เปิดทำการ จ - ศ : 08.30 - 22.00 น. ส - อา : 09.00 - 22.00 น.
eTravelWay.com logo
Add Friend Add Friend
ติดตามข่าวสารโปรโมชั่นดีดี

เพิ่มเพื่อน LINE รับข่าวสาร โปรโมชั่น
@etravelway

รับโปรโมชั่นดีดี
Add Friend
เฉพาะคอทัวร์โปรไฟไหม้
ทัวร์ถูกคุณภาพคุ้มค่า
ทัวร์หลุดจอง
เพิ่มเพื่อน LINE ทัวร์ไฟไหม้
@etravelway.fire

เฉพาะคอทัวร์โปรไฟไหม้
แชทผ่าน Facebook ติดต่อผ่าน Facebook
fb.me/etravelway

สอบถามทาง Facebook
ทัวร์โมรอคโค
คลิก ดูโปรแกรมเต็ม
จองทาง LINE @etravelway Share

ทัวร์โมรอคโค

 รหัส : Z11163
เดินทางโดย : QR-กาตาร์แอร์เวย์
โรงแรม : 4 ดาว & 5 ดาว |  จำนวนวัน : 11 วัน 8 คืน
พรีเมียม แกรนด์โมรอคโค : คาซาบลังก้า - ราบัต - แทนเจียร์ - เททวน - เชฟชาอูน - เมคเนส - เมืองโรมันโวลูบิลิส - เฟส - อิเฟรน - แอร์ฟอร์ด - เมอร์ซูก้า - ทอดร้า - โอเอซิส Tinghir - M’Gouna ว อซาเซท - เอ็ทเบน ฮาดดู - มาราเกช

กรุงเทพฯ(สนามบินสุวรรณภูมิ) - แวะเปลี่ยนเครื่องสนามบินกรุงโดฮา, กาต้าร์
สนามบิน Mohamed V International Airport - เมืองคาซาบลังก้า - สุเหร่าฮัสซันที่ 2 - เมืองราบัต
เมืองราบัต - เมืองแทนเจียร์ - เมืองเททวน
เมืองเชฟชาอูน - เมืองโรมันโวลูบิลิส - เมืองเมคเนส - เมืองเฟซ
ซิตี้ทัวร์ เมืองเฟส
เมืองเฟส - เมืองอิเฟรน - เมืองเมอร์ซูก้า หรือ พักเมืองแอร์ฟอร์ด
เมืองเมอร์ซูก้า - ทอดร้าจอร์จ - หุบเขาดาเดส - M’Gouna - เมืองวอซาเซท
เมืองวอซาเซท - เมืองเอ็ทเบน ฮาดดู - Tichka Pass - เมืองมาราเกช
เมืองมาราเกช - เมืองคาซาบลังก้า
เมืองคาซาบลังก้า - แวะเปลี่ยนเครื่องสนามบินกรุงโดฮา, กาต้าร์
กรุงเทพฯ(สนามบินสุวรรณภูมิ)
ไม่รวม ค่าทิปไกด์ท้องถิ่น, คนขับรถฯ ท่านละ 45 ดอลลาร์ ตลอดการเดินทาง - ค่าทิปหัวหน้าทัวร์ไทย ท่านละ 33 ดอลลาร์ ตลอดการเดินทาง หรือขึ้นอยู่กับความพึงพอใจของท่าน - ค่าใช้จ่ายส่วนตัว
คลิกดูโปรแกรมฉบับเต็ม (PDF)
เดินทาง :
รายการนี้ยังไม่มีพีเรียดเดินทาง
Download PDF

พรีเมียม แกรนด์โมรอคโค 11 วัน 8 คืน

โดยสายการบินการ์ต้า แอร์เวย์

คาซาบลังก้า-ราบัต-แทนเจียร์-เททวน-เชฟชาอูน-เมคเนส

เมืองโรมันโวลูบิลิส-เฟส-อิเฟรน-แอร์ฟอร์ด-เมอร์ซูก้า-ทอดร้า

โอเอซิสTinghir-M’Gouna-วอซาเซท-เอ็ทเบน ฮาดดู-มาราเกช

 

  • อาหารดีทั้ง อาหารท้องถิ่น ตะวันตก และจีน
  • พักโรงแรมดีมาตรฐาน 4+5 ดาว
  • เส้นทางท่องเที่ยวเป็นวงกลม เที่ยวครบเมืองสวย ชมธรรมชาติอันหลากหลาย เข้าชม ความสวยงามของ HASSAN II MOSQUE มีขนาดใหญ่เป็นอันดับ 3 รองจากเมืองเมกกะ
  • ชมเมือง TANGIER เมืองท่าสีขาวแห่งช่องแคบยิบรอลตาร์
  • ชมถ้ำเฮอร์คิวลิส เป็นที่รู้จักกันในนาม DOOR OF AFRICA
  • ชมเมือง CHEFCHAOUEN สมญานามนครสีฟ้า สุดสวย (Unseen) เมืองที่ห้ามพลาด
  • ชมเมือง VOLUBILIS ซากเมืองโบราณสมัยโรมัน (UNESCO)
  • ชมเมือง FES หนึ่งในเมืองที่เก่าแก่ที่สุดในโลก มีตรอกซอกซอยถึง 9,400 ซอย (UNESCO) เมืองที่ห้ามพลาด
  • ชมเมือง IFRANE หรือเมืองแห่งนี้ว่า เจนีวาแห่งโมรอคโค
  • ขี่อูฐ + นั่งรถ 4x4WD ชมทะเลทรายซาฮารา ทะเลทรายที่ใหญ่ที่สุดในโลก
  • ชมเมือง MERZOUGA เมืองแห่งทะเลทรายซาฮารา
  • ชมเมือง AIT BEN HADDOU เมืองที่ทำจากดินทั้งเมือง (UNESCO)
  • ชมเมือง MARRAKECH อดีตเมืองหลวงเก่า เมืองสีชมพูมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว (UNESCO) เมืองที่ห้ามพลาด
  • ปิดท้ายช้อปปิ้งที่ห้าง MOROCCO MALL

