เปิดทำการ จ - ศ : 08.30 - 22.00 น. ส - อา : 09.00 - 22.00 น.
eTravelWay.com logo
Add Friend Add Friend
ติดตามข่าวสารโปรโมชั่นดีดี

เพิ่มเพื่อน LINE รับข่าวสาร โปรโมชั่น
@etravelway

รับโปรโมชั่นดีดี
Add Friend
เฉพาะคอทัวร์โปรไฟไหม้
ทัวร์ถูกคุณภาพคุ้มค่า
ทัวร์หลุดจอง
เพิ่มเพื่อน LINE ทัวร์ไฟไหม้
@etravelway.fire

เฉพาะคอทัวร์โปรไฟไหม้
แชทผ่าน Facebook ติดต่อผ่าน Facebook
fb.me/etravelway

สอบถามทาง Facebook
เดินทางโดย : TK-เตอร์กิช แอร์ไลน์
โรงแรม : 4 ดาว & 5 ดาว |  จำนวนวัน : 8 วัน 5 คืน
ตุรกี (บินตรง - บินภายใน 1 ขา) : เที่ยวนครใต้ดิน - พิพิธภัณฑ์กลางแจ้ง - ชมระบำหน้าท้อง - ปราสาทปุยฝ้าย - เมืองโบราณเฮียราโพลิส - พระราชวังโดลมาบาห์เช - ล่องเรือชมช่องแคบบอสฟอรัส - พัก 5 ดาว นอนโรงแรมสไตล์ถ้ำ 1 คืน - ฟรี ประกันการเดินทาง วงเงิน 2 ล้านบาท
ไม่รวม ค่าทิปพนักงานขับรถ หัวหน้าทัวร์ และ มัคคุเทศก์ท้องถิ่น ตามธรรมเนียม 70 USD ต่อทริป ต่อผู้เดินทาง 1 ท่าน - ค่าตรวจ RT PCR เพื่อออกเอกสารเช็คอินตอนกลับประเทศไทย ประมาณ 35 USD - ค่าโรงแรม Test & Go ในคืนที่ 1 และ คืนที่ 5 ตอนมาถึงประเทศไทย - ค่าอาหารบางมื้อ - ค่าใช้จ่ายส่วนตัว - ทำวัคซีนพาสปอร์ต - ทำ Thailand Pass

กรุงเทพฯ(สนามบินสุวรรณภูมิ) - พักบนเครื่องบิน
สนามบินอิสตันบูล - บินภายในสู่เมืองไกเซรี่ - คัปปาโดเกีย - นครใต้ดิน - พิพิธภัณฑ์กลางแจ้ง เกอราม่า - โรงงานพรม, เซรามิค, เครื่องประดับ - ชมระบำหน้าท้อง
คอนย่า - พิพิธภัณฑ์เมฟลาน่า - ปามุคคาเล่
ปราสาทปุยฝ้าย - เมืองโบราณเฮียราโพลิส - เมืองคูซาดาซี - เมืองโบราณเอฟฟิซุส
โรงงานผลิตเครื่องหนัง - เมืองชานัคคาเล่ - ม้าไม้เมืองทรอย - นั่งกระเช้าสู่เมืองเปอร์กามัม - อะโครโปลิส - วิหารเอสเคลปิออน
เมืองอิสตันบูล - พระราชวังโดลมาบาห์เช - ล่องเรือชมช่องแคบบอสฟอรัส (ตรวจ RT-PCR ชำระเพิ่มประมาณ 35 USD)
สุเหร่าสีน้ำเงิน - ฮิปโปโดรม - วิหารฮาเจีย โซเฟีย - อุโมงค์เก็บน้ำเยเรบาทัน - ช้อปปิ้งถนนทักซิม (อิสระอาหารค่ำ) - สนามบินอิสตันบูล
กรุงเทพฯ(สนามบินสุวรรณภูมิ)
รับเฉพาะผู้ที่ได้รับวัคซีนโควิด-19 ครบตามที่ WHO กำหนด
เดินทาง :
รายการนี้ยังไม่มีพีเรียดเดินทาง
Download PDF

DAY 1  กรุงเทพฯ (สุวรรณภูมิ)                    (มีอาหารและเครื่องดื่มบริการบนเครื่องบิน)

20.30 คณะพร้อมกัน ณ ท่าอากาศยานนานาชาติสุวรรณภูมิ กรุงเทพฯ  ชั้น 4 เคาน์เตอร์เช็คอิน ROW U ประตู 9 สายการบิน TURKISH AIRLINE โดยมีเจ้าหน้าที่ของบริษัทฯ คอยให้การต้อนรับ อำนวยความสะดวกตลอดขั้นตอนการเช็คอิน และ หัวหน้าทัวร์ให้คำแนะนำเพื่อเตรียมความพร้อมก่อนออกเดินทาง

23.30 ออกเดินทางสู่ ท่าอากาศยานนานาชาติ กรุงอิสตันบูล ประเทศตุรกี โดยสายการบิน TURKISH AIRLINE เที่ยวบินที่ TK 069

  • มีบริการอาหารและเครื่องดื่มบนเครื่องบิน ใช้เวลาบินโดยประมาณ 10 ชั่วโมง

DAY 2 อิสตันบูล(ตุรกี) – บินภายในไกเซรี่ – คัปปาโดเกีย – นครใต้ดิน – พิพิธภัณฑ์เกอราม่า – โรงงานพรม / เซรามิค / เครื่องประดับ – ระบำ BELLY DANCE

06.10 เดินทางถึง ท่าอากาศยานนานาชาติ อิสตันบูล เมืองอิสตันบูล ประเทศตุรกี

  • เปลี่ยนเครื่อง บินภายในสู่เมืองไกเซรี่ ลดเวลาการเดินทางไป 6-7 ชั่วโมง ไม่เหนื่อย!!

