แม่ฮ่องสอน-ปาย 3 วัน 2 คืน

โดยสายการบินนกแอร์ (บินตรงจากสนามบินดอนเมือง สู่ สนามบินแม่ฮ่องสอน)

พักรีสอร์ท 4 ดาว บ้านรักไทย 1 คืน - ปาย 1 คืน

แม่ฮ่องสอน - ปางอุ๋ง - หมู่บ้านรักไทย - ปางมะผ้า - ล่องแพถ้ำน้ำลอด - บ้านจ่าโบ่

ปาย - หมู่บ้านจีนยูนนานบ้านสันติชล - วัดน้ำฮู - จุดชมวิวทะเลหมอกหยุนไหล

น้ำพุร้อนโป่งน้ำร้อนท่าปาย - สะพานประวัติศาสตร์ท่าปาย - ถนนคนเดินปาย

แม่ฮ่องสอน - สะพานไม้ซูตองเป้ - วัดพระธาตุดอยกองมู

คณะออกเดินทาง 8 ท่านขึ้นไป : มีไกด์ท้องถิ่นรับที่สนามบินแม่ฮ่องสอน

คณะออกเดินทาง 15 ท่านขึ้นไป : มีหัวหน้าทัวร์บินพร้อมคณะจากกรุงเทพฯ

ไม่รวม ค่าทิปคนขับรถ ***รวมตลอดการเดินทางจ่ายทิป 300 บาท***

ค่าทิปหัวหน้าทัวร์ขึ้นอยู่กับความพอใจของลูกค้า

ค่าภาษีเชื้อเพลิงที่ทางสายการบินอาจมีการเรียกเก็บเพิ่มเติมอีก

ค่าอาหารนอกเหนือจากที่ระบุในรายการ และค่าใช้จ่ายส่วนตัว

หลังจากท่านทำการจองทัวร์แล้ว ทางบริษัทฯจะถือว่าท่านเข้าใจ และพร้อมปฏิบัติตามเงื่อนไขดังกล่าวเพื่อประโยชน์ของผู้เดินทาง โปรดศึกษาเงื่อนไขการจองทัวร์ และการยกเลิกทัวร์ ที่ระบุในรายการทั้งหมด

วันแรก สนามบิน - แม่ฮ่องสอน - ปางอุ๋ง - หมู่บ้านรักไทย - เข้าที่พัก ( - / - /เย็น )

09.00 น. คณะพร้อมกันที่ สนามบินดอนเมือง อาคารผู้โดยสารขาออกในประเทศ อาคาร 2 ชั้น 3 เคาน์เตอร์สายการบินนกแอร์

12.00 น. ออกเดินทางสู่แม่ฮ่องสอน โดยเที่ยวบินที่ DD154

13.30 น. ถึงสนามบินแม่ฮ่องสอน ผ่านขั้นตอนเรียบร้อยแล้ว นำท่านเดินทางโดยรถตู้ปรับอากาศ

เที่ยวชมปางอุ๋ง หรือมีชื่อเต็มว่าโครงการพระราชดำริปางตอง 2 ตั้งอยู่ในพื้นที่หมู่บ้านรวมไทย ตำบลหมอกจำแป่ เป็นสถานที่ท่องเที่ยวมีสภาพแวดล้อมเป็นป่าสนขึ้นเรียงรายอยู่รอบๆ อ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่บนยอดเขา จุน้ำได้ 580,000 ลูกบาศก์เมตร ลักษณะคล้ายตัว L อยู่บนที่ราบสูงมีปลายน้ำไหลออกไปยังห้วยมะเขือส้ม ในช่วงฤดูหนาวระหว่างเดือนธันวาคม–มกราคม ในตอนเช้าจะมีลมหนาวพัดมาพร้อมกับไอหมอกที่ลอยอยู่เหนือผืนน้ำ จึงได้รับการขนานนามว่าเป็น \"สวิตเซอร์แลนด์แห่งเมืองไทย\" ปางอุ๋งเป็นหนึ่งในโครงการพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ที่ทรงพัฒนาขึ้นเพื่อให้ราษฎรชนกลุ่มน้อยบริเวณนั้นเลิกปลูกพืชเสพติด และบุกรุกพื้นที่ป่า ให้ท่านได้ชื่นชมธรรมชาติและวิวสวยๆ ของอ่างเก็บน้ำและป่าสน หรือเก็บภาพหงส์ขาว หงส์ดำซึ่งเป็นหงส์พระราชทานจากสมเด็จพระราชินีนาถ และถ่ายภาพที่สะพานไม้มุมถ่ายภาพที่ทุกคนต้องห้ามพลาด

