|
|
![]() ทัวร์อินเดียรหัส : Z8706
เดินทางโดย : TG-การบินไทย
โรงแรม :
![]()
ทัวร์มหามนตราแห่งมหาสำเร็จ : มหาคเณศ 8 ปางมหามงคล - สักการะเทวรูปพระพิฆเนศ ณ เทวสถานศรีวรทาวินายกะ (ประทานให้ปราศจากโรคภัยไข้เจ็บทั้งปวง) - เทวสถานศรีบัลลาเลศวร (ประทานความสมบูรณ์พูนสุข) - เทวสถานศรีมยุเรศวร (ประทานให้ท่านปราศจากอุปสรรค) - เทวสถานศรีสิทธิวินายกะ (ประทานให้ประสบความสำเร็จในหน้าที่การงาน) - เทวสถานศรีจินดามณี (ประทานให้สมหวังดังได้อธิษฐานต่อลูกแก้วจินดามณีอันศักดิ์สิทธิ์) - เทวสถานศรีคีรีจัตมากา (ประทานให้ประสบความสำเร็จในการฝ่าฟันอุปสรรคทั้งปวง) - เทวสถานศรีวิฆเนศวร (ประทานให้ท่านทำการใดๆ จะประสบความสำเร็จ โดยไม่เกิดอุปสรรคต่างๆทั้งปวง) - เทวสถานศรีมหาคณปติ (ประธานให้ทานประสบความสำเร็จดั่งสิ่งที่ปรารถนาทุกประการ) - วัดดั๊กดูเศรษฐ์ (สักการะ องค์พระพิฆเนศที่ขึ้น ชื่อว่าร่ำรวยมากที่สุดในโลก)
ไม่รวม ค่าทิปไกด์และคนขับรถ 500 รูปี (250 บาท) ต่อท่าน ต่อวัน - ค่าทิปหัวหน้าทัวร์คนไทยแล้วแต่ความพึงพอใจของท่าน - ค่าอาหารนอกเหนือจากที่ระบุ - ค่าใช้จ่ายส่วนตัว - ค่าธรรมเนียมการทำวัคซีนพาสปอร์ต - ลงทะเบียนระบบ Thailand Pass
➥ กรุงเทพฯ(สนามบินสุวรรณภูมิ) - สนามบินฉัตราปตีศิวะจิ, มุมไบ - เข้าที่พัก ➥ มุมไบ - หมู่บ้านมาหัส - สักการะเทวรูปพระพิฆเนศ ณ เทวสถานศรีวรทาวินายกะ (ประทานมนตราที่ทำให้ปราศจากโรคภัยไข้เจ็บทั้งปวง) - ปาลี - เทวสถานศรีบัลลาเลศวร (ประทานมนตราแห่งความสมบูรณ์พูนสุข) - ปูเน่ ➥ ปูเน่ - หมู่บ้านโมรากอน - เทวสถานศรีมยุเรศวร (ประทานมนตราที่จะให้ท่านปราศจากอุปสรรค) - เมืองสิทธาเทค - เทวสถานศรีสิทธิวินายกะ (ประทานมนตราให้ท่านประสบความสำเร็จในหน้าที่การงาน) - หมู่บ้านเทอูร์ - เทวสถานศรีจินดามณี (ประทานมนตราให้ท่านสมหวังดังได้อธิษฐานต่อลูกแก้วจินดามณีอันศักดิ์สิทธิ์) - ปูเน่ ➥ ปูเน่ - หมู่บ้านเลนยาดรี - เทวสถานศรีคีรีจัตมากา (ประทานมนตราให้ท่านประสบความสำเร็จในการฝ่าฟันอุปสรรคทั้งปวง) - เมืองโอซาร์ - เทวสถานศรีวิฆเนศวร (ประทานมนตราให้ท่านทำการใดๆ จะประสบความสำเร็จ โดยไม่เกิดอุปสรรคต่างๆทั้งปวง) - เมืองรานจานกอน - เทวสถานศรีมหาคณปติ (ประธานมนตราให้ท่านประสบความสำเร็จดั่งสิ่งที่ปรารถนาทุกประการ) - ปูเน่ - วัดดั๊กดูเศรษฐ์ (สักการะ องค์พระพิฆเนศที่ขึ้น ชื่อว่าร่ำรวยมากที่สุดในโลก) ➥ ปูเน่ - มุมไบ - วัดสิทธิวินายัก - ช้อปปิ้งย่านโคลาบา (อิสระอาหารค่ำ) - สนามบินฉัตราปตีศิวะจิ, มุมไบ ➥ กรุงเทพฯ(สนามบินสุวรรณภูมิ) ➥ บริษัทฯของสงวนสิทธิ์ให้บริการแก่ผู้ที่ฉีดวัคซีนครบ 2 เข็ม และมีวัคซีนพาสปอร์ตแล้วเท่านั้น ประเทศอินเดีย รองรับวัคซีนทุกยี่ห้อ