07.45 ออกเดินทางสู่ ท่าอากาศยานเมืองไกเซรี่ ประเทศตุรกี โดยสายการบิน TURKISH AIRLINE เที่ยวบินที่ TK 2010

  • ไฟล์ภายในอาจมีการเปลี่ยนแปลงจากสายการบินเนื่องจาก โหลดที่นั่งในแต่ละวัน จะทราบแน่นอนประมาณ 10 วันก่อนเดินทาง

09.05 เดินทางถึง  ท่าอากาศยานเมืองไกเซรี่ ประเทศตุรกี (ตามเวลาท้องถิ่นช้ากว่าเมืองไทยประมาณ 4 ชั่วโมง) หลังผ่านขั้นตอนการตรวจหนังสือเดินทาง และตรวจรับสัมภาระเรียบร้อยแล้ว

ท่านเดินทางสู่ เมืองคัปปาโดเกีย (CAPPADOCIA) (ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1 ชั่วโมง) เป็นบริเวณที่อยู่ระหว่าง ทะเลดำ กับ ภูเขาเทารุส มีความสำคัญมาแต่โบราณกาล เพราะเป็นส่วนหนึ่งของเส้นทางสายไหม เส้นทางค้าขายแลกเปลี่ยนวัฒนธรรม ที่ทอดยาวจากตุรกีไปจนถึงประเทศจีน เป็นพื้นที่พิเศษ ที่เกิดจากการระเบิดของภูเขาไฟเมื่อประมาณ 3 ล้านปีมาแล้ว ทำให้ลาวาที่พ่นออกมา และเถ้าถ่านจำนวนมหาศาล กระจายไปทั่วบริเวณทับถมเป็นแผ่นดินชั้นใหม่ขึ้นมาจากนั้นกระแสน้ำ ลม ฝน แดด และหิมะ ได้ร่วมด้วยช่วยกัน กัดเซาะกร่อนกินแผ่นดินภูเขาไฟไปเรื่อยๆ นับแสนนับล้านปี จนเกิดเป็นภูมิประเทศประหลาดแปลกตาน่าพิศวง ที่เต็มไปด้วยหินรูปแท่งกรวย (คว่ำ) ปล่อง กระโจม โดม และอีกสารพัดรูปทรง ดูประหนึ่งดินแดนในเทพนิยาย จนชนพื้นเมืองเรียกขานกันว่า “ปล่องไฟนางฟ้า” (FAIRY CHIMNEY)

โดยชื่อ คัปปาโดเกีย (CAPPADOCIA) เป็นชื่อเก่าแก่ภาษาฮิตไตต์ (ชนเผ่ารุ่นแรกๆ ที่อาศัยอยู่ในดินแดนแถบนี้) แปลว่า “ดินแดนม้าพันธุ์ดี” และในปัจจุบันนี้ก็ยังเลี้ยงม้ากันอยู่บริเวณนี้ อีกทั้ง ยังมีเมืองใต้ดินที่ซ่อนอยู่ใต้เมืองคัปปาโดเกีย ถือเป็นเมืองใต้ดินโบราณที่ใหญ่ที่สุดในโลกก็ว่าได้ เพราะที่เมืองใต้ดินแห่งนี้ขุดลึกลงไปถึง 10 ชั้น ประมาณ 90 เมตร และภายในเมืองใต้ดินยังแบ่งซอยเป็นห้องย่อย เฉพาะที่เมืองคัปปาโดเกียมีเมืองใต้ดินมากถึง 15 แห่งและถ้ารวมทั้งเมืองอื่นๆ ด้วยก็เกือบๆ 200 แห่งเลยทีเดียว

และยังมีการขุดเชื่อมกันระหว่างแต่ละเมืองอีกด้วย  ซึ่งภายในเมืองใต้ดินมีครบทุกอย่างไม่ว่าจะเป็น ห้องนอน ห้องน้ำ ห้องอาหาร ห้องประชุม คอกสัตว์ โบสถ์  บ่อน้ำ บางห้องเป็นห้องโถงกว้างว่ากันว่าสามารถจุคนได้มากกว่า 30,000 คน เลยทีเดียว ด้วยความอัศจรรย์ใต้พิภพแห่งนี้ ทางองค์กรยูเนสโกได้ขึ้นทะเบียนเมืองใต้ดินแห่งเมืองคัปปาโดเจีย เป็นสถานที่มรดกโลกอีกด้วย และบุตรของเมฟลาน่าด้วย

นำท่านเดินทางสู่ นครใต้ดิน (UNDERGROUND CITY) เป็นสถานที่ที่ผู้นับถือศาสนาคริสต์ใช้หลบภัยชาวโรมัน ที่ต้องการทำลายร้างพวกนับถือศาสนาคริสต์ เป็นเมืองใต้ดินที่มีขนาดใหญ่ มีถึง 10 ชั้น แต่ละชั้นมีความกว้างและสูงขนาดเท่าเรายืนได้ ทำเป็นห้องๆ มีทั้งห้องครัว ห้องหมักไวน์ มีโบสถ์ ห้องโถงสำหรับใช้ประชุม มีบ่อน้ำ และระบบระบายอากาศที่ดี แต่อากาศค่อนข้างบางเบาเพราะอยู่ลึกและทางเดินบางช่วงอาจค่อนข้างแคบจนเดินสวนกันไม่ได้

เที่ยง บริการอาหาร ณ ภัตตาคาร

นำท่านเดินทางสู่ เมืองเกอราเม่ (GOREME) เป็นเมืองที่ตั้งอยู่ในบริเวณคัปปาโดเกีย ในตอนกลางของอานาโตเลียในประเทศตุรกี เกอเรเมตั้งอยู่ในบริเวณที่เป็นที่ตั้งถิ่นฐานของผู้คนมาตั้งแต่สมัยโรมัน และเป็นที่ที่ชาวคริสเตียนยุคแรกใช้ในการเป็นที่ หลบหนีภัยจากการไล่ทำร้ายและสังหารก่อนที่คริสต์ศาสนาจะเป็นศาสนาที่ได้รับการประกาศว่าเป็นศาสนาของจักรวรรดิ ที่จะเห็นได้จากคริสต์ศาสนสถานจำนวนมากมายที่ตั้งอยู่ในบริเวณนี้ เป็นเมืองที่มีชื่อเสียงในด้านการทอพรม และ การผลิตเครื่องเซรามิคล้ำค่าแห่งหนึ่ง ที่มีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วโลก