นำท่านเดินทางสู่ หมู่บ้านรักไทย เป็นหมู่บ้านชาวจีนยูนนานที่ในสมัยอดีตเคยเป็นทหารจีนคณะชาติ (กองพล 93) หรือที่เรารู้จักกันว่าก๊กมินตั๊ง ที่นี่มีอากาศเย็นๆ สบายๆ เกือบทั้งปี เพราะอยู่สูงจากระดับน้ำทะเลถึง 1,776 เมตร จึงเหมาะอย่างยิ่งกับการปลูกชาพันธุ์ดี และพืชเมืองหนาว ที่นี่จึงเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่ขึ้นชื่อในเรื่องของชา และการได้เรียนรู้วัฒนธรรมไทย - จีน ที่ผสมผสานกันอย่างลงตัว

ค่ำ บริการอาหารค่ำที่ร้านอาหาร (มื้อที่ 1)

พักที่ Chasa Rakthai Resort / Lee Wine Rukthai Resort 4* หรือเทียบเท่า

(ขอสงวนสิทธิ์ในการจัดห้องพักแบบ 2 ท่าน หรือ 4 ท่าน)

วันที่สอง ปางมะผ้า - ล่องแพถ้ำน้ำลอด - บ้านจ่าโบ่ - ปาย - หมู่บ้านจีนยูนนานบ้านสันติชล - วัดน้ำฮู - จุดชมวิวทะเลหมอกหยุนไหล - น้ำพุร้อนโป่งน้ำร้อนท่าปาย - สะพานประวัติศาสตร์ท่าปาย - เลิฟสตรอว์เบอร์รี่ปาย –

ถนนคนเดินปาย (เช้า/เที่ยง/เย็น)

เช้า บริการอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม (มื้อ 2)

นำท่านเดินทางไปอำเภอปางมะผ้า เที่ยวชมแหล่งโบราณคดีที่สำคัญคือถ้ำน้ำลอด ล่องแพเที่ยวชมภายในถ้ำ ซึ่งมีลำน้ำลางไหลลอดภูเขาไปยังอีกด้านหนึ่ง ภายในเป็นถ้ำขนาดใหญ่ เต็มไปด้วยหินงอกและหินย้อยที่สวยงาม ที่มีความยาวถึง 500 เมตร กว้าง 20 เมตร และสูงถึง 50 เมตร น้ำกัดเซาะโพรงถ้ำแห่งนี้มามากกว่าล้านปีได้ เลยทำให้เกิดเป็นถ้ำ ถึง 3 ที่ คือ ถ้ำเสาหินหลวง ถ้ำตุ๊กตา และถ้ำผีแมน

เริ่มจากถ้ำเสาหินหลวง เป็นถ้ำที่มีขนาดกว้างขวางและมีหินงอกหินย้อยสวยงามตระการตา ต่อมาคือถ้ำตุ๊กตา ชื่อนี้มาจากลักษณะรูปร่างที่คล้ายกับตุ๊กตาเพราะมีหินงอกที่เป็นปุ่มเล็กๆ เรียงกันอยู่มากมาย ถ้ำนี้จะเป็นถ้ำที่กว้างและยาวที่สุด และที่ผนังถ้ำยังมีภาพเขียนสมัยก่อนประวัติศาสตร์อีกด้วย ถ้ำสุดท้ายคือถ้ำผีแมน นอกจากมีหินงอกหินย้อยที่สวยงามแล้ว ยังสามารถพบเศษภาชนะดินเผา เมล็ดพืช เครื่องมือหิน ซีกฟัน และกระดูกของมนุษย์ได้อีกรวมไปถึงโลงผีแมน ที่เป็นท่อนไม้ที่ถูกขุดตรงส่วนกลางออกจนเป็นร่องขนาดใหญ่เอาไว้สำหรับใส่อาหารให้สัตว์เลี้ยง มีทั้งขนาดเล็กและใหญ่ต่างกันไป

เดินทางไปเที่ยวชมบ้านจ่าโบ่ เป็นที่ท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ในปางมะผ้า ที่นี่จะเป็นหมู่บ้านเล็กๆ ที่ถูกโอบล้อมด้วยภูเขา นอกจากจะมีวิวทิวทัศน์ที่อลังการแล้วยังมีวิถีชีวิตของชาวลาหู่ หรือมูเซอที่ น่าสนใจอีกด้วย บ้านจ่าโบ่ตั้งอยู่บนเขาสูงประมาณ 900 เมตร บริเวณรอบๆ หมู่บ้านเป็นเทือกเขาหินปูน ภายในหมู่บ้านทั้งสองฝั่งถนนเป็นบ้านเรือนไม้แบบชาวเขาดั้งเดิม ชาวบ้านในชุมชนบ้านจ่าโบ่เป็นชาวลาหู่ที่ย้ายมาจากห้วยยาวโดยการนำของนายจาโบ่ ไพรเนติธรรม หมู่บ้านนี้ก็เลยได้ชื่อว่าชุมชนจ่าโบนั่นเอง

