|
|
![]() ทัวร์ยุโรปรหัส : Z10884
เดินทางโดย : WY-โอมานแอร์
โรงแรม :
![]()
สวิตเซอร์แลนด์ - อิตาลี : นั่งรถไฟขบวนพิเศษสายโรแมนติก Bernina Express - ขึ้นกระเช้าสู่ยอดเขา Diavolezza - เมืองสุดคลาสสิคริมแม่น้ำไรน์ - ชมน้ำตกไรน์ - ปราสาทวาดุซ - ทะเลสาบโคโม่ - เมืองเวนิสแห่งอิตาลี - เที่ยวเมืองเวโรนา Little Roman - มหาวิหารมิลาน
➥ กรุงเทพฯ(สนามบินสุวรรณภูมิ) - แวะพักเปลี่ยนเครื่อง ท่าอากาศยานนานาชาติมัสกัต - ท่าอากาศยานซูริค - เข้าที่พัก ➥ เมืองชาฟฟ์เฮาเซิน - น้ำตกไรน์ - เมืองวาดุซ - ปราสาทวาดุซ - บ้านสีแดงแห่งวาดุซ - มหาวิหารวาดุซ - สะพานเก่าข้าม - แม่น้ำไรน์ - เมืองคูร์ ➥ นั่งรถไฟสายโรแมนติก เบอร์นีน่า เอ็กซ์เพรส - สถานีดีอาโวเลซซ่า - ยอดเขาดิอาโวเลซซา - เมืองโคโม่ - ทะเลสาบโคโม่ ➥ ท่าเรือตรอนเคตโต้ - เกาะเวนิส - จัตุรัสซานมาร์โค - สะพานริอัลโต - โบสถ์เซนต์มาร์ก - พระราชวังดอจส์ ➥ เมืองเวโรนา - จัตุรัสเออร์เบ - หอคอย Torre Dei Lamberti - โรมัน อารีน่า - มหาวิหารซานเซโน - บ้านของจูเลียต - เมืองมิลาน - ช้อปปิ้งห้าง Galleria Vittorio Emanuele ➥ มหาวิหารแห่งมิลาน - Serravalle Designer Outlet - ท่าอากาศยานมิลาโนมัลเปนซา ➥ แวะพักเปลี่ยนเครื่อง ท่าอากาศยานนานาชาติมัสกัต - กรุงเทพฯ(สนามบินสุวรรณภูมิ) ➥ ไม่รวม ค่าวีซ่า และค่าบริการ 5,500 บาท (ชำระพร้อมมัดจำทัวร์) - ค่าทิปไกด์ คนขับรถท่านละ 60 EUR ต่อท่าน - ทิปหัวหน้าทัวร์แล้วแต่ความประทับใจ - ค่าภาษีน้ำมันที่สายการบินเรียกเก็บเพิ่มภายหลังจากทางบริษัทฯ ได้ออกตั๋วเครื่องบิน และได้ทำการขายโปรแกรมไปแล้ว- ค่าพนักงานยกกระเป๋าที่โรงแรม - ไม่มีเจ้าหน้าที่รับ-ส่งเอกสารวีซ่า โปรดส่งเอกสารทางระบบขนส่ง ตรงถึง Center แผนกวีซ่า - ค่าแปลเอกสารที่ต้องรับรอง เป็นภาษาอังกฤษ (ถ้ามี)
คลิกดูโปรแกรมฉบับเต็ม (PDF)
เดินทาง :
รายการนี้ยังไม่มีพีเรียดเดินทาง Download PDF
สวิตเซอร์แลนด์ - อิตาลี 7 วัน 5 คืน Bernina X Diavolezza SWISS ITALY LIECHTENSTEIN เดินทางโดยสายการบิน OMAN AIR น้ำหนักสัมภาระโหลดใต้ท้องเครื่อง 30 กก. / CARRY ON 7 กก. FLIGHT: DEPARTURE: WY818 BKK-MCT 09.15-12.25 WY153 MCT-ZRH 14.45-19.05 RETURN: WY144 MXP-MCT 21.30-06.45 WY815 MCT-BKK 09.05-17.45 นั่งรถไฟขบวนพิเศษสายโรแมนติก Bernina Express ขึ้นกระเช้าสู่ยอดเขา