วันแรก สนามบินสุวรรณภูมิ

20.00 น. คณะพร้อมกัน ณ สนามบินสุวรรณภูมิ อาคารผู้โดยสารขาออก ชั้น 4 ประตูทางเข้า 6 เคาน์เตอร์ M สายการบิน TURKISH AIRLINES พบเจ้าหน้าที่ของบริษัทฯ คอยให้การต้อนรับและอำนวยความสะดวกแก่ทุกท่าน

23.00 น.  ออกเดินทางสู่สนามบินเมืองอิสตันบูล  ประเทศตุรกี บินตรง โดยเที่ยวบินที่ TK69

วันที่สอง สนามบินอิสตันบูล – อาดานา - มัสยิดกลาง - สะพานโบราณ - บ้านพักผู้นำ – ล่องเรือชมเขื่อน

05.15 น. เดินทางถึงสนามบินเมืองอิสตันบูล ประเทศตุรกี

แวะพักเปลียนเครื่อง

08.00 น. ออกเดินทางอีกครั้งสู่สนามบินเมืองอาดานา (Adana Sakirpasa Airport) 

09.25 น. ถึงสนามบินเมืองอดาน่า หลังผ่านพิธีการตรวจคนเข้าเมืองและรับสัมภาระ แล้วนำท่านเที่ยวชมเมืองอาดานา (Adana) เมืองทางตอนใต้ของประเทศตุรกี และเป็นศูนย์กลางการค้าและกสิกรรมที่สำคัญ ตั้งอยู่บนฝั่งซ้ายของแม่น้ำเซย์ฮาน อยู่ห่างจากทะเลเมดิเตอร์เรเนียนราว 30 กม. เป็นเมืองหลวงของจังหวัดอาดานา มีประชากร 1.6 ล้านคน แต่เดิมเป็นที่ตั้งกองทหารของโรมัน ต่อมาประมาณ ค.ศ. 762 ฮารุน-อาร์-รอซิด คอลีฟะห์แห่งราชวงศ์อับบาซียะห์ได้เข้าครอบครอง และทะนุบำรุงจนเจริญรุ่งเรือง เมืองนี้เคยตกเป็นอนานิคมของอียิปต์ ในระหว่าง ค.ศ. 1832-1840

นำท่านเช้าชม Sabanci Central Mosque มัสยิดที่ยิ่งใหญ่ใจกลางเมืองอาดานา

เที่ยง  รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารอาหารพื้นเมือง

บ่าย นำท่านชม Taskopru สะพานก่ออิฐโบราณสไตล์โรมัน อายุประมาณ 1,500 ปี สะพานนี้สร้างขึ้นเพื่อนเป็นเส้นทางการค้าขาย และส่งสินค้าระหว่างทะเลเมดิเตอร์เนียน กับ คาบสมุทรอนาโตเลีย

จากนั้นนำท่านเข้าชม Ataturk Museum อดีตบ้านพักตากอากาศของผู้นำคนสำคัญของตุรกี ที่สร้างขึ้นมาเพื่อใช้ในการพักผ่อนกับภรรยาในปีค.ศ 1923 ได้เวลาพอสมควรนำท่านล่องเรือที่เขื่อน Seyhan Dam ชมความงามของน้ำสีฟ้าอมเขียว และธรรมชาติบริเวณรอบเขื่อน

ค่ำ รับประทานอาหารค่ำ ณ โรงแรมที่พัก

ที่พัก HILTON SA ADANA หรือเทียบเท่าระดับ 4 ดาว

วันที่สาม อาดานา – กาซีอันเต็ป – พิพิธภัณฑ์โมเสค – ย่านเมืองเก่า - ช้อปปิ้งบาร์ซ่า

เช้า รับประทานอาหารเช้า ณ โรงแรมที่พัก

นำท่านเดินทางสู่เมืองกาซีอันเต็ป (Gaziantep) ระยะทาง 223 กม. ใช้เวลา 2.30 ชั่วโมง เป็นเมืองทางตะวันออกเฉียงใต้ของประเทศตุรกี เป็นหนึ่งในเมืองที่เก่าแก่ที่สุดของโลกที่มีหลักฐานการอาศัยอยู่ของประชากรย้อนหลังไปถึง 4,000 ปี เมืองนี้มีความสำคัญทางยุทธศาสตร์ในช่วงสงครามครูเสด เป็นศูนย์กลางของชาวตุรกีในการต่อต้านฝรั่งเศสระหว่าง ค.ศ. 1920-1921 เคยถูกฝรั่งเศสยึดครองแต่กลับคืนเป็นของตุรกีอีกครั้งใน ค.ศ.1922