กลางวัน บริการอาหารกลางวัน ที่ร้านอาหาร (มื้อที่ 3)

จากนั้นเดินทางไปเที่ยวชม หมู่บ้านจีนยูนนานบ้านสันติชล บรรยากาศในหมู่บ้านจำลองเหมือนเราได้ก้าวเข้ามาสู่ประเทศจีน เนื่องจากลักษณะของการตกแต่งสถานที่จะเป็นสไตล์จีนยูนนานทั้งหมด สิ่งก่อสร้างที่โดดเด่นเมื่อก้าวย่างเข้าไปในเขตของศูนย์วัฒนธรรม คือ มังกรสีสดพันอยู่กับเสาซี่งตั้งอยู่บนเนินหินสีเข้ม 

เที่ยวชม วัดน้ำฮู ซึ่งเป็นที่ประดิษฐานของเจ้าพ่ออุ่นเมืองพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ อายุเกือบ 500 ปี ทำด้วยทองสัมฤทธิ์ ส่วนบนของพระเศียรเปิดออกได้ และมีน้ำขังอยู่ นอกจากนั้นยังมีเจดีย์อนุสรณ์สถานของพระสุพรรณกัลยา พระเชษฐภคินีของสมเด็จพระนเรศวรมหาราช อยู่ในบริเวณวัด

นำท่านไปจุดชมวิวทะเลหมอกหยุนไหล ห่างจากหมู่บ้านสันติชล ประมาณ 1.6 กิโลเมตร เป็นจุดชมทะเลหมอกและพระอาทิตย์ขึ้นที่สวยงามของอำเภอปาย ซึ่งเป็นที่นิยมของนักท่องเที่ยว สามารถมองเห็นทะเลหมอกที่ถูกรายล้อมไปด้วยทิวเขาน้อยใหญ่ และทัศนียภาพบ้านเรือนของเมืองปายที่ถูกปกคลุมด้วยสายหมอก คำว่าหยุนไหล เป็นภาษาจีนกลาง หมายถึงแหล่งที่เมฆไหลมารวมกัน ซึ่งเปรียบเสมือนคนจีนยูนานที่อพยพมาจากเมืองจีน แต่ในที่สุดก็อพยพย้ายถิ่นฐานมารวมกัน จุดชมทะเลหมอกหยุนไหล สามารถชมได้ทั้งฤดูฝนและฤดูหนาว บริเวณจุดชมวิวได้จัดทำเป็นระเบียงชมวิวและจุดถ่ายภาพน่ารักๆ หลายจุด ทั้งระเบียงชมวิว จุดคล้องกุญแจคู่รัก ป้ายร้อยที่บอกรัก และศาลาสำหรับนั่งชมวิวยามเช้า

เที่ยวชมน้ำพุร้อนโป่งน้ำร้อนท่าปาย เป็นโป่งน้ำร้อนธรรมชาติอยู่ท่ามกลางขุนเขาและป่าไม้ เป็นส่วนหนึ่งของอุทยานแห่งชาติห้วยน้ำดัง อยู่ใกล้ตัวเมืองปาย มีน้ำร้อนไหลผ่านทั่วบริเวณกว้าง มีบ่อใหญ่สองบ่อ เป็นบ่อกลางแจ้งสามารถลงแช่ตัวได้ นอกนั้นเป็นน้ำผุดหลายจุด อุณหภูมิที่จุดกำเนิดความร้อนประมาณ 80 - 100 องศาเซลเซียส สามารถต้มไข่ให้สุกได้

แวะถ่ายรูปที่สะพานประวัติศาสตร์ท่าปาย ตั้งอยู่ริมถนนสาย 1095 บริเวณกิโลเมตรที่ 88 ก่อนเข้าสู่ตัวเมืองปาย สะพานแห่งนี้จึงเปรียบเสมือนประตูสู่อำเภอปาย สะพานแห่งนี้ถูกสร้างขึ้นในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 โดยกองทหารประเทศญี่ปุ่น เพื่อใช้ข้ามแม่น้ำปายและลำเลียงเสบียงและอาวุธเข้าไปยังประเทศพม่า หลังจากสงครามโลกครั้งที่ 2 ยุติลง อำเภอปายจึงกลับคืนสู่ความสงบสุขอีกครั้งหนึ่ง โดยหลงเหลือไว้เพียงแต่สะพานแห่งนี้ว่า “สะพานประวัติศาสตร์” 

