สวิตเซอร์แลนด์ - อิตาลี (Autumn โดโลไมท์) 8 วัน 6 คืน

บินตรงซูริค โดยสายการบินสวิส อินเตอร์เนชั่นแนล แอร์ไลน์ส

(รวมวีซ่าเชงเก้น และรวมทิปทุกอย่างแล้ว)

ซูริค - แรพเพอร์ชวิล โยนา - ดาวอส - ปอนเตรสซีนา - เซนต์โมริตส์ - นั่งรถไฟเบอร์นีน่า เอ็กซ์เพรส - ทิราโน่ ปอนเต ดิ เลกโน - เคลส - โบลซาโน - ออร์ติเซ่ - เทือกเขาโดโลไมท์ - กลอเลนซ่า - นอร์เดอร์ -

ลิกเตนสไตน์ - วาดุซ - อัพเพนเซลล์ ซังต์กัลเลน - ซูริค

ไม่รวม ค่าพนักงานยกกระเป๋าในโรงแรม ซึ่งท่านต้องจัดการกระเป๋าด้วยตัวท่านเอง

 ค่าทำ Vaccine Passport - ไม่มีเจ้าหน้าที่รับ-ส่งเอกสารวีซ่า โปรดส่งเอกสารทาง พัสดุตรงถึง Center แผนกวีซ่า

หลังจากท่านทำการจองทัวร์แล้ว ทางบริษัทฯจะถือว่าท่านเข้าใจ และพร้อมปฏิบัติตามเงื่อนไขดังกล่าวเพื่อประโยชน์ของผู้เดินทาง โปรดศึกษาเงื่อนไขการจองทัวร์ และการยกเลิกทัวร์ ที่ระบุในรายการทั้งหมด

วันแรก กรุงเทพมหานคร - ซูริค

09.00 น. คณะพบเจ้าหน้าที่และมัคคุเทศก์ได้ที่ เคาน์เตอร์เช็คอิน สายการบินสวิสแอร์ เคาน์เตอร์ G อาคารผู้โดยสารขาออกชั้น 4 ณ สนามบินสุวรรณภูมิ หมายเหตุ: ท่านต้องแสดงหลักฐานได้รับวัคซีน Covid 19 ครบ 2 เข็ม ขณะเช็คอิน

12.45 น. ออกเดินทางสู่นครซูริค ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ (บินตรง) โดยสายการบินสวิสแอร์ เที่ยวบิน LX181 (ใช้เวลาบินประมาณ 11.45 ชั่วโมง) เพลิดเพลินกับภาพยนตร์หลากหลายกับ จอทีวีส่วนตัวทุกที่นั่ง และสายการบินมีบริการ อาหารค่ำ และ อาหารเช้า ระหว่างเที่ยวบินตรง สู่นครซูริค

19.35 น. เดินทางถึงสนามบินซูริค ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ นำท่านผ่านพิธีการตรวจคนเข้าเมืองและศุลกากร

นำท่านเข้าสู่โรงแรมที่พัก Holiday Inn Express Hotel **** หรือเทียบเท่า

วันที่สอง ซูริค - แรพเพอร์ชวิล โยนา - ดาวอส - ปอนเตรสซีนา - เซนต์โมริตส์

เช้า รับประทานอาหารเช้าในโรงแรม

นำท่านเดินทางสู่ เมืองแรพเพอร์ชวิล (Rapperswil) หรือชื่อเต็มคือ Rapperswil-Jona (ระยะทาง 41 กม. ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1 ชั่วโมง) นำท่านเที่ยวชมเมืองรัพเพอร์ชวิล โยนา เมืองที่ได้ชื่อว่า “เมืองแห่งดอกกุหลาบ” ที่นี่มีการปลูกดอกกุหลาบในสวนสวยกว่า 3 แห่ง ในช่วงเดือนมิถุนายน - ตุลาคมของทุกปี ทำให้เมืองนี้มีความโดดเด่นเพราะช่วงดังกล่าวจะเต็มไปด้วยดอกกุหลาบหลากหลายสายพันธุ์ นอกจากนี้เมืองนี้ยังเป็นอีกเมืองเก่าแก่ สร้างขึ้นในสมัยศตวรรษที่ 18 จะเห็นได้จากอาคาร ปราสาท และ สถาปัตยกรรมโบราณที่ยังคงเหลืออยู่ นำท่านเที่ยวชมภายในเมืองเก่าแห่งรัพเพอร์ชวิล จากนั้นนำท่านเดินเล่นและถ่ายรูปกับสะพานไม้โบราณ (Holzbrucke Rapperswil-Hurden) ที่สร้างเชื่อมระหว่างเมืองรัพเพอร์ชวิล และ เมืองบาร์เดน เหนือทะเลสาบซูริค นับเป็นสะพานไม้ที่เก่าแก่และควรค่าแก่การอนุรักษ์เป็นอย่างยิ่ง