จากนั้นนำท่านเช้าชม Zeugma Mosaic Museum พิพิธภัณฑ์โมเสคที่ใหญ่ที่สุดในโลก ภายในพิพิธภัณฑ์มีการแสดงโมเสดโดยรวมถึง 1,700 ตารางเมตร เปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าชมเมือวันที่ 9 กันยายน ปีค.ศ. 2011 โดยมีการจัดแสดงโชว์ผลงานภาพโมเสคจากยุคโรมัน ในสมัยของพระเจ้า อเล็กซานเดอร์มหาราช และผลงานโมเสคที่ถูกค้นพบโดยไม่ทราบที่มาอีกมากมาย

เที่ยง รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตา คารอาหารพื้นเมือง

บ่าย นำท่านเข้าชมปราสาทกาซีอันเตป. (Gaziantep Castle) ปราสาทโรมันโบราณที่สร้างขึ้นบนเนินเขาใจกลางเมือง ใช้สำหรับเป็นป้อมสังเกตการณ์ในอดีต ปัจจุบันได้ถูกปรับปรุงให้กลายเป็นพิพิธภัณฑ์ทางการทหาร

นำท่านเดินทางสู่ โรงงานทอพรม (Carpet Factory) สินค้าคุณภาพดี และขึ้นชื่อของประเทศตุรกี ให้เวลาท่านเลือกซื้อตามอัธยาศัย

จากนั้นนำท่านเที่ยวชมตลาดกลางเมืองกาซีอันเต็ป (Gaziantep Bazaar) หนึ่งในตลาดสไตล์อาหรับที่สวยงามและยิ่งใหญ่ของประเทศตุรกี รวมไปถึงย่านช่างทำทองแดงที่ท่านจะได้สัมผัสร้านค้าที่ผลิตสินค้าจากทองแดงแบบแฮนด์เมด และขายผลิตภัณฑ์ที่ทำจากทองแดง อีกหนึ่งสินค้าขึ้นชื่อของเมือง

ค่ำ รับประทานอาหารค่ำ ณ โรงแรมที่พัก

ที่พัก HAMPTON BY HILTON GAZIANTEP หรือเทียบเท่าระดับ 4 ดาว

วันที่สี่ กาซิอันเต็ป – เขาเนมรุต - อดิยามัน

เช้า รับประทานอาหารเช้า ณ โรงแรมที่พัก

นำท่านเดินทางสู่หุบเขาเทพเจ้าบนยอดเขาเนมรุต  (Ruins of the Commagene Kingdom)ระยะทาง 225 กม. ใช้เวลา 3 ชั่วโมง ภูเขาลูกนี้เป็นภูเขาไฟมาก่อน มีความสูงประมาณ 2,134 เมตร ปากปล่องภูเขาไฟที่ตอนนี้เป็นแอ่งกระทะสวยงามมีน้ำเป็นทะเลสาบสีสวย

ภูเขาแห่งนี้เป็นที่ตั้งของสุสานกษัตริย์แห่งอาณาจักรโคมายานา (Commagene Kingdom) สิ่งที่หลงเหลืออยู่ในตอนนี้คือรูปสลักขนาดใหญ่จำนวนมาก เราอาจจะเห็นเป็นเศียรเทพเจ้าจำนวนมากตั้งอยู่ตามพื้น เนื่องจากกาลเวลาที่ทำให้เศียรเทพร่วงลงพื้น ขนาดแค่เศียรอย่างเดียวก็มีความสูงถึง 2 เมตร บริเวณนี้เคยได้รับการปกครองจาก อเล็กซานเดอร์มหาราช กรีฑาทัพจากกรีซผ่านเมืองต่างๆมาเรื่อยจนถึงเอเชียกลาง หลังจากพระองค์สิ้นพระชนม์ลง ดินแดนที่พระองค์เคยรวบรวมไว้ก็แตกออกเป็นเมืองต่างๆ แล้วก็ปกครองตนเอง รวมถึงอาณาจักรโคมานายาแห่งนี้ด้วย