โมรอคโค ดินแดนบนสุดขอบทวีปแอฟริกาตะวันตก ที่มีกลิ่นอายของชาวแขกมัวร์ที่มีเอกลักษณ์พิเศษ ชนพื้นเมืองชาวแอฟริกันเบอร์เบอร์ ที่มีรูปแบบวัฒนธรรมผสมผสานกับตะวันตก ด้วยระยะทางที่ถูกคั่นด้วยช่องแคบยิบรอลต้า ซึ่งห่างจากยุโรปไปเพียง 14 กิโลเมตร สัมผัสบรรยากาศเมืองริมชายฝั่งมหาสมุทรแอตแลนติก ในเมืองที่มีชื่อเสียงระดับโลกอย่าง คาซาบลังก้า เมืองแห่งตำนานภาพยนตร์ชื่อดังในอดีตกาล

กำหนดการเดินทาง

กุมภาพันธ์

18-28 ก.พ. 67

129,900 .-

มีนาคม

17 – 27 มี.ค. 67

129,900 .-

เมษายน

11- 21 เม.ย. /28 เม.ย.–8 พ.ค.67

135,900.-/129,900 .-

พฤษภาคม

21-31 พ.ค. 67

129,900 .-

มิถุนายน

1-11 มิ.ย. 67

129,900 .-

ตารางเที่ยวบิน

วันบิน

เมือง

CODE

เที่ยวบิน

เวลา

วันแรก

กรุงเทพฯ

โดฮา

BKK-DOH

QR835

19.10 - 22.35

วันที่สอง

โดฮา

คาซาบลังก้า

DOH-CMN

QR4567

01.10 - 07.30

วันที่สิบ

คาซาบลังก้า

โดฮา

CMN- DOH

QR4566

13.50 - 23.10

วันที่สิบเอ็ด

โดฮา

กรุงเทพฯ

DOH-BKK

QR834

01.35 - 12.05

วันแรก

กรุงเทพฯ-โดฮา

 

16.00 น.

คณะพร้อมกันที่ สนามบินนานาชาติสุวรรณภูมิ อาคารผู้โดยสารขาออก เคาน์เตอร์สายการบินกาต้าร์ แอร์เวย์ (QR)

โดยมีเจ้าหน้าที่ของบริษัทฯ คอยให้การต้อนรับในการตรวจเอกสารและสัมภาระในการเดินทาง

19.10 น.

Q“เหิรฟ้าสู่กรุงโดฮา” โดยสายการบินกาต้าร์ แอร์เวย์ เที่ยวบินที่ QR 835

(ใช้เวลาบินประมาณ 6.55 ชม/รับประทานอาหารและพักผ่อนบนเครื่องบิน)

 

22.35 น.

เดินทางถึง สนามบินโดฮา ประเทศกาต้าร์

เพื่อเปลี่ยนเครื่อง

วันที่สอง

โดฮา-เมืองคาซาบลังก้า-สุเหร่าฮัสซันที่ 2 -เมืองราบัต

 

01.10 น.

Qเหิรฟ้าสู่คาซาบลังก้า” โดยสายการบินการ์ต้า แอร์เวย์ เที่ยวบินที่ QR 4567 (ใช้เวลาบินช่วงแรกประมาณ 7.55 ชั่วโมง รับประทานอาหารและพักผ่อน)

 

07.30 น.

เดินทางถึง สนามบิน Mohamed VInternational Airport เมืองคาซาบลังก้า ประเทศโมรอคโค (เวลาท้องถิ่น ช้ากว่าประเทศไทย 7 ช.ม.) ผ่านด่านตรวจคนเข้าเมืองและศุลกากร และพบไกด์ท้องถิ่นแล้ว จากนั้นนำท่านเดินทางเข้าสู่ตัวเมืองคาซาบลังก้า

เมืองคาซาบลังก้า(CASABLANCA)คาซาบลังก้า” หมายถึง บ้านสีขาว คำว่า คาซา แปลว่า บ้าน และ บลังก้า แปลว่า สีขาว เป็นเมืองที่คนทั่วโลกรู้จัก และอาจรู้จักมากกว่า “ราชอาณาจักรโมรอคโค” ด้วยซ้ำ เพราะนอกจากจะเป็นเมืองท่าและเป็นที่ตั้งของท่าอากาศยานระหว่างประเทศแล้ว ยังถูกใช้เป็นฉากในภาพยนตร์ฮอลลีวูดเรื่อง Casablanca (โดยที่ไม่ได้ถ่ายทำในคาซาบลังก้าเลย) เป็นเรื่องราวความรักระหว่างนายทหารอเมริกันและหญิงคนรัก ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ทำให้คาซาบลังก้าเป็นที่รู้จักไปทั่วโลก และปัจจุบันเป็นเมืองเศรษฐกิจหลักของโมรอคโคที่มีประชากรอาศัยอยู่ประมาณเกือบ 5 ล้านคน

 