คลิกดูโปรแกรมฉบับเต็ม (PDF)
เดินทาง :
รายการนี้ยังไม่มีพีเรียดเดินทาง Download PDF
ทัวร์มหามนตราแห่งมหาสำเร็จ 6 วัน 4 คืน โดยสายการบินไทย ไม่รวม ค่าทิปไกด์และคนขับรถ 500 รูปี (250 บาท) ต่อท่าน ต่อวัน ค่าทิปหัวหน้าทัวร์คนไทยแล้วแต่ความพึงพอใจของท่าน - ค่าอาหารนอกเหนือจากที่ระบุ - ค่าใช้จ่ายส่วนตัว ค่าธรรมเนียมการทำวัคซีนพาสปอร์ต - ลงทะเบียนระบบ Thailand Pass ** ผู้เดินทางทุกท่านต้องสมัคร E-Vaccine Passport จากแอปหมอพร้อมล่วงหน้า สำหรับใช้เดินทางออกนอกประเทศ และลงทะเบียน Thailand Pass ** แนะนำการเดินทางเข้าอินเดีย : ต้องได้รับวัคซีนโควิด-19 ครบโดส ก่อนเดินทาง 14 วันขึ้นไป รองรับวัคซีนทุกยี่ห้อ ต้องลงทะเบียนออนไลน์ในระบบ Thailand Pass ล่วงหน้า https://tp.consular.go.th/ หลังจากท่านทำการจองทัวร์แล้ว ทางบริษัทฯจะถือว่าท่านเข้าใจ และพร้อมปฏิบัติตามเงื่อนไขดังกล่าวเพื่อประโยชน์ของผู้เดินทาง โปรดศึกษาเงื่อนไขการจองทัวร์ และการยกเลิกทัวร์ ที่ระบุในรายการทั้งหมด วันแรก กรุงเทพมหานคร - สนามบินมุมไบ 16.00 น. พร้อมกันที่ สนามบินสุวรรณภูมิ ผู้โดยสารขาออก ชั้น4 เคาน์เตอร์ H สายการบินไทย เจ้าหน้าที่ของบริษัทฯ คอยให้การต้อนรับ และอำนวยความสะดวกในการเช็คอิน 18.55 น. เดินทางออกจากกรุงเทพ สู่เมืองมุมไบ โดยสายการบิน THAI AIRWAYS (TG) เที่ยวบินที่ TG317 (สายการบินบริการอาหารบนเครื่อง) 21.55 น. เดินทางถึง สนามบินฉัตราปตีศิวะจิ (ChhatrapatiShivaji) เมืองมุมไบ ประเทศอินเดียหลังผ่านพิธีการ ตรวจคนเข้าเมือง และศุลกากรแล้ว รถโค้ชปรับอากาศรอรับท่านที่สนามบิน นำท่านเช็คอินและได้พักผ่อนเติมพลังก่อนเดินทางแสวงบุญในวันรุ่ง (เวลาท้องถิ่นของเมืองมุมไบ ประเทศอินเดีย ช้ากว่าประเทศไทย 1.30 ชั่วโมง) ที่พัก Niranta Transit Hotel Terminal 2 หรือเทียบเท่าระดับ 4 ดาว วันที่สอง มุมไบ - มาหัส - ปาลี - ปูเน่ (B/L/D) 07.00 น. ä รับประทานอาหารเช้าภายในโรงแรมที่พัก แผนที่เทวสถานศักดิ์สิทธิ์ของพระพิฆเนศ ทั้ง 8 องค์ที่กำเนิดเองตามธรรมชาติ นำท่านเดินทางสู่ หมู่บ้านมาหัส (Mahad) ระยะทาง 183 กม. ตั้งอยู่ในเขตการปกครองของเมืองไรกาด (Raigad) ซึ่งมีความเชื่อว่า เป็นสถานที่ที่พระศรีวรทาวิ นายกะ (ผู้ประทานพรอันยิ่งใหญ่) อวตารขององค์พระ พิฆเนศเสด็จลงมาประทานพรแก่ฤาษีคฤตสมาชผู้ต้องคำสาป ตามตำนานปรากฏในคเณศปุราณะ และมุทคล ปุราณะ นำท่านสักการะ เทวรูปพระพิฆเนศ ณ เทวสถานศรีวรทาวินายกะ (SHREE VARADA VINAYAK TEMPLE) โดยสวยัมภูมูรติองค์นี้หันพระพักตร์ไปทางทิศตะวันออก และงวงหันไปทางซ้าย ภายในวิหารที่ประดิษฐานพระวร ทาวินายกะแห่งนี้ได้รับแสงสว่างจากตะเกียงน้ำมันที่มีความเชื่อว่าไม่เคยมอดดับตั้งแต่ปี คริสต์ศักราช 1892 โดย วิหารแห่งนี้มีพื้นที่ประมาณ 19.5 ตารางเมตร และยอดโดมสูงประมาณ 7.62 เมตร ปลายยอดโดมทำด้วยทองคำ และเป็นเทวสถานแห่งเดียวที่อนุญาตให้เข้าไปสักการะภายในวิหารได้ ภายนอกวิหารจะปรากฏช้างจำนวน 4 เชือก ประดิษฐานอยู่ทั้ง 4 ด้าน ॐ “องค์ที่ 1 พระศรีวรทาวินายกะ” ประทานมนตราที่ทำให้ปราศจากโรคภัยไข้เจ็บทั้งปวง ॐ ได้เวลาพอสมควรนำท่านเดินทางสู่ เมืองปาลี (Pali) ระยะทาง 73 กม. ตั้งอยู่ในเขตการปกครองของเมืองไรกาด (Raigad) ซึ่งมีความเชื่อว่า เป็นสถานที่ที่เด็กหนุ่มนามว่า “บัลลา” บุตรของนายกัลยันกับนางอินทุมาตี และเป็นผู้นับถือนิกายคณะพัทยะ (Ganabadya) หรือนิกายที่นับถือพระพิฆเณศเป็นเทพเจ้าสูงสุด ได้ถูกพ่อของตนหรือนายกัลป์ยันทำลายแท่นพิธีบูชา เขวี้ยงหินพระคเณศทิ้ง และได้ทำร้ายเด็กหนุ่มผู้นี้ จนกระทั่งพระพิฆเนศเสด็จลงมาประทานพรให้แก่เด็กชายบัลลา และเนรมิตเทวสถานแห่งนี้พร้อมกับสวยัมภูมูรติ ณ ที่แห่งนี้ ตามตำนานปรากฏในคเณศปุราณะ เที่ยง ä รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารอาหารท้องถิ่น บ่าย นำท่านสักการะ เทวรูปพระพิฆเนศ ณ เทวสถานศรีบัลลาเลศวร (SHREE BALLALESHWAR TEMPLE) โดยสวยัมภูมูรติองค์นี้หันพระพักตร์ไปทางทิศตะวันออก และงวงหันไปทางซ้าย บริเวณพระเนตร และพระนลาฏ (หน้าผาก) ประดับด้วยเพชร ประทับอยู่บนบัลลังก์ไม้แกะสลัก โดยมี มุสิกะ หนูเทวพาหนะของพระองค์ท่าน เหยียบขนมโมทกะอยู่บริเวณด้านหน้าของเทวรูป บริเวณด้านหลังเทวสถานแห่งนี้จะปรากฏ เทวสถานศรีทุนธิ (SHREE DHUNDI TEMPLE) ที่ประดิษฐานหินพระคเณศ ซึ่งสันนิษฐานว่าเป็นหินพระเคณศเดียวกับที่ถูกนายกัลยัน บิดาของเด็กหนุ่มบัลลาเขวี้ยงทิ้ง ॐ“องค์ที่ 2 พระศรีบัลลาเลศวร” ประทานมนตราแห่งความสมบูรณ์พูนสุข ที่จะบังเกิดต่อครอบครัว และคนรัก ॐ ได้เวลาพอสมควรเดินทางกลับสู่ เมืองปูเน่ (Pune) ระยะทางประมาณ 120 กม. เป็นเมืองที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับ 8 ของประเทศอินเดีย ที่ตั้งอยู่บริเวณที่ราบสูงเดคคานริมฝั่งแม่น้ำมุธะ (Mutha River) ในอดีตเมืองปูเน่ยังเคยเป็นศูนย์กลางอำนาจของอาณาจักรมาราธา (Maratha Empire) ภายใต้การปกครองของผู้ปกครองแคว้น พระเจ้าชาตปตี ชาห์วาจิ (Chatrapati Shavaji) ในปีคริสต์ศักราช 847 ต่อมาในช่วงศตวรรษที่ 