นำท่านเดินทางสู่ เมือง เมืองดาวอส (Davos) (ระยะทาง 118 กม. ใช้เวลาเดินทางประมาณ 2 ชม.) ตั้งอยู่เขตรอบแม่น้ำ Landwasser ซึ่งอยู่ในเทือกเขาแอลป์ ระหว่าง ภูเขา Plessur และ ภูเขา Albula ที่ความสูง 1,560 เมตร (5,120 ฟุต) ซึ่งเป็นเมืองที่สูงที่สุดในยุโรป และเมืองนี้ถูกจัดให้เป็นเมืองสกีรีสอร์ท ที่ใหญ่ที่สุดของสวิตเซอร์แลนด์ และสูงที่สุดในยุโรป นอกจากนี้เมืองนี้ยังโด่งดัง เรื่องของอากาศที่ดี สภาพแวดล้อมเหมาะแก่การรักษา และฟื้นตัวจากโรคปอด เมืองนี้มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์ของไทย โดยในธนบัตรที่ระลึกฉบับละ 20 บาท ที่ทาง ธนาคารแห่งประเทศไทยได้จัดพิมพ์ขึ้นโดย ได้เชิญพระบรมฉายาสาทิสลักษณ์ในหลวง ร.9 เมื่อสมัยยังทรงพระเยาว์ ซึ่งทรงฉาย ณ โรงแรมเซโฮฟ (Seehof hotel) ซึ่งอยู่ที่เมืองดาวอส (Davos) มาเป็นภาพประธาน นำท่านแวะถ่ายรูปกับโรงแรมเซโฮฟ

กลางวัน รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารท้องถิ่น

 บ่าย นำท่านเดินทางสู่ เมืองปอนเตรสซีนา (Pontresina ) (ระยะทาง 66 กม. ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1.30 ชั่วโมง) 

นำท่านขึ้นเคเบิ้ลคาร์สู่ยอดเขา Diavolzezza ที่มีความสูง 2,978 เมตร เหนือระดับน้ำทะเล ชมวิวของธารน้ำแข็งอายุนับหมื่นปี หากโชคดีท่านจะได้เห็นแพะภูเขาที่อาศัยอยู่ตามธรรมชาติ ให้ท่านได้เพลิดเพลินกับทัศนียภาพบนยอดเขา พร้อมเก็บภาพความประทับใจอย่างเต็มที่

นำท่านเดินทางสู่ เมืองเซนต์โมริตส์ (St. Moritz) (ระยะทาง 10 กม. ใช้เวลาเดินทางประมาณ 20 นาที) เมืองที่อยู่ในหุบเขา Engadine ของสวิตเซอร์แลนด์ ตั้งอยู่บนส่วนหนึ่งของเทือกเขาแอลป์ในระดับความสูงที่ 1,775 เมตรเหนือน้ำทะเล เมืองที่ได้ชื่อว่าเป็นเมืองตากอากาศที่มีชื่อเสียงและศูนย์กลางกีฬาสกีที่มีชื่อเสียงระดับโลก ตัวเมืองตั้งอยู่ในรัฐเกราบึนเดิน(Graubünden) เป็นรัฐที่ใหญ่ที่สุดและอยู่ทางตะวันออกสุดของประเทศ ตั้งอยู่บนยอดที่สูงที่สุดของเทือกเขาแอลป์ นำท่านแวะถ่ายรูปกับเซนต์โมริตส์ (Lake St. Moritz) ซึ่งจะพบกับความงดงามของน้ำใสสีเขียวมรกตในช่วงฤดูร้อน แต่ถ้าเป็นหน้าหนาวน้ำในทะเลสาบจะกลายเป็นน้ำแข็ง อิสระให้ท่านได้เดินเล่น หรือเลือกซื้อของฝาก ไม่ว่าจะเป็นสินค้าแบรนด์เนม หรือ สินค้าพื้นเมือง ในย่านจัตุรัสพลาซาดาสโกวล่า (Plazza da Scoula) หรือจะเดินเล่นชมความงามของเมืองสกีรีสอร์ทแห่งนี้