นำท่านเข้าชมความสวยงามของ สุเหร่าแห่งกษัตริย์ฮัสซันที่ 2(Hassan II Mosque) มีขนาดใหญ่เป็นอันดับ 3 รองจากเมืองเมกกะ สุเหร่านี้งดงามประณีตด้วยสถาปัตยกรรมแบบโมร็อกโคทุกแขนง ชมวิวทิวทัศน์รอบๆ สุเหร่าอันเป็นจุดชมวิวริมฝั่งทะเล ซึ่งเป็นสถานที่พักผ่อนที่สวยงามของชาวโมรอคโคที่ชอบมาเดินเล่นหลังจากปฏิบัติศาสนกิจเสร็จแล้ว

 
 

จากนั้นนำท่านออกเดินทางสู่ เมืองราบัต (RABAT) ระยะทาง 94 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1.30 ชม. ให้ท่านชมเมืองหลวงแห่งราชอาณาจักรมาตั้งแต่ปี ค.ศ.1956 เมื่อโมร็อคโคหลุดพ้นจากการเข้าแทรกแซงทางการเมืองของฝรั่งเศส และเป็นที่ตั้งของพระราชวังหลวง และทำเนียบทูตานุทูตจากต่างแดน เป็นเมืองสีขาวที่สะอาดและสวยงาม

จากนั้นเดินทางสู่ ย่านใจกลางเมือง ระหว่างทางท่านจะได้ชื่นชมกับความงามที่แปลกตาของเมืองนี้อย่างน่าสนใจ ตลอดสองข้างทางเต็มไปด้วยต้นปาล์ม ที่มีอายุหลายสิบปีที่สูงตระหง่านน่าชื่นชมยิ่งนัก

 

เที่ยง

รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร

 

บ่าย

จากนั้นนำท่านชมภายนอก สุสานของกษัตริย์โมฮัมเหม็ดที่ 5(Mohammed V Mausoleum) พระอัยการของกษัตริย์องค์ปัจจุบัน ซึ่งมีทหารยามยืนสง่าเฝ้าทุกประตู และเปิดให้คนทุกชาติทุกศาสนาเข้าไปเคารพพระศพที่ฝังอยู่เบื้องล่าง ด้านหน้าของสุสาน คือสุเหร่าฮัสซันที่เริ่มสร้างมาตั้งแต่ศตวรรษที่ 12 แต่ไม่สำเร็จ และพังลงจนเหลือแต่เพียงเสาไว้ 365 ต้น ในบริเวณกว้าง 183 x 139 เมตร 

นำท่านไปชม หอคอยฮัสซัน (Hassan Tower) ส่วนหนึ่งของมัสยิดฮัสซัน ซึ่งได้วางแผนไว้ให้เป็นสุเหร่าที่ใหญ่อันดับ 2 ของโลก สามารถบรรจุผู้ที่เข้ามาสวดมนต์ได้พร้อมกันคราวละ 40,000 คน (แต่ยังสร้างไม่แล้วเสร็จ)


นำท่านไปชมป้อมปราการที่มีสีแดงสด อุดายา คาชบาห์(Oudaya Kasbah) ป้อมขนาดใหญ่ 2 ชั้นที่ตั้งอยู่ริมมหาสมุทรแอตแลนติก ล้อมรอบด้วยกำแพงสูงใหญ่ ด้านในเป็นเมดิน่า บ้านเรือนทาทาบด้วยสีฟ้า ที่สะอาดตาน่าเดินเล่น เหมือนศิลปะบนกำแพง

 

ค่ำ

รับประทานอาหารค่ำ ณ ห้องอาหารโรงแรม และพักผ่อนตามอัธยาศัย

 

ã

M Gallery Le Diwan Hotelหรือเทียบเท่า

RABAT

วันที่สาม

เมืองราบัต - เมืองแทนเจียร์ –เมืองเททวน

 

เช้า

รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารโรงแรม

 
 

นำท่านเดินทางต่อไปยัง เมืองแทนเจียร์(TANGIER) เป็นเมืองริมชายฝั่ง และเป็นเมืองท่าที่สำคัญ ที่ตั้งอยู่ทางตอนเหนือของประเทศโมร็อกโก และอยู่ทางตอนใต้ของช่องแคบยิบรอลตาร์ (TangierStraitofGibraltar) ปัจจุบันเมืองท่าแห่งนี้ได้กลายเป็นจุดหมายปลายทางด้านการท่องเที่ยวที่สำคัญอีกแห่งของโมร็อคโคอีกด้วย

เที่ยง

รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร

 

บ่าย

นำท่านชม ถ้ำเฮอร์คิวลิส (HERCULES CAVES) สถานที่ท่องเที่ยวสำคัญอีกแห่งของเมืองแทนเจียร์ เป็นที่รู้จักกันในนาม Door of Africa ให้ท่านชมถ้ำโดยเฉพาะประตูถ้ำที่มองออกไปสู่ทะเล โดยประตูถ้ำมีลักษณะเหมือนเฮอร์คิวลิส โดยมีเรื่องเล่ากันว่า เฮอร์คิวลิส เคยอาศัยอยู่ในถ้ำแห่งนี้เพื่อทำภารกิจ 12 อย่าง และเป็นผู้ที่ถ้ำให้เกิดช่องแคบยิบรอลตาร์


จากนั้นนำท่านเที่ยวชมความสวยงามของ เมืองแทนเจียร์ ซึ่งเป็นเมืองที่มี ความสำคัญทางด้านประวัติศาสตร์ไม่น้อยไปกว่าเมืองอื่นๆ อีกทั้งรอบๆตัวเมืองยังมีความโดดเด่นด้วยทัศนียภาพที่สวยงาม รวมไปถึงหาดทรายและผู้คนที่แสนจะเป็นมิตร นำท่านไปชม แกรนด์ซัคโค(Grand Socco) หรือที่รู้จักกันว่า บิ๊กสแควร์(Big Square) จัตุรัสที่รายล้อมไปด้วยเขตเมืองเก่าหรือย่านเมดินา ซึ่งถูกจัดอันดับให้เป็นหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวที่ดีที่สุดของเมืองแทนเจียร์ อีกทั้งยังถือว่าเป็นตลาดหลักของเมืองอีกด้วย