18 เมืองปูเน่มาถึงจุดรุ่งเรืองที่สุดเมื่อได้รับการสถาปนาให้เป็นเมืองหลวงด้านการปกครองอินเดียอนุทวีปโดยมีการแต่งตั้งตำแหน่งที่เทียบเท่ากับประธานาธิบดีแห่งอาณาจักรมาราธา เมืองปูเน่ ในยุคปัจจุบันถือได้ว่าเป็นเมืองหลวงทางด้านวัฒนธรรมของแคว้นมหารัชตะ โดยที่เมืองปูเน่นั้นมีชื่อเสียงด้านอุตสาหกรรมการผลิตรถยนต์ สถาบันการวิจัยและค้นคว้าของ ภาครัฐและเอกชน เทคโนโลยีสารสนเทศ หรือแม้กระทั่งด้านการศึกษา การจัดการและการอบรม ค่ำ ä รับประทานอาหารค่ำ ณ ห้องอาหารของโรงแรมที่พัก ที่พัก Hotel St. Laurn Pune หรือเทียบเท่าระดับ 4 ดาว วันที่สาม ปูเน่ - โมรากอน - สิทธาเทค - เทอูร์ - ปูเน่ (B/L/D) 07.00 น. ä รับประทานอาหารเช้าภายในโรงแรมที่พัก นำท่านเดินทางสู่ หมู่บ้านโมรากอน (Morgaon) ระยะทาง 67 กม. หรือหมู่บ้านนกยูง ซึ่งตัวหมู่บ้านมีลักษณะทางภูมิศาสตร์คล้ายกับนกยูง อีกทั้งในอดีตยังเป็นที่พำนักของฝูงนกยูงจำนวนมาก หมู่บ้านแห่งนี้ตั้งอยู่ในเขตปกครองของเมืองปูเน่ ซึ่งมีความเชื่อว่า เป็นสถานที่ที่ศีรษะของอสูรสินธุตกลงมา จากการทำมหายุทธ์กับพระศรีมยุเรศวร ปางขององค์พระพิฆเนศทรงมยุรา (หรือนกยูง 1 ใน 3 เทวพาหนะ) เสด็จลงมาปราบสินธุอสุรา และได้สังหารโดยการบั่นศีรษะของอสูรตนนี้ จนเกิดปาฏิหาริย์ที่เลือดของอสูรฉาบทาไปทั่วสวรรค์ บันดาลเป็นผงสีชาดที่ใช้ในการบูชาเทพเจ้า ที่เรียกว่า “ผงสินธุ” และยังเป็นสถานที่เหล่าปัญจเทวตา ที่ประกอบไปด้วย พระศิวะ พระวิษณุ พระพรหม พระศักติ และพระสุริยะ ได้ทรงขอให้พระพิฆเนศเสด็จประทับ ณ สถานที่แห่งนี้ตลอดไป พระพิฆเนศจึงเนรมิตสวยัมภูมูรติ ซึ่งแสดงถึงการคุ้มครองหมู่บ้านแห่งนี้สืบต่อไป ตามตำนานปรากฏในคเณศปุราณะ นำท่านสักการะ เทวรูปพระพิฆเนศ ณ เทวสถานศรีมยุเรศวร (SHREE MAYURESHWAR GANAPATI TEMPLE) โดยสวยัมภูมูรติองค์นี้จะมีงวงหันไปทางซ้าย โดยมีพระมเหสี 2 พระองค์ คือพระนางสิทธิ และพระนางพุทธะ ประทับอยู่ทั้ง 2 ด้าน เทวสถานแห่งนี้สร้างขึ้นในสมัยอาณาจักรพาหามณี ตั้งอยู่ตรงกลางของหมู่บ้านโมรากอน ลักษณะภายนอกจะปรากฏเสามินาเร่ต์ทั้งสี่มุม มีทางเข้า 4 ด้าน ยกกำแพงล้อมรอบสูง 15 เมตร คล้ายคลึงกับมัสยิดทางศาสนาอิสลาม เพื่อเป็นการป้องกันการรุกรานเทวสถานแห่งนี้ในยุคสมัยโมกุล ॐ “องค์ที่ 3 พระศรีมยุเรศวร” ประทานมนตราที่จะให้ท่านปราศจากอุปสรรค และอันตรายใดๆ ทั้งปวง ॐ จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ เมืองสิทธิธาเทค (Siddhatek) ระยะทาง 64 กม. ตั้งอยู่ในเขตปกครองของเมืองอามาดนาคา (Ahmadnagar) ซึ่งมีความเชื่อว่า