วัฒนธรรมของโคมานายาเป็นอารยธรรมแบบกรีกผสมรวมเข้ากับความเชื่อของคนพื้นเมือง โคมานายาเป็นรัฐอิสระอยู่ถึง 200 ปี ก่อนจะถูบรวมเข้ากับจักรวรรดิโรมันในเวลาต่อมา หุบเขาเทพเจ้าแบ่งออกเป็น 3 ส่วนหลักขอเรียงว่าระเบียง 3 ด้าน คือด้านทิศเหนือ ตะวันออก และตะวันตก ระเบียงฝั่งตะวันตกและฝั่งตะวันออกประกอบด้วยแถวของหินสลักเทพเจ้าขนาดใหญ่ที่สลักจากเนื้อหินของภูเขา

เที่ยง รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารอาหารพื้นเมือง

บ่าย นำท่านเดินทางสู่เมืองอดิยามัน (Adiyaman) ระยะทาง 65 กม. ใช้เวลา 1 ชั่วโมง  หนึ่งในเมืองทางตะวันออกเฉียงใต้ของตุรกีที่ผู้คนส่วนมากเป็นชาวเคิร์ด (Kurdish) และยังคงใช้ภาษาเคิร์ดในการติดต่อสื่อสารแบบเดียวกับชาวซีเรีย อิรัก อิหร่าน ให้ท่านได้เที่ยวชมเมืองอดิยามัน เพื่อสัมผัสถึงวิถีชีวิตและวัฒนธรรมของชาวเคิร์ดอย่างแท้จริง

ค่ำ รับประทานอาหารค่ำ ณ โรงแรมที่พัก

ที่พัก WHITESTAR HOTEL ADIYAMAN หรือเทียบเท่าระดับ 4 ดาว

วันที่ห้า อดิยามัน – ฮารัน – มาร์ดิน – แกรนด์บาร์ซ่า

เช้า รับประทานอาหารเช้า ณ โรงแรมที่พัก

นำท่านเดินทางสู่เมืองฮารัน (Harran) ระยะทาง 160 กม. ใช้เวลา 2 ชั่วโมง เมืองโบราณในเขตเมโสโปเตเมียตอนบน (Upper Mesopotamia)

นำท่านชมหมู่บ้านรังผึ้ง (Beehive House) หมู่บ้านโบราณที่สร้างขึ้นจากการก่ออิฐในลักษณะทรงกลม และทำหลังคาบ้านเป็นยอดแหลมจากดินเหนียว (Bantu) เป็นการสร้างบ้านแบบโบราณของชาวชนชาวพื้นในทวีปแอฟริกา ที่ชาวเมโสโปเตเมียได้รับอิทธิพลมา

เที่ยง รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารอาหารพื้นเมือง

บ่าย นำท่านเดินทางสู่เมืองมาร์ดิน (Mardin) ระยะทาง 210 กม. ใช้เวลา 3 ชั่วโมง เป็นเมืองในเขตตะวันออกเฉียงใต้ที่สำคัญอีกหนึ่งเมืองของตุรกี เนื่องจากตัวเมืองยังมีการอนุรักษ์ไว้ซึ่งสถาปัตยกรรมแบบอาร์ตุคิด (Artuqid) ของชาวโดเกอร์ (Doger) ราชวงศ์ที่เคยปกครองแถบคาบสมุทรอนาโตเลียตะวันออก (Artuqid Dynasty) เมืองมาร์ดินตั้งอยู่ในภูมิศาสตร์ที่ดีมาก ตัวเมืองตั้งอยู่บนเนินเขาใกล้ม่น้ำไทรกิส (Tigris) ตัวเมืองโบรารของมาร์ดินได้รับการประกาศเป็นมรดกโลกจากองค์การยูเนสโก

นำท่านเที่ยวชมตลาดกลางเมืองมาร์ดิน (Mardin Grand Bazaar)  เพื่อให้ท่านได้เลือกซื้อสินค้าพื้นเมืองต่างๆ และสัมผัสบรรยากาศของชาวพื้นเมือง

ค่ำ รับประทานอาหารค่ำ ณ โรงแรมที่พัก

ที่พัก HILTON GARDEN INN MARDIN  หรือเทียบเท่าระดับ 4 ดาว (2 คืน)