ค่ำ รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารท้องถิ่น

นำท่านเข้าสู่โรงแรมที่พัก Laudinella Hotel **** หรือเทียบเท่า

วันที่สาม เซนต์โมริตส์ - รถไฟเบอร์นีน่า เอ็กซ์เพรส - ทิราโน่ - ปอนเต ดิ เลกโน - เคลส

เช้า รับประทานอาหารเช้าในโรงแรม

นำท่านสัมผัสบรรยากาศ นั่งรถไฟสาย เบอร์นีน่า เอ็กซ์เพรส (Bernina Express) จากสถานี St. Moritz มุ่งหน้าสู่สถานีปลายทางเมืองทิราโน่ ซึ่งเป็นรถไฟสายที่เก่าแก่ที่สุดของประเทศสวิตเซอร์แลนด์ เปิดให้บริการครั้งแรกเมื่อปี ค.ศ.1910 สัมผัสประสบการณ์การเดินทางกว่า 2 ชั่วโมง ผ่านสะพานกว่า 196 สะพาน และอุโมงค์กว่า 55 อุโมงค์ ไต่ระดับเป็นขั้นๆสู่ความสูงกว่า 2,253 เมตรเหนือระดับน้ำทะเล ชมความงามของ สะพานวงกลมบรูซิโอ ยาว 110 เมตร ลักษณะเป็นสะพานหิน 9 ซุ้มโค้ง คล้ายกับสะพานส่งน้ำโรมัน และสะพานลันด์วัสเซอร์ ตีวงโค้งลดระดับลงมาจากเชิงเข่าสู่พื้นราบ ชมความงามของขุนเขา สลับทุ่งหญ้า และหุบเขาสวิสแอลป์อันสวยงาม ซึ่งเส้นทางรถไฟสายนี้ได้รับการประกาศเป็นหนึ่งในมรดกโลกของประเทศสวิตเซอร์แลนด์เมื่อปี ค.ศ.2008 (หากรถไฟเบอร์นีน่าเอ็กซ์เพรสไม่สามารถรองรับคณะเดินทางได้ บริษัทจะจัดรถไฟ REGIONAL TRAIN ทดแทน)

11.28 น. เดินทางถึง เมืองทิราโน่ (Tirano) เมืองตากอากาศแสนสวยของอิตาลี

กลางวัน รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารจีน

บ่าย นำท่านเดินทางสู่ เมืองปอนเต ดิ เลกโน (Ponte Di Legno) (ระยะทาง 60 กม. ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1.30 ชั่วโมง) ปอนเต ดิ เลกโน ตั้งอยู่ที่จุดบรรจบกันของแม่น้ำต้นทางสองสายของโอกลิโอ เป็นแคว้นบนสุดของแคว้นวาล กาโม นิกา เป็นเมืองที่เป็นส่วนหนึ่งของดาเลาเนียโบราณ (ดาเลญโญ) ซึ่งรวมถึงคอมมูนของเตมูด้วย หนึ่งในเมืองสกีรีสอร์ท ของอิตาลี นำท่านเข้าชมโบสถ์โฮลีทรินิตี้ ปอนเต ดิ เลกโน (Chiesa della SS. Trinità a Ponte di Legno) โบสถ์สูงตระหง่านบนเนินเขา ที่สร้างขึ้นในศตวรรษที่ 16 - 17 อาคารได้รับการสร้างขึ้นใหม่ในสไตล์บาร็อค และในปี 1864 โบสถ์ได้รับความเสียหายอย่างหนักในปี 1917 จากการทิ้งระเบิดในออสเตรีย โบสถ์แห่งนี้ได้รับการบูรณะอย่างต่อเนื่อง ซึ่งส่งผลกระทบต่อพื้นที่ด้านหน้าด้วยเช่นกัน ซึ่งสร้างขึ้นใหม่ในศตวรรษที่ 20 หลังจากเกิดเพลิงไหม้ที่ทำลายบ้านเรือนใกล้เคียงบางส่วนด้วย