เป็นสถานที่ที่พระวิษณุได้ทรงทำพิธีบูชาพระพิฆเนศ และทรงได้รับพรสมปรารถนา จนมีชัยเหนืออสูรมาธุและไกตภะอสุรา และยังเป็นสถานที่ประสูติของสองพระธิดาแห่งพระพรหม ผู้เป็นพระมเหสีแห่งองค์พระพิฆเนศ คือพระนางสิทธิ และพระนางพุทธะ ในช่วงเวลาที่พระพรหมกำลังรังสรรค์โลกและสรรพสิ่งต่างๆ ตามตำนานปรากฎในคเณศปุราณะ เที่ยง ä รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารท้องถิ่น บ่าย นำท่านสักการะ เทวรูปพระพิฆเนศ ณ เทวสถานศรีสิทธิวินายกะ (SHREE SIDDHI VINAYAK TEMPLE) โดยสวยัมภูมูรติองค์นี้หันพระพักตร์ไปทางทิศเหนือ และงวงหันไปทางขวา ซึ่งมีความหมายว่าให้พรสมปรารถนาที่ทันใจ แต่ผู้สักการะนั้นต้องเป็นผู้ที่เคร่งครัดในการสวดภาวนา เทวสถานแห่งนี้ถือได้ว่าเป็นสถานที่เดียวที่มีพระสวยัมภูมูรติที่งวงหันไปทางขวาวิหารแห่งนี้ตั้งอยู่บนเนินเขาขนาดเล็ก มีถนนที่ตัดตรงสู่เทวสถานแห่งนี้ ซึ่งคาดว่าสร้างในช่วงสมัยสงครามกาเจนดรากาด (Battle of Gajendragad) หรือสงครามระหว่างอาณาจักรมาราธากับอาณาจักรมัยซอร์ ॐ “องค์ที่ 4 พระศรีสิทธิวินายกะ” ประทานมนตราที่จะให้ท่านประสบความสำเร็จในหน้าที่การงาน ทุกประการ ॐ ได้เวลาพอสมควรนำท่านเดินทางสู่ หมู่บ้านเทอูร์ (Theur) ระยะทาง 89 กม. ซึ่งมีความเชื่อว่าเป็นสถานที่ที่ตั้งอาศรมของฤาษีกปิละ ผู้ครอบครองแก้วจินตามณีหรือแก้วสารพัดนึกแห่งองค์อินทร์ และเป็นสถานที่ที่พระพิฆเนศเสด็จลงมาช่วยแย่งชิงแก้วจินตามณีจากคณราช โอรสแห่งกษัตริย์อภิจิตและพระนางกุนวดี ผู้ตกอยู่ในอำนาจแห่งความโลภ สุดท้ายคณราชถูกสังหารลง ณ ที่แห่งนี้ หลังจากฤาษีกปิละได้รับแก้วจินดามณีคืนมา จึงได้อธิษฐานขอองค์พระพิฆเนศให้ประทับอยู่ ณ ที่แห่งนี้ตลอดไป พระพิฆเนศจึงเนรมิตสวยัมภูมูรติเพื่อเป็นสัญลักษณ์แห่งการประทับอยู่ ฤาษีกปิละจึงได้ถวายแก้วจินดามณีประดับแด่องค์เทวรูป ตามตำนานปรากฎในมุทคลปุราณะ นำท่านสักการะ เทวรูปพระพิฆเนศ ณ เทวสถานศรีจินดามณี (SHREE CHINTAMANI TEMPLE) โดยสวยัมภูมูรติองค์นี้หันพระพักตร์ไปทางทิศตะวันออก และงวงหันไปทางซ้าย พระเนตรของเทวรูปประดับด้วยเพชรนิลจินดา ด้านหลังวิหารแห่งนี้ มีทะเลสาบคาดัมธีรธา (Kadambteertha Lake) ซึ่งมีตำนานที่เกี่ยวข้องกับเรื่องรามยณะ ในตอนที่ฤาษีโคตรมะได้สาปแช่งพระอินทร์ ที่มาเสพสังวาสกับภรรยาของตนผู้มีนามว่านางกาลอัจนา ซึ่งเป็นแม่ของนางสวาหะ พาลี และสุครีพ หรือย่าของหนุมาน โดยฤาษีโคตรมะได้สาปให้พระอินทร์มีโยนีขึ้นตามร่างกายจำนวนพันโยนีหรือสหัสโยนี ทำให้ร่างกายองค์อินทร์เกินเป็นรูตามตัว