Diavolezza เมืองสุดคลาสสิคริมแม่น้ำไรน์ ชมน้ำตกไรน์ ปราสาทวาดุซ ทะเลสาบโคโม่ เมืองเวนิสแห่งอิตาลี เที่ยวเมืองเวโรนา Little Roman มหาวิหารมิลาน 05.30 น. พร้อมกัน ณ ท่าอากาศยานนานาชาติสุวรรณภูมิ อาคารผู้โดยสารระหว่างประเทศขาออกชั้น 4 เคาน์เตอร์ สายการบิน OMAN AIR โดยมี เจ้าหน้าที่บริษัทฯ คอยต้อนรับและอำนวยความสะดวกด้านเอกสาร ติดแท็กกระเป๋า 09.15 น. นำท่านเดินทางสู่ ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ โดยสายการบิน OMAN AIR (WY) เที่ยวบินที่ WY818 12.25 น. เดินทางถึง ท่าอากาศยานนานาชาติมัสกัต ประเทศโอมาน แวะพักเปลี่ยนเครื่อง 14.45 น. นำท่านเดินทางสู่ ท่าอากาศยานซูริค โดยสายการบิน OMAN AIR (WY) เที่ยวบินที่ WY153 19.05 น. เดินทางถึง ท่าอากาศยานซูริค ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ นำท่านผ่านพิธีตรวจคนเข้าเมืองและศุลกากร นำท่านผ่านขั้นตอนการตรวจคนเข้าเมืองและพิธีการทางศุลกากร (เวลาท้องถิ่นช้ากว่าประเทศไทย 5 ชั่วโมง) จากนั้นนำท่านเดินทางเช็คอินเข้าที่พักและให้ท่านได้พักผ่อนตามอัธยาศัย ที่พัก : Dorint Airport Hotel Zurich 4* หรือโรงแรมระดับใกล้เคียงกัน (ชื่อโรงแรมที่ท่านพักทางบริษัทจะทำการแจ้งพร้อมใบนัดหมาย 5-7 วัน ก่อนเดินทาง) เช้า ä รับประทานอาหารเช้า ณ โรงแรม (มื้อที่1) จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ เมืองชาฟฟ์เฮาเซิน (Schaffhausen) (ระยะทาง 50 ก.ม. / 1 ชม.) เมืองที่ตั้งอยู่ทางตอนเหนือของประเทศ ซึ่งตั้งอยู่ในวงล้อมของประเทศเยอรมนีทั้ง 3 ทิศทาง โดยมี น้ำตกไรน์ (Rhein) ไหลผ่านเมือง ให้ท่านชมความงามของ น้ำตกไรน์ เป็นน้ำตกขนาดใหญ่ที่สุดของทวีปยุโรป ตั้งอยู่บนแม่น้ำไรน์บริเวณพรมแดนระหว่างรัฐชาฟเฮาเซินกับรัฐซูริค น้ำตกแห่งนี้มีความกว้าง 150 เมตรและสูง 23 เมตร ให้ท่านอิสระถ่ายภาพเก็บความประทับใจกับความสวยงามของน้ำตกไรน์ นำท่านเดินทางสู่ เมืองวาดุซ (Vaduz) (ระยะทาง 138 กม./ 1.30 ชม.) เป็นเมืองหลวงของประเทศลิกเตนสไตน์ และเป็นที่ตั้งของรัฐสภาแห่งชาติ เมืองตั้งอยู่ริมแม่น้ำไรน์ มีประชากรราว 5,100 คน เที่ยง ä รับประทานอาหารเที่ยง (มื้อที่2) จากนั้นนำท่านผ่านชมปราสาทวาดุซ (Vaduz Castle) ตั้งโดดเด่นอยู่บนยอดเขาสูงชันใจกลางเมืองวาดุซ เป็นพระราชวังและที่ประทับอย่างเป็นทางการของเจ้าชายแห่งลิกเตนสไตน์ ปราสาทตั้งชื่อให้เมืองวาดุซ เมืองหลวงของลิกเตนสไตน์ ปราสาทแห่งนี้ไม่เปิดให้สาธารณชนเข้าชม เนื่องจากครอบครัวของเจ้าชายยังคงอาศัยอยู่ในปราสาท บ้านสีแดงแห่งวาดุซ (Red House) บ้านท่ามกลางภูเขา ลักษณะตัวอาคารเป็นสีแดงเข้ม ก่อสร้างขึ้นมาตั้งแต่ศตวรรษที่ 15 โดยในอดีตพื้นที่ตรงนี้เคยเป็นที่ดินของราชวงศ์ Saint Johann สิ่งก่อสร้างต่างๆ ก็ถูกปล่อยทิ้งร้างไป ตระกูลของ Rheinberger ได้เข้ามาครอบครองดูแลบ้านหลังนี้ โดย Egon Rheinberger เป็นจิตรกรผู้มีชื่อเสียงในลิกเตนสไตน์ มีความสามารถทั้งทางด้านแกะสลัก สถาปนิก ได้มาบูรณะซ่อมแซมบ้านหลังนี้ให้ดูสวยงามมาก มหาวิหารวาดุซ หรือ วิหารเซนต์ฟลอริน (Vaduz Cathedral) เป็นโบสถ์สไตล์นีโอโกธิค และเป็นศูนย์กลางของอัครสังฆมณฑลนิกายโรมันคาทอลิกในวาดุซ เดิมทีเป็นโบสถ์ประจำเขต แต่ได้รับสถานะเป็นมหาวิหารตั้งแต่ปี 1997 สร้างขึ้นในปี พ.ศ. 2417 สะพานเก่าข้ามแม่น้ำไรน์ (Old Rhine Bridge) สะพานไม้ไว้ใช้สำหรับสัญจรข้ามแดนระหว่างประเทศลิกเตนสไตน์ และประเทศสวิตเซอร์แลนด์ นำท่านเดินสู่ เมืองคูร์ (Chur) เมืองเล็กริมฝั่งแม่น้ำไรน์ทางตะวันออกของประเทศสวิตเซอร์แลนด์ เป็นเมืองที่เก่าแก่ที่สุด มีประวัติศาสตร์ยาวนานกว่า 5,000 ปี. (ระยะทาง 40 กม./ 30 นาที) เย็น ä รับประทานอาหารเย็น (มื้อที่3) ที่พัก : Hotel Mercure City West 4* หรือโรงแรมระดับใกล้เคียงกัน (ชื่อโรงแรมที่ท่านพักทางบริษัทจะทำการแจ้งพร้อมใบนัดหมาย 5-7 วันก่อนเดินทาง) เช้า ä รับประทานอาหารเช้า ณ โรงแรม (มื้อที่4) นำท่านนั่งรถไฟขบวนพิเศษสายโรแมนติก เบอร์นีน่า เอ็กซ์เพรส (Bernina Express) จากสถานีเมืองคูร์ (Chur) มุ่งหน้าสู่ สถานีปอนเตรซินา (Pontresina) เป็นรถไฟสายที่เก่าแก่ที่สุดของประเทศสวิตเซอร์แลนด์ เปิดให้บริการครั้งแรกเมื่อปีค.ศ.1910 ตู้โดยสารชมวิวแบบพาโนราม่า ผ่านเขตใจกลางเทือกเขาแอลป์ ที่มีหิมะปกคลุมตลอดปี ผ่านหุบเหว ลำธาร โตรกผา รถไฟจะวนรอบสะพาน Brusio Spiral Viaduct เป็นวงกลม 360 องศา ถือเป็นรถไฟที่สวยที่สุดในยุโรป เป็น 1 ใน 3 เส้นทางที่ได้รับการยกย่องจากยูเนสโก้ ให้เป็นรถไฟเส้นทางสายมรดกโลก เดินทางถึง สถานีดีอาโวเลซซ่า (Diavolezza station) นำท่านขึ้นกระเช้าสู่ ยอดเขาดิอาโวเลซซา ที่มีความสูงเฉียด 3,000เมตร เหนือระดับน้ำทะเล ซึ่งอยู่บนเส้นทางรถไฟสาย Bernina Express ชมวิวความสวยงามของยอดเขาแอลป์ตะวันออก