นำท่านเดินทางสู่ เมืองเคลส (Cles) (ระยะทาง 57 กม. ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1.20 ชั่วโมง) เมืองที่เคยเป็นส่วนหนึ่งของจักรวรรดิออสเตรีย หลังสงครามภูมิภาคนี้ตกเป็นของอิตาลีด้วยการยุบสถาบันพระมหากษัตริย์ออสเตรีย-ฮังการี นำท่านเข้าชมปราสาทเคลส (Castel Cles) บนเนินเขาเหนือทะเลสาบ Santa Giustina ปราสาทถูกในสมัยศตวรรษที่ 12 และในตอนต้นของศตวรรษที่ 15 ในระหว่างการกบฏของชาวนา ปราสาทได้รับความเสียหายอย่างร้ายแรง เจ้าชาย-บิชอปเบอร์นาร์ดแห่งเคลส์จึงได้บูรณะปราสาทในสไตล์เรอเนซองส์ งานบูรณะเพิ่มเติมได้รับคำสั่งจากขุนนาง Aliprando ในปี ค.ศ. 1597 ในเวลานั้นปราสาทมีสามหอคอย หนึ่งในนั้นและปีกด้านเหนือของอาคารถูกทำลายจากการลอบวางเพลิงห้องต่างๆ ของปราสาทซึ่งมีจิตรกรรมฝาผนังตั้งแต่ศตวรรษที่ 16 โดยเฉพาะในห้อง Saletta delle Metamorfosi ที่มีภาพเฟรสโกโดยจิตรกรศาล Marcello Fogolino ที่วาดภาพฉากจาก Metamorphoses ของ Ovid นำท่านเดินทางสู่ เมือง Coredo (ระยะทาง 15 กม. ใช้เวลาเดินทางประมาณ 20 นาที) นำท่านเข้าสู่ที่พัก

ค่ำ รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารท้องถิ่น

นำท่านเข้าสู่โรงแรมที่พัก Miravel Hotel ,Coredo **** หรือเทียบเท่า

วันที่สี่ โบลซาโน - ออร์ติเซ่ - เทือกเขาโดโลไมท์

เช้า รับประทานอาหารเช้าในโรงแรม

นำท่านเดินทางสู่ เมืองโบลซาโน (Bolzano) (ระยะทาง 70 กม. ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1.20 ชั่วโมง ) เมืองที่ล้อมรอบด้วยแม่น้ำ เมืองหลวงของภูมิภาคไทโรลใต้ (South Tyrol) ที่นี่แม่น้ำ Talvera จะไหลลงไปในแม่น้ำ Israco และมารวมกันเป็นแม่น้ำ Adige เนินเขาที่เป็นป่า ทุ่งหญ้า ไร่องุ่นและเทือกเขา Dolomites ในทางทิศตะวันออกนั้นเหมาะกับการพักผ่อนแบบผ่อนคลายอย่างยิ่ง