วันที่หก มาร์ดิน – โรงเรียนสอนศาสนาโบราณ - แกรนด์มอสค์ - อารามเซนต์อนาเนียส

เช้า  รับประทานอาหารเช้า ณ โรงแรมที่พัก

นำท่านเข้าชม Zinciriye Madrasa หรืออีกชื่อหนึ่งคือ Sultan Isa Madrasa มาดราซ่า (Madrasa) คือโรงแรมสอนศาสนาอิสลาม จุดท่องเที่ยวที่สวยงามที่สุดของเมืองมาร์ดิน สร้างขึ้นในปีค.ศ 1385 โดยสุลต่าน Melik Necmeddin Isa bin Muzaffer Davud bin El Melik Salih ของราชวงศ์อาร์ตุคิด ราชวงศ์ที่ปกครองเมืองมาร์ดินและดินแดนบริเวณตอนเหนือของซีเรีย อิรัก และอิหร่าน

ตัวอาคารแห่งนี้ สร้างอยู่ด้านล่างของปราสาทมาร์ดิน (Mardin Castle) แบ่งเป็น 2 ชั้น ประกอบไปด้วยมัสยิด หลุมฝั่งศพ และส่วนการใช้งานอื่นๆ ลักษณะเด่นเป็นอาคารมีโดมขนาดใหญ่ 2 โดม

ในปีค.ศ. 1401 ซึ่งเป็นปีสุดท้ายของราชวงศ์อาร์ดุติค สถานที่แห่งนี้ถูกใช้งานเป็นโรงเรียนสอนศาสนาอิสลาม จนกระทั้งปีค.ศ. 1920 ในยุคที่อตาเติร์ก เปลี่ยนแปลงหลักการนับถือศาสนาอิสลามใหม่ในตุรกี โรงเรียนแห่งนี้จึงได้ถูกปิดลง และปรับปรุงเป็นพิพิธภัณฑ์จนถึงปัจจุบัน

จากนั้นนำท่านเข้าชม Kasimiye Madrasa อีกหนึ่งโรงเรียนสอนศาสนาอิสลามของเมืองนี้ อาคารสร้างขึ้นโดย sultan Al-Zahir Majd al-Din Isā ibn Dāwū ความพิเศษของอาคารเรียนแห่งนี้ คือสร้างตามหลักความเชื่อของศาสนาอิสลามในเรื่องที่ นรกภูมิจะมีสะพานข้ามทางน้ำ ที่จะเป็นทางเดินสำหรับผู้คนที่ทุกข์ทรมานจากนรก เดินทางไปยังสวรรค์เพื่อพบกับเจ้าพระโดยการข้ามสะพานแห่งนี้ ทำให้ภายในตัวอาคารมีการสร้างทางน้ำรอบๆห้องเรียน และประตูทางเข้าห้องเรียนทุกห้อง จะตั้งอยู่ต่ำและมีขนาดเล็ก เพื่อบังคับให้นักเรียนทุกคนต้องก้มหัว และโค้งคำนับอาจารย์ก่อนเข้าห้องเรียน

และอีกสิ่งหนึ่งที่เป็นไฮไลท์ของอาคารแห่งนี้คือ นาฬิกาช้าง (Elephant Clock) ที่เป็นนาฬิกาบอกว่าเวลาโบราณ โดยใช้หลักการหยดน้ำ ซึ่งเป็นเอกลักษณ์และความสามารถทางวิศวกรรมของชาวมุสลิมในยุคกลาง ปัจจุบันเหลือเพียงไม่กี่ชิ้นในโลก และบางชิ้นถูกจัดแสดงไว้ในพิพิธภัณฑ์เท่านั้น

เที่ยง รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารอาหารพื้นเมือง

บ่าย นำท่านเข้าชมมัสยิดกลางแห่งเมืองมาร์ดิน (Great Mosque of Mardin) หนึ่งในมัสยิดโบราณที่โดดเด่นที่สุดของโลก มีอายุมากกว่า 1,000 ปีด้วยการสร้างแบบเมโสโปเตเมียตอนเหนือ ทำให้มีลักษณะที่สวยงาม แปลกตา ภายในมัสยิดบรรจุชิ้นส่วนเคราของท่านอับราฮัม (Abraham) ผู้เป็นสาวกโดยตรงของท่านมูฮาหมัด (Hazrat Muhamad) ศาสนทูตของพระอัลลอฮ์