จากนั้นนำท่านถ่ายรูปกับ ป้อมปราการเมืองแทนเจียร์(Tangier Kasbah) ซึ่งเป็นหนึ่งในแหล่งท่องเที่ยวที่นักท่องเที่ยวต้องมาเยือน เป็นหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวหลักของ เมืองแทนเจียร์ โดยป้อมปราการตั้งอยู่เหนือสุดของเมือง เป็นอีกวิวพอยท์สำคัญที่คุณจะสามารถมองเห็นช่องแคบยิบรอลตาร์ได้เป็นอย่างดี

จากนั้นนำท่านเดินทางสู่เมืองเททวน (Tetouan) เป็นเมืองหลวงของโมร็อกโกตอนเหนือ ตั้งอยู่ท่ามกลางธรรมชาติอัน เขียวชอุ่ม มีสวนผลไม้หลากชนิดอาทิ ส้ม อัลมอนด์ ทับทิม มีต้นไซเปรสห้อมล้อมตัดกับสีบ้านสีขาวบนแนวเขาเดอร์ซาแห่งเทือกเขา Rif ที่สวยงาม

นำท่านชมสวนเฟดดัน (Feddan Park)ประจำเมืองเททวนแสนสวยรายล้อมด้วยเหล่าบรรดากลุ่มอาคารสีขาวบนเนินเขาความสูงลดหลั่นลงมาสร้างความประทับใจให้

นักท่องเที่ยวได้ไม่น้อย

 

ค่ำ

รับประทานอาหารค่ำ ณ ห้องอาหารโรงแรม และพักผ่อนตามอัธยาศัย

 
 

** กรณีโรงแรมที่เมืองเททวน ไม่ว่าง ทางบริษัทขอสงวนสิทธิ์ในการเปลี่ยนที่พักเป็นเมืองใกล้เคียงแทน โดยจะแจ้งให้ทราบก่อนการเดินทาง **

 

ã

Sofitel Tamuda Bay beach หรือเทียบเท่า

TETOUAN

วันที่สี่

เมืองเชฟชาอูน-เมืองโรมันโวลูบิลิส-เมืองเมคเนส-เมืองเฟซ

 

เช้า

รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารโรงแรม

 
 

นำท่านเดินทางต่อไปยัง Blue City นครสีฟ้า เมืองเชฟชาอูน(CHEFCHAOUEN) เมืองซึ่งได้ขนานนามว่า “มนต์เสน่ห์แห่งโมร็อคโค” เมืองเล็กๆ ตั้งอยู่ในหุบเขาริฟ (Rif Mountainหรือ Er-Rif) ประวัติศาสตร์ความเป็นมาของเมืองนั้นยาวนานกว่า 538 ปี ในอดีตก่อนที่โมร็อกโคได้รับเสรีภาพในการปกครองประเทศทั้งหมด ในปี ค.ศ.1956 เมืองเชฟชาอูนเคยอยู่ใต้การปกครองของสเปนมาก่อน และจนบัดนี้ประชากรที่มีประมาณ 40,000 คน ก็ยังคงใช้ภาษาสเปนกันอย่างแพร่หลาย เชฟชาอูน อาจจะไม่ดึงดูดนักท่องเที่ยวที่แสวงหาความตื่นเต้นจากกิจกรรมกลางแจ้งหรือชายหาดมากนัก แต่อากาศบริสุทธิ์และความสะอาดของเมืองได้สร้างบรรยากาศผ่อนคลายสบายๆ ที่ทำให้นักท่องเที่ยวที่เหนื่อยล้ามาจากการตระเวนเที่ยวที่เมืองอื่นหายเหนื่อยได้ สำหรับท่านที่ชื่นชอบในสถาปัตยกรรมแบบโมร็อคโค ไม่ควรพลาดเมืองเล็กๆ ที่บ้านเรือนทาทาบด้วยสีฟ้าและสีขาว แห่งนี้ทีเดียว สาเหตุที่เมืองเชฟชาอูนถือว่าเป็นสวรรค์ของคนรักสีฟ้าและสีขาว โดยเฉพาะสีฟ้า นั่นก็เพราะว่าเชฟชาอูนเป็นเมืองที่บ้านเรือนเกือบทุกหลังเป็นสีขาว และมีครึ่งล่างไปจนถึงบริเวณถนน บันได และทางเดิน เป็นสีฟ้าสดใสเหมือนวันที่ท้องฟ้าไร้เมฆ


นำท่านออกเดินทางสู่ เมืองเมคเนส (MEKNES) ระยะทาง 195 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางประมาณ 3.30 ชม. แวะชม เมืองโบราณโรมันโวลูบิลิส(Roman City of Volubilis) ที่ปัจจุบันเหลือแต่ซากปรักหักพังที่เกิดจากแผ่นดินไหวครั้งรุนแรงในปี ค.ศ.1755 แต่ยังคงเห็นได้ถึงร่องรอยความยิ่งใหญ่ของเมืองในจักรวรรดิโรมันในอดีต อดีตเมืองโบราณแห่งจักรวรรดิโรมันแห่งนี้มีความสำคัญยิ่งในยุคศตวรรษที่ 3 และล่มสลายถูกปล่อยเป็นเมืองร้างในศตวรรษที่ 11 เมืองโรมันโบราณแห่งนี้ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกในปี ค.ศ.1997

 