นำท่านเข้าชม มหาวิหารโบลซาโน (Duomo Bolzano) มหาวิหารใจกลาง Piazza Walther และสร้างขึ้นครั้งแรกในศตวรรษที่ 4 ในปีต่อ ๆ มามหาวิหารก็มีการเปลี่ยนแปลงเพิ่มเข้ามาและได้รับการบูรณะ จุดเด่นของอาคารแบบกอธิคแห่งนี้คือหลังคากระเบื้องที่สวยงามหลังคานี้มีรูปแบบเพชรสีเขียวสีขาว และสีเหลือง โดดเด่นเหนืออาคารที่อยู่โดยรอบ ภายในโบสถ์มีเสาหินหลากสีและแท่นบูชาหลักที่ตกแต่งอย่างดี นอกจากนี้ยังมีพิพิธภัณฑ์ที่บันทึกประวัติความเป็นมาของโบสถ์และมีสิ่งประดิษฐ์และวัตถุโบราณที่สวยงาม นำท่านเดินสำรวจเมืองเก่า และเพลิดเพิลนกับการชอปปิ้ง จัตุรัสกลางเมือง Piazza delle Erbe ถ่ายภาพกับ น้ำพุแห่งเนปจูน น้ำพุเพียงแห่งเดียวในเมืองแห่งศตวรรษที่ 18 ที่สร้างขึ้นเพื่อจัดการกับปัญหาด้านสุขอนามัยและน้ำประปา รูปปั้นน้ำพุแห่งนี้ เป็นผลงานของโจอาคิม เรอีส โดยอิงจากแบบจำลองโดยจอร์จ เมย์ร์แห่งฟีเอ (ค.ศ. 1745) และได้รับการจัดประเภทให้เป็นหนึ่งใน 100 น้ำพุที่สวยที่สุดในอิตาลี

กลางวัน รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารท้องถิ่น

บ่าย นำท่านเดินทางสู่ เมือง ออร์ติเซ่ (Ortisei) เมืองศูนย์กลางทางฝั่งตะวันตกของโดโลไมต์รองๆ ลงมาจากเมือง Bolzano เมืองที่มีวิวสวยงาม มีเทือกเขาล้อมรอบอันงดงาม แปลกตา

นำท่านนั่งกระเช้า Cable car สู่ อัลเป ดี ซีอูซี Alpe di Siusi ทุ่งหญ้าบนภูเขาที่ใหญ่ที่สุดในยุโรป และยังได้ขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก Unesco อีกด้วย ชมวิวทิวทัศน์ แบบพาโนรามา สัมผัสความงดงาม อันมหัศจรรย์ของดินแดน เทือกเขาโดโลไมท์ จากมุมสูงรอบด้าน ชมทัศนียภาพอันยิ่งใหญ่ของหุบเขา โตรกผา โดยมีเทือกเขา Sasolungo Mountain Range ที่มีรูปทรงประหลาดยอดเขาแหลมชันเป็นจุดเด่นมีเส้นทางเดินลัดเลาะ สู่จุดชมวิวต่างๆ ให้ท่านมีเวลาเก็บภาพสวยๆ อันประทับใจก่อนท่านจะได้ตื่นตาตื่นใจกับบรรยากาศสุดที่จะบรรยาย อิสระให้ท่านเดินเล่น ถ่ายรูปตามอัธยาศัย จากนั้นนำท่านนั่งกระเช้ากลับ ลงสู่ด้านล่าง 

นำท่านเดินทางสู่ เมืองเมราโน่ (Merano) (ระยะทาง 70 กม. ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1.20 ชั่วโมง )

ค่ำ รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารท้องถิ่น

นำท่านเข้าพักสู่โรงแรมที่พัก Europa Hotel Splendid **** หรือเทียบเท่า

วันที่ห้า กลอเลนซ่า - นอร์เดอร์

เช้า รับประทานอาหารเช้าในโรงแรม

นำท่านเดินทางสู่ อาราม Marienberg , Mals หรือ Abbey of Monte Maris, Mals วัดเบเนดิกที่สูงที่สุดของยุโรปเป็นศูนย์กลางทางจิตวิญญาณของ Vinschgau ตอนบนมาเป็นเวลานาน จนถึงทุกวันนี้ อารามที่ตั้งอยู่บนเนินเขาที่ระดับความสูง 1,350 ม. มานานกว่า 900 ปี อารามที่มีศิลปะแบบบาโรก โรมาเนสก์ และ งานปูนปั้นทำในสไตล์เรเนสซอง