จากนั้นนำท่านเดินทางสู่พระอารามแห่งเซนต์อนาเนียส  (Deyrulzafaran Monastery) หรืออีกหนึ่งชื่อที่นิยมเรียกคือ Saffron Monastery  อารามศริสตศาสนานิกายออร์โธด็อกซ์ สไตล์ซีเรียน หนึ่งในสองศาสนสถานของคริสต์จักรในเมืองมาร์ดิน สร้างขึ้นในปี ค.ศ. 493 สมัยที่โรมันได้เข้ามาปกครองบริเวณแห่งนี้ เอกลักษณ์ของอารามแห่งนี้คือมีห้องทั้งหมดจำนวน 365 ห้อง ตามจำนวนวันใน 1 ปี ได้เวลาพอสมควรนำท่านเดินทางกลับสู่โรงแรมที่พัก

ค่ำ รับประทานอาหารค่ำ ณ โรงแรมที่พัก

ที่พัก HILTON GARDEN INN MARDIN  หรือเทียบเท่าระดับ 4 ดาว

วันที่เจ็ด มาร์ดิน – เมืองโบราณ ดารา – บัตมัน  - ป้อมปราการหิน

เช้า รับประทานอาหารเช้า ณ โรงแรมที่พัก

นำท่านเดินทางสู่เมืองดารา (Dara) ระยะทาง 50 กม. ใช้เวลา 1 ชั่วโมง

นำท่านชมเขตเมืองเก่า (Ancient city of Dara) หนึ่งในเมืองสำคัญในเส้นทางการค้าของเมโสโปเตเมียโบราณ  สร้างในต้นศตวรรษที่ 5 โดยการเจาะหินหน้าผาเป็นห้องๆ เพื่อให้เป็นสุสานเก็บศพ และบางห้องก็ยังเป็นที่พักให้กับพ่อค้าและผู้ที่เดินทางผ่านเส้นทางนี้อีกด้วย และที่สำคัญกำแพงหินธรรมชาติแห่งนี้ยังเป็นเหมือนปราการป้องกันข้าศึกในยุคไบแซนไทน์ (Byzantine)

เที่ยง รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารอาหารพื้นเมือง

บ่าย นำท่านเดินทางสู่เมืองบัตมัน (Batman) ระยะทาง 160 กม. ใช้เวลา 2 ชั่วโมง เมืองในเขตอานาโตเลียตะวันออกเฉียงใต้ของตุรกี เมืองนี้ตั้งอยู่บนที่ราบสูง 540 เมตร เหนือระดับน้ำทะเล ใกล้จุดบรรจบของแม่น้ำบัตมันและแม่น้ำไทกริส เมืองบัตมันยังเป็นเมืองน้ำมันที่สำคัญของตุรกี โดยมีเขตขุดน้ำมันที่ใหญ่ที่สุดในตุรกี (Bati Raman Oil Field) ถูกค้นพบในปีค.ศ. 1940 สามารถขุดเจาะน้ำมันได้ถึง 7000 บาเรลล์ต่อวัน  เมืองบัตมมันยังมีฐานทัพอากาศของทหารซึ่งสำหรับการขนส่งอากาศยานและเฮลิคอปเตอร์ในการค้นหาและปฏิบัติการช่วยเหลือของสงครามอ่าวเปอร์เซีย

นำท่านชม Malabadi Tabiat Park อุทยานทางธรรมชาติที่สวยงามของเมืองบัตมัน ให้ท่านชมความสวยงามของแม่น้ำบัตมันที่มีสีฟ้าสดใสสะดุดตา และสะพานมาลาบาดิ (Malabadi Bridge) สะพานโบราณข้ามแม่น้ำที่สวยงาม