นำท่านเดินทางสู่ พิพิธภัณฑ์กลางแจ้ง เกอราเม่ (OPEN AIR MUSEUM OF GOREME) ซึ่งองค์กรยูเนสโก ได้ขึ้นทะเบียนพิพิธภัณฑ์กลางแจ้งแห่งนี้ ให้เป็นมรดกโลก ซึ่งเป็นศูนย์กลางของศาสนาคริสต์ในช่วง ค.ศ. 9 ซึ่งเป็นความคิดของชาวคริสต์ที่ต้องการเผยแพร่ศาสนาโดยการขุดถ้ำเป็นจำนวนมากเพื่อสร้างโบสถ์ และยังเป็นการป้องกันการรุกรานของชนเผ่าลัทธิอื่นที่ไม่เห็นด้วยกับศาสนาคริสต์

นำท่านเดินทางสู่ โรงงานทอพรม (CARPET FACTORY) , โรงงานเซรามิค (CERAMIC FACTORY) และ โรงงานเครื่องประดับ (JEWELLY FACTORY) เพื่อให้ท่านได้ชมการสาธิตกรรมวิธีการผลิตสินค้าพื้นเมืองที่มีคุณภาพและชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วโลก

อิสระให้ท่านได้เลือกซื้อสินค้าได้ตามอัธยาศัย

ค่ำ บริการอาหาร ณ ภัตตาคาร พิเศษ พร้อม ชมการแสดงโชว์ระบำหน้าท้อง (BELLY DANCE) ซึ่งเป็นการเต้นรำที่เก่าแก่อย่างหนึ่ง เกิดขึ้นมาเมื่อประมาณ 6,000 ปี ในดินแดนแถบอียิปต์และเมดิเตอร์เรเนียน นักประวัติศาสตร์เชื่อกันว่า ชนเผ่ายิปซีเร่ร่อนคือคนกลุ่มสำคัญที่ได้อนุรักษ์ระบำหน้าท้องให้มีมาจนถึงปัจจุบัน และการเดินทางของชาวยิปซีทำให้ระบำหน้าท้องแพร่หลาย มีการพัฒนาจนกลายเป็นศิลปะที่โดดเด่น สวยงาม จนกลายมาเป็นระบำหน้าท้องตุรกีในปัจจุบัน

พักที่ UCHISAR KAYA HOTEL , CAPPADOCIA โรงแรมสไตล์ถ้ำ หรือเทียบเท่า

DAY 3 คอนย่า – พิพิธภัณฑ์เมฟลาน่า - ปามุคคาเล่

แนะนำโปรแกรมเสริมพิเศษ ไม่รวมอยู่ในราคาทัวร์

  • สำหรับท่านใดที่สนใจขึ้นบอลลูนชมความสวยงามของเมืองคัปปาโดเกีย โปรแกรมจะต้องออกจากโรงแรม ประมาณ 05.00 น. โดยมีรถท้องถิ่นมารับไปขึ้นบอลลูน เพื่อชมความสวยงามของเมืองคัปปาโดเกียในอีกมุมหนึ่งที่หาชมได้ยาก ใช้เวลาอยู่บนบอลลูนประมาณ 1 ชั่วโมง ค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมในการขึ้นบอลลูนอยู่ที่ท่านละ ประมาณ 250 เหรียญดอลล่าร์สหรัฐ (USD.) ขึ้นอยู่กับฤดูกาล โปรดทราบ ประกันอุบัติเหตุที่รวมอยู่ในโปรแกรมทัวร์ ไม่ครอบคลุมการขึ้นบอลลูน และ เครื่องร่อนทุกประเภท ดังนั้นขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของท่าน

เช้า บริการอาหาร ณ ห้องอาหารของโรงแรม

นำท่านเดินทางสู่ เมืองคอนย่า (KONYA) (ใช้เวลาเดินทางประมาณ 3 ชั่วโมง)  ซึ่งเคยเป็นเมืองหลวงของอาณาจักรเซลจุก ระยะทาง 400 กิโลเมตร ระหว่างทางแวะชม ที่พักของกองคาราวานในสมัยโบราณ (CARAVANSARAI) เป็นสถานที่พักแรมของกองคาราวานตามเส้นทางสายไหมและชาวเติร์กสมัยออตโตมัน

นำท่านเข้าชม  พิพิธภัณฑ์เมฟลาน่า (MEVLANA MUSEUM) เดิมเป็นสถานที่นักบวชในศาสนาอิสลามทำสมาธิ โดยการเดินหมุนเป็นวงกลมขณะฟังเสียงขลุ่ย ส่วนหนึ่งของพิพิธภัณฑ์เป็นสุสานของเมฟลาน่า เจลาลุคดิน รูมี่ อาจารย์ทางปรัชญาประจำราชสำนักแห่งสุลต่านอาเลดิน เคย์โคบาท ภายนอกเป็นหอทรงกระบอกปลายแหลมสีเขียวสดใส ภายในประดับฝาผนังแบบมุสลิม และยังเป็นสุสานสำหรับผู้ติดตาม สานุศิษย์ บิดา

เที่ยง บริการอาหาร ณ ภัตตาคาร

นำท่านเดินทางสู่ เมืองปามุคคาเล่ (PAMUKKALE) (ใช้เวลาเดินทางประมาณ 4 ชั่วโมง) เมืองที่มีน้ำพุเกลือแร่ร้อนไหลทะลุขึ้นมาจากใต้ดินผ่านซากปรักหักพังของเมืองเก่าแก่สมัยกรีกก่อนที่ไหลลงสู่หน้าผา จนเกิดผลึกขึ้นกึ่งสถาปัตยกรรม