เที่ยง

รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร

 
 

จากนั้นนำท่านเดินทางไป เมืองเมคเนส(MEKNES) หนึ่งในเมืองมรดกโลกรับรองโดยยูเนสโกเมื่อปี ค.ศ.1996 อดีตเมืองหลวงในสมัยสุลต่าน มูเล อิสมาอิล (Mouley Ismail) แห่งราชวงศ์อะลาวิท (Alawite Dynasty) ได้ชื่อว่าเป็นกษัตริย์จอมโหดผู้ชื่นชอบการทำสงครามในช่วงศตวรรษที่ 17 ด้วยทำเลที่ตั้งที่มีแม่น้ำไหลผ่านกลางเมือง เมกเนสจึงเป็นเมืองศูนย์กลางการผลิตมะกอก ไวน์ และพืชพรรณต่างๆ มีกำแพงเมืองล้อมรอบเมืองเก่าที่ยาวประมาณ 40 กม. ซึ่งมีประตูเมืองใหญ่โตถึง 7 ประตู

ให้ท่านได้แวะถ่ายรูป ประตูบับมันซู(Bab Mansour Monumental Gate) ซึ่งเป็นประตูที่ได้ชื่อว่าสวยที่สุด ตกแต่งด้วยโมเสคและกระเบื้องสีเขียวสดบนผนังสีแสด เดินทางต่อไปยัง เมืองเฟซ (FEZ) ระยะทาง 90 กม. ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1.30 ชม. เมืองหลวงเก่าในศตวรรษที่ 8 ที่มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์เป็นเมืองสำคัญทางด้านศาสนาตั้งแต่ยุคศตวรรษที่ 8 เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงของโมร็อคโค

ค่ำ

รับประทานอาหารค่ำ ณ ห้องอาหารโรงแรม และพักผ่อนตามอัธยาศัย

 

ã

Vichy Thermalia Spa หรือเทียบเท่า

FES

วันที่ห้า

ซิตี้ทัวร์ เมืองเฟส

 

เช้า

รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารโรงแรม

 
 

นำท่านชม ประตูพระราชวังหลวงแห่งเฟส(The Royal Palace) ประตูทางเข้าพระราชวัง ซึ่งเป็นสถาปัตยกรรมที่สวยและสง่างาม และเป็นเอกลักษณ์แห่งราชวงศ์โมร็อคโค บริเวณใกล้เคียงพระราชวังเคยเป็นที่อยู่ของชุมชนชาวยิวที่ทำรายได้ให้แก่ราชวงศ์ เพราะชาวยิวฉลาดทำการค้าเก่ง เป็นพ่อค้าผูกขาดการค้าเกลือ แต่ปัจจุบันชาวยิวส่วนใหญ่ได้เดินทางกลับไปอยู่ในดินแดนแห่งพันธสัญญา (ประเทศอิสราเอล) คงเหลือประชากรชาวยิวอยู่ไม่มากนัก

นำท่านถ่ายรูปที่จุดชมวิวบนป้อมปราการแห่งราชวงศ์ซาเดียน จากนั้นเดินทางเข้าสู่เขาวงกตอันซับซ้อนแห่ง เมดินาเมืองเฟส นำท่านชมโรงงานเซรามิก และโรงงานผลิตเครื่องปั้นดินเผา ตามแบบฉบับสไตล์ชาวโมรอคโค

นำท่านชม ประตู Bab Bou Jeloud เป็นประตูขนาดใหญ่ที่กั้นระหว่างเมืองเก่า กับเมืองใหม่ ที่ใช้โมเสดสีฟ้าตกแต่ง นำท่านเดินผ่านตลาดสดขายข้าวปลาอาหาร และผัก ผลไม้สดต่างๆ นานาชนิด

หลังจากนั้นนำท่านชม เมเดอร์ซา บูอิมาเนีย (Medersa Bou Imania) ซึ่งเป็นโรงเรียนสอนพระคัมภีร์ เป็นสถาปัตยกรรมแบบมัวร์ที่สวยงามประณีต ในเขตเมืองเก่าได้ มีซอยกว่า 10,000 ซอย มีซอยแคบสุดคือ 50 ซ.ม. ถึงกว้าง 3 เมตร จะแบ่งเป็นย่านต่างๆ เช่น ย่านเครื่องใช้ทองเหลือง ทองแดง จะมีร้านค้าเล็กๆที่หน้าร้านจะมีหม้อ กระทะ อุปกรณ์เครื่องครัว วางแขวนห้อยเต็มไปหมด ย่านขายพรมที่วางเรียงรายอย่างสวยงาม ย่านงานเครื่องจักสาน งานแกะสลักไม้ ที่ตามซอกมุมอาจเห็นภาพชายสูงอายุหนวดเครารุงรังนั่งแกะสลักไม้ชิ้นเล็กๆอยู่บริเวณตามทางเดินแคบๆในเขตเมืองเก่า บางทีเราก็ยังจะเห็นผู้หญิงที่นี่สวมเสื้อผ้าที่ปิดตั้งแต่หัวจนถึงเท้าจะเห็นได้ก็เฉพาะตาดำอันคมกริบเท่านั้น

 

เที่ยง

รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร

อาหารจีน

 