ที่มียอดเขาที่สวยงามอยู่รวมกันมากมาย ชมธารน้ำแข็ง และลานชมวิว ที่สามารถเห็นไกลไปถึงเขตอิตาลี เที่ยง ä รับประทานอาหารเที่ยง (มื้อที่5) ณ ร้านอาหารบนยอดเขา นำท่านเดินทางสู่ เมืองโคโม่ (Como) (ระยะทาง 161 กม. ใช้เวลา 2.30 ชั่วโมง) เป็นเมืองในแคว้นลอมบาร์เดีย ประเทศอิตาลี ตั้งอยู่บริเวณพรมแดนกับประเทศสวิตเซอร์แลนด์ โคโม่เป็นเมืองที่ตั้งอยู่ในเทือกเขาแอลป์ ทิศเหนือของเมืองอยู่ติดกับทะเลสาบโคโม่ ถือเป็นเมืองท่องเที่ยวยอดนิยมแห่งหนึ่ง เป็นแหล่งรวมชิ้นงานศิลปะชื่อดัง, มีโบสถ์, พิพิธภัณฑ์, สวน, โรงละคร, วังเก่าอยู่มากมาย พาทุกท่านไปเก็บภาพความประทับใจกับ ทะเลสาบโคโม่ (Lake Como)ขึ้นชื่อว่าเป็นทะเลสาบที่สวยที่สุดในโลก ตั้งอยู่ใน แคว้นลอมบาร์เดีย (Lombardy) ไม่ไกลจากเมืองมิลาน (Milan) เท่าไหร่นัก ด้วยความยาวโดยรอบถึง 160 กิโลเมตร บวกกับพื้นที่รอบๆ ทะเลสาบถึง 146 ตารางกิโลเมตร จึงทำให้ทะเลสาบแห่งนี้กลายเป็นทะเลสาบที่ใหญ่ที่สุดเป็นอันดับ 3 ของประเทศอิตาลี และยังเป็นทะเลสาบที่ลึกที่สุดเป็นอันดับ 5 ในยุโรปด้วยความลึกกว่า 400 เมตร รูปร่างลักษณะเฉพาะของทะเลสาบโคโม่ทำให้นึกถึง Y ที่กลับด้านที่โด่งดังไปทั่วโลก เป็นผลมาจากการละลายของธารน้ำแข็งรวมกับการกัดเซาะของแม่น้ำ Adda โบราณ ทำให้เกิดทางแยกเป็นตัว Y และยังเป็นทะเลสาบมีทิวทัศน์ที่งดงามที่สุดแห่งหนึ่งในโลก เย็น ä รับประทานอาหารเย็น (มื้อที่6) ที่พัก : Just Hotel Lomazzo Fiera 4* หรือโรงแรมระดับใกล้เคียงกัน (ชื่อโรงแรมที่ท่านพักทางบริษัทจะทำการแจ้งพร้อมใบนัดหมาย 5-7 วันก่อนเดินทาง) เช้า ä รับประทานอาหารเช้า ณ โรงแรม (มื้อที่7) นำท่านเดินทางสู่ ท่าเรือตรอนเคตโต้ (ระยะทาง 308 กม. / 2.30 ชม.) และนั่งเรือจากท่าเรือตรอนเคตโต้สู่ เกาะเวนิส (Venice Island) (ค่าทัวร์รวมค่าล่องเรือไป-กลับแล้ว) ดินแดนแสนโรแมนติก เมืองเวนิสได้รับฉายาว่า ราชินีแห่งทะเลเอเดรียติก (Queen of the Adriatic) เมืองแห่งสายน้ำ เมืองแห่งสะพานและเมืองแห่งแสงสว่าง เที่ยง ä รับประทานอาหารเที่ยง (มื้อที่8) นำท่านชมความสวยงามของ จัตุรัสซานมาร์โค (Piazza San Marco หรือ Saint Mark Square) เป็นจัตุรัสกลางเมืองเวนิส ที่ขึ้นชื่อว่าสวยที่สุดแห่งหนึ่งในอิตาลี ล้อมรอบด้วยสถาปัตยกรรมอันงดงาม อาทิ สะพานรีอัลโต (Ponte di Rialto) เป็นหนึ่งในสะพานข้ามแกรนด์คาแนล ที่นักท่องเที่ยวนิยมแวะมาถ่ายรูปมากที่สุด เพราะสะพานแห่งนี้มีความเก่าแก่ที่สุด สร้างขึ้นครั้งแรกด้วยไม้ในปี ค.