ค่ำ บริการอาหาร ณ โรงแรมที่พัก 

พักที่ PAM THERMAL , PAMUKKALE โรงแรมระดับ 5 ดาว หรือเทียบเท่า

DAY 4 ปราสาทปุยฝ้าย – เมืองโบราณเฮียราโพลิส – เมืองคูซาดาซี – เมืองโบราณเอฟฟิซุส

เช้า  บริการอาหาร ณ ห้องอาหารของโรงแรม

นำท่านเดินทางสู่ ปราสาทปุยฝ้าย (COTTON CASTLE) ผลจากการไหลของน้ำพุเกลือแร่ร้อนนี้ได้ก่อให้เกิดทัศนียภาพของน้ำตกสีขาวเป็นชั้นๆหลายชั้นและผลจากการแข็งตัวของแคลเซียมทำให้เกิดเป็นแก่งหินสีขาวราวหิมะขวางทางน้ำเป็นทางยาว ซึ่งมีความงดงามมาก บริเวณเดียวกันจะเป็น เมืองโบราณเฮียราโพลิส (HIERAPOLIS) เป็นเมืองโรมันโบราณที่สร้างล้อมรอบบริเวณที่เป็นน้ำพุเกลือแร่ร้อน ซึ่งเชื่อกันว่ามีสรรพคุณในการรักษาโรค เมื่อเวลาผ่านไปภัยธรรมชาติได้ทำให้เมืองนี้เกิดการพังทลายลง เหลือเพียงซากปรักหักพังกระจายอยู่ทั่วไป บางส่วนยังพอมองออกว่าเดิมเคยเป็นอะไร เช่น โรงละคร แอมฟิเธียร์เตอร์ขนาดใหญ่ วิหารอพอลโล สุสานโรมันโบราณ เป็นต้น

เที่ยง บริการอาหาร ณ ภัตตาคาร

 นำท่านเดินทางสู่ เมืองโบราณเอฟฟิซุส (EPHESUS) เมืองโบราณที่มีการบำรุงรักษาไว้เป็นอย่างดีเมืองหนึ่ง เคยเป็นที่อยู่ของชาวโยนก (LONIA) จากกรีกซึ่งอพยพเข้ามาปักหลักสร้างเมืองซึ่งรุ่งเรืองขึ้นในศตวรรษที่ 6 ก่อนคริสต์กาล ต่อมาถูกรุกรานเข้ายึดครองโดยพวกเปอร์เซียและกษัตริย์อเล็กซานเดอร์มหาราช ภายหลังเมื่อโรมันเข้าครอบครองก็ได้สถาปนาเอฟฟิซุสขึ้นเป็นเมืองหลวงต่างจังหวัดของโรมัน 

นำท่านเดินบนถนนหินอ่อนผ่านใจกลางเมืองเก่าที่สองข้างทางเต็มไปด้วยซากสิ่งก่อสร้างเมื่อสมัย 2,000 ปีที่แล้ว ไม่ว่าจะเป็นโรงละครกลางแจ้งที่สามารถจุผู้ชมได้กว่า 30,000 คน ซึ่งยังคงใช้งานได้จนถึงปัจจุบันนี้ นำท่านชม ห้องอาบน้ำแบบโรมันโบราณ (ROMAN BATH) ที่ยังคงเหลือร่องรอยของห้องอบไอน้ำ ให้เห็นอยู่จนถึงทุกวันนี้ หอสมุดเซลซุส (LIBRARY OF CELSUS) มีความสวยงามเป็นเลิศและมีขนาดใหญ่มาก สร้างโดยติเบริอุส จูลิอุส อาควิลา อุทิศให้กับบิดา ชื่อ ติเบริอุส จูลิอุส เซลซุส ในปี657-660และได้ฝังโลงศพของบิดาที่ทำจากหินเอาไว้ใต้หอสมุดแห่งนี้

ค่ำ บริการอาหาร ณ โรงแรมที่พัก

พักที่ LE BLEU HOTEL , KUSADASI โรงแรมระดับ 5 ดาว หรือเทียบเท่า

DAY 5 โรงงานผลิตเครื่องหนัง – เมืองชานัคคาเล่ - ม้าไม้เมืองทรอย – นั่งกระเช้าสู่เมืองเปอร์กามัม – อะโครโปลิส –  วิหารเอสเคลปิออน

เช้า บริการอาหาร ณ ห้องอาหารของโรงแรม

นำท่านเดินทางสู่ โรงงานผลิตเครื่องหนัง (LEATHER FACTORY) ซึ่งประเทศตุรกีเป็นประเทศที่มีฐานการผลิตเครื่องหนังคุณภาพสูงที่สุดอันดับต้นๆของโลก ทั้งยังผลิตเสื้อหนังให้กับแบรนด์ดังในอิตาลี เช่น VERSACE , PRADA , MICHAEL KORS อีกด้วย 

นำท่านเดินทางสู่ เมืองชานัคคาเล่ (CANAKKALE) (ใช้เวลาเดินทางประมาณ 5 ชั่วโมง)  ปัจจุบันเป็นเมืองที่มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์ เดิมมีชื่อว่า โบกาซี่ (BOGAZI) หรือ เฮลเลสปอนต์ (HELLESPONT) มีความยาว 65 กิโลเมตร ส่วนที่แคบที่สุดกว้าง 1.3 กิโลเมตร เนื่องจากตั้งอยู่บนจุดแคบที่สุดของช่องแคบดาร์ดาแนลส์ ใกล้กับ แหลมเกลิโบลูของกรีซ บนฝั่งของ 2 ทะเลคือ ทะเลมาร์มารา และ ทะเลเอเจียนซึ่งตั้งอยู่ริมทะเลมาร์มาร่าตัดกับทะเลอีเจียน เป็นที่ตั้งของเมืองทรอย

เที่ยง บริการอาหาร ณ ภัตตาคาร

นำท่านเดินทางสู่ เมืองทรอย (TROY) เมืองที่มีชื่อเสียงเล่าขานสืบต่อกันมาตั้งแต่ในอดีต ถูกสร้างขึ้นมาประมาณ 4,000 ปีที่แล้ว ชม ม้าไม้จำลองแห่งเมืองทรอย (WOODEN HORSE OF TROY) ม้าไม้ที่มีชื่อเสียงโด่งดังมากที่สุดจากมหากาพย์ภาพยนตร์เรื่อง ทรอย (TROY) ที่ชาวกรีกใช้อุบายส่งม้าไม้ให้เมืองทรอยเพื่อเป็นของกำนัล แต่ความจริงแอบบรรจุคนมาในม้าไม้เพื่อเข้ามาเปิดประตูเมืองทรอย ให้ทหารเข้ามาตีตัวเมืองจนทำให้เมืองทรอยล่มสลาย ซึ่งเปรียบเสมือนสัญลักษณ์อันชาญฉลาดด้านกลการศึกของนักรบโบราณ