นำท่านเดินชมในย่านเมดิน่า ผ่านชม สุเหร่าใหญ่ไคราวีน(Kairaouine Mosque) ซึ่งเป็นทั้งมหาวิทยาลัยสอนศาสนาแห่งแรกของโมรอคโคและเก่าแก่ที่สุดแห่งหนึ่งของโลกเลยทีเดียว (เฉพาะผู้ที่นับถือศาสนาอิสลามเท่านั้น) จากนั้นนำท่านเดินชมย่านเครื่องหนังและแวะชม บ่อฟอกและย้อมสีหนังแบบโบราณ(Tannery of Fes) ที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะของเมืองเฟส ถูกอนุรักษ์โดยองค์กรยูเนสโก นี้เป็นเสน่ห์ของการเดินเที่ยวชมเมืองที่ต้องเดินแหวกว่ายเข้าไปในกลุ่มคนชาวพื้นเมือง ช้อปปิ้งสินค้าท้องถิ่น และผลไม้แห้งอย่างเช่น อินทผลัม วอลนัท อัลมอนด์ ที่คุณภาพดีและราคาย่อมเยาว์

ค่ำ

รับประทานอาหารค่ำ ณ ห้องอาหารโรงแรม และพักผ่อนตามอัธยาศัย

 

ã

Vichy Thermalia Spa หรือเทียบเท่า

FES

วันที่หก

เมืองเฟส-เมืองอิเฟรน-เมืองเมอร์ซูก้า

 

เช้า

รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารโรงแรม

 
 

นำท่านเดินทางผ่านชม เมืองอิเฟรน (IFRANE) ระยะทาง 70 กม. ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1.20 ชม. เมืองตากอากาศที่มีความสูงกว่า 1,650 เมตร เหนือระดับน้ำทะเล ที่พักตากอากาศซึ่งในอดีตฝรั่งเศสได้มาสร้างขึ้นบริเวณนี้ ในช่วง ค.ศ.1930 บางครั้งเรียกเมืองแห่งนี้ว่า เจนีวาแห่งโมรอคโค บ้านส่วนใหญ่มีหลังคาสีแดง มีดอกไม้บาน และทะเลสาบสวยงาม เป็นสถานที่พักผ่อนทั้งฤดูหนาวและฤดูร้อน เส้นทางนี้ผ่านเทือกเขาแอตลาส ชื่อที่คุ้นเคยกันมานาน เดินทางข้าม Middle Atlas ภูมิประเทศเขียวชอุ่มไปด้วยป่าไม้ สองข้างทางเปลี่ยนสภาพจากความแห้งแล้วเป็นป่าไม้ พุ่ม และสลับกับความแห้งแล้งของภูเขา จากนั้นนำท่านเดินทางต่อสู่ เมืองมิเดลท์(MIDELT)

เที่ยง

รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร

 
 

หลังรับประทานอาหาร นำท่านเดินทางผ่านเมือง ราชิดิยา(RACHIDIA) เมืองที่มีความสำคัญทางด้านยุทธศาสตร์ ซึ่งมีระยะทางห่างจากพรมแดนระหว่างโมร็อคโค และแอลจีเรีย เพียง 25 กม. หลังจากนั้นนำท่านมุ่งหน้าสู่ เมืองแอร์ฟอร์ด เพื่อเปลี่ยนนั่งรถขับเคลื่อนสี่ล้อ 4x4 เข้าสู่ทะเลทรายซาฮาร่า

19.00 น.

รับประทานอาหารค่ำ ณ ห้องอาหารโรงแรม และพักผ่อนตามอัธยาศัย

 

ã

Sahara Luxury Camp หรือเทียบเท่า

MERZOUGA

** กรณีโรงแรมในทะเลทรายเต็มทางบริษัทขอสงวนสิทธิ์ในการเปลี่ยนที่พักเป็นเมืองแอร์ฟอร์ดแทน ( เมืองติดทะเลทรายที่ได้รับขนานนามว่า “ประตู่สู่ทะเลทรายซาฮาร่า” ) โดยจะแจ้งให้ทราบก่อนการเดินทาง **

วันที่เจ็ด

เมืองเมอร์ซูก้า-ทอดร้าจอร์จ-หุบเขาดาเดส-M’Gouna-เมืองวอซาเซท

 

05.30 น.

ก่อนพระอาทิตย์ขึ้น นำท่านขี่อูฐเพื่อไปชมพระอาทิตย์ขึ้นที่เนินทรายในทะเลทรายซาฮารา (อย่าลืมเตรียมเสื้อกันหนาวให้พร้อม) ทะเลทรายซาฮาร่า (SAHARA DESERT) เป็นทะเลทรายที่มีอาณาเขตกว้างใหญ่ที่สุดในโลกคือ มีเนื้อที่ประมาณ 9.3 ล้านตารางกิโลเมตร (ใหญ่เท่าอเมริกาทั้งประเทศ) และตั้งอยู่ทางตอนเหนือของทวีปแอฟริกา ทะเลทรายซาฮาร่ามีสิ่งแวดล้อมที่ไม่เอื้อต่อการดำรงอยู่ของชีวิตมนุษย์ สัตว์ หรือพืช เพราะฝนตกน้อยมาก และพื้นที่ไม่เหมาะแก่การเพาะปลูกหรือเลี้ยงสัตว์ หากมีสัตว์และพืชพันธุ์ใดที่สามารถเติบโตในทะเลทรายได้ ก็ต้องปรับตัวกันอย่างมาก เช่นเดียวกับมนุษย์ที่ต้องหาวิธีในการใช้ชีวิตให้อยู่รอดได้ ให้ท่านได้สัมผัสบรรยากาศยามเช้าในทะเลทรายซาฮาร่า จากสภาพการไร้ฝนและอุณหภูมิที่ร้อนจัดในทะเลทรายมีผลทำให้ความชื้นสัมพัทธ์ของอากาศเหนือทะเลทราย เกือบเป็นศูนย์ตลอดปี ชมพระอาทิตย์ขึ้นจากบนเนินทราย ซึ่งเป็นภาพที่สวยงาม น่าประทับใจ ได้เวลานำท่านขี่อูฐกลับสู่โรงแรมที่พัก

08.00 น.

รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารโรงแรม

 
 

หลังอาหารนำคณะนั่งรถขับเคลื่อนสี่ล้อ 4x4 ออกจากทะเลทรายซาฮาร่า มุ่งหน้าสู่ เมืองแอร์ฟอร์ด เพื่อเปลี่ยนเป็นรถโค้ชคันเดิม

เดินทางสู่ เมืองทังฮีส แวะชม โอเอซิสTinghir ซึ่งเป็นชุมชนที่เกาะกลุ่มอยู่รวมกัน ท่ามกลางความแห้งแล้งในเขตทะเลทราย ที่ยังมีความชุ่มชื้น มีตาน้ำ หรือ ลำธารน้ำ ซึ่งใช้ในการปลูก ต้นปาล์ม ต้นอัลมอนด์ โอเอซิสแห่งนี้เคยเป็นที่ตั้งของกองทหารที่เดินทางมาจากวอซาเซท ผ่านหุบเขาดาเดส(Dades) ซึ่งเป็นแนวเขาและธรรมชาติของหุบเขาที่ถูกกัดกร่อนจากแรงลม ทำให้หุบเขากลายเป็นรูปร่างต่างๆ สวยงาม

นำท่านเดินทางสู่ ทอดร้าจอร์จ(Todra Gorge) โกรกธารที่มีโขดผาสูง 985 ฟุต หรือ 300 เมตร ทั้งสองด้านที่เกือบตั้งทำมุมสามเหลี่ยมกับแม่น้ำโทดร้า ถือว่าเป็นโกรกธารและหุบเขาที่สวยที่สุดทางใต้ของโมร็อคโค ชมความงดงามของช่องเขาที่ซ่อนตัวอยู่ในโอเอซิส โดยมี ลำน้ำใส ๆ ที่ไหลผ่านช่องเขากับหน้าผาสูงชันแปลกตา สถานที่แห่งนี้เป็นแหล่งปีนหน้าผาสำหรับนักท่องเที่ยวที่รักการเสี่ยงภัย

เที่ยง

รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร/โรงแรม

 
 

จากนั้นเดินทางต่อตามถนนคาชบาห์ที่มีป้อมหลายพันแห่งตั้ง เรียงรายตามถนนดังกล่าวสู่ เมืองวอซาเซท(OUARZAZATE) ซึ่งเคยเป็นที่ตั้งทางยุทธศาสตร์ ในปี ค.ศ.1928 ฝรั่งเศสได้ตั้งกองกำลังทหารและพัฒนาที่นี่ให้เป็นศูนย์กลางการบริหาร วอซาเซทเป็นเมืองถูกส่งเสริมให้เป็นเมืองท่องเที่ยวที่แวดล้อมไปด้วยสตูดิโอ ภาพยนตร์และมีการพัฒนาพื้นที่ในทะเลทรายเพื่อการทำกิจกรรมต่างๆ เช่นการขี่มอเตอร์ไซด์ อูฐ กิจกรรมผจญภัยกลางทะเลทราย (สำหรับในฤดูหนาว-ฤดูใบไม้ผลิ (พ.ย.-เม.ย.) ควรเตรียมเสื้อกันหนาวให้เพียงพอ เพราะเมืองนี้อยู่ใกล้ภูเขาแอตลาส ที่มีหิมะปกคลุมในช่วงดังกล่าว วอซาเซท อาจกล่าวได้ว่าเป็นจุดมุ่งหมายของนักท่องเที่ยวที่มองหาความแตกต่าง และความผจญภัยที่หาไม่ได้จากที่ไหน วอซาเซทเป็นเมืองที่สำคัญที่สุดของทางตอนใต้ และที่นี่ยังเป็นทางเชื่อมระหว่างเหนือกับใต้ และตะวันออกกับตะวันออก สำหรับนักท่องเที่ยวบางคนที่ชอบรสชาติของความเป็นทางใต้ ณ จุดกึ่งกลางแห่งนี้ และยังเป็นจุดเริ่มต้นของการสำรวจเมืองต่างๆได้ทุกวัน ก่อนถึงเมืองซอซาเซท

แวะชมผลิตภัณฑ์ที่ทำจากกุหลาบที่ เมืองมากูน่า(KELAA M’GOUNA) (เทศกาลกุหลาบจะจัดขึ้นประมาณเดือนพฤษภาคม) ซึ่งเมืองแห่งนี้เป็นพื้นที่ที่สามารถปลูกดอกกุหลาบได้ในช่วงฤดูร้อน ตั้งแต่ช่วงเดือนพฤษภาคม-กันยายน ของทุกปี ณ จุดนี้ท่านสามารถเลือกซื้อผลิตภัณฑ์ที่ผลิตมาจากดอกกุหลาบ เช่น น้ำกุหลาบ สเปรย์ ครีม และผลิตภัณฑ์อื่นๆ อีกมากมาย

จากนั้นให้ท่านได้แวะถ่ายรูปกับ ป้อมเทาริท(Kasbah of Taourirt) ซึ่งเป็นป้อมแห่งตระกูลกลาวี ภายใต้หมู่อาคารขนาดใหญ่ ซึ่งภายในประกอบด้วยห้องต่างๆ จำนวนมากซ่อนอยู่เชื่อมต่อกันด้วยถนนเล็กๆ และเส้นทางลับคดเคี้ยวตามอาคารที่เบียดเสียดกัน

 

19.00 น.