ศ.1181 เลยทีเดียว ต่อมาได้มีการรื้อและสร้างใหม่ด้วยหินอย่างที่เห็นในปัจจุบัน นอกจากสะพานรีอัลโตจะเชื่อมระหว่างเกาะ San macro กับเกาะ San polo ของเวนิสด้วย บริเวณตีนสะพานทั้งสองฝั่งยังเต็มไปด้วยร้านอาหาร คาเฟ่ และร้านค้าขายของต่างๆ อีกมากมาย จากนั้นพาท่านชม มหาวิหารเซนต์มาร์ก (St Mark’s Basilica) เป็นมหาวิหารที่ได้รับสมญานามว่า Chiesa d’oro หรือโบสถ์ทองตั้งแต่ในศตวรรษที่ 11 เป็นตัวอย่างอันสำคัญของสถาปัตยกรรมแบบไบแซนไทน์ซึ่งตั้งอยู่บนจัตุรัสซันมาร์โกกลางเมืองเวนิส โบสถ์แห่งนี้เป็นโบสถ์โรมันคาทอลิกระดับมหาวิหารประจะเขตอัครบิดรเวนิสในประเทศอิตาลีและชม พระราชวังดอจ์ด (Doge’s Palace) เป็นพระราชวังขนาดใหญ่และโอ่อ่าสวยงาม สำหรับเป็นที่พักของดยุคผู้ปกครองเมืองเวนิสในอดีต ตั้งอยู่ที่แลนด์มาร์คสำคัญของเมืองอย่างจัตุรัสซันมาร์โก และมีภายในติดกับมหาวิหาร St Mark’s Basilica ซึ่งเป็นโบสถ์หลักของเมืองเวนิสอีกด้วย จากนั้นนำท่านเดินทางกลับสู่ ท่าเรือตรอนเคตโต้ เย็น ä รับประทานอาหารเย็น (มื้อที่9) ที่พัก : Hotel Novotel Venice Mestre Castellana 4* หรือโรงแรมระดับใกล้เคียงกัน (ชื่อโรงแรมที่ท่านพักทางบริษัทจะทำการแจ้งพร้อมใบนัดหมาย 5-7 วันก่อนเดินทาง) เช้า ä รับประทานอาหารเช้า ณ โรงแรม (มื้อที่10) จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ เมืองเวโรนา (VERONA) (ระยะทาง 116 กม. / 1.30 ชม.) เมืองมรดกโลกทางวัฒนธรรมของยูเนสโก เมืองจุดเริ่มต้นตำนานความรักของโรมิโอกับจูเรียต ตั้งอยู่ที่เวโรน่า ประเทศอิตาลี มีขนาดรองลงมาจากเวนิสและยังได้รับสมญานามว่า “LITTLE ROMAN” เพราะยังคงสภาพสิ่งก่อสร้างจากสมัยโรมันไว้ได้อย่างสมบูรณ์แบบ จัตุรัสเออร์เบ (PIAZZA DELL ERBE) เป็น MARKET SPUARE ที่สวยงามเป็นที่ชุมนุมของชาวบ้านตั้งแต่ยุคโรมัน ตึกที่รายล้อมสี PASTEL หวานๆ มีร้านเล็กๆลักษณะเหมือนตลาดและมี หอคอย Torre dei Lamberti ในอดีตหอคอยแห่งนี้ใช้สำหรับสังเกตการณ์และเตือนภัยในยุคที่มีสงคราม ซึ่งการขึ้นไปบนหอคอยต้องขึ้นลิฟต์ประมาณ 7 ชั้นและเดินขึ้นบันไดต่อไปอีก 2 ชั้น ซึ่งด้านบนจะมีระฆังเหล็กขนาดยักษ์ส่งเสียงดังกังวานทุกครึ่งชั่วโมง ผ่านชม โรมัน อารีน่า (VERONA ARENA) โรงละครกลางแจ้งแบบโรมัน ลักษณะเหมือนโคลอสเซียมที่กรุงโรมแต่ขนาดเล็กกว่า เป็นสถาปัตยกรรมศิลปะโรมันโบราณอายุกว่า 2,000 ปี สามารถจุคนได้กว่า 15,000 คน ปัจจุบันยังถูกใช้เป็นสถานที่จัดแสดงคอนเสิร์ต โอเปร่า มหาวิหารซานเซโน (Basilica of San Zeno) ถูกสร้างขึ้นในค.