นำท่าน นั่งกระเช้าไฟฟ้าขึ้น สู่ เมืองเปอร์กามัม (CABLE CAR TO PERGAMUM) ที่ตั้งตระหง่านอยู่เหนือตัวเมืองชานัคคาเล่ กว่า 1,000 ฟุต ในบริเวณอะนาโตเลียห่างจากทะเลอีเจียนประมาณ 30 ก.ม. ทางด้านเหนือของแม่น้ำไคซูส ซึ่งเป็นเมืองโบราณของกรีกที่มีความสำคัญของพวกเฮเลนนิสติก ซึ่งมีสถานที่ท่องเที่ยวที่สำคัญ คือ วิหารอะโครโปลิส (ACROPOLIS) ซึ่งเป็นที่ขนานนามถึงประหนึ่งดังดินแดนแห่งเทพนิยายในสรวงสวรรค์ 

บริเวณเดียวกัน วิหารโอลิมเปียน เซอุส (NAOS TOU OLIMPIOU DIOS - OLYMPIEION) ปัจจุบันนี้เหลือแต่ส่วนฐานเท่านั้น แท่นบูชาถูกนำไปเก็บรักษาไว้ในพิพิธภัณฑ์เปอร์กามัมที่เมืองเบอร์ลิน ประเทศเยอรมัน

ชม โรงละครอะโครโปลิส (THEATER OF ACROPOLIS) เป็นโรงละครที่ชันที่สุดในโลก ตั้งอยู่ในทำเลที่สวยงามที่สุด จุผู้ชมได้มากถึง 10,000 คน อะโครโปลิส แปลว่า นครบนที่สูง ซึ่งเป็นโครงสร้างฐานในการป้องกันเมืองของอาณาจักรกรีกและโรมัน ซึ่งผู้ตั้งถิ่นฐานในสมัยนั้นมักเลือกที่สูง ซึ่งมักจะเป็นเนินเขาที่ด้านหนึ่งเป็นผาชัน และกลายเป็นศูนย์กลางของมหานครใหญ่ ที่เติบโตรุ่งเรืองอยู่บนที่ราบเบื้องล่างที่รายล้อมป้อมปราการเหล่านี้ 

ชม วิหารเอสเคลปิออน (ASKLEPION) อยู่เบื้องล่างทางตะวันตกของตัวเมือง สร้างถวายเอสเคลปิออสเทพแห่งการแพทย์ (ในกรณีที่ลมแรงขออนุญาติเปลี่ยนการเดินทางเป็นรถเล็กแทนกระเช้าไฟฟ้า)

ค่ำ บริการอาหารค่ำ ณ โรงแรมที่พัก

พักที่ KOLIN HOTEL , CANAKKALE โรงแรมระดับ 5 ดาว หรือเทียบเท่า

DAY 6 เมืองอิสตันบูล – พระราชวังโดลมาบาห์เช – ล่องเรือชมช่องแคบบอสฟอรัส

เช้า บริการอาหาร ณ ห้องอาหารของโรงแรม
เดินทางสู่ เมืองอิสตันบูล (ISTANBUL) (ใช้เวลาเดินทางประมาณ 5 ชั่วโมง)  เป็นเมืองที่มีความสำคัญที่สุดของประเทศตุรกี มีประวัติศาสตร์ยาวนานหลายศตวรรษตั้งแต่ก่อนคริสตกาล มีทำเลที่ตั้งอยู่บริเวณช่องแคบบอสฟอรัส ซึ่งทำให้อิสตันบูลเป็นเมืองสำคัญเพียงเมืองเดียวในโลก ที่ตั้งอยู่ใน 2 ทวีป คือ ทวีปยุโรป (ฝั่ง THRACE ของบอสฟอรัส) และทวีปเอเชีย (ฝั่งอนาโตเลีย) สถาปัตยกรรมอันงดงามผสมผสานทั้ง 2 ทวีป ทำให้เมืองอิสตันบูลมีความเอกลักษณ์เฉพาะที่พิเศษ

เที่ยง บริการอาหาร ณ ภัตตาคาร

นำท่านเข้าชม พระราชวังโดลมาบาห์เช (DOLMABAHCE PALACE) สร้างโดยสุลต่านอับดุล เมซิด (ABDUL MECIT) ในปี 2399 ใช้เวลาสร้างถึง 30 ปี สร้างด้วยหินอ่อน ศิลปะแบบตะวันออกผสมผสานกับตะวันตก ตัวอาคารยาวถึง 600 เมตร ตั้งอยู่ริมชายฝั่งทะเลมาร์มาราในช่องแคบบอสฟอรัสบนฝั่งทวีปยุโรปจุดเด่นของพระราชวังแห่งนี้คือ มีการประดับตกแต่งด้วยความประณีตวิจิตรตระการตา มีทั้งเฟอร์นิเจอร์ พรม โคมไฟ เครื่องแก้วเจียระไน และรูปเขียน รูปถ่ายต่างๆ และที่มีชื่อเสียงมาก ได้แก่ โคมไฟแชนเดอเลียร์ ของขวัญจากประเทศอังกฤษที่สั่งทำจากแก้วคริสตัลขนาดใหญ่ที่สุดในโลกหนักถึง 5,000 กิโลกรัม ประดับดวงไฟ มากมายถึง 750 ดวง พรมทอมือผืนเดียวที่ใหญ่ที่สุดในโลก เสาหินอ่อนบันไดทางขึ้นห้องโถงตรงราวทำด้วยไม้วอลนัต ลูกกรงราวบันไดทำด้วยแก้วคริสตัล พรมชั้นเลิศราคาแพงที่สุดในโลก ทอโดย CINAR ในประเทศตุรกี เครื่องแก้วเจียระไนจากโบฮีเมียที่ดีที่สุดของประเทศสาธารณรัฐเช็ก หินอ่อนจากอียิปต์มาทำห้องอาบน้ำ (ซาวน่า) ในรูปแบบที่เรียกว่า เตอร์กิชบาธ