รับประทานอาหารค่ำ ณ ห้องอาหารโรงแรม และพักผ่อนตามอัธยาศัย

 

ã

Oscar Hotelหรือเทียบเท่า

OUARZAZATE

วันที่แปด

เมืองวอซาเซท-เมืองเอ็ทเบน ฮาดดู-Tichka Pass-เมืองมาราเกช

 

เช้า

รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารโรงแรม

 
 

จากนั้นออกเดินทางสู่ เมืองเอ็ทเบน ฮาดดู(AIT BEN HADDOU) ทางตะวันออกเฉียงใต้ของเมืองมาราเกช เส้นทางข้ามเทือกเขาไฮแอทลาส ทางคดเคี้ยวกับภูเขาสลับซับซ้อนสลับกับทุ่งเกษตรแบบขั้นบันได ให้ท่านเพลินตากับสีสัน วิถีชีวิตของคนท้องถิ่น

นำท่านชม เมืองเอ็ทเบน ฮาดดู เป็นเมืองที่ชื่อเสียงในเรื่องการหารายได้จากกองถ่ายทำภาพยนตร์กว่า 20 เรื่อง โดยเฉพาะป้อมที่งดงามและมีความใหญ่ที่สุดในโมร็อคโคภาคใต้ คือ ป้อมเอ็ทเบน ฮาดดู (Kasbash of Ait Ben Haddou) เป็นป้อมหินทรายซึ่งตั้งอยู่ท่ามกลางสวนอัลมอนด์ เป็นปราสาทที่ใช้ในการถ่ายทำภาพยนตร์หลายเรื่องที่โด่งดังอาทิ Lawrence of Arabia, Jesus of Nazareth และ Gladiator ปัจจุบันอยู่ในความดูแลขององค์การยูเนสโก จากนั้นให้ท่านได้แวะทานอาหารกลางวัน ระหว่างทางบนเส้นทาง Tichka Pass

13.00 น.

รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร

 
 

หลังอาหารออกเดินทางสู่ เมืองมาราเกช(MARRAKECH)ซึ่งเป็นเมืองท่องเที่ยวที่สำคัญ ตั้งอยู่แถบ เชิงเขาแอตลาส ในอดีต เมืองโอเอซิส แห่งนี้เป็นที่พักของกองคาราวานอูฐ ที่มาจากทางตอนใต้ของโมร็อคโค ถือเป็นเมืองชุมทางของพ่อต่างๆ นอกจากนี้ยังเป็นอดีตเมืองหลวงในช่วงสมัยราชวงศ์อัลโมราวิด ช่วงศตวรรษที่ 11 ปัจจุบันเป็นเมืองที่มีนักท่องเที่ยวมาเยือนมากที่สุด สภาพบ้านเมืองที่เราเห็นได้คือ สองข้างทางแวดล้อมด้วยบ้านเรือนที่ถูกฉาบด้วยปูนสีส้มๆ ซึ่งเป็นสิ่งที่รัฐบาลกำหนดไว้ แต่คนท้องถิ่นจะเรียกว่า Pink City หรือ เมืองสีชมพู อาจกล่าวได้ว่ามาราเกชเป็นเมืองที่มีเสน่ห์ที่สุดในโลกแห่งหนึ่ง จึงได้สมญานามว่าเป็น A City of Drama นั่นคือมีความสวยงามดั่งเมืองในละครที่ไม่น่าเป็นชีวิตจริงได้

จากนั้นนำท่านเยือน จัตุรัสกลางเมือง(Djemaa Fnaa Square) ที่มีขนาดใหญ่ รายล้อมไปด้วยอาคาร ร้านค้า ตลาด ทั้ง 4 ด้าน เดินเล่นถ่ายรูปความมีชีวิตชีวาที่มีสีสันและกลิ่นอายแบบโมร็อคโคขนานแท้ อิสระให้ท่านได้จับจ่ายหาซื้อของฝาก ของที่ระลึกพื้นเมืองต่างๆ ได้ที่ ตลาดเก่า(Old Market) ที่อยู่รายรอบจัตุรัสอย่างเพลิดเพลิน

 

19.00 น.

รับประทานอาหารค่ำ ณ ห้องอาหารโรงแรม และพักผ่อนตามอัธยาศัย

 

ã

Hôtel Du Golf Rotana Palmeraie หรือเทียบเท่า

MARRAKECH

วันที่เก้า

เมืองมาราเกช-เมืองคาซาบลังก้า

 

เช้า

รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารโรงแรม

 
 

จากนั้นนำท่านชมความงดงามภายนอกของ มัสยิด คูตูเบีย (Koutoubia Mosque) ซึ่งเป็นมัสยิดใหญ่เก่าแก่ที่สุดในเมืองไม่ว่าจะเดินไปแห่งใดในตัวเมืองก็จะเห็นมัสยิดนี้ได้ จากหอวังที่มีความสูง 226 ฟิต (70 เมตร)

นำท่านชม สุสานแห่งราชวงศ์ซาเดียน(Saadian Tombs) เป็นที่ฝังพระศพของกษัตริย์และเหล่าเชื้อพระวงศ์ในสมัยราชวงศ์ซาเดียน สถานที่แห่งนี้ถูกทิ้งร้างมากกว่า 2 ศตวรรษ ภายหลังได้รับการบูรณะ และเปิดให้เข้าชมความงดงามของงานศิลปะแบบมัวริช(Moorish) แท้ๆความวิจิตรอลังกา

Copyright © 2003 eTravelWay.com All rights reserved โดย บริษัททัวร์ วีอาร์ เอนซี ทราเวล แอนด์ เทรด จำกัด
ใบอนุญาตนำเที่ยวในและต่างประเทศเลขที่ 11/11450
facebook
tel
TOP