โดยภายหลังฤาษีโคตมะแนะนำให้พระอินทร์ทรงบูชาพระพิฆเนศ เพื่อเป็นการขอขมากรรมและถอนคำสาป พระพิฆเนศได้ทรงโปรดพระอินทร์ด้วยการให้สรงน้ำ ณ ทะเลสาบแห่งนี้ และรูตามร่างกายของพระอินทร์ได้แปรเปลี่ยนเป็นดวงตาแทน จึงเป็นที่มาของชื่อ พระสหัสสนัย หรือเทพพันตา ได้เวลาพอสมควรนำท่านเดินทางกลับสู่ เมืองปูเน่ (Pune) ระยะทาง 30 กม. ॐ “องค์ที่ 5 พระศรีจินดามณี” ประทานมนตราที่จะให้ท่านสมหวัง ดังได้อธิษฐานต่อลูกแก้วจินดามณีอันศักดิ์สิทธิ์ ॐ ค่ำ ä รับประทานอาหารค่ำ ณ ห้องอาหารของโรงแรมที่พัก ที่พัก Hotel St. Laurn Pune หรือเทียบเท่าระดับ 4 ดาว วันที่สี่ ปูเน่ - เลนยาดรี - รานจานกอน - ปูเน่ - วัดดั๊กดูเศรษฐ์ (B/L/D) 07.00 น. ä รับประทานอาหารเช้าภายในโรงแรมที่พัก นำท่านเดินทางสู่ หมู่บ้านเลนยาดรี (Lenyadri) ระยะทาง 99 กม. ตั้งอยู่ในเขตปกครองของเมือง ปูเน่ ซึ่งมีความเชื่อว่า เป็นสถานที่กำเนิดพระพิฆเนศ ซึ่งเป็นสถานที่ที่พระแม่ปารวตี ปางหนึ่งของพระอุมาเทวี ทรงทำพิธีของบุตร โดยจำเป็นต้องบำเพ็ญเพียรภาวนาอยู่ภายในถ้ำ ระยะเวลาผ่านไป 12 ปี จนกระทั่งถึงวันแรม 4 ค่ำ เดือน 9 หรือวันคเณศจตุรถีในปัจจุบัน พระแม่ปารวตีได้ทรงปั้นหุ่นดินเหนียวและทำการประกอบพิธีกรรมต่ออยู่นั้น ผลแห่งการบำเพ็ญเพียรภาวนาได้สัมฤทธิ์ผล รูปปั้นดินเหนียวกลับกลายมามีชีวิตเป็นองค์พระพิฆเนศในวัยเยาว์ที่มีพระชนม์มายุ 10 พรรษา หรือที่เรียกปางอวตารนี้ว่า “บาล คณปติ” ตามตำนานปรากฏในคเณศปุราณะ นำท่านสักการะ เทวรูปพระพิฆเนศ ณ เทวสถานศรีคีรีจัตมากา (SHREE GIRIJATMAKA TEMPLE) โดยสวยัมภูมูรติองค์นี้หันพระพักตร์ไปทางทิศเหนือ และงวงหันไปทางซ้ายเทวสถานแห่งนี้เป็นเทวสถานแห่งเดียวที่มีลักษณะแตกต่างจากเทวสถานแห่งอื่น เนื่องจากเป็นเทวสถานที่อยู่ภายในหมู่ถ้ำ ที่มีถ้ำรวมกัน 18 ถ้ำ ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นถ้ำของทางศาสนาพุทธ โดยเทวสถานแห่งนี้อยู่ภายในถ้ำอันดับที่ 8 ที่หันหน้าไปทางทิศใต้ และใช้วิธีการขุดเจาะถ้ำเป็นโพรงเข้าไป มีบันไดทางขึ้น 307 ขั้น ภายในเทวสถานมีขนาดพื้นที่ ด้านยาว 15.90 เมตร ด้านกว้าง 15.30 เมตร และมีความสูง 2.10 เมตร ภายในเทวสถานแห่งนี้ไม่มีการใช้หลอดไฟให้แสงสว่าง โดยใช้แสงสว่างจากแสงของพระอาทิตย์ (เทวสถานแห่งนี้จำเป็นต้องเดินขึ้นภูเขา ขอแนะนำให้เตรียมรองเท้าที่สะดวกต่อการเดิน) ॐ “องค์ที่ 6 พระศรีคีรีจัตมากา” ประทานมนตราที่จะให้ท่านประสบความสำเร็จ ในการฝ่าฟันอุปสรรคทั้งปวง ॐ เที่ยง ä รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารท้องถิ่น บ่าย นำท่านเดินทางสู่ เมืองโอซาร์ (Ozar) ระยะทาง 15 กม. เป็นสถานที่พระพิฆเนศได้รับการบูชาจากเหล่าฤาษีให้ลงมาปราบวิฆนาสูร ผู้ซึ่งเกิดจากการสร้างของพระอินทร์ เพื่อลงมาทำลายพิธีกรรมของกษัตริย์อภินันทะ แห่งนครเหมวัติ แต่กลับทำลายทุกสิ่งทุกอย่างภายในโลก ภายหลังวิฆนาสูรได้ยอมศิโรราบต่ออิทธิฤทธิ์แห่งองค์พระพิฆเนศ และอสูรตนนี้ได้ร้องขอให้พระพิฆเนศ ให้ใช้ชื่อผสมรวมกับของตนกับสวยัมภูมูรติแห่งนี้ว่า “พระศรีวิฆเนศวร” ที่มีความหมายว่า ผู้ขจัดอุปสรรคและภยันตราย ตามตำนานปรากฏในมุทคลปุราณะ นำท่านสักการะ เทวรูปพระพิฆเนศ ณ เทวสถานศรีวิฆเนศวร (SHREE VIGANESHWAR TEMPLE) โดยสวยัมภูมูรติองค์นี้หันพระพักตร์ไปทางทิศตะวันออก และงวงหันไปทางซ้าย บริเวณพระเนตรประดับด้วยทับทิม พระนลาฏ (หน้าผาก) ประดับด้วยเพชร และพระนาภี (สะดือ) ประดับด้วยอัญมณี โดยมีพระนางสิทธิกับพระนางพุทธะ 2 พระมเหสี ประทับอยู่ด้านข้างทั้ง 2 ด้าน เทวสถานแห่งนี้ถูกสร้างขึ้น ประมาณปีคริสต์ศักราชที่ 1785 โดยสันนิษฐานว่าสร้างขึ้นโดยดำริของ พลเอกชิมาจิ อัปป้า (SHIMAJI APPA) แห่งแคว้นมหารัชตะ หลังมีชัยชนะจากสงครามกับโปรตุเกสที่ปกครองครองแคว้นวาไซและซาชตี้ ซึ่งเทวสถานแห่งนี้ตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำคูคาดี้ (Kukadi River) ॐ “องค์ที่ 7 พระศรีวิฆเนศวร” ประทานมนตราที่จะให้ท่านทำการใดๆ จะประสบความสำเร็จ โดยไม่เกิดอุปสรรคต่างๆทั้งปวง ॐ นำท่านเดินทางสู่ เมืองรานจานกอน (Ranjagoan) ระยะทาง 64 กม. ตั้งอยู่ในเขตปกครองของเมืองปูเน่ ตามฮินดูคติ ถือว่าเมืองรานจานกอน คือเมืองมณีปุระ ซึ่งเป็นสถานที่ที่พระศิวะได้ทรงทำพิธีบูชาพระพิฆเนศ และทรงได้รับพรสมปรารถนา จนสามารถสังหารตรีปุราสูรด้วยธนูเพียงดอกเดียว ตรีปุราสูรนั้น เป็นบุตรของฤาษีคฤตสมาชที่เกิดจากการจาม และเป็นอสูรผู้บูชาและได้รับพรจากพระพิฆเนศ ตามตำนานปรากฏในคเณศปุราณะ นำท่านสักการะ เทวรูปพระพิฆเนศ ณ เทวสถานศรีมหาคณปติ (SHREE MAHAGANAPATI TEMPLE) โดยสวยัมภูมูรติองค์นี้หันพระพักตร์ไปทางทิศตะวันออก และงวงหันไปทางซ้าย และพระนลาฏ (หน้าผาก) มีลักษณะกว้าง โดยมีพระนางสิทธิกับพระนางพุทธะ 2 พระมเหสี ประทับอยู่ด้านข้างทั้ง 2 ด้าน ॐ “องค์ที่ 8 พระมหาคณปติ” ประธานมนตราที่จะให้ท่านประสบความสำเร็จ ดั่งสิ่งที่ปรารถนาทุกประการ ॐ ได้เวลาพอสมควรนำท่านเดินทางกลับสู่เมืองปูเน่ (Pune) ระยะทาง 65 กม. นำท่านสักการะ องค์พระพิฆเนศที่ขึ้นชื่อว่าร่ำรวยมากที่สุดในโลก ดั๊กดูเศรษฐ์ (Dagdusheth) และมีความงดงามมากที่สุดองค์หนึง เป็นพระนามของพระพิฆเนศที่ประดิษฐาน ณ เทวสถานดั๊กดูเศรษฐ์ ในเมืองปูเน่ประเทศอินเดีย ที่มีคนเข้ากราบสักการะมากมาย เชื่อว่าผู้ที่ได้มากราบไหว้พระพิฆเนศที่นี่ จะทำให้ความปรารถนาของตนสมหวังประสบความสำเร็จ ร่ำรวยเงินทอง มีโชคมีลาภ เจริญก้าวหน้า งวงพระองค์เป็นเกรียวดูดทรัพย์ ซึ่งผู้คนมากมายที่สมหวังดั่งปรารถนาก็นำเงินทองมาถวายให้เทวสถานแห่งนี้มากมาย ที่ขึ้นชื่อว่าร่ำรวยที่สุดเพราะฐานที่ประดิษฐานองค์พระพิฆเนศ และเครื่องทรงต่างๆ ล้วนเป็นทองคำและเพชรพลอยที่ประมาณมูลค่าไม่ได้ ค่ำ ä รับประทานอาหารค่ำ ณ ห้องอาหารของโรงแรมที่พัก ที่พัก Hotel St. Laurn Pune หรือเทียบเท่าระดับ 4 ดาว วันที่ห้า ปูเน่ - มุมไบ - วัดสิทธิวินายัก - ย่านโคลาบา - สนามบินมุมไบ (B/L/-) 07.00 น. ä รับประทานอาหารเช้าภายในโรงแรมที่พัก นำท่านเดินทางกลับสู่ เมืองมุมไบ (Mumbai) ระยะทาง 145 กม. เที่ยง ä รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารจีน บ่าย นำท่านเข้าสักการระองค์สิทธิวินายัก ณ วัดสิทธิวินายัก (Siddhivinayak Temple) ได้ชื่อว่าเป็นวัดที่มีชื่อเสียงที่สุดในเมืองมุมไบ ที่มีเหล่าเซเลบ และดาราบอลลีวูดมาสักการะกันอยู่ตลอด ลักษณะเด่นขององค์นี้ คือ เป็นองค์ปฐม และเป็นองค์ประธานแห่งพระพิฆเนศทุกๆพระองค์ในโลกลักษณมีพระฉวี (ผิว) สีแดงสด ซึ่งเป็นสีของไฟและพลังอำนาจ อีกทั้งยังมีงวงที่ตวัดไปทางเบื้องขวาของพระองค์ อันหมายถึงความยิ่งใหญ่ถึงที่สุด จากนั้นนำท่านเลือกซือสินค้าของฝาก ณ แหล่งช้อปปิ้งสำคัญของเมืองมุมไบย่านโคลาบา (Colaba Causeway) เพียบพร้อมไปด้วยสินค้าหลากหลายชนิด เช่น เครื่องประดับ เพชรพลอย เสื้อผ้า และเครื่องหนัง โดยแต่ละส่วนจะมีชื่อเรียกที่แตกต่างกันออกไป อิสระรับประทานอาหารค่ำ เพื่อไม่เป็นการรบกวนเวลาส่วนตัวของท่าน ได้เวลาพอสมควรนำท่านเดินทางสู่ สนามบินฉัตราปตีศิวะจิ (Chhatrapati Shivaji) เมืองมุมไบ 23.35 น. ออกเดินทางสู่กรุงเทพมหานครโดยสายการบิน THAI AIRWAYS เที่ยวบินที่ TG318 วันที่หก สนามบินสุวรรณภูมิ กรุงเทพมหานคร 05.35 น. ถึงสนามบินสุวรรณภูมิ กรุงเทพมหานคร โดยสวัสดิภาพ * ท่านใดมีไฟล์ทบินภายในประเทศต่อ โปรดแจ้งให้บริษัทฯทราบในวันจองทัวร์ * ** ทั้งนี้เพื่อประโยชน์ของตัวท่านเอง ** |
Copyright © 2003 eTravelWay.com All rights reserved โดย บริษัททัวร์ วีอาร์ เอเจนซี ทราเวล แอนด์ เทรด จำกัด |
ติดตามข่าวสารโปรโมชั่นดีดี
@etravelway
รับโปรโมชั่นดีดี
เฉพาะคอทัวร์โปรไฟไหม้
ทัวร์ถูกคุณภาพคุ้มค่า
ทัวร์หลุดจอง
@etravelway.fire
เฉพาะคอทัวร์โปรไฟไหม้
fb.me/etravelway
สอบถามทาง Facebook