เฟอร์นิเจอร์ทุกชิ้นที่ประดับประดาอยู่ในพระราชวังแห่งนี้ คือเฟอร์นิเจอร์ที่ดีที่สุดจากทั่วทุกมุมในโลก ที่น่าสังเกตคือมีนาฬิกาวางประดับไว้มากมาย ทุกเรือนจะชี้บอกเวลา 09:06 น. อันเป็นเวลาที่ประธานาธิบดีมุสตาฟา เคมาล อตาเติร์ก ถึงแก่อสัญกรรมในวันที่ 10 พฤศจิกายน 2484 และมีรูปภาพเหมือนของสุลต่านหลายพระองค์ที่น่าสนใจคือ รูปสุลต่านอับดุล อาซิส ผู้มีรูปร่างใหญ่มาก สูง 195 เซนติเมตร มีน้ำหนัก 200 กิโลกรัม โปรดกีฬามวยปล้ำ ขี่ม้า ยิ่งธนู เป็นสุลต่านองค์แรกที่เสด็จเยือนต่างประเทศ เช่น อียิปต์ ฝรั่งเศส อังกฤษ เบลเยี่ยม เยอรมนี ออสเตรีย และฮังการี ที่น่าทึ่งและประหลาดใจก็คือ ทุกๆ อย่างในพระราชวังเป็นของดั้งเดิม มิได้ถูกขโมยหรือทำลายเสียหาย

การเข้าชมภายในพระราชวังก็ต้องเข้าชมเป็นคณะ เป็นรอบๆ มีเวลา มีมัคคุเทศก์ของวังนำชมทีละห้องทีละอาคาร มีเจ้าหน้าที่คอยควบคุมอยู่ท้ายคณะ คอยดูแลไม่ให้แตกแถวไม่ให้อยู่ห้องใดห้องหนึ่งนานเกินไป ไม่ให้จับต้องสิ่งของต่างๆ และต้องสวมถุงพลาสติกคลุมรองเท้าทุกคน เพื่อป้องกันไม่ให้พื้นปาร์เกต์อันสวยงามต้องสึกหรอ รวมทั้งพื้นพรมอันล้ำค่าเสียหาย บริเวณรอบนอกยังมีประตูทางเข้า หอนาฬิกา สวนริมทะเล อุทยานดอกไม้ น้ำพุ สระน้ำ รูปปั้น รูปสลักต่างๆ วางประดับไว้อย่างลงตัว น่าชื่นชมในรสนิยมของสุลต่านแห่งออตโตมันเป็นอย่างยิ่ง

  • เวลาเปิด-ปิด 09.00-16.00 น. (ปิดทุกวันพฤหัสบดี)

นำท่าน ล่องเรือชมช่องแคบบอสฟอรัส (BOSPHORUS CRUISE) ซึ่งเป็นช่องแคบที่เชื่อมทะเลดำ (THE BLACK SEA) กับทะเลมาร์มาร่า (SEA OF MARMARA) โดยมีความยาวประมาณ 32 กิโลเมตรความกว้างเริ่มตั้งแต่ 500 เมตร จนถึง 3 กิโลเมตร ช่องแคบนี้ ถือว่าเป็นจุดบรรจบกันของสุดขอบทวีปยุโรปและสุดขอบทวีปเอเซีย ซึ่งนอกจากความสวยงามแล้ว ช่องแคบบอสฟอรัสยังเป็นจุดยุทธศาสตร์ที่สำคัญยิ่งในการป้องกันประเทศตุรกีอีกด้วย ขณะล่องเรือท่านจะได้เพลิดเพลินกับทัศนียภาพอันสวยงามของริมฝั่งช่องแคบแห่งนี้ ไม่ว่าจะเป็นพระราชวังโดลมาบาห์เชหรือบ้านเรือนสไตล์ยุโรปของบรรดาเศรษฐีทั้งหลาย

ค่ำ บริการอาหาร ณ ภัตตาคารอาหารจีน

พักที่ GOLDEN TULIP HOTEL , ISTANBUL โรงแรมระดับ 5 ดาว หรือเทียบเท่า   

  • มีเจ้าหน้าที่ทางการแพทย์ มาตรวจ RT-PCR ให้ที่โรงแรมเพื่อออกเอกสาร เพื่อทำการเช็คอินขากลับประเทศไทย ค่าใช้จ่ายส่วนนี้ไม่รวมอยู๋ในค่าทัวร์มีค่าใช้จ่ายประมาณ 35 USD

DAY 7 BLUE MOSQUE – ฮิปโปโดรม – วิหารฮาเจีย โซเฟีย – อุโมงค์เก็บน้ำเยเรบาทัน – ช๊อปปิ้งถนนทักซิม 

เช้า      บริการอาหาร ณ ห้องอาหารของโรงแรม

  • คำแนะนำ โปรดแต่งกายด้วยชุดสุภาพ สำหรับการเข้าชมสุเหร่า
  • การเข้าชมสุเหร่า จำเป็นต้องแต่งกายด้วยชุดสุภาพ และ ต้องถอดรองเท้าก่อนเข้าชม
  • สุภาพสตรี : ควรสวมกางเกงขายาว เสื้อแขนยาวคลุมข้อมือ มิดชิดไม่รัดรูป และเตรียมผ้าสำหรับคลุมศีรษะ
  • สุภาพบุรุษ : ควรสวมกางเกงขายาว และ เสื้อแขนยาว ไม่รัดรูป