นำท่านเดินทางสู่ เมืองกลอเลนซ่า (Glorenza) เมืองที่เล็กที่สุดทางตอนใต้ของเทือกเขาแอลป์ อุดมไปด้วยอัญมณีที่มีคุณค่าทางประวัติศาสตร์และสร้างความประหลาดใจให้กับผู้มาเยือนด้วยมุมที่มีเสน่ห์ เมืองที่ก่อตั้งขึ้นเมื่อประมาณ 700 ปีที่แล้ว ยังคงรักษาเอกลักษณ์ทางประวัติศาสตร์ไว้ได้ในฐานะเมืองในยุคกลาง และถือเป็นอัญมณีทางสถาปัตยกรรม โดยกำแพงทรงกลมที่มีหอคอยสามเมือง และหอคอยที่มีป้อมปราการหลายชุดล้อมรอบตรอกและมุมต่างๆ ที่มีเสน่ห์ ทาวน์เฮาส์ในศตวรรษที่ 16 ตื่นตาไปกับความงามของเหล่าคฤหาสน์สไตล์เรอเนสซอง เที่ยวชม ป้อมปราการ และกำแพงเมืองเก่า กลอเลนซ่า ชมความงดงามของเมืองเก่าที่มีเสน่ห์ ที่ได้รับการขนานนามว่าเป็น หมู่บ้านที่สวยงามของอิตาลี ที่ยังคงเก็บรักษารูปแบบ ประเพณี วัฒนธรรมอันเก่าแก่ไว้อย่างสมบูรณ์

กลางวัน รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารท้องถิ่น

บ่าย นำท่านเดินทางสู่ เมืองนอร์เดอร์ (ระยะทาง 29 กม. ใช้เวลาเดินทางประมาณ 40 นาที) แวะถ่ายรูปกับป้อมปราการ Altfinstermünz ป้อมปราการเก่าแก่ ที่เคยเป็นด่านศุลกากร และด่านชายแดน เชื่อมโยงระหว่างหุบเขา Inntal และ Venosta และ Engadina ชาวโรมันได้สร้างสะพานไม้ขึ้นที่นี่เพื่อข้ามแม่น้ำอินน์ ในยุคกลาง ป้อมปราการ Finstermünz ถูกสร้างขึ้นในปี 1263 และเริ่มมีการเรียกเก็บภาษีศุลภากร ในปี 1300 จนถึงศตวรรษที่ 19 เป็นที่เดียวสำหรับผู้คน และยานพาหนะที่จะผ่าน Resia Pass ด้วยการก่อสร้างถนน Reschenpass ใหม่ ป้อมปราการสูญเสียความสำคัญไป

นำท่านเดินทางสู่ ปราสาท Naudersberg ที่เดิมตั้งอยู่บนเนินเขาในสามเหลี่ยมชายแดนอิตาลี-ออสเตรีย-สวิตเซอร์แลนด์ การก่อสร้างเริ่มขึ้นในศตวรรษที่ 12 ตั้งแต่ปี 1330 ถูกใช้เป็นศาลอาณาเขตสำหรับพื้นที่ระหว่าง Landeck และ Resia Pass และยังคงแสดงจนถึงปี 1919 ผู้พิพากษาต้องเป็นชาว Tyrolese และต้องรู้ภาษา Rhaeto-Romance จนถึงศตวรรษที่ 17 เพราะรอบ Nauders Rhaetian หลายคนอาศัยอยู่ ในปี 1980 3 ได้เปลี่ยนมือเป็นตระกูล Köllemann และได้รับการบูรณะใหม่ ให้ท่านได้เข้าชมพิพิธภัณฑ์ภายในปราสาท ชม ชีวิตของนักโทษและผู้พิพากษาที่ปราสาท Naudersberg แสดงให้เห็นอย่างน่าประทับใจในห้องขัง โดยใช้อุปกรณ์ทรมานแบบดั้งเดิม เวทมนตร์ของพ่อมด Florian Scheibenstock และในห้องขังแบบโกธิก มีการจัดแสดงนิทรรศการในห้องใต้หลังคา ชนบท และช่างฝีมือ ได้เวลาสมควร นำท่านเดินทางสู่ เมืองดาวอส (ระยะทาง 76 กม. ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1.40 ชั่วโมง)