ศ. 967 เพื่ออุทิศแก่นักบุญเซโนแห่งเวโรนา (St Zeno of Verona) นักบุญประจำเมืองที่เสียชีวิตปลายคริสต์ศตวรรษที่ 4 มหาวิหารแห่งนี้และโลงหินกลายมาเป็นแรงบันดาลใจของเช็กสเปียร์ในการเขียนฉากแต่งงานระหว่างโรมิโอและจูเลียตที่เป็นตอนจบของโศกนาฏกรรม ซานเซโนจึงเป็นสถานที่ยอดนิยมทั้งสำหรับนักแสวงบุญชาวคริสต์และแฟนๆ บทละครเช็กสเปียร์ในเวลาเดียวกัน จากนั้นนำท่านเข้าชม บ้านของจูเลียต (CASA DI GIULIETTA) บ้านเลขที่ 27 ถนน VIA CAPPELLO CASA DI GIULIETTA บ้านหลังนี้เคยเป็นของตระกูล CAPPELLO เป็นความบังเอิญที่ชื่อตระกูลคล้าย กับตระกูล CAPULET ของจูเลียต วิลเลียม เชกสเปียร์ กวีเอกของโลก ได้หยิบเอามาเป็นฉากในนิยาย นักท่องเที่ยวจึงอินกับเรื่องราวของโรมิโอกับจูเลียต บริเวณกำแพงของบ้านเต็มไปด้วยข้อความบอกรัก และคำอธิษฐานเกี่ยวกับความรักเขียนทับกันไปมาจนแทบไม่เห็นพื้นผิวกำแพงเดิม และนักท่องเที่ยวเกือบทุกคนจะต้องมุ่งไปยังรูปปั้นจูเลียต เพื่อเอามือไปลูบหน้าอกด้านซ้ายแล้วอธิษฐานขอให้รักสมหวังยั่งยืน เที่ยง ä รับประทานอาหารเที่ยง (มื้อที่11) จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ เมืองมิลาน (ระยะทาง 165 กม. / 2.30 ชม.) หรือที่คนอิตาเลียนเรียกว่า มิลาโน่ (Milano) เป็นเมืองหลวงทางแฟชั่นของโลกแข่งกับปารีสในประเทศฝรั่งเศสเป็นศูนย์กลางทางธุรกิจของอิตาลี นอกจากนั้นยังมีภาพวาดเฟรสโก้ที่มีชื่อเสียงโด่งดัง และโรงละครโอเปร่าอันลือชื่อ อิสระช้อปปิ้ง ที่ ห้าง Galleria Vittorio Emanuele II มีลักษณะเป็นทางเดินและอาคาร 4 ชั้น คลุมด้วยหลังคาทรงโค้ง ตั้งอยู่ในใจกลางเมืองมิลาน ประเทศอิตาลี ศูนย์การค้าแห่งนี้ตั้งชื่อตามพระเจ้าวิตโตรีโอ เอมานูเอเลที่ 2 แห่งอิตาลี กษัตริย์พระองค์แรกของราชอาณาจักรอิตาลี โดยได้รับการออกแบบในปี พ.ศ. 2404 และสร้างโดยจูเซปเป เมนโกนี ในช่วงปี พ.ศ. 2408 ถึงปี พ.