรือเทียบเท่าระดับเดียวกัน

วันที่หก บราติสลาวา – ปราสาทบราติสลาวา – ย่านเมืองเก่า – McArthur Glen Outlet Parndof

เวียนนา

01 ม.ค. 67

เช้า บริการอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม

นำท่านเดินทางไปยังเมือง บราติสลาวา (Bratislava) เมืองหลวงของประเทศสโลวาเกีย แม้จะเป็นเมืองหลวงเล็กๆ ต่างจากเมืองหลวงในยุโรปประเทศอื่น แต่ก็มากไปด้วยความสำคัญทางประวัติศาสตร์ เพราะเคยเป็นเมืองหลวงของราชอณาจักรฮังการี ทั้งยังหลากหลายไปด้วยเชื้อชาติ วัฒนธรรมที่ผสมผสานกัน

กลางวัน บริการอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร

นำท่านแวะถ่ายภาพหน้า ปราสาทบราติสลาวา(Bratislava Castle) แลนด์มาร์ก และสัญลักษณ์สำคัญของเมืองบราติสลาวา ตั้งอยู่บนเนินเขาที่สามารถมองเห็นแม่น้ำดานูบและตัวเมืองได้อย่างลงตัว

นำท่านเที่ยวชม ย่านเมืองเก่า (Old Town) ศูนย์กลางด้านประวัติศาสตร์ของเมือง เป็นย่านที่เป็นที่ตั้งของอาคารโบราณที่สำคัญหลายแห่งของเมือง มากมายด้วยโบสถ์ ปราสาท และอาคารที่ล้วนสำคัญจนประเมินค่าไม่ได้ ชมย่าน จัตุรัสกลาง (Main Square) จัตุรัสที่มีชื่อเสียงของประเทศสโลวาเกีย เป็นจัตุรัสโล่งกว้าง ล้อมรอบด้วยอาคารและมีจุดเด่นคือ น้ำพุโรแลนด์ (Roland Fountain) ที่ตั้งอยู่กลางจัตุรัส เป็นแลนด์มาร์กที่สำคัญมากของเมืองที่ถูกสร้างขึ้นครั้งแรกในปี 1572 เพื่อเป็นจุดบริการน้ำสาธารณะสำหรับประชาชนในเมือง ก่อนจะมีการสร้างรูปปั้นของกษัตริย์แมกซิมิเลียนในชุดอัศวินพร้อมเกราะเต็มยศขึ้นเหนือน้ำพุ เป็นสัญลักษณ์ของผู้ ปกป้อมเมืองนั่นเอง อีกหนึ่งสิ่งก่อสร้างในบริเวณนี้ที่สำคัญไม่แพ้กันก็คือ ศาลากลางเมืองเก่า (Old Town Hall) อาคารโบราณที่สร้างขึ้นในช่วงศตวรรษที่ 14 ที่คงรักษามาจนถึงปัจจุบันที่กลางเป็นอาคารศาลากลางเมืองที่เก่าแก่ที่สุดในประเทศสโลวาเกีย และเป็นอาคารที่สร้างจากหินที่อายุมากที่สุดที่ยังยืนหยัดอยู่ได้ในเมืองบราติสลาวา อาคารแห่งนี้ได้ถูกใช้เป็นศาลาว่าการตั้งแต่ศตวรรษที่ 15-19 ปัจจุบันภายในศาลาว่าการแห่งนี้ได้รับ การบูรณะใหม่ให้เป็นพิพิธภัณฑ์บราติสลาวาให้นักท่องเที่ยวและผู้ที่สนใจเข้าเยี่ยมชมประวัติศาสตร์ของเมือง ไม่ไกลนักจะเห็นอาคารสีชมพูที่ออกแบบอย่างเรียบหรูในสไตล์นีโอคลาสสิค พระราชวังพริเมท (Primate Palace) ที่สร้างขึ้นในศตวรรษที่ 18 สำหรับเป็นที่พำนักของอาร์คบิชอป ปัจจุบันเป็นสถานที่ทำงานของนายกแห่งบราติสลาวา และหากมีเวลาอย่าลืมเดินตามหารูปปั้น Cumil และถ่ายภาพคู่กับ 1 ในสัญลักษณ์ของเมืองนี้กัน