จากนั้นนำท่านเข้าชม Hasankeyf Castle หรือ Hisno Koyfa มีความหมายว่าป้อมปราการหิน เป็นแหล่งประวัติศาสตร์การตั้งถิ่นฐานของมนุษย์ที่เก่าแก่ที่สุดแห่งหนึ่งของโลก มีการเริ่มขุดค้นในช่วงยุค 80 มีการพบหลักฐานต่างๆ ที่คาดการณ์ว่ามีการอาศัยอยู่ของมนุษย์ในบริเวณนี้ย้อนหลังไปถึง 12,000 ปี จนกระทั้งต้นศตวรรษที่ 4 อาณาจักรไบแซนไทน์ได้กลับมาใช้ประโยชน์ในสถานที่แห่งนี้ในทางศาสนา และหลบภัยจากการคุกคามจากออตโตมัน หรือชาวมุสลิม ได้เวลาพอสมควรนำท่านเดินทางกลับสู่โรงแรมที่พัก

ค่ำ รับประทานอาหารค่ำ ณ โรงแรมที่พัก

ที่พัก HASANKEYF HOTEL BATMAN หรือเทียบเท่าระดับ 4 ดาว

วันแปด บัตมัน - วาน - เกาะอัคดามาร์

รับประทานอาหารเช้า ณ โรงแรมที่พัก

นำท่านเดินทางสู่เมืองวาน (Van) ระยะทาง 300 กม. ใช้เวลา 4 ชั่วโมง  เป็นเมืองที่มีประชาการส่วนใหญ่เป็นชาวอาร์เมเนียตั้งอยู่บนฝั่งตะวันออกของทะเลสาบวาน ปัจจุบันมีประชากรส่วนใหญ่เป็นชาวเคิร์ด  ในอดีตเมืองวานเคยเป็นเมืองหลวงของอาณาจักรอารารัต (Ararat) บรรพบุรุษของชาวอาเมเนียร์ในปัจจุบัน

เที่ยง รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารอาหารพื้นเมือง

บ่าย นำท่านนั่งเรือเฟอร์รี่สู่ เกาะอัคดามาร์ (Akdamar Island) เกาะที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับที่2 ในทะเลสาบวาน (Lake Van)

นำท่านเข้าชมโบสถ์โบราณ (Holy Cross Cathedral) สร้างตามแบบอาร์เมเนียน ความพิเศษของโบสถ์แห่งนี้คือ ภาพแกะสลักแบบนู้นต่ำ ที่เล่าเรื่องราวในคัมภีร์ไบเบิล ได้เวลาพอสมควรนำท่านเดินทางสู่โรงแรมที่พัก

ค่ำ รับประทานอาหารค่ำ ณ โรงแรมที่พัก

ที่พัก SAHMARAN HOTEL VAN หรือเทียบเท่าระดับ 4 ดาว

วันที่เก้า ปราสาทวาน – สนามบินเมืองวาน - สนามบินอิสตันบูล

เช้า รับประทานอาหารเช้า ณ โรงแรมที่พัก

นำท่านเข้าชมปราสาทวาน (Van Castle) ป้อมปราการโบราณใจกลางเมือง สร้างขึ้นในศตวรรษที่ 7 เป็นป้อมปราการของอาณาจักรอารารัต ป้อมปราการมีความสูง 2.5 เมตร ตั้งอยู่บนเนินหิน ป้อมแห่งนี้นอกจากจะใช้ในการป้องกันเมืองจากศัตรูแล้ว ภายในป้อมยังมีสถานที่บูชาพระเจ้าของชาวอารารัตอีกด้วย

จากนั้นนำท่านเที่ยวชมย่านการค้าของเมืองวาน เพื่อให้ท่านได้เลือกซื้อสินค้าของฝากก่อนเดินทางกลับประเทศไทย ไม่ว่าจะเป็นสินค้าพื้นเมือง หรือสินค้าประเภทขนมพื้นเมือง

เที่ยง รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารอาหารพื้นเมือง

ได้เวลาพอสมควรนำท่านเดินทางสู่สนามบินเมืองวาน (Ferit Melen Airport)

17.35 น. ออกเดินทางกลับสู่ประเทศไทย โดยสายการบิน TURKISH AIRLINES โดยเที่ยวบินที่ TK2751

19.55 น. ถึงสนามบินอิสตันบูล แวะพักเปลี่ยนเครื่อง

วันที่สิบ สนามบินสุวรรณภูมิ ประเทศไทย

01.45 น. ออกเดินทางอีกครั้งโดยเที่ยวบินที่ TK68

15.25 น.  เดินทางถึงสนามบินสุวรรณภูมิ โดยสวัสดิภาพ