ค่ำ รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารจีน

นำท่านเข้าพักสู่โรงแรมที่พัก Hilton Garden Inn Davos **** หรือเทียบเท่า

วันที่หก วาดุซ (ลิกเตนสไตน์)- อัพเพนเซลล์ - ซังต์กัลเลน - ซูริค

เช้า รับประทานอาหารเช้าในโรงแรม

นำท่านเดินทางสู่ เมืองวาดุซ (Vaduz) (ระยะทาง 69 ก.ม. ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1.10 ชั่วโมง) เมืองหลวงของ ประเทศ ลิกเตนสไตน์ (Liechtenstein) ประเทศเล็ก ๆ ที่มีประชากรเพียง 38,200 คน มีพื้นที่ทั้งหมดเพียง 160 ตารางกิโลเมตร อยู่ในทวีปยุโรปกลางระหว่างสวิตเซอร์แลนด์และออสเตรีย เป็นประเทศเดียวในโลกที่มีภาษาราชการเป็นภาษาเยอรมัน แต่ไม่มีพรมแดนติดกับประเทศเยอรมนีเลย หนึ่งในประเทศที่ร่ำรวยที่สุดในโลก รวมถึงเป็นอาณาจักรแห่งแสตมป์อันโด่งดัง นำท่านสู่จุดชมวิวของเมืองถ่ายรูปคู่กับปราสาทวาดุซ (Vaduz Castle) เป็นปราสาทที่พำนักของราชวงศ์แห่งลิกเตนสไตน์ ตั้งตระหง่านอยู่เหนือเมืองหลวงวาดุซประมาณ 120 เมตร เป็นสถานที่สำคัญอีกหนึ่งแห่งของของลิกเตนสไตน์และสามารถมองเห็นได้แต่ไกล ปราสาทมีต้นกำเนิดในศตวรรษที่ 12 เที่ยวชม อาคารรัฐสภา ศาลาว่าการเมือง พิพิธภัณฑ์ต่างๆ ร้านค้า ร้านอาหาร ร้านขายของที่ระลึก โดยเฉพาะแสตมป์ ที่มีชื่อเสียงโด่งดัง หรือให้ท่านได้เลือกซื้อนาฬิกา และเครื่องประดับชื่อดัง แหล่งรวมนาฬิกาชั้นนำมากมาย

นำท่าน เข้าชมวิหารเซนต์ฟลอริน (St. Florin Cathedral) หรือวิหารวาดุซ หนึ่งในสถานที่สำคัญที่เป็นที่รู้จักมากที่สุดในเมืองวาดุซ สร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1847 ด้วยสถาปัตยกรรมนีโอโกธิค ด้านนอกของวิหารมีหอคอยที่มีลักษณะเรียบง่ายและเป็นโบสถ์ที่ธรรมดามาก แต่เป็นสถานที่มีความสำคัญทางศาสนาที่สำคัญของเมืองวาดุซ

จากนั้น นำท่านเที่ยวชมสะพานเก่าข้ามแม่น้ำไรน์ (Old Rhine Bridge) สะพานไม้โบราณที่สร้างขึ้นในปี ค.ศ.1901 เพื่อข้ามเมื่อน้ำไรน์ เชื่อมกรุง Vaduz กับ Sevelen เมืองเล็กๆ ของสวิตเซอร์แลนด์ สะพานไม้แบบท้องถิ่นสวิสที่โครงสร้างด้านล่างเป็นเหล็กที่มีความยาว 135 เมตร ด้านในกว่าง 4.2 เมตร ก่อนปี 1976 เคยเปิดให้รถมอเตอร์ไซค์สามารถข้ามได้ แต่ด้วยโครงสร้างไม้ทำให้อาจไม่ปลอดภัย ปัจจุบันจึงอนุญาตให้คนเดินข้ามได้อย่างเดียว โดยสะพานนี้อยู่ในการดูแลของทางการลิกเตนสไตน์ ตรงกลางสะพานมีป้ายบอกเขตแดน Lechtenstein กับ Schweiz