นำท่านเดินทางสู่เมือง ปาร์นดอฟ (Parndof) อิสระให้ท่านช้อปปิ้ง ณ แมคอาเธอร์ เกลน เอาท์เลท ปาร์นดอฟ (McArthur Glen Outlet Parndof) เอาท์เลทขนาดใหญ่ที่เน้นแบรนด์เนมในราคาสุดพิเศษจำนวนมาก ภายในนั้นมากพร้อมด้วยแบรนด์ชั้นนำจากเกือบทั่วโลกมาให้เลือกซื้อเลือกช้อปกัน เช่น Gucci Burberry, Benetton, Calvin Klein, Crocs, Guess, Lacoste, Diesel และอีกมากมาย

** อิสระอาหารมื้อเย็น เพื่อการช้อปปิ้งอย่างต่อเนื่อง **

จากนั้นนำท่านเดินทางสู่เมือง เวียนนา (Vienna) เมืองหลวงของประเทศออสเตรีย เข้าสู่ที่พัก

ที่พัก โรงแรม NH Vienna Airport Conference Center หรือเทียบเท่าระดับเดียวกัน

วันที่เจ็ด เวียนนา – พระราชวังเชินบรุนน์ – พระราชวังเบลเวอร์เดียร์ – ท่าอากาศยานนานาชาติเวียนนา

02 ม.ค. 67

เช้า บริการอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม

นำท่านแวะถ่ายภาพบริเวณด้านหน้า พระราชวังเชินบรุนน์ (Schonbrunn Palace) พระราชวังขนาดใหญ่แสนงดงามที่อยู่คู่เวียนนามาตั้งแต่ศตวรรษที่ 18 พระราชวังสีเหลืองอ่อนแห่งนี้เคยเป็นที่ประทับของจักรพรรดิแห่งราชวงศ์ฮับส์บูร์ก ตกแต่งอย่างประณีตสง่างามสมฐานนะพระราชวังหลวง พร้อมตกแต่งด้วยศิลปะชั้นเยี่ยมจำนวนมาก พระราชวังสไตล์บาโรค ที่ใหญ่โตและอลังการด้วยการสถาปัตยกรรมภายในและศิลปะแสนประณีต ด้วยความยิ่งใหญ่งดงาม และความสำคัญของพระราชวังแห่งนี้ ทำให้ได้ถูกขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกชิ้นสำคัญไปในปี 1996

นำท่านแวะถ่ายภาพบริเวณด้านหน้า พระราชวังเบลเวอร์เดียร์ (Belverdere Palace) สร้างขึ้นเมื่อปี ค.ศ. 1663 เพื่อเป็นที่ประทับของเจ้าชายยูจีน รวมถึงเป็นสถานที่เก็บสะสมงานศิลปะต่างๆ มากมาย ด้านในของพระราชวังจึงมีการแบ่งออกเป็น 2 โซนใหญ่ๆ คือ Lower Belverdere และ Upper Belverdere ปัจจุบันพระราชวังแห่งนี้ได้กลายเป็น พิพิธภัณฑ์ภาพเขียนออสเตรียนแกลเลอรี (Osterreichische Galerie หรือ Austrian Gallery)

ได้เวลาอันสมควรนำท่านเดินทางสู่ ท่าอากาศยานนานาชาติเวียนนา ประเทศออสเตรีย เพื่อเตรียมตัวเดินทางกลับสู่ประเทศไทย

15.50 น. ท่าอากาศยานนานาชาติโดฮา โดยสายการบิน Qatar Airways เที่ยวบินที่ QR184 (บริการอาหารและเครื่องดื่มบนเครื่อง)

23.00 น. เดินทางถึง ท่าอากาศยานนานาชาติโดฮา ประเทศกาตาร์ แวะพักเปลี่ยนเครื่องเพื่อเดินทางต่อไปยังประเทศไทย

วันที่แปด ท่าอากาศยานนานาชาติโดฮา - ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ

03 ม.ค. 67

02.20 น. ออกเดินทางสู่ ท่าอากาศยานนานาชาติสุวรรณภูมิ โดยสายการบิน Qatar Airways เที่ยวบินที่ QR836 (บริการอาหารและเครื่องดื่มบนเครื่อง)

12.40 น. เดินทางถึง ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ โดยสวัสดิภาพ พร้อมความประทับใจ