เดินทางสู่เลิฟสตรอว์เบอร์รี่ปาย ไร่สตรอว์เบอร์รี่สุดน่ารัก ภายในมีมุมน่ารักๆ มากมายให้เลือกถ่ายรูป ทั้งสตรอว์เบอร์รี่ยักษ์ที่เป็นจุดเด่นอยู่ด้านหน้า ด้านในสุดมีไร่สตรอว์เบอร์รี่ นอกจากนี้ยังมีร้านขายของที่ระลึก เครื่องประดับ และผลิตภัณฑ์ที่ขึ้นชื่อของจังหวัด เหมาะสำหรับเป็นของฝาก

เย็น บริการอาหารเย็น ที่ร้านอาหาร (มื้อที่ 4)

อิสระให้ท่านเดินเล่นกันที่ถนนคนเดินปาย ซึ่งด้านในจะปิดการจราจร ทำให้สองข้างทางเต็มไปด้วยร้านค้าหลากหลาย ร้านอาหารดีๆ ร้านกาแฟน่ารัก รวมไปถึงอาหารพื้นเมืองที่มาในรูปแบบของสตรีทฟู้ด

พักที่ B2 Pai Premier Resort 4* หรือเทียบเท่า

วันที่สอง ปาย - สะพานไม้ซูตองเป้ - วัดพระธาตุดอยกองมู - แม่ฮ่องสอน - สนามบินดอนเมือง (เช้า/เที่ยง/เย็น)

เช้า บริการอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม (มื้อที่ 5)

นำท่านเดินทางสู่แม่ฮ่องสอน ใช้เวลาเดินทางประมาณ 2.30 ชั่วโมง ก่อนถึงตัวเมืองแวะชมสะพานซูตองเป้ตั้งอยู่ที่บ้านกุงไม้สัก ห่างจากตัวเมืองประมาณ 8 กิโลเมตร มีความกว้าง 2 เมตร ยาวประมาณ 500 เมตร เป็นสะพานไม้ซึ่งกลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่เป็นที่นิยมอีกแห่งหนึ่ง ซูตองเป้เป็นภาษาไทใหญ่แปลว่าอธิษฐานสำเร็จ หรือบางคนก็บอกว่าแปลว่าความสำเร็จ ซึ่งมีความเชื่อกันว่า หากได้มายืนอยู่กลางสะพานแล้วอธิษฐานขอความสำเร็จใดๆ ก็จะพบกับความสมหวัง นับว่าเป็นสะพานไม้ไผ่ที่ยาวที่สุดในประเทศไทย สะพานซูตองเป้เป็นสะพานที่เกิดจากความศรัทธาและการร่วมแรงร่วมใจของพระภิกษุสงฆ์และชาวบ้านกุงไม้สักที่ต่างก็ช่วยกันลงแรงสานพื้นสะพานด้วยไม้ไผ่ทอดยาวไปบนที่นาของเจ้าของที่อุทิศผืนนาถวาย โดยสร้างเพื่อเชื่อมต่อระหว่างสวนธรรมภูสมะและหมู่บ้านกุงไม้สัก ข้ามผ่านทุ่งนา และแม่น้ำสายเล็กๆ เพื่อให้พระภิกษุสงฆ์และชาวบ้านที่อยู่อีกฝั่งได้ใช้สัญจรไป มาระหว่างหมู่บ้านได้สะดวกยิ่งขึ้น

และนำท่านนมัสการพระธาตุดอยกองมูเพื่อความเป็นสิริมงคลพา ซึ่งอยู่ด้านบนดอยกองมู และท่านจะได้ชมวิวเมืองแม่ฮ่องสอน เมื่อมองลงมาจะเห็นเมืองแม่ฮ่องสอนอยู่ในแอ่งที่ราบที่ล้อมรอบด้วยขุนเขา

11.00 น. บริการอาหารกลางวัน ที่ร้านอาหาร (มื้อที่ 6)

นำท่านเดินทางสู่สนามบินแม่ฮ่องสอน

14.00 น. เดินทางกลับกรุงเทพฯ โดยเที่ยวบินที่ DD155

15.30 น. ถึงกรุงเทพฯ สนามบินดอนเมือง โดยสวัสดิภาพ