ศ. 2420 ร้านขายเสื้อผ้าชั้นสูง (haute couture) ร้านเครื่องเพชรพลอย ร้านขายหนังสือและภาพเขียน รวมไปถึงร้านอาหาร ร้านกาแฟ และบาร์ ร้านบางร้านยังเป็นหนึ่งในบรรดาร้านค้า และร้านอาหารที่เก่าแก่ที่สุดของเมืองมิลาน เย็น ä รับประทานอาหารเย็น (มื้อที่12) ที่พัก : Hotel NH Milano Fiera 4* หรือโรงแรมระดับใกล้เคียงกัน (ชื่อโรงแรมที่ท่านพักทางบริษัทจะทำการแจ้งพร้อมใบนัดหมาย 5-7 วันก่อนเดินทาง) เช้า ä รับประทานอาหารเช้า ณ โรงแรม (มื้อที่13) นำท่านถ่ายรูปด้านนอก มหาวิหารแห่งมิลาน (Duomo di Milano) มหาวิหารนี้สร้างด้วยสถาปัตยกรรมแบบโกธิคที่ถือว่ามีความใหญ่โตเป็นอันดับสามของโลก ใช้เวลาสร้างเสร็จกว่า 400 ปี ด้านนอกมีหลังคายอดเรียวแหลมที่ทำจากหินอ่อนจำนวน 135 ยอด และมีรูปปั้นหินอ่อนจากสมัยต่างๆ กว่า 2,245 ชิ้น ยอดที่สูงที่สุดมีรูปปั้นทองขนาด 4 เมตร ของพระแม่มาดอนน่าเป็นสง่า จากนั้นนำท่านช้อปปิ้ง Serravalle Designer Outlet ที่ได้ชื่อว่าเป็น Designer Outlet ที่ใหญ่ที่สุด มีร้านกว่าเกือบ 200 ร้าน ที่ลดตั้งแต่ 30% ถึง 70% รวมแบรนด์ชื่อดังต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น Versace, BVLGARI, Burberry, Armani, Prada, Dolce & Gabbana, Roberto Cavalli, Salvatore Ferragamo ฯลฯ เที่ยง ä อิสระอาหารเที่ยงตามอัธยาศัย จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ ท่าอากาศยานมิลาโนมัลเปนซา เพื่อเดินทางกลับสู่ประเทศไทย 21.30 น. เดินทางกลับประเทศไทย โดย สายการบิน OMAN AIR (WY) เที่ยวบินที่ WY144 06.45 น. เดินทางถึง ท่าอากาศยานนานาชาติมัสกัต ประเทศโอมาน แวะพักเปลี่ยนเครื่อง 09.05 น. เดินทางกลับ ท่าอากาศยานนานาชาติสุวรรณภูมิ ประเทศไทยโดย สายการบิน OMAN AIR (WY) เที่ยวบินที่ WY815 17.45 น. เดินทางถึง ท่าอากาศยานนนาชาติสุวรรณภูมิ กรุงเทพฯ โดยสวัสดิภาพ หมายเหตุ* โปรแกรมอาจมีการสลับวันหรือเปลี่ยนแปลงไปตามความเหมาะสมโดยไม่แจ้งให้ทราบล่วงหน้า ขึ้นอยู่กับตามสถานการณ์ท้องถิ่น สถานที่ท่องเที่ยว เทศกาล หรือ สภาพอากาศท้องถิ่น ณ เวลานั้น ทั้งนี้การเปลี่ยนทางบริษัทจะคำนึงถึงประโยชน์และความปลอดภัยของทุกท่านเป็นหลักสำคัญ |
Copyright © 2003 eTravelWay.com All rights reserved โดย บริษัททัวร์ วีอาร์ เอเจนซี ทราเวล แอนด์ เทรด จำกัด |
ติดตามข่าวสารโปรโมชั่นดีดี
@etravelway
รับโปรโมชั่นดีดี
เฉพาะคอทัวร์โปรไฟไหม้
ทัวร์ถูกคุณภาพคุ้มค่า
ทัวร์หลุดจอง
@etravelway.fire
เฉพาะคอทัวร์โปรไฟไหม้
fb.me/etravelway
สอบถามทาง Facebook