กลางวัน รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารท้องถิ่น

บ่าย นำท่านเดินทางสู่ เมืองอัพเพนเซลล์ (Appenzell) (ระยะทาง 50 ก.ม. ใช้เวลาเดินทาง 1 ชั่วโมง) เมืองชนบทอันแสนงามกับชีสอันเลื่องชื่อ เมืองเล็กๆตั้งอยู่ท่ามกลางเทือกเขาแอลป์ เป็นเมืองที่ได้ชื่อว่าเมืองการ์ตูนในนิยายชาวสวิส เป็นเมืองที่สวยงาม อาคารบ้านเรือนมีการเพนท์ลาย สวยงามในแบบชาเล่ต์สวิส เป็นเมืองที่รายรอบด้วยภูเขาและมีแม่น้ำไหลผ่าน และมีอากาศบริสุทธิ์มาก นำท่านเดินเล่นในเมืองอัพเพนเซล ที่มีสีสันและลวดลายสวยงามบนจิตกรรมฝาผนังหมู่อาคารบ้านเรือน อิสระให้ท่านได้เก็บภาพวิว ทิวทัศน์ และหมู่อาคารน่ารักได้ตามอัธยาศัย

นำท่านเดินทางสู่ เมืองซังต์กัลเลน (St. Gallen) (ระยะทาง 17 ก.ม. ใช้เวลาเดินทาง 30 นาที) เมืองวิหารใหญ่ศูนย์กลางศาสนา เมืองที่มีความรุ่งเรืองและเข้มแข็งทางศาสนามาตั้งแต่สมัยยุคกลาง นำท่านเที่ยวชมเมืองและถ่ายรูปกับโบสถ์ซังท์กัลเลิน (Convent of St Gall) ซึ่งสร้างขึ้นตามสถาปัตยกรรมสไตล์บาโรค และยังเป็นที่ตั้งของหอสมุด Stiftsbibliothek ซึ่งได้รับการยกย่องจากองค์การยูเนสโก้ให้เป็นมรดกโลกในปี ค.ศ.1983 ภายในโบสถ์มีจิตรกรรมฝาผนังอันขึ้นชื่อและภาพเขียนเฟรสโก ที่ออกแบบและเขียนโดยนักจิตรกรชื่อดังอย่างไมเคิล แองเจโล

สมควรแก่เวลา นำท่านเดินทางสู่ เมืองซูริค (Zurich) (ระยะทาง 87 ก.ม. ใช้เวลาเดินทาง 1.20 ชั่วโมง)

นำท่านถ่ายรูปกับ Munsterbrucke ซึ่งเป็นสะพานข้ามถนนและทางเดินทางในเมืองเก่า เป็นสะพานข้ามแม่น้ำลิมมัต และเป็นจุดถ่ายทำภาพยนตร์ Crash Landing on You นอกจากนี้บริเวณนี้ยังมีวิหาร Fraumunster and Gross Munster อีกด้วย จากนั้นนำท่านสู่ Linderhof Strasse ซึ่งเป็น ฉากเปิดเรื่อง และเป็นจุดชมวิวเมืองซูริคอันเลื่องชื่อ พร้อมกับวิวแม่น้ำลิมมัต อิสระให้ท่านได้เก็บภาพและเดินเล่นตามอัธยาศัย หรือ จะเลือกช้อปปิ้งสินค้า

แบรนด์เนมต่างๆ

ค่ำ รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารจีน

นำท่านเข้าพักสู่โรงแรมที่พัก Holiday Inn Express Zurich Airport **** หรือเทียบเท่า

วันที่เจ็ด ซูริค

เช้า รับประทานอาหารเช้าในโรงแรม

อิสระให้ท่านพักผ่อนตามอัธยาศัย

10.00 น. นำท่านสู่สนามบิน เพื่อเช็คอิน และทำ Tax Refund

13.20 น. ออกเดินทางสู่กรุงเทพ เที่ยวบินที่ LX180 (ใช้เวลาในการเดินทาง 10.50 ชั่วโมง)

วันที่แปด กรุงเทพมหานคร

05.00 น. เดินทางถึงสนามบินสุวรรณภูมิ กรุงเทพฯ โดยสวัสดิภาพ