นำท่านเข้าชม สุเหร่าสีน้ำเงิน (BLUE MOSQUE) หรือชื่อเดิมคือ สุเหร่าสุลต่านห์อาร์เหม็ดที่ 1 (SULTAN AHMED MOSQUE) การเข้าชมสุเหร่าทุกแห่งจะต้องถอดรองเท้า ถอดหมวก ถอดแว่นตาดำ เป็นการเคารพสถานที่ ถ่ายรูปได้ ห้ามส่งเสียงดัง และกรุณาทำกิริยาให้สำรวม สุเหร่านี้สร้างในปี 2152 เสร็จปี 2159 (1 ปีก่อนสุลต่านอาห์เหม็ดสิ้นพระชนม์ด้วยอายุเพียง 27 พรรษา) มีหอเรียกสวด อยู่ 6 หอ เป็นหอคอยสูงให้ผุ้นำศาสนาขึ้นไปตะโกนร้องเรียกจากยอด เพื่อให้ผู้คนเข้ามสวดมนต์ตามเวลาในสุเหร่า

ชื่อสุเหร่าสีน้ำเงินภายในประดับด้วยกระเบื้องสีฟ้าจากอิซนิค ลวดลายเป็นดอกไม้ต่างๆ เช่น กุหลาบ ทิวลิป คาร์เนชั่น เป็นต้น ตกแต่งอย่างวิจิตรตระการตา ภายในมีที่ให้สุลต่านและนางในฮาเร็มทำละหมาดและสวดมนต์โดยเฉพาะ มีหน้าต่าง 260 บาน สนามด้านหน้าและด้านนอกจะเป็นที่ฝังศพของกษัตริย์และพระราชวงศ์และจะมีสิ่งก่อสร้างที่อำนวยความสะดวกให้กับประชาชนทั่วไป เช่น ห้องสมุด โรงพยาบาล โรงอาบน้ำ ที่พักกองคาราวาน โรงครัวสาธารณะคุลีเรีย (KULLIYE)

นำท่านเดินทางสู่ ฮิปโปโดรม (HIPPODROME) คือสิ่งก่อสร้างจากสมัยกรีกซึ่งใช้เป็นสนามแข่งม้า และการแข่งขันขับรถศึก (CHARIOT RACING) โดยคำว่า ฮิปโปส และ โดรโมส ปัจจุบันถูกนำไปใช้ในภาษาฝรั่งเศสด้วย หมายถึง การแข่งขันม้าใจกลางเมืองมอสโคว์ (CENTRAL MOSCOW HIPPODROME) น่าเสียดายที่เหลือแต่ซากปรักหักพังของ ฮิปโปโดรมของกรุงคอนสแตนติโนเปิลในอดีต หรือ อิสตันบลูในปัจจุบัน แม้จะยิ่งใหญ่และเก่าแก่ในสมัยโบราณสร้างขึ้นระหว่างปี ค.ศ. 203-330 แต่ปัจจุบันเหลือเพียง เสา 3 ต้น คือ เสาคอนสแตนตินที่ 7 (COLUMN OF CONSTANTINE VII) สร้างเมื่อไหร่ไม่มีใครทราบ แต่บูรณะเมื่อศตวรรษที่ 10 เสาต้นที่ 2 คือ เสางู ที่เชื่อว่าสร้างก่อนคริสกาลมา 479 ปี เป็นรูปสลักงู 3 ตัวพันกัน จากเมือง เดลฟี (DELPHI) แล้วถูกขนย้ายมาตั้งที่นี่เมื่อ ศตวรรษที่ 4 ปัจจุบันเหลือเพียงครึ่งต้น

และเสาต้นสุดท้ายคือ เสา อิยิปต์ หรือเสาโอเบลิส (OBELISK OF THUTMOSE) สร้างในช่วงก่อนคริสตกาลประมาณ 390 ปี มีรากศัพท์มาจากภาษากรีกคือ OBELISKOS หมายถึง เหล็กแหลม เข็ม หรือ เสาปลายแหลม ลักษณะของเสาโอเบลิสก์จะเป็นเสาสูง สร้างจากหินแกรนิตขนาดใหญ่เพียงก้อนเดียว ฐานของเสาจะกว้างและค่อยๆ เรียวแหลมขึ้นสู่ยอดด้านบนเป็นแท่งสี่เหลี่ยมสี่ด้าน ยอดบนสุดจะเป็นลักษณะเหมือนปิรามิด และมักนิยมหุ้มหรือเคลือบด้วยโลหะ เช่น ทองคำ เหล็ก หรือ ทองแดง เป็นต้น 

เสาโอเบลิสก์เป็นเอกลักษณ์ทางศิลปะที่มีต้นกำเนิดจากอียิปต์โบราณ เป็นสัญลักษณ์แห่งเส้นทางสู่วิหารเทพเจ้า ปกติจะนิยมสร้างขึ้นเป็นคู่ ตั้งอยู่ ณ บริเวณทางเข้าวิหาร ตัวอย่างเช่นที่ วิหารลักซอร์ หรือ วิหารคาร์นัค เป็นต้น บริเวณรอบๆเสาโอเบลิสก์จะแกะสลักเป็นร่องลึกด้วยอักษรเฮียโรกลิฟฟิค บอกเล่าถึงฟาโรห์ผู้สร้าง และเรื่องราวของการสร้างเพื่อบูชาเทพเจ้า ดังนั้น เสาโอเบลิสก์จึงเป็นเสมือนหนึ่งเสาอนุสรณ์ บ่งบอกถึงนัยยะแห่งที่ตั้งของสถานที่สำคัญ หรือสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ของอียิปต์

นำท่านเข้าชม วิหารฮาเจีย โซเฟีย (MOSQUE OF HAGIA SOPHIA) **ปิดทำการทุกวันจันทร์**  1 ใน 7 สิ่งมหัศจรรย์ของโลกยุคกลาง เป็นโบสถ์คาทอลิก สร้างในสมัยพระเจ้าจัสติเนียน มีหลังคาเป็นยอดกลมแบบโม เสาในโบสถ์เป็นหินอ่อน ภายในติดกระจกสี เมื่อเติร์กเข้าครองเมือง ได้เปลี่ยนโบสถ์นี่ให้เป็นสุเหร่าในปี ค.ศ. 1453 ฉาบปูนทับกำแพงที่ปูด้วยโมเสกเป็นรูปพระเยซูคริสต์และสาวก ภายหลังทางการได้ตกลงให้วิหารฮาเกีย โซเฟีย เป็นพิพิธภัณฑ์ที่วันนี้คงบรรยากาศของความเก่าขลังอยู่เต็มเปี่ยม โดยเฉพาะโดมที่ใหญ่ที่สุดเป็นอันดับ 4 ของโลกซึ่งมีพื้นที่โล่งภายในใหญ่ที่สุดในโลก ก่อสร้างด้วยการใช้ผนังเป็นตัวรับน้ำหนักของอาคารลงสู่พื้นแทนการใช้เสาค้ำยันทั่วไป นับเป็นเทคนิคการก่อสร้าง ที่ถือว่าล้ำหน้ามากในยุคนั้น

  • ถือเป็นหนึ่งในเหตุผลสำคัญที่ทำให้วิหารฮาเกีย โซเฟีย ได้รับการยกย่องให้เป็น 1 ใน 7 สิ่งมหัศจรรย์ของโลกยุคกลางโบราณ

เที่ยง บริการอาหาร ณ ภัตตาคาร

นำท่าน เข้าชมอุโมงค์เก็บน้ำเยเรบาทัน (BASILICA CISTERN , YEREBATAN SARAYA) สร้างในปี 532 ประมาณ 1476 ปีมาแล้ว รัชสมัยจักรพรรดิจัสติเนียน สร้างขึ้นมาเพื่อทำการเก็บน้ำที่ไหลมาจากป่าเบลเกรด โดยมีท่อน้ำลำเลียงซึ่งเรียกว่า “AQUEDUCT” เพื่อกักเก็บน้ำเอาไว้ใช้ในพระราชวัง อุโมงค์มีความจุน้ำได้มากถึง 80,000 ลูกบาศก์เมตร ขนาดของอุโมงค์ มีความยาว 141 เมตร กว้าง 73 เมตร มีเสาค้ำยัน 336 ต้น แต่ละต้นสูง 9 เมตร มีด้วยกัน 12 แถว (แถวละ 28 ต้น) ความห่างของแต่ละต้น คือ 4.9 เมตร จุดเด่นของอุโมงค์ดังกล่าวคือ เสาหยดน้ำตา (THE COLUMN OF TEARS) ซึ่งเป็นเสาที่มีลายแกะสลักเป็นรูปหยดน้ำตา และ เสาศีรษะเมดูซ่า (MEDUSA) 

ตามความเชื่อกรีกโบราณ เมดูซ่าเป็นนางปีศาจที่อาศัยอยู่ใต้ดิน เส้นผมของเมดูซ่าเป็น “งู” ตามตำนานหากใครมองเห็นใบหน้าเธอก็จะกลายเป็นหินในทันที แม้แต่ตัวเธอเอง หากมองเห็นตัวเองก็จะกลายร่างเป็นหินเช่นเดียวกัน เพื่อเป็นการแก้เคล็ดจึงมักเห็นศีรษะของเมดูซ่า ตั้งกลับหัวหรือตะแคง ดังนั้นการตั้งรูปแกะสลักดังกล่าวเป็นการตั้งไว้เพื่อให้ เมดูซ่าปกป้องอุโมงค์เก็บน้ำดังกล่าวนั้นเอง แต่ละวันจะมีนักท่องเที่ยวเดินทางมาแวะชมจำนวนมาก โดยปลายเส้นทางเดินก็คือการไปดูหัวเมดูซ่า และภายในอุโมงค์มีการเลี้ยงปลาไว้มากมาย นักท่องเที่ยวหลายท่านก็นิยมโยนเหรียญบ้าง เป็นไปได้ว่าอยากให้กลับมาอีกครั้ง ตามความเชื่อการโยนเหรียญในอ่างน้ำพุในเมืองโรม ประเทศอิตาลี

นำท่าน ช๊อปปิ้ง ถนน TAKSIM SQUARE ตั้งอยู่ในย่านเบโยกลู ในเขตยุโรปของนครอิสตันบูล, ประเทศตุรกี เป็นสถานท่องเที่ยวสำคัญที่มีชื่อเสียง และถือเป็นหัวใจ ของนครอิสตันบูลสมัยใหม่ โดยคำว่า TAKSIM หมายถึง “การแบ่งแยก” หรือ “การกระจาย”

ค่ำ อิสระอาหารค่ำเพื่อความสะดวกในการท่องเที่ยว

21.00 นำท่านเดินทางสู่ ท่าอากาศยานนานาชาติอิสตันบูล เมืองอิสตันบูล ประเทศตุรกี

DAY 8 อิสตันบูล - กรุงเทพฯ (สุวรรณภูมิ)  (มีอาหารและเครื่องดื่มบริการบนเครื่องบิน)

01.55  ออกเดินทางสู่ ท่าอากาศยานนานาชาติสุวรรณภูมิ ประเทศไทย โดยสายการบิน TURKISH AIRLINE เที่ยวบินที่ TK 068  ** มีบริการอาหารและเครื่องดื่มบนเครื่องบิน ใช้เวลาบินโดยประมาณ 10 ชั่วโมง **

15.00 เดินทางถึง ท่าอากาศยานนานาชาติสุวรรณภูมิ ประเทศไทย โดยสวัสดิภาพและความประทับใจ

เดินทางโดย Turkish Airlines (TK)
หน้าแรก | จองโรงแรม | ตั๋วเครื่องบินในประเทศ | ตั๋วเครื่องบินต่างประเทศ | ทัวร์ไทย | ทัวร์ไฟไหม้ | เรือสำราญ | เกี่ยวกับเรา | ติดต่อเรา | นโยบายความเป็นส่วนตัว
Copyright © 2003 eTravelWay.com All rights reserved โดย บริษัททัวร์ วีอาร์ เอนซี ทราเวล แอนด์ เทรด จำกัด
ใบอนุญาตนำเที่ยวในและต่างประเทศเลขที่ 11/